เหยี่ยวกระดูกขาวถูกหั่วเอ๋อร์ทำให้กลายเป็เพียงกองกระดูกกองหนึ่งจากนั้นมันก็ลากกระดูกขาวนั่นกลับไปทำสตูว์ในห้องครัวแล้วเรียบร้อย
ภาพที่เกิดขึ้นทำเอาคนรอบข้างถึงกับทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
สุภาษิตจีนมีอยู่ประโยคหนึ่งพูดไว้ว่า ปาซาลาเปาเนื้อใส่หัวหมาแต่แบบนี้คงต้องเรียกว่า ปากระดูกใส่นกตะกละ ความหมายเดียวกันคือไปแล้วไปลับไม่กลับมา
เฉินเฉาเกอรู้สึกเจ็บใจจนแทบกระอักเืแล้ว...
หลินหยางเหมือนจะไม่ได้ต่อสู้อยู่เลยเหมือนเขากำลังแกล้งตบหน้าเด็กอยู่มากกว่า
เฉินเฉาเกอตอนนี้ทั้งรู้สึกเจ็บเบื้องล่างภายในใจเองก็รู้สึกเ็ปราวกับถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดจนเขาถึงกับกระทืบพื้นอยู่หลายครั้งเพื่อระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจออกมา
หลินอี้!!
ข้าจะฆ่าเ้า!!
ข้าจะต้องฆ่าเ้าให้ได้!!!!
ความเคียดแค้นอันมหาศาลที่ไม่มีที่ให้ระบายออกมาของเฉินเฉาเกอนั้นทำให้สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ ถูกไฟเพลิงแห่งความเคียดแค้นเผาผลาญจนมอดไหม้
ก่อนหน้านี้เขายังคงเก็บพลังฟ้าดินสีดำในตัวเขาบางส่วนเอาไว้แต่สถานการณ์ตอนนี้มันทำให้เขาไม่สามารถเก็บซ่อนความสามารถที่เหลืออยู่เอาไว้ได้อีกต่อไป
เขาจะเค้นพลังที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาเพื่อที่จะใช้ฆ่าหลินอี้เสีย
โฮกก!!
เฉินเฉาเกอส่งเสียงคำรามกู่ก้องด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับเสียงร้องของสัตว์ประหลาดพลังแห่งความชั่วร้ายอันดำมืดนั่นพลุ่งพล่านออกมาจากั์ตาของเขาแผ่กระจายออกมาจากผิวของเขา กลายเป็กลุ่มหมอกสีดำโอบล้อมตัวเขาเอาไว้
ผู้คนรอบข้างถึงกับรู้สึกหวาดกลัว
เ้าชายลำดับที่เก้าผู้นี้ตกลงแล้วมันแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ตอนนี้ััได้แค่ว่าแรงกดดันที่เฉินเฉาเกอะเิออกมารอบตัวนั้นแข็งแกร่งจนน่าใจหายระดับพลังเหมือนจะพุ่งมาถึงจุดสูงสุดของระดับเซียนเทียนแล้วในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตาแถมมันยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย
หากเป็อย่างนี้ต่อไปเฉินเฉาเกออาจจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายจนพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับอวิ้นหลิงเลยก็เป็ได้
ถ้าเป็อย่างนั้นมันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!!
หลินเวยที่ยืนดูอยู่ข้างๆตอนนี้หน้าซีดเผือกไปแล้วเขาไม่คิดเลยว่าน้องชายของเขาคนนี้จะแอบซ่อนพลังที่แข็งแกร่งขนาดนั้นเอาไว้เขายิ่งรู้สึกสมเพชในความอ่อนแอของเขายิ่งกว่าเดิม
คนอื่นๆ ที่ยืนชมอยู่ด้วยต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนกัน การต่อสู้ขององค์ชายเก้าครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้พวกเขาหลายเื่เหลือเกิน
โดยเฉพาะพลังฟ้าดินสีดำที่องค์ชายเก้าะเิออกมานั่นมันดูชั่วร้ายจนน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้วพลังแบบนั้นไม่ใช่พลังที่สืบทอดกันในอาณาจักรชูอวิ๋นแน่นอน!!
องค์ชายผู้นี้ยังมีความลับอะไรแอบซ่อนเอาไว้อีกกันแน่?
จิตสังหารของเฉินเฉาเกอยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความสามารถของศัตรูนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่หลินหยางคาดเดาไว้อยู่บ้างแต่ตัวเขานั้นยังมีชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬอยู่ในเลยไม่รู้สึกเกรงกลัวไพ่ตายของเฉินเฉาเกอเลยแม้แต่น้อย
แต่พลังฟ้าดินสีดำสุดลึกลับนี่ทำให้หลินหยางต้องประเมิณสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง...
