อวิ๋นซีมองบุรุษข้างตัว พูดเสียงเบา “ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ล้วนพุ่งเป้ามาที่ข้า”
จวินเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว พูดเสียงขรึม “อาซี ข้าเคยบอกแล้ว ไม่ว่าเ้าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ใด ข้าล้วนช่วยเ้า ดังนั้น หากมีคนไร้ตาคิดจะมาทำร้ายเ้า เปิ่นหวางจักทำให้คนเ่าั้มอดไหม้อย่างแน่นอน”
อวิ๋นซีและจวินเหยียนยืนหลังชนหลัง ทำให้นางสามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายเขา นางยิ้มอย่างดงามขณะจ้องมองเหล่าคนในชุดดำที่คิดจะล้อมวงสังหารนาง “วันนี้ คนเหล่านี้ที่คิดจะสังหารข้าล้วนเป็คนของพระมารดาท่านทั้งสิ้น ท่านคิดว่า ข้าควรทำเช่นไร? สังหารสิ้น หรือปล่อยไป? ”
จวินเหยียนมองคนชุดดำเ่าั้ พูดด้วยเสียงเ็ายิ่ง “ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็ใคร แต่หากคิดจะแตะต้องเ้าก็ต้องฆ่าทิ้งทั้งสิ้น”
อวิ๋นซีคิดไม่ถึงว่าตนจะได้รับคำตอบเช่นนี้ อีกทั้ง ท่าทีของจวินเหยียนที่แสดงออกมาก็ไม่ได้ดูจะใส่ใจในสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นมากนัก หากเป็เช่นนี้จริง นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า ในใจของเขา ตัวนางสำคัญยิ่งกว่าฮองเฮาผู้เป็มารดาผู้ให้กำเนิดเขาใช่หรือไม่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจนางก็ให้รู้สึกประหลาดใจมาก แต่ก็ไม่ได้คิดถามอันใดต่อ ดวงตาดำมืดเ็าจ้องมองไปยังคนเ่าั้ จากนั้นก็ยิ้ม “ดูท่า มือคู่นี้ของข้าคงจะไม่ได้มีไว้เพื่อใช้รักษาคนเพียงอย่างเดียวกระมัง แต่ยังสามารถใช้เพื่อสังหารคนได้อีกด้วย สามี พวกเราสองคนไม่ได้ร่วมสังหารคนด้วยกันมานานแล้ว เช่นนั้นวันนี้เราก็มาทำให้ถนนสายนี้อาบย้อมไปด้วยสีเืด้วยกันเถอะ ท่านจะว่าอย่างไร”
จวินเหยียนหัวเราะฮ่าฮ่า “ได้” การได้มีภรรยาเช่นนี้ สำหรับตัวเขา โอวหยางจวินเหยียนนับว่า ช่างมีโชคนัก
พระมารดา? แล้วจะอย่างไร บนโลกใบนี้ไม่ว่าใครก็สำคัญไม่เท่าอวิ๋นซี ต่อให้คนคนนั้นจะเป็พระบิดาที่คิดจะสังหารนางอีกคน เขาก็ไม่ติดที่จะเริ่มจัดการขวากหนามทั้งหมดนั้นทิ้งไป เพราะอวิ๋นซีคือคนที่เขาจะใช้ทั้งชีวิตมาปกป้องไว้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จวินเหยียนก็ยิ่งลงมือโเี้ขึ้น แม้คนเหล่านี้จะเป็คนของเสด็จแม่ผู้ให้กำเนิดเขาก็ตาม แต่ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ฆ่าทิ้งให้หมด มาเท่าไรก็ฆ่าเท่านั้น อย่างไรเสีย แต่ดั้งแต่เดิมอวิ๋นซีและจวินเหยียนล้วนไม่ใช่คนมีเมตตา และเื่ที่อวิ๋นซีเป็วรยุทธ์นั้นก็มีน้อยคนนักที่จะรู้
ท้ายที่สุดคนชุดดำเหล่านี้ก็โดนสังหารทั้งหมด อวิ๋นซีเหนื่อยล้าถึงกับทิ้งกระบี่ในมือลงบนพื้น พูดด้วยท่าทีรังเกียจ “คนที่เสด็จแม่ท่านส่งมา หากเราสองไม่สนองกลับให้ดีสักหน่อย นางคงคิดว่าข้าเป็คนที่รังแกได้ง่ายเป็แน่”
จวินเหยียนไม่ได้โต้เถียง เพียงแต่ตอบกลับอย่างตามใจไปประโยคหนึ่ง “สามีล้วนฟังฮูหยินทั้งสิ้น” ต่อให้ตอนนี้ภรรยาจะให้เขาไปสังหารผู้ใด เขาก็จะไม่พูดไม่ขัดสักคำ และจะจัดการสังหารคนผู้นั้นเลยทันที
หลังจากนั้นสองสามีภรรยาก็รอจนบรรดาองครักษ์ของตนเห็นพลุสัญญาณ และรีบไล่ตามมาจนถึงบริเวณที่พวกเขาอยู่ คนทั้งกลุ่มเห็นซากศพนอนเกลื่อนเต็มพื้น สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะรีบคุกเข่าลงบนพื้น และกล่าวขออภัย ทว่า อวิ๋นซีกลับกล่าวเพียงเรียบๆ ว่า “หนิงชินอ๋องและพระชายาถูกลอบสังหาร พวกเ้ายังไม่รีบนำศพเหล่านี้ไปส่งที่กรมอาญาอีก”
เมื่อเว่ยหลงได้ยินดังนั้นก็ดึงสติตนกลับมาได้ในทันที “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะนำศพเหล่านี้ไปส่งที่กรมอาญา”
จวินเหยียนคิดไม่ถึงว่าภรรยาตัวน้อยจะคิดวิธีนี้ออกมา นี่นางคงตัดสินใจจะปะทะกับพระมารดาตรงๆ แล้วกระมัง เขายิ้มอย่างปลงๆ ก่อนที่อวิ๋นซีจะแค่นเสียงเ็าออกมาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็กอดคอเขาจากทางด้านหลัง “สามี ข้าเหนื่อย ช่วยแบกข้ากลับไปที”
เว่ยหลงและองครักษ์อื่นๆ พากันเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตน พวกเขาได้แต่เฝ้ามองท่านอ๋องแบกพระชายาลงเขาด้วยใจที่อยากจะถามว่า นายท่าน ศักดิ์ศรีของท่านหายไปไหนหมดเสียแล้วเล่า?
เมื่ออวิ๋นซีและจวินเหยียนกลับมาถึงที่พัก อวิ๋นซานที่นั่งไม่ติดั้แ่เห็นพลุสัญญาณจากบนเขา เห็นบุตรเขยแบกบุตรสาวกลับมา เขาก็นึกไปว่าอาซีได้รับาเ็แน่แล้ว ผู้เป็บิดารีบก้าวไปด้านหน้าเพื่อสอบถามอาการ “อาซี เ้าเป็อย่างไรบ้าง? พวกเ้าได้รับาเ็ตรงไหนหรือไม่? ”
จวินเหยียนเห็นท่าทีเป็ห่วงของท่านพ่อตาก็รีบพูดว่า “ท่านพ่อตา อาซีไม่เป็อันใดขอรับ เพียงแค่เหนื่อย เขยจึงแบกนางกลับมา” หากเปลี่ยนหนิงอ๋องเป็ท่านอ๋องคนอื่น เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อตาก็ยังจะถือศักดิ์ตนว่าสูงกว่า แต่สำหรับจวินเหยียน ถึงแม้ในที่ลับเขากับอวิ๋นซานจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่กันเสมอ แต่ยามอยู่ในที่แจ้ง จวินเหยียนกลับแสดงท่าทีเคารพต่ออวิ๋นซานเป็อย่างยิ่ง
จ้าวลี่เจียเดินเข้ามา รีบพูด “รีบปล่อยคนลงมา ให้ข้าตรวจดูนางหน่อย พวกเ้านี่ก็จริงๆ เหตุใดจึงไม่ยอมกลับมาพร้อมองครักษ์” เมื่อครู่ที่เห็นเว่ยหลงรีบนำคนออกไปจากที่พักด้วยความเร่งร้อน ตัวนางเองก็ใเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะที่นี่มีพวกเด็กๆ อยู่ นางและอวิ๋นซานก็คงจะรีบรุดขึ้นเขาไปด้วยเหมือนกัน
อวิ๋นซีลงมายืนยิ้มอยู่ข้างกายจวินเหยียน นางหมุนตัวสองรอบแล้วจึงพูดว่า “ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านดูสิเ้าคะ ข้าไม่เป็อันใดเลยจริงๆ มีจวินเหยียนคอยปกป้องข้าอยู่ ตัวข้าย่อมไม่เป็อะไร”
ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะให้บิดาตนเขม่นบุรุษของนางไม่ได้ มิเช่นนั้นได้เกิดเื่แน่ เพราะท่านพ่อนั้นเป็คนเ้าคิดเ้าแค้น ซึ่งตัวนางเปรียบเสมือนเป็เกล็ดัของท่านพ่อ ดังนั้น นางที่ออกไปกับจวินเหยียนผู้เป็สามี แต่ตอนกลับมากลับได้รับาเ็ หากท่านพ่อไม่โกรธสิจะแปลก
ถึงแม้อวิ๋นซีจะไม่เป็อะไร แต่ตอนนี้ในเมืองหลวงกลับครึกครื้นยิ่ง เพียงเพราะเว่ยหลงและองครักษ์อีกสองสามคนของจวินเหยียนนำรถลากศพสิบกว่าศพมุ่งหน้าไปยังกรมอาญาอย่างเอิกเกริก
เพียงไม่นาน เื่ที่คนเหล่านี้ลอบสังหารหนิงอ๋องและชายาหนิงอ๋องก็แพร่ไปทั่ว
อีกทั้ง เมื่อเสี้ยวเหวินตี้ได้ทราบเื่เข้าก็พิโรธหนัก เขาสั่งให้คนของกรมอาญาสืบสวนคดีนี้ให้ดี และหากผ่านไปสามวัน แต่ยังไม่อาจสืบทราบอะไร เสนาบดีเ้ากรมอาญาก็สมควรให้ถูกเปลี่ยนอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นหลานชิงเฉวียนที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นมาเป็เสนาบดีเ้ากรมอาญาเมื่อปีก่อนพอได้รับคำสั่งก็ถึงกับมีสีหน้าดำคล้ำทันที ทั้งยังถึงขนาดเตะเก้าอี้ข้างกายจนกระเด็นออกไป “เ้าสารเลวนั่น กล้าลงมือกับหนิงอ๋องและชายาหนิงอ๋องในยามนี้เชียวหรือ แล้วข้าจะได้ขึ้นปีใหม่กับเขาบ้างไหมเนี่ย”
เป็เขาง่ายนักหรือ?
ปีที่แล้วกว่าเขาจะได้โยกย้ายจากชิงโจวมารับตำแหน่งในเมืองหลวงแห่งนี้ก็เรียกว่าไม่ง่ายดายเลย และตอนนี้ได้รับหน้าที่มาดูแลกรมอาญา เดิมทีเขาตั้งใจจะอาศัย่ปีใหม่นี้ เพื่อหยอกเล่นกับสตรีนางนี้ที่บ้านสักหน่อย แต่ใครเล่าจะไปรู้ว่า เพิ่งจะได้ถอดกางเกงนางก็ถูกคนจากวังหลวงมาทำให้ใ
เขามองสตรีที่ยิ้มงดงามมองตอบเขา ในใจรู้สึกคั่งแค้น “สตรีตัวน้อย คืนนี้กลับมาเมื่อไร ข้าค่อยจัดการเ้า”
สตรีบนเตียงที่อาภรณ์ถูกแก้ออกไปครึ่งหนึ่งยิ้มน้อยๆ “ให้ท่านกลับมาคืนนี้ได้จริงๆ ก่อนค่อยพูดเช่นนั้นเถอะ”
เมื่อหลานชิงเฉวียนได้ยินก็เดินออกไปด้วยสีหน้าดำคล้ำ สตรีนางนี้มีนามว่าซูถง เป็สาวน้อยดื้อดึงคนหนึ่งที่เขาบังเอิญพบที่ด่านฉีผิง คนที่บ้านของนางถูกสังหารสิ้น ทำให้นางต้องอยู่ตัวคนเดียวไร้ที่ทางไป ทั้งยังเกือบจะโดนจับไปเป็อนุคนที่สิบแปดของคนรุ่มรวย แต่โชคดีที่ได้เขาเข้าช่วยไว้ สุดท้ายสตรีนางนี้จึงได้เข้ามาพัวพันไม่เลิกไม่รา น่าตายนัก เขาที่เคยคิดมาตลอดว่าตนสามารถควบคุมตัวเองได้ดีเลิศ แต่เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าสตรีนางนี้กลับไม่นับเป็อะไรทั้งสิ้น
ซูถงมองแผ่นหลังของหลานชิงเฉวียนพร้อมกับหวนคิดถึงท่าทางเขาเมื่อครู่นี้ที่เตรียมตัวพร้อมแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับต้องสวมใส่กางเกงกลับไป นางอดไม่ได้ให้หัวเราะฮ่าฮ่าออกมา
เสียงหัวเราะสดใสของสตรีเื้ัทำให้หลานชิงเฉวียนแทบอยากจะกลับไปจัดการนางสักรอบเสียเดี๋ยวนี้เลย ส่วนเื่อื่นค่อยว่ากัน
……...........................................................................................
ภายในตำหนักเฟิ่งอี้ หลังจากที่ฮองเฮาได้รู้ว่า คนที่ตนส่งไปถูกกำจัดจนสิ้นซาก นางก็กวาดของทั้งหมดบนโต๊ะลงไปบนพื้นด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด “น่าตายนัก น่าตายนัก” ส่งคนไปมากเพียงนั้น แต่กลับไม่อาจเอาชีวิตนังสตรีชั้นต่ำคนหนึ่งมาได้
นางกำนัลที่ติดตามอยู่ข้างกายนางเอ่ยถาม “ฮองเฮาเพคะ พวกเราควรทำเช่นไรต่อไปดีเพคะ? ”
ฮองเฮาแค่นเสียงเ็า “ไป ไปตามเฉิงิฮุ่ยมาที่ตำหนักเฟิ่งอี้เดี๋ยวนี้ บอกนางว่า เปิ่นกงคิดถึงนางแล้ว” ั้แ่ที่จวินเหยียนและอวิ๋นซีกลับมาเมืองหลวง ฮองเฮาก็พบว่า ไม่ว่าตนจะทำเื่ใดก็ล้วนไม่ราบรื่นเหมือนอย่างเคย อีกทั้ง เื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับตระกูลิหลัน ซึ่งนับเป็ขุมกำลังที่จงรักภักดีต่อนาง พวกเขาถูกเ้าเด็กสารเลวนั่นทำลายไปเช่นนั้น ในใจนางก็แทบอยากจะเลาะกระดูกเลาะเส้นเอ็นของอวิ๋นซีออกมาเสียเดี๋ยวนั้น
ตอนนั้นนางทำได้เพียงต้องอดทนไว้ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ส่วนครั้งนี้ หากนางไม่ทำอะไรสักหน่อย นางก็คงไม่ใช่ฮองเฮาแล้ว ดังนั้น อวิ๋นซี หากเ้าไม่ให้เปิ่นกงได้อยู่ดี แน่นอนว่าเปิ่นกงเองก็จะไม่ให้เ้าได้อยู่ดีเช่นกัน