เมืองเทียนเฉิน สมาคมทหารรับจ้าง
เย่เทียนเซี่ยยืนอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ที่เหมือนกับเคาน์เตอร์ของร้านขายของแล้วพูดกับชายวันกลางคนที่อยู่ในที่แห่งนั้น “ผมอยากลงทะเบียนสร้างกลุ่มทหารรับจ้างครับ”
“ไหนให้ข้าดูค่าชื่อเสียงของเ้าหน่อยซิ..........โอ้ ค่าชื่อเสียงของเ้าเพียงพอ..........” เมื่อพูดประโยคนั้นจบน้ำเสียงและสีหน้าของเขาก็ชะงักค้างไปในทันที ดวงตาของเขาจ้องเขม็งมาที่ร่างของเย่เทียนเซี่ย
ค่าชื่อเสียง : 1,800
คนๆนี้มีค่าชื่อเสียงเกินพันเลยเหรอเนี่ย!
สีหน้าของชายวันกลางคนแปลกไปอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่เขาจะค้อมกายลงแล้วพูดออกมา “เ้าหนุ่ม เชิญบอกชื่อของกลุ่มทหารรับจ้างที่เ้า้าจะสร้างมาได้เลย”
“เทพ์”
เมื่อคำสองคำหลุดออกมาเหรียญตราสีทองเหรียญหนึ่งก็ถูกเย่เทียนเซี่ยหยิบขึ้นมาจากหน้าอกของเขาแล้ววางลงตรงหน้าของชายวัยกลางคนคนนั้น
แสงสีทองดึงดูดสายตาของหัวหน้าสมาคมทหารรับจ้างไปได้ในทันที เมื่อเขามองเหรียญตรานั้นอย่างชัดเจนแล้วเขาก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
“พระเ้า......... ข้ามองอะไรอยู่เนี่ย! นี่ข้ากำลังมองอะไรอยู่......... นี่คือ นี่คือเหรียญเกียรติยศแห่งาาทหารรับจ้างที่เป็กลุ่มทหารรับจ้างในตำนาน!” มือทั้งสองข้างของหัวหน้าสมาคมทหารรับจ้างสั่นไหวด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดออกมาอย่างเพ้อๆ คนที่อยู่ในชนชั้นที่ตกต่างกัน ระดับที่แตกต่างกัน ตำแหน่งและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันล้วนมีความเชื่อที่ไม่เหมือนกัน และสิ่งที่หัวหน้าสมาคมทหารรับจ้างเคารพมากที่สุดก็คือกลุ่มทหารรับจ้างซึ่งเป็วีระบุรุษผู้โด่งดัง.........กลุ่มทหารรับจ้างเทพ์
เพราะพวกเขาคือความภาคภูมิใจของกลุ่มทหารรับจ้าง โดยเฉพาะหัวหน้าของพวกเขา ชายผู้ถูกขนานนามว่าาาทหารรับจ้าง เขาคือแบบอย่างของทหารรับจ้างทุกคนในทวีปที่สาบสูญ
“เ้าหนุ่มผู้กล้า กลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ได้รับความเคารพสูงสุดจากกลุ่มทหารรับจ้างจำนวนนับไม่ถ้วน ข้าหวังว่ากลุ่มทหารรับจ้างเทพ์จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งภายในกำมือของเ้า..........”