ดูท่าทางเขาจะประเมินความสามารถเฉินเฉาเกอไว้ต่ำเกินไป
เฉินเฉาเกอน่าจะได้รับสืบทอดพลังสุดแข็งแกร่งบางอย่างไว้ั้แ่ก่อนเข้าวังแล้ว
พลังสีดำสุดแกร่งนี่อยู่เหนือกว่าวิชาของสำนักอื่นๆ อยู่ไกลลิบถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถเทียบกับวิชาร้อยชีพจรผนึกเทพของหลินหยางได้แต่ถ้าเทียบกับวิชาฝึกพลังอื่นๆ ในทวีปชี่อู่แห่งนี้แล้วความแข็งแกร่งของมันถือได้ว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของทวีปเลยก็ว่าได้
เื้ัของเฉินเฉาเกอมีพลังอันแข็งแกร่งและดำมืดจนยากคาดเดาได้ซ่อนอยู่
แต่ในตอนที่หลินหยางได้รับรู้ความจริงบางอย่างอยู่นั่นเองเฉินเฉาเกอก็ได้เร่งพลังฟ้าดินสีดำของตัวเองออกมาจนถึงขีดสุดแล้ว
และในตอนนั้นเอง บนท้องฟ้าเบื้องบนนั้นก็มีดัชนีขนาดมหึมานิ้วหนึ่งปรากฏขึ้น
“ไอ้พวกตระกูลเวิน พวกเ้าบังอาจรังแกเ้าชายแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นอย่างนั้นหรือพวกเ้าไม่เห็นหัวพวกเราเชื้อพระวงศ์แล้วใช่ไหม!!
ตูม
ดัชนีขนาดมหึมานั่นถูงยิงออกมาอย่างรุนแรงจนราวกับว่าฟากฟ้าเองก็ยิงทะลวงจนแหว่งเป็รูโบ๋ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของนิ้วนั่นกว้างเกือบร้อยเมตรลายนิ้วมือแต่ละเส้นล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังฟ้าดินอันแข็งแกร่งกำลังพุ่งลงมาสู้เบื้องล่างดุจดั่งโทษปะาของเทพ์ที่ส่งลงมาจากฟากฟ้า...
ผู้อยู่ใต้ดัชนีข้า ต้องตายอย่างไร้ทางต่อต้าน!!!!
ยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงออกโรงแล้ว!!
ดัชนีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ราวกับเป็ตัวแทนของเจตจำนงแห่งธรรมชาติ พลังของเทพเ้าอันทรงอำนาจกดดันจนผู้คนต้องยอมสยบ
ผู้ที่อยู่ในที่แห่งนี้ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าอยู่ๆ จะมียอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงอีกท่านหนึ่งลงมืออย่างกะทันหันแบบนี้แถมเป้าหมายของกระบวนท่าสังหารนี้ยังเป็หลินอี้อีกด้วย
“หลินอี้!!!!”
ผู้คนรอบข้างส่งเสียงะโเรียกอย่างใแต่ก็ไม่อาจที่จะช่วยอะไรเขาได้เลย
แม้แต่ตัวหลินหยางเองยังคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ยอดฝีมือาระดับอวิ้นหลิงท่านนั้นน่าจะแอบเตรียมที่จะลงมือสังหารอยู่นานแล้วการลงมือครั้งนี้ทั้งรวดเร็วทั้งทรงพลัง เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวชายคนนั้นก็พุ่งมาอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาพร้อมกับความคิดที่จะต้องฆ่าหลินหยางให้ได้แล้ว
แม่มันเถอะ
ไอ้เวรตัวไหนมันบังอาจลงมือจะฆ่าเขาอีกแล้วนี่!!
