เฟิงหลิงซ่านมองฉันยิ้มๆและเอ่ยเตือนฉันเบาๆ “นั่งลงเถอะระวังเื่ความปลอดภัยด้วย”
“นายไม่เชื่อฉันเหรอ” ฉันชี้ออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่เขายังคงส่งสัญญาณให้ฉันนั่งลงหรือว่าฉันจะตาฝาด
ฉันมองออกไปข้างนอกหน้าต่างอีกครั้งแต่แล้วก็ไม่เห็นใครจริงๆฉันตาฝาดไปจริงๆ ด้วย
เยี่ยมไปเลย ขายหน้ามาก
หน้าฉันเห่อร้อนขึ้นมาทันทีฉันเอาหัวโขกกับหน้าต่างเบาๆทุกคนต้องคิดว่าฉันตื่นเต้นที่ได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกจนประสาทหลอนไปแล้วแน่ๆ
ฉันเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งและก็ต้องตกตะลึงตาค้างอีกรอบ ฉันเห็นผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว
ฉันรีบปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ตัวเองะโออกมาฉันกลัวว่าฉันจะตาฝาดอีก ฉันรีบกะพริบตามองดูอีกครั้งให้แน่ใจและฉันก็ยังคงเห็นชัดเลยว่าเป็ผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อโค้ทแขนยาวสีเทาอ่อนๆ กำลังบินอยู่ข้างนอกหน้าต่างและเงาสีแดงที่ฉันเห็นนั้นก็คือผ้าพันคอยาวสีแดงลายกรุงลอนดอนที่พันอยู่บนคอของเขา
ผ้าพันคอยาวสีแดงปลิวพลิ้วไหวโต้ลมอยู่ด้านหลังของเขาเสื้อโค้ทขนสัตว์ที่มีลักษณะเด่นที่กระชับเข้ารูปไปกับรูปร่างของเขานั้น บอกตรงๆ ว่าเขาหล่อะเิไปเลย
สายตาคู่คมของเขากำลังมองไปด้านหน้าสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทที่ปลิวไปตามแรงลมมุมหางตาในโครงหน้าด้านข้างยิ่งทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบเหมือนพวกไอดอลเกาหลีในทีวีเลย
และรองเท้าสีแดงมีปีกที่เขาสวมใส่อยู่นั้นแท้ที่จริงแล้วมันคือกระบี่สีแดง
ฉันตื่นตะลึง
อ้าปากค้าง
เขาชักมือขวาออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทแล้วยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีม่วงที่ปลิวอยู่ด้วยความหงุดหงิดนิ้วมือสีขาวนั้นทั้งเรียวยาวและดูอ่อนโยนท่าทางตอนที่ยกมือขึ้นมาเสยผมนั้นทำให้หญิงสาววัยรุ่นทุกคนใจสั่นเพราะความน่ารักนี้ได้เลยนะ
โอ๊ยตาย ถ่ายรูปถ่ายรูปฉันต้องรีบถ่ายรูป
ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ทันที
แชะ!
ทันใดนั้นเขาก็ตวัดสายตามามองฉัน ณ่เวลานั้นสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับสายตาที่ดูประหลาดใจของฉันเข้าพอดีและเขาก็เห็นว่าฉันกำลังใช้โทรศัพท์แอบถ่ายรูปเขาอยู่เขายกคิ้วขึ้นพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยก่อนจะมองฉันด้วยหางตา
โอ้โห หยิ่งชะมัดนี่ถ้าฉันไม่เห็นว่านายดูดีฉันก็ไม่อยากจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายหรอกนะ
ทันใดนั้นผู้ชายที่อยู่ด้านนอกนั่นก็หายวับไปทันที
ฉันตกตะลึงแนบหน้าไปกับกระจกจนจมูกบิดเบี้ยว “ผู้ชายคนนั้นล่ะ เขาอยู่ไหนตายแล้วตายแล้ว นี่ฉันไม่ได้ประสาทหลอนไปจริงๆ หรอกใช่ไหม จริงสิฉันถ่ายรูปเขาไว้นี่”