หลังจากนั้นครึ่งนาทีเสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้นมาทั่วทั้งเขตหัวเซี่ย
“ติ๊ง! กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มแรกของเขตหัวเซี่ย............กลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ได้ถูกก่อตั้งขึ้นแล้วค่ะ ผู้นำกลุ่ม : เซี่ยเทียน”
————
————
ซูเฟยเฟยสวมผ้ากันเปื้อนและรองเท้าแตะสำหรับอยู่บ้านแล้วเดินเข้าๆออกๆไม่หยุด เมื่อชามเล็กๆใบสุดท้ายของอาหารที่มีสีเขียวสดใสถูกวางไว้บนโต๊ะซูเฟยเฟยก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะนั่งพักผ่อนลงบนโซฟา............ ยุ่งมาตลอดทั้งเที่ยง มื้อเที่ยงก็เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เธอมองไปทางห้องของเย่เทียนเซี่ยครั้งหนึ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่เธอเห็นก็คือเย่เทียนเซี่ยที่กำลังนอนราบอยู่บนเตียง เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็เหลือบมองเวลาแล้วเม้มปากแน่น “เหอะ พวกติดเกม”
เพื่อไม่เป็การรบกวนเขาเมื่อเย่เทียนเซี่ยอยู่ในโลกแห่งเกมเธอจึงไม่สามารถบังคับลากเขาออกจากเกมหรือะโออกมาดังๆได้ เธอทำได้แค่เพียงรออย่างเงียบๆเท่านั้น ถ้าเขาไม่ออกมาเธอก็จะไม่กินข้าวก่อน ใน่สั้นๆที่ผ่านมาสิ่งนี้ได้กลายเป็ความเคยชินของเธอไปแล้ว และมันก็เป็เทคนิคเล็กๆน้อยๆของเธอในการกระตุ้นให้เขากินข้าวให้ตรงเวลาด้วย
เขาไม่กิน เธอก็ไม่กิน............ ไหนดูสิว่านายยังจะกล้าไม่รีบออกมาอีกไหม
ท่ามกลางความเบื่อหน่ายเธอก็เอามือขวาของตัวเองเท้าแก้มเอาไว้ สายตาของเธอกวาดมองไปยังอาหารสี่อย่างกับซุปหนึ่งอย่างที่ตัวเองทำเอาไว้แล้วคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ เวลาเดินไปอย่างเชื่อช้าโดยไม่รู้ตัว เธอคิดแล้วก็คิดอีกจากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วเดินกลับไปยังห้องครัว เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเพิ่มอาหารเลิศรสที่มีเครื่องปรุงรสเลิศและเป็ศิลปะขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างเพื่อเป็รางวัลสำหรับเขาในวันนี้.............. วันนี้ฉากที่เย่เทียนเซี่ยช่วยชีวิตเธอจากการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับเซียนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอทำให้เธอเหม่อลอยเป็บางครั้ง ยิ้มขำในบางหน
เพราะหากพูดให้ชัดคือเขาได้ดูแลเธออย่างตั้งใจแล้ว
เธอเปิดตู้เก็บของแล้วหยิบจานใบเล็กออกมา........... ทันใดนั้นเองเธอก็เหมือนจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เธอหมุนตัวกลับอย่างเหม่อลอยทันใดนั้นเธอก็พบว่าด้านหลังของตัวเองมีคนๆหนึ่ง..............เงาร่างสีขาวเงาหนึ่งต่างหาก
ที่นี่คือบ้านของเธอและเย่เทียนเซี่ย ประตูบ้านก็ปิดแ่า คนอื่นไม่มีทางเข้ามาด้านในได้ ทว่าคนๆนี้กลับมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเธอโดยไร้เสียง ความใเช่นนี้มากพอที่จะทำให้ผู้หญิงคนไหนก็ตามกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความหวาดกลัว.......... ความใเมื่อซูเฟยเฟยหันไปเห็นเงาสีขาวนั้นค่อยๆหายไป เงาสีขาวนั้นเองก็เปลี่ยนเป็งุนงง
สิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะแก่กว่าซูเฟยเฟยอยู่หน่อยแต่มองไปมองมาก็ดูเหมือนจะเด็กกว่า เมื่อซูเฟยเฟยมองเห็นใบหน้าและดวงตาของเธอ.............. ซูเฟยเฟยก็แทบหยุดหายใจไปในทันที โลกทั้งใบราวกับไร้ซึ่งสีสันและเสียงใดๆ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจเธอก็เหมือนจะหยุดลงตรงนั้น ทั้งิญญาและความคิดทั้งหมดล้วนไปรวมกันอยู่บนใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น............
นี่คือผู้หญิงที่งดงามอะไรขนาดนี้..............
สวยงาม? งดงาม? สูงสง่า? สวยจนแทบหยุดหายใจ.......... ไม่สิ คำพวกนั้นยังไม่พอที่จะบรรยายความสวยของเธอด้วยซ้ำ เมื่อมองเห็นใบหน้านั้นซูเฟยเฟยก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอะไรที่เขาเรียกว่าสวยจนไม่เหมือนมนุษย์ อะไรที่เขาเรียกกันว่านางฟ้านาง์........... เพราะนี่คือความงามที่ไม่ควรมีอยู่บนโลกมนุษย์ และบนโลกมนุษย์ก็ไม่มีคำหรือคุณสมบัติใดๆจะไปอธิบายความงามเช่นนี้...........