หลินหยางสบถขึ้นในใจพร้อมกับเรียกชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬออกมาจากแหวนพระสุเมรุเพื่อเตรียมที่จะใช้ความสามารถะเิตัวเองแล้วแต่มีเงาร่างสายหนึ่งที่พุ่งเข้ามาช่วยเขาไว้ได้ทันก่อนที่หลินหยางจะทำการะเิชุดเกราะทิ้ง
ยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงอีกท่านหนึ่งที่ยืนดูอยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอดแม่ทัพผู้พิทักษ์อาณาจักรชูอวิ๋น ท่านแม่ทัพหลี่จิ้งนั่นเอง
เทพาแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นผู้นี้พอเห็นพลังดัชนีขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนฟ้าเขาก็รีบเร่งพลังฟ้าดินขึ้นทั่วทั้งตัวทันที พลังสีขาวบริสุทธิ์พลันเปลี่ยนรูปกลายไปเป็พลังงานรูปกระดองเต่าอยู่บนโล่ชิ้นหนึ่งที่หลี่จิ้งถือขึ้นมาโล่นั้นเป็โล่ที่มีสีแดงไปทั่วทั้งตัว มันคือโล่สุดแข็งแกร่งที่ตระกูลเวินสร้างเอาไว้ตอนประลองยุทธภัณฑ์ในงานเทศกาลขุมทรัพย์สมบัติิญญา- โล่หละวัน
ผู้ที่เก็บโล่ชิ้นนี้ไปก็คือหลี่จิ้งนั้นเองแต่มันกลับกลายมาเป็อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ท่านแม่ทัพผู้นี้เอาไว้ใช้ปกป้องผู้อื่นจากวิชาอันร้ายกาจ
พอโล่อันนี้รวมเข้ากับพลังฟ้าดินที่ถูกกลั่นออกมาเป็รูปกระดองเต่าแล้วมันก็กลายเป็เครื่องป้องกันที่แข็งแกร่งทรงพลังจากนั้นหลี่จิ้งก็โยนเอาโล่เล่มนี้ไปปะทะเข้ากับพลังดัชนี้ขนาดมหึมาที่กำลังพุ่งลงมานั่น
ในขณะเดียวกันตัวเขาที่พุ่งทะยานมาอยู่ที่ข้างตัวหลินหยางได้ทันเวลาแบบเส้นยาแดงผ่าแปดนั้นก็กระซิบที่ข้างหูหลินหยางว่า“เื่ของชุดเกราะวิเศษนั่นยังไม่สมควรให้ผู้อื่นรู้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
หืม?
หลินหยางมองลึกเข้าไปในดวงตาของเทพยุทธ์ผู้ปกป้องอาณาจักรคนนี้
ตอนนั้นเองพลังดัชนีขนาดมหึมาก็ได้พุ่งเข่าปะทะกับพลังฟ้าดินรูปกระดองเต่าบนฟ้า
แต่ที่น่าแปลกใจคือพอทั้งสองอย่างปะทะกันแล้วมันกลับไม่เกิดแรงกระแทกอะไรเลย
กระบวนท่าป้องกันของหลี่จิ้งนั้นช่วยหนุนเสริมให้ผิวหน้าของโล่หละวันนั้นมีคุณสมบัติที่ทั้งนุ่มทั้งเด้งจนสามารถต้านรับกระบวนท่าสังหารที่ยอดฝีมืออวิ้นหลิงอีกท่านหนึ่งหวังจะใช้ปลิดชีพหลินหยางลงให้ได้
ในที่สุดหลังจากที่พลังอันแข็งแก่งทั้งสองสายนั่นได้ปะทะกันไม่ถึงสิบวินาที พลังทั้งสองสายก็ได้สลายหายไปจนหมดสิ้นและโล่หละวันเองก็ถูกทำลายจนกลายเป็เศษซากจากการปะทะครั้งนี้
ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงนั้นแม้แต่โล่หละวันสุดแข็งแกร่งที่ถูกเสริมพลังเอาไว้แล้วยังมิอาจต้านทานไหวถ้าหากว่าหลี่จิ้งไม่ลงมือช่วยเหลือละก็เกรงว่าหลินหยางคงไม่อาจมีชีวิตรอดจากการโจมตีเมื่อครู่นี้อย่างแน่นอนขนาดห้องเมฆาร่วงโรยที่อยู่ข้างๆ ยังถูกแรงะเิที่เกิดจากการปะทะกันบดขยี้จนพังเละทะไปหมด
เป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมาก
แถมยังลงมือได้อำมหิตสุดๆ!!
หลังการปะทะเสร็จสิ้นลงแล้ว ก็มีเงาร่างสายหนึ่งค่อยๆ ลอยลงมาจากฟ้า
มีหลายคนที่รู้อยู่แล้วว่าผู้ที่เพิ่งจะมาถึงนี่เป็ใคร
อาณาจักรชูอวิ๋นแห่งนี้มียอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงอยู่สามคน
นอกจากหลี่จิ้งและต้วนเทียนหยาแล้วผู้ที่สามารถโจมตีได้รุนแรงจนราวกับสามารถสั่นะเืฟ้าดินแบบนี้ได้นั้นมีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นนั่นก็คือบุรุษผู้ที่เป็น้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิหลินเฮ่ายวน - เทพยุทธ์หลินไป๋ชวน!!
ชายผู้นั้นที่สวมชุดของเชื้อพระวงศ์สีเหลืองเอาไว้ได้เข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆของเฉินเฉาเกอที่ตอนนี้ได้เก็บพลังงานสีดำกลับเข้าไปหมดจนคืนสภาพกลับเป็ปกติแล้ว
หลินไป๋ชวน เป็บุรุษในตำนานของอาณาจักรชูอวิ๋นเขาเป็พวกคลั่งไคล้วรยุทธ์ั้แ่เด็ก ไม่สนใจเื่การปกครองไม่ชอบข้องเกี่ยวกับผู้คนเขาเป็ผู้มีพร์ที่สามารถเข้าไปถึงขอบเขตระดับเซียนเทียนได้ในอายุแค่สิบหกปีเท่านั้นและเมื่อเขาอายุยี่สิบสี่ปีก็สามารถทะลุขีดจำกัดของมนุษย์และก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังระดับอวิ้นหลิงโดยที่เขาเป็คนที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรชูอวิ๋นที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตความสามารถระดับอวิ้นหลิงได้แต่เมื่อสิบปีก่อนนั้น อยู่ๆ เขาก็หายสาบสูญไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
หลินไป๋ชวนที่ตอนนี้อายุสามสิบกว่าปีแล้ว กลับดูอ่อนวัยเป็อย่างมากดูแทบจะไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่มวัยรุ่นเลยมีเพียงั์ตาที่คมกริบดุจนกอินทรีย์เท่านั้นที่ดูเปล่งประกายล้ำลึกซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแก่ประสบการณ์ของเขา
และสิ่งที่เด่นชัดออกมามากที่สุดก็คือนิ้วชี้ตรงมือขวาของเขาที่ขาดหายไปนั้นได้กลายเป็นิ้วทองคำแทนแล้ว
คนที่รู้จักกับหลินไป๋ชวนจะรู้กันดีว่าสาเหตุที่นิ้วชี้ของเขาหายไปก็เป็ผลมาจากวิชาที่เขาฝึกนั่นเองพลังดัชนีกระบวนท่าสังหารที่เขาใช้ใส่หลินหยางก็ยิงออกมาจากนิ้วทองคำข้างนี้
หลินไป๋ชวนนั้นนอกจากจะมีฐานะสูงส่งแล้วยังมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับหลี่จิ้งอีกด้วยเขาปรากฏตัวออกมาอย่างน่าเกรงขามพร้อมกับดึงเอาเฉินเฉาเกอที่หมดสภาพไปแล้วกลับขึ้นมาด้วย
จากนั้นเขาก็หันกลับมาจ้องมองทางหลินหยางด้วยสีหน้าเ็าโดยที่ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าตัวเองเพิ่งจะทำเื่ไร้ศักดิ์ศรีอย่างการลอบสังหารไปแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยอันโเี้อำมหิตและป่าเถื่อนของเขา
ราวกับว่าหลินหยางนั้นสมควรตายอยู่แล้ว...
หลี่จิ้งที่ยืนปกป้องหลินหยางอยู่ด้านหน้านั้นหันไปทำความเคารพให้หลินไป๋ชวนพร้อมกับทักทายว่า “หลี่จิ้งเคารพท่านเทพยุทธ์”
สีหน้าของหลินไป๋ชวนนั้นไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก แววตาหยิ่งยโสราวกับเขาเห็นแค่หลี่จิ้งเพียงคนเดียวในสายตาส่วนคนที่เหลือล้วนเป็เพียงกรวดหินตามข้างทาง
เขาตอบกลับว่า “หลี่จิ้ง เ้าเป็ถึงแม่ทัพผู้พิทักษ์อาณาจักรแห่งนี้แต่กลับยืนมองสามัญชนกลั่นแกล้งสายเืของราชวงศ์เราโดยไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้มันสมควรไหม!!”
“ท่านอา!!” หลินเวยที่อยู่ด้านข้างรีบออกมาอธิบายว่า“กราบเรียนท่านอาเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้มีสาเหตุมาจากหลินหยางมันเสียมารยาทก่อนแต่เดิมแล้วหลินเวยควรเป็คนสั่งสอนน้องเก้าเอง หลินอี้แค่เป็ตัวแทนของข้าเท่านั้น”
“หึ เ้านี่นะสั่งสอนน้องเก้าช่างปากกล้าเสียจริง!!”
หลินไป๋ชวนออกตัวชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างเฉินเฉาเกอ สายตาเย็นะเืนั่นจ้องกลับไปทางหลินเวยทั่วทั้งร่างเปล่งประกายแสงของพลังฟ้าดินออกมาจากนั้นก็พุ่งไปตบหน้าของหลินเวยทันที
เพียะ!!
นี่คือท่าร่างของยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงรวดเร็วมากเกินไปจนหลินเวยยังไม่ทันรู้สึกตัวก็ถูกตบจนหน้าแดงก่ำเกือบจะล้มลงไปทั้งอย่างนั้นแล้ว
“แกมีสิทธิอะไรมาสั่งสอนหลินหยางกันเพราะอายุมากกว่าอย่างนั้นหรือ หรือว่าเพราะมารดาของเ้าเป็พระสนมเอก แต่หลินหยางเป็เพียงแค่เป็บุตรของนางสนมกัน!!”
หลินไป๋ชวนโมโหรุนแรงมาก
ราวกับว่าในใจของเขานั้นมีเปลวเพลิงแห่งความพิโรธกำลังลุกโชนอย่างไร้ที่สิ้นสุดทั้งยโสโอหัง ทั้งบ้าอำนาจไร้เมตตาลงมือตบหน้าหลินเวยจนเขาไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรขึ้นมาอีก
“วันนี้ถือว่าข้าสั่งสอนเ้าแทนเสด็จพ่อของเ้าหากวันหลังเ้าคิดใช้อำนาจรังแกผู้อ่อนแอกว่าอีกละก็ ข้าจะขยี้เ้าให้พิการเสีย!!”
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาแย้งอีกเลย
หลินไป๋ชวนแข็งแกร่งเกินไป แถมยังฐานะใหญ่โตอีกแม้แต่หลี่จิ้งเองยังไม่อาจทำอะไรตรงๆได้
เขาหันกลับมามองหลินหยางอีกครั้ง
สายตาที่จ้องมองมานั้นให้แฝงไปด้วยแรงกดดันอันมากล้นราวกับว่ามีูเาขนาดมหึมาลูกหนึ่งกำลังกดทับลงมาจนชวนให้รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกดูท่าหลินไป๋ชวนผู้นี้จะมีฝีมือเหนือกว่าหลี่จิ้งและต้วนเทียนหยาเสียอีก
“แล้วก็อย่างที่ข้าบอกไปเมื่อครู่มันผู้ใดบังอาจรังแกเชื้อพระวงศ์ มันจะต้องถูกลงโทษ!! หลี่จิ้งเ้าหลบไปซะ!!”
เทพยุทธ์ผู้นี้ยังจ้องจะหาเื่หลินหยางโดยไม่วางตา
หลี่จิ้งสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วเขายังคงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
“ท่านหลินขอรับ ถึงอย่างไรหลินอี้เขาก็เป็คนที่องค์จักรพรรดิเลือกที่จะมอบรางวัลให้ด้วยตนเองเลยนะขอรับดังนั้นเื่ในวันนี้ข้าอยากจะขอให้ท่านช่วยเมตตาเขาด้วยเถอะขอรับ”
“ข้าไม่สน ไสหัวไปซะ!”
ใครจะคิดว่าหลินไป๋ชวนมันจะเป็คนที่อำมหิตไร้เหตุผลขนาดนี้ มันไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงมือโจมตีต่อทันที
นิ้วชี้ข้างของเขาถูกยกขึ้นพลังดัชนีอันทรงพลังถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
“ดัชนีผนึกั!!”
พลังที่ยิงออกมาครั้งนี้รุนแรงดุดันยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้านี้อีกพลังทำลายล้างของมันถึงขนาดทำให้สิ่งของที่มันพุ่งผ่านล้วนแหลกสลายกลายเป็เพียงฝุ่นผงทำเอาหลี่จิ้งผู้เทพยุทธ์ผู้พิทักษ์อาณาจักรถึงกับตาเหลือก
“ท่านหลิน ท่าน!!”
หลี่จิ้งร้องเรียกอย่างใแต่เขาก็ยังสามารถรับมือกับมันได้ทันท่วงที
เขาะเิพลังฟ้าดินออกมาทั่วร่าง หมัดข้างหนึ่งถูกชกออกไปทีหลังแต่ถึงก่อนะเิพลังออกเป็หัวพยัคฆ์พุ่งเข้าใส่อริร้าย พลังอำนาจแข็งแกร่งสะท้านฟ้ามันคือเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างชื่อให้กับหลี่จิ้ง
“เคล็ดวิชาสี่ลักษณ์ะเืฟ้า… พยัคฆ์ร้ายขู่คำราม!!”