“เธอพูดถึงฉันอยู่รึเปล่า” และในตอนที่ฉันกำลังจะดูรูปเขาที่ถ่ายไว้ในโทรศัพท์ทันใดนั้นก็มีเสียงใสดังขึ้นมาด้านหลังของฉัน ฉันตัวแข็งทื่อหันหน้ากลับมาช้าๆและแล้วฉันก็ถึงกับอึ้งทันที ผู้ชายที่บินอยู่ข้างนอกหน้าต่างก่อนหน้านี้ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ฉัน
เขานั่งลงตรงที่นั่งของเฟิงหลิงซ่านมองหน้าฉันพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเบนสายตาไปมองอย่างอื่น "ใโอเวอร์อะไรขนาดนั้นเธอเป็เด็กประถมรึไง" เขาเบนสายตากลับมามองหน้าฉันดวงตารีเรียวสวยนั้นยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์และดูเย่อหยิ่งอย่างบอกไม่ถูก
ตอนนี้ฉันพูดไม่ออกแล้วฉันกลัวว่าถ้าฉันพูดออกไปกลัวว่าจะเผลอโพล่งคำว่า ซวย ออกมา
“นาย นี่นายจริงๆ เหรอ” ฉันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปหยิกที่แก้มของเขาเขารีบปัดมือฉันออกอย่างรังเกียจ “สกปรกอย่ามาแตะตัวฉัน” พูดจบเขาก็ล้วงมือเข้าไปหยิบผ้าเช็ดมือในกระเป๋าเสื้อและเช็ดลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาจนทำให้คนเป็ลมนั่น
ฉันมองมือตัวเองอย่างตกตะลึงรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเลยผิวทั้งลื่นและเรียบเนียนอย่างกับผิวเด็กแรกเกิดจริงๆ ด้วย
นี่ นี่มันเื่อะไรกันเนี่ย
“ฝูซู” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาข้างข้างฉันที่แท้ก็เป็หญิงสาวที่มากับผีกองกอยตัวนั้นนั่นเองที่ส่งเสียงทักทายออกมาอย่างตื่นเต้น “ฝูซู นายมาแล้ว!”
“ฝูซูมาแล้วงั้นเหรอไหน เขาอยู่ที่ไหน”
หลังจากสิ้นเสียงของหญิงสาวผีกองกอยทั้งห้องโดยสารก็คึกคักขึ้นมาในทันทีพวกผู้หญิงที่เมื่อกี้เอาแต่เล่นโทรศัพท์ก็พากันลุกขึ้นยืนทีละคนๆพร้อมกับมองหาผู้ชายที่ชื่อว่าฝูซูอย่างกับพวกเราได้เจอไอดอลชายที่กำลังโด่งดังบนเครื่องบินยังไงยังงั้นเลย
ฝูซูกระตุกมุมปากหัวเราะขึ้นมาเบาๆอย่างดูแคลน “ชิไม่น่าเข้ามาเลย ทั้งหมดนี่ต้องโทษเธอคนเดียว” เขาจ้องมองฉันอย่างไม่สบอารมณ์ฉันมองเขาอย่างงุนงง โทษฉันงั้นเหรอ
และในตอนนั้นเองผู้หญิงในชุดจีนโบราณก็ปรากฏตัวขึ้น
ร่างบางในชุดกระโปรงขาวสง่างามของเธอยืนอยู่ข้างๆฝูซูสายตายังคงดูหยิ่งและเ็าราวกับความหล่อของฝูซูไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอะไรเลยไม่เหมือนกับผู้หญิงพวกนั้นที่ดูคลั่งไคล้เขามาก สองมือกอดอกมองฝูซูอย่างไม่พอใจ “นายมาก่อความวุ่นวายอีกแล้วนะอย่ามาทำแบบนี้จะได้ไหม”
“เหอะ” ฝูซูกระตุกยิ้มมุกปากเบาๆแล้วคว้าโทรศัพท์ไปจากมือของฉันโดยที่ไม่มองหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย “ไม่ต้องมาทำเป็้าดึงดูดความสนใจจากฉัน เพราะฉันไม่ได้สนใจอะไรเธอ”
ห่วยแตกมาก ฉันกลอกสายตาเ็าใส่ผู้ชายคนนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่ามีคนกลายเป็คนไม่น่าสนใจไปซะแล้ว” พวกผู้หญิงที่อยู่บนเครื่องหัวเราะเยาะขึ้นมาทำให้สาวน้อยที่อยู่ในชุดจีนโบราณรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที
“ฝูซูนายจำเป็ต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาเฟิงหลิงซ่านเดินกลับมาเป็การเปิดโอกาสให้หญิงสาวในชุดจีนโบราณเดินจากไปท่ามกลางสายตาของผู้คนที่กำลังจับจ้องมาที่เฟิงหลิงซ่าน
เขามองฝูซูด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “หลบด้วย ข้างหลังยังมีที่ว่าง” ฝูซูยังคงไม่สนใจ
“ตรงนี้ก็ไม่มีคนนั่งไม่ใช่เหรอโทรศัพท์ห่วยแตกอะไรเนี่ย ยังไม่อัพเกรดอีกรึไง”
ฉันคว้าโทรศัพท์มาจากมือของเขาเขาอึ้งไป ฉันมองเขาด้วยความโมโห “เชิญนายลุกออกไปด้วย ตรงนี้เป็ที่นั่งของเฟิงหลิงซ่าน”
ฝูซูยกคิ้วขึ้นเขากระตุกริมฝีปากสีชมพูขึ้นมา “แบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย” เขาเงยหน้าขึ้น เหลือบตาขึ้นมองเฟิงหลิงซ่าน “ถ้าตรงนี้เป็ที่ของนาย งั้นฉันไม่ลุกดีกว่า”
เฟิงหลิงซ่านมองฝูซูด้วยใบหน้าบึ้งตึงฝูซูก็มองหน้าเฟิงหลิงซ่านอย่างหาเื่
“ลุกออกไป”
“ไม่ลุก”
“นายไม่ชอบนั่งกับผู้หญิงไม่ใช่รึไง”
“ก็ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็คนของนายฉันก็จะนั่งตรงนี้”
“นายนี่มันนิสัยเด็กจริงๆ” เฟิงหลิงซ่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขากำลังข่มความโกรธอย่างเห็นได้ชัด
ฝูซูเห็นสีหน้าที่แสดงออกมาของเฟิงหลิงซ่านก็ยกยิ้มมุกปากขึ้นมา “ฉันชอบเวลาที่นายโมโหแล้วก็สีหน้าท่าทางที่ไม่กล้าลงไม้ลงมือนี่จริงๆ เลย”
นี่พวกนายเป็มาโซคิสม์กันรึไงเนี่ย
ต้องใช่แน่ๆ
ฉันผุดลุกขึ้นยืนเฟิงหลิงซ่านมองมาทางฉันที่กะพริบตาปริบๆ “ฉัน ฉันเข้าใจแล้ว”
เฟิงหลิงซ่านมองฉันอย่างแปลกใจฝูซูยังคงยิ้มเยาะเย้ยเฟิงหลิงซ่านอยู่อย่างนั้น
ฉันลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ตัวเองเงียบๆจากนั้นก็ปีนไปยังที่นั่งด้านหน้าที่มีงูขาวตัวนั้นอยู่ ฝูซูมองฉันแวบหนึ่งเขาดูอึ้งไปนิดและสายตาเขาก็เย็นะเืขึ้นมาทันที “ห้ามไป”
ฉันมองเขา “นายชอบเฟิงหลิงซ่านก็พูดออกไปตรงๆ สิทำไมต้องตั้งใจกวนโมโหเขาด้วยล่ะ พวกนายทำแบบนี้มันไม่ดีนะ”
สีหน้าของเฟิงหลิงซ่านและฝูซูถอดสีในทันที
ฉันมองหน้าพวกเขาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ส่งไป "โอเค ฉันสละที่นั่งให้พวกนายก็ได้หยุดทะเลาะกันเถอะ ทะเลาะกันมันไม่ดีนะ"
วินาทีนั้นอุณหภูมิบนเครื่องก็ลดฮวบลงทันทีทุกคนมองมาที่ฉันอย่างนิ่งอึ้งเด็กหนุ่มที่อุ้มงูขาวไว้มองฉันอย่างตกตะลึง
เด็กผู้ชายข้างๆ ที่นั่งกอดงูหลามขาวเอาไว้มองฉันด้วยความตกตะลึงฉันยิ้มเจื่อนให้เขา “ตรงนี้ไม่มีคนนั่งใช่ไหม”
เขาพยักหน้าอึ้งๆ ในตอนที่ฉันนั่งลงฉันก็ได้ยินเสียงเฟิงหลิงซ่านะเิเสียงหัวเราะออกมา
“อุ๊บ ฮ่าฮ่าฮ่าเธอนี่สุดยอดเลย นี่เป็ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นคนอย่างฝูซูพูดไม่ออก ฮ่าฮ่าฮ่าแบบนี้ต้องบันทึกไว้เป็วินาทีประวัติศาสตร์เลยนะเนี่ย” เฟิงหลิงซ่านพูดจบก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะถ่ายรูป
“ไสหัวไป” ฝูซูคว้าโทรศัพท์ของเฟิงหลิงซ่านแล้วโยนทิ้งด้วยความคับแค้นใจจากนั้นจึงกลับไปนั่งที่เดิมด้วยอารมณ์โกรธจัด