ตัวเธอเองก็นับว่าเป็หญิงสาวที่สวยมากแล้ว เป็สาวสวยท่ามกลางหญิงงาม แต่ตอนเที่ยงวันนี้เธอเพิ่งจะได้เห็นความงามของหลิ่วชีเยว่ “หญิงสาวที่ทรงเสน่ห์มากที่สุดในหัวเซี่ย” ตอนนั้นในความรู้สึกของเธอก็คือความสวยของหลิ่วชีเยว่ไปถึงระดับที่ว่ายิ้มนิดยักคิ้วหน่อยก็มากพอที่จะไปถึงจุดสุดยอดที่ไม่มีใครล้ำหน้าหรือเทียบเคียงได้.........
แต่เมื่อซูเฟยเฟยมองเห็นเธอคนนี้ เธอก็พบว่าต่อให้หลิ่วชีเยว่มาอยู่ตรงหน้าเธอก็คงจะถูกบดบังจนหม่นหมองไปแน่นอน
ประสาทััทั้งห้าของเธอนั้นยอดเยี่ยม เธอมีริมฝีปากที่สุดยอด จมูกที่สุดยอด และยังมีดวงตาที่งดงามยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าเสียอีก นอกจากนี้เธอยังมีผิวเนียนละเอียดและขาวราวหิมะที่ไร้ตำหนิใดๆ............ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ไม่ว่าจะมองจากระยะใด ก็ยังคงตกตะลึงในความงามที่ไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้อยู่ดี สิ่งที่ตามมาพร้อมกับความสวยของเธอก็คือการโจมตีทางสายตา และยังเป็จังหวะบ้าคลั่งที่เต้นตุบตุบอยู่ในหัวใจ.......... ทำให้หัวใจของเธอลุ่มหลง มัวเมา ในใจลึกๆของเธอเชื่อว่านี่คือผู้หญิงที่งดงามที่สุดในชีวิตที่เธอเคยเห็นมา.......... และคงไม่มีใครที่งดงามมากไปกว่าเธออีกแล้ว
แม้ว่าซูเฟยเฟยจะเป็ผู้หญิงเหมือนกัน แต่เธอก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นถี่รัว หญิงงามตรงหน้าเธอราวกับนรกหมื่นจั้งที่มีแรงดึงดูดมหาศาลดึงดูดสติและความนึกคิดของเธอให้จมลงไปภายในนั้นโดยไม่อาจหลุดพ้นได้.........
“โม่เอ๋อร์..........”
หญิงสาวคนนั้นมองมายังซูเฟยเฟยที่เหมือนิญญาจะหลุดออกจากร่างไปแล้ว ริมฝีปากของเธอเปิดอ้าออกแล้วเปล่งเสียงเรียกอันอ่อนโยนออกมา สายตาที่เธอมองมาที่ซูเฟยเฟยนั้นอ่อยโยนมาก......... ราวกับกลัวว่าดวงตาของตัวเองจะทำให้เธอใ
เสียงเรียกอันแ่เบาปลุกสติที่เหมือนจะหลุดจากร่างของซูเฟยเฟยกลับมา เธอได้สติกลับมาอีกครั้งแล้วถามออกไป “เธอ......เป็ใครน่ะ? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
“เพราะฉันอยากเจอเธอ...........โม่เอ๋อร์ ไม่ได้เจอกัน......นานแล้วนะ” เธอแย้มยิ้ม มันเป็รอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้น้ำแข็งพันปีบนูเาสามารถละลายได้ แล้วทันใดนั้นแสงสว่างก็ทำให้ทุกอย่างของฟ้าดินและโลกใบนี้จืดจางลงไป
“พบฉัน? แต่ว่า............ฉันไม่ใช่โม่เอ๋อร์ที่เธอพูดหรอกนะ.......... นี่เป็บ้านของฉัน ฉัน........ ไม่เคยเจอเธอมาก่อน เธอจำคนผิดแล้วล่ะ” เสียงของซูเฟยเฟยติดๆขัดๆ เหมือเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่งดงามราวกับภาพลวงตาเช่นนี้ สติของเธอในตอนนี้ก็เลือนรางราวกับกำลังฝัน
ชุดที่เธอคนนั้นสวมใส่ราวกับเส้นด้ายหิมะ เบาบางพลิ้วไหว และมีกลิ่นอายราวกับเซียน........ ไม่สิ เดิมทีเธอก็เป็นางฟ้าอยู่แล้ว นางฟ้าที่ไม่ควรมาอยู่บนโลกมนุษย์ เธอไม่ได้ตอบข้อสงสัยของซูเฟยเฟย ทว่ากลับทำเพียงจดจ้องมาที่เธอเท่านั้นจากนั้นหญิงสาวก็พูดออกมาเบาๆ “ฟ้าดินผันแปร หมุนเวียนเปลี่ยนผัน เธอก็คือเธอ แต่กลับไม่ใช่เธอ......”
“.............” ซูเฟยเฟย
“เพื่อเขา เธอถึงต้องเสียน้ำตาไปนับไม่ถ้วน เพื่อเขา เธอถึงได้หันหลังให้ครอบครัวและความเชื่อมั่นของตัวเอง เพื่อเขา เธอถึงได้คุกเข่าอยู่ใต้เขาซัวหลัวของเทพธิดาซัวหลัวอยู่นานถึงแปดสิบปีเต็มๆ เพื่อเขา เธอถึงได้ยินยอมะโลงไปในขุมนรกหมื่นจั้งจนลืมสิ้นทั้งเขาและตัวเอง.......... เพื่อเขา เธอถึงไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น............. ในที่สุดฉันก็ได้พบเธออีกครั้ง เธอจะให้ฉันเอาอะไรมาตอบแทนเธอ”
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงจากดวงตาของหญิงสาวคนนั้นลงบนพื้นดินแล้วแตกกระจายออกไปราวกับคริสตัล
เธอมองซูเฟยเฟยจากนั้นก็ยิ้มอ่อนแล้วก็ร้องไห้อย่างไร้เสียงท่ามกลางรอยยิ้มนั้น
ฉันจะเอาอะไรมาตอบแทนเธอ.............
“เธอ.........เธอพูดเื่อะไรน่ะ? ฉันไม่เข้าใจ......... เธอเป็ใครกันแน่ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ซูเฟยเฟยส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว เมื่อเผชิญกับใบหน้างดงามที่ไม่อาจอธิบายได้ เธอก็เริ่มรู้สึกว่าส่วนลึกในใจของเธอมีความรู้สึกแปลกๆบางอย่างเริ่มพุ่งพล่านออกมา
“แม้จะต้องข้ามภพข้ามชาติ แต่ในที่สุดเธอกับเขาก็ได้เดินมากันแล้ว......... นี่เป็เพราะเธอใช้โซ่ตรวนผูกหัวใจแล้วดึงเขาเข้ามา แม้จะห่างกันไปพันปีหมื่นปี แม้เวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนผัน แม้ว่าพวกเธอจะกลายเป็ต้นหญ้าต้นน้อย หรือแม้กระทั่งเป็เพียงต้นหญ้าระหว่างฟ้าและดินแต่ก็ยังจะถูกโซ่เส้นนั้นลากให้มาพบกัน......... ไม่มีวันพรากจาก”
“................” ซูเฟยเฟย
ระหว่างที่กำลังมึนงงอยู่นั้นเธอเหมือนกับตกอยู่ในความฝันและกำลังฟังเื่เทพนิยายลวงตาเื่หนึ่ง
“เธอในตอนนี้สามารถมองเห็นเขาได้ทุกวัน อยู่ร่วมกันกับเขา เธอได้รับทุกอย่างที่ฉันเฝ้าหวังจะได้รับที่สุดไปแล้ว........ ถ้าในอนาคตแตกต่างจากที่ฉันวาดหวังไว้..........โม่เอ๋อร์ ขอให้เธอ........ แทนที่ฉัน.........ดูแลเขา............ตลอดชีวิต......”
เคย....... เธอเคยยินยอมที่จะละทิ้งชีวิต ความเชื่อมั่น หรือแม้กระทั่งความทรงจำของตัวเองเพื่อเขา............ แล้วเธอในตอนนี้จะไม่สนใจเขาได้อย่างไร
เธอรู้ดี เธอจะทำ เธอไม่ได้ชอบเขาเพียงเพราะว่าเขาสามารถปกป้องเธอได้.......... แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็ขโมย เป็ฆาตกรฆ่าคน เป็ขอทาน เมื่อเธอได้เห็นเขาเธอก็อยากจะอยู่เคียงข้างเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เหมือนกับเขาที่คอยปฏิเสธคนนอกมาโดยตลอดแต่สุดท้ายกลับยอมให้เธอเขามาอยู่ในบ้านของเขา........... ข้อตกลงกับซูลั่วจริงๆแล้วเป็แค่สิ่งที่เขาใช้ตอบตัวเองเท่านั้น เขาทำเพื่อหาเหตุผลสักข้อให้กับตัวเอง
โม่เอ๋อร์ ขอให้เธอ..........แทนที่ฉัน..........ดูแลเขา............ตลอดชีวิต................