ไม่ว่าเมืองหลวงจะวุ่นวายพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเพียงใด แต่อวิ๋นซีและจวินเหยียนก็ยังคงพาให้ครอบครัวของตนได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในเรือนพักที่บ่อน้ำร้อนแห่งนั้นต่อไป อวิ๋นซีคิดว่าการมาพักผ่อนในหนนี้ สิ่งที่มีความสุขที่สุดคงหนีไม่พ้นการได้เห็นบิดาตนกับจ้าวลี่เจียใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น
ถึงแม้จะไม่รู้ว่า ความใกล้ชิดระหว่างคนทั้งสองนั้นจะมีอยู่กี่ส่วนที่เป็การแสดง แต่นางก็เชื่อว่า ขอแค่มีใจ การจะเปลี่ยนจากแสดงให้เป็เื่จริงก็หาใช่ปัญหา
เช้าวันที่สี่เดือนหนึ่ง คนที่พักผ่อนอยู่ในบ่อน้ำร้อนก็ได้ทำการต้อนรับการมาเยือนของคนอีกสองที่มาใหม่
เมื่อเ้าสี่เข้าประตูมาก็ะโโวยวายทันที “พี่รอง พี่สะใภ้รอง พวกท่านทำเกินไปแล้วนะ เหตุใดมาพักที่บ่อน้ำร้อนกันถึงไม่บอกข้าสักคