“เช่นนั้นเหตุใดเมื่อวานหมอหลวงถึงตรวจสอบไม่ได้?”
“เป็เพราะกระหม่อมได้ยินมาว่ามีอยู่วิธีหนึ่งที่ทำให้ชีพจรอ่อนยามที่หมอตรวจพ่ะย่ะค่ะ” จี๋โม่หานเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อ “วันนี้กระหม่อมได้ยินมาว่าจับตัวคนที่ปล่อยข่าวลือได้แล้ว ดังนั้นจึงเข้าวังมาเพื่อบอกความผิดต่อฝ่าา และขอให้ฝ่าาลงโทษ”
ั้แ่เมื่อครู่ที่จี๋โม่หานมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้พูดถึงเื่ที่องค์ชายห้าเป็คนปล่อยข่าวลือออกมาเลย เพียงแต่พูดเน้นว่าตัวเองต้องหลอกฝ่าาเพราะเื่นี้ ดังนั้นเขาจึงมีเหตุผลที่ต้องหลอกลวง
สีหน้าของฮ่องเต้ทะมึนยิ่งกว่าเดิม แต่จี๋โม่หานลงมือทำเช่นนี้ก็มีเหตุผล ในเมื่อเขากล้าเข้าวังมาสารภาพเื่นี้ ก็ย่อมมั่นใจว่าตนจะไม่เอาผิดเขา
ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่ง ถึงได้ลดความโกรธเต็มอกลงไปได้ “เ้าพูดอะไรออกมา เ้าไม่ป่วยก็ดีแล้ว เจิ้นจะไปลงโทษเ้าได้อย่างไร อีกอย่างครั้งนี้ก็เป็ความผิดของเจิ้น ถึงได้ทำให้เ้าต้องถูกใส่ร้าย เ้าทำเช่นนี้ก็สามารถเข้าใจได้”
ฮ่องเต้พูดออกมาแต่ละคำเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย พอฟังแล้วก็ทำเอาจี๋โม่หานหัวเราะเสียงเย็นในใจ เสแสร้งจริงๆ
แต่ตอนนี้จะทำให้เื่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมไม่ได้ ตอนนี้ในใจของฮ่องเต้จะต้องหงุดหงิดมากแน่ จี๋โม่หานจึงใช้เื่นี้ให้เป็ประโยชน์ “เช่นนั้นกระหม่อมขอบพระทัยฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงขอบคุณทำให้ฮ่องเต้ที่ได้ฟังคำนี้นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน แต่เขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้ ทำได้แค่เบนความโกรธไปลงที่องค์ชายห้าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแทน
“เ้าคนชั่ว เื่ที่เ้าทำไว้ครั้งนี้ ตอนนี้องค์ชายสามได้อยู่ตรงหน้าเ้าแล้ว เ้าก็พูดเอาเองแล้วกัน”
องค์ชายห้ากัดฟันแน่นและกดความโกรธในใจลงไป สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีกับเขา เขาทำได้แค่ทำตามความ้าของฮ่องเต้
องค์ชายห้าหันไปทางจี๋โม่หานเล็กน้อย จิตสังหารแล่นผ่านแววตารวดเร็วจนไม่อาจจับได้ทัน
เขาก้มหน้าลงแล้วกัดฟันพูด “เื่นี้ล้วนเป็ข้าที่ทำคนเดียว เป็ข้าที่เห็นผิดเป็ชอบ ไม่ทันยั้งคิดแล้วใส่ร้ายท่าน ขอท่านโปรดลงโทษข้า ไม่ว่าจะลงโทษอย่างไรข้าก็ยอมรับ”
ดวงตาของหลิงชวนที่อยู่ด้านหลังจี๋โม่หานมีไฟโทสะปะทุ กำหมัดแน่น หากไม่ใช่เพราะสนใจสถานการณ์ตรงนี้ เขาอยากจะเข้าไปต่อยคนเลวนี่ให้ตาย
โทษฏนั้นจะต้องตัดหัวเก้าชั่วโคตร องค์ชายห้าอยากฆ่าจี๋โม่หานอย่างชัดเจน ทั้งตอนนี้ยังพูดหน้าไม่อายออกมาอีก อะไรที่เรียกว่าทำไปโดยไม่ยั้งคิด ทั้งๆ ที่วางแผนมาก่อนล่วงหน้าแท้ๆ
มุมปากของจี๋โม่หานยกขึ้นเล็กน้อยไม่ชัดเจนนัก ฮ่องเต้คนนี้วางแผนมาดีจริงๆ สิ่งที่องค์ชายห้าทำในครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็องค์ชาย จะลงโทษตัดหัวก็ย่อมทำได้ แต่ตอนนี้เขากลับยังไม่ตัดสินใจ
กลับกันยังโยนสิทธิ์ในการตัดสินใจมาให้เขาแทน นี่คงคิดไว้แล้วว่าเขาจะเห็นแก่หน้าราชวงศ์ ไม่กล้าพูดออกมาว่าจะลงโทษองค์ชายห้า
แต่ครั้งนี้จี๋โม่หานไม่ได้วางแผนจะฉีกหน้าฮ่องเต้ อย่างไรนี่ก็เป็เื่ฉาวโฉ่ของราชวงศ์ ฮ่องเต้ไม่ยอมให้เป็เื่ใหญ่แน่ วิธีการของฮ่องเต้นั้นเขาเองก็คาดเดาเอาไว้แล้ว
ฮ่องเต้จะไม่ยอมให้เื่นี้มากำจัดองค์ชายห้าไปเด็ดขาด อย่างมากก็ทำเพื่อรักษาหน้า อีกทั้งตอนนี้ยังโยนปัญหามาให้เขาอีก แสดงออกว่าอยากจะให้องค์ชายห้าพ้นผิด
จี๋โม่หานหัวเราะเบาๆ “ข้าจะไปลงโทษเ้าได้อย่างไร ข้าเชื่อว่าเื่ในครั้งนี้เ้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ หากองค์ชายมีเื่ที่เข้าใจข้าผิดก็พูดกันต่อหน้าได้เลย”
องค์ชายห้าชะงักไปก่อนจะเงยหน้ามองจี๋โม่หานอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะใจกว้างขนาดนี้ อีกทั้งฐานลับสองที่ของเขาที่จู่ๆ ก็ถูกองค์รัชทายาทพบเข้าอีก
เื่นี้จะต้องเกี่ยวข้องกับจี๋โม่หานแน่นอน เขาไม่เชื่อว่าจี๋โม่หานจะแสดงท่าทางออกมาได้นิ่งเฉยขนาดนี้
องค์ชายห้ากัดฟันแล้วก้มหน้าพูด “เป็ข้าเองที่เลอะเลือน ทำผิด ขอท่านอาโปรดลงโทษ”
ฮ่องเต้เองก็พูดเสริมอยู่ด้านข้าง “เ้าเด็กเวร เ้ายังรู้ว่าตัวเองทำผิดนะ"
ต่อมาก็พูดกับจี๋โม่หาน “เ้าไม่ต้องคิดมาก เื่นี้เขาทำผิดก็คือเขาผิด จะลงโทษอย่างไรก็ลงโทษได้เลย”
มุมปากของจี๋โม่หานยกยิ้มเย็น “ฮ่องเต้เป็กษัตริย์ของแคว้น เื่นี้กระหม่อมฟังความเห็นของฝ่าา แต่เื่นี้เห็นแก่ที่เตี้ยนเซี่ยเองก็เลอะเลือนไปชั่วขณะ ตอนนี้ข้าก็ปลอดภัยสบายดีแล้ว เช่นนั้นก็หวังว่าฝ่าาจะลงโทษสถานเบา ข้าไม่ได้ตำหนิเตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ”
ตามกฎหมายของเมืองหลวง การตัดหัวองค์ชายห้าก็ถือว่าไม่มากไป ตอนนี้ฮ่องเต้กลับโยนปัญหามาให้เขาอีก หากจะลงโทษจริงๆ ก็ให้กฎหมายเมืองหลวงมาจัดการก็พอ เหตุใดจะต้องมาเสแสร้งแบบนี้กัน
เสแสร้งแกล้งทำแบบนี้ต่อไป ก็ทำตามความคิดของฮ่องเต้ไปเลยดีกว่า
ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เขาอาศัยเื่นี้ในการจบปัญหา “เ้าใจกว้างเช่นนี้ เจิ้นก็รู้สึกชื่นชม แต่เื่นี้เจิ้นจะบอกกับเ้าแน่นอน ว่าเจิ้นจะอบรมสั่งสอนให้เข้มงวดมากขึ้น และจะลงโทษอย่างหนักสักที”
“เป็เช่นนี้ก็ดีพ่ะย่ะค่ะ” จี๋โม่หานยิ้มในใจ นี่คือราชวงศ์ นี่ก็คือหน้าตาของราชวงศ์ “หากไม่มีเื่อะไรแล้วกระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
เดิมทีเขาเข้าวังมาก็ไม่ได้มาดูว่าฮ่องเต้จะลงโทษองค์ชายห้าอย่างไร เื่นี้จบไปแล้ว หากเขาจะอยู่ต่อก็ไม่มีประโยชน์
ในเมื่อจี๋โม่หานพูดออกมาเช่นนี้แล้ว ฮ่องเต้เองก็ไม่คิดจะรั้งเอาไว้นาน “เช่นนั้นเ้าก็กลับไปพักผ่อนดูแลร่างกายให้ดี”
“เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
เพียงครู่เดียวจี๋โม่หานก็ถูกหลิงชวนเข็นออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในห้องตำราจึงเหลือแค่ไม่กี่คน
ก่อนหน้านี้ในใจขององค์ชายห้ายังไม่พอใจ ตอนนี้ก็คิดได้เล็กน้อยว่าฮ่องเต้กำลังละเว้นโทษให้เขา ถึงได้ยกสิทธิ์นั้นให้จี๋โม่หาน จากนั้นก็ให้มันจบแบบนี้เพื่อลดโทษให้ตน
ส่วนองค์รัชทายาทที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เงียบมาโดยตลอด ตอนนี้รู้สึกแค่ว่ามีไฟโทสะอยู่เต็มอก เขาคิดว่าครั้งนี้เพียงพอที่จะกำจัดองค์ชายห้าไปได้ คนทำผิดเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็โอรส์ก็ต้องถูกลงโทษเหมือนกับประชาชน
แต่ตอนนี้เสด็จพ่อกลับแสดงท่าทีปกป้องอย่างเห็นได้ชัด จะให้เขาพอใจได้อย่างไร
องค์รัชทายาทกดไฟโทสะลงไปก่อนจะก้าวเข้ามาพูด “เสด็จพ่อ หากไม่มีอะไรแล้ว ลูกเองก็ขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเถิด” ฮ่องเต้โบกมือ
จนกระทั่งองค์รัชทายาทออกจากห้องตำราไปแล้วตอนนี้จึงเหลือแค่ฮ่องเต้ ซูโม่และองค์ชายห้า สามคนเท่านั้น
ฮ่องเต้ชี้ไปทางองค์ชายห้าที่อยู่บนพื้นแล้วพูดอย่างผิดหวังถึงขีดสุด “เ้ามันลูกอกตัญญู ไม่ได้เื่ ทำให้เจิ้นเสียหน้าไปหมด”
“เป็ความผิดของลูกเองพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดท่านพ่อลงโทษลูกด้วย”
องค์ชายห้ารู้ว่าตนได้ผ่านไปหนึ่งด่านแล้ว ดังนั้นไม่ว่าฮ่องเต้จะพูดอะไร เขาก็จะทำตาม
ฮ่องเต้หน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ความจริงแล้วเื่ที่องค์ชายห้าทำในครั้งนี้ หากสำเร็จก็จะเป็เื่ดีแน่นอน แต่ตอนนี้กลับทำให้สถานการณ์กลายเป็เช่นนี้ โชคดีที่จี๋โม่หานยังรู้เวลา ไม่ได้ตามเอาความผิดอะไรมาก ทั้งยังให้ทางออกกับพวกเขาด้วย
“โชคดีที่ครั้งนี้องค์ชายสามไม่ได้เอาเื่เอาราว หากเขาเอากฎหมายเมืองหลวงออกมาใช้ให้เจิ้นทวงความยุติธรรมให้เขา การตัดหัวเ้าทิ้งก็ไม่ถือว่าเป็เื่ที่มากไป”
“พ่ะย่ะค่ะ ต่อไปลูกจะไม่ทำอีกแล้ว”
“เช่นนั้นเื่นี้” ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมองไปทางซูโม่ที่เงียบอยู่ตลอด “ใต้เท้าสกุลซูคิดว่าควรทำอย่างไร?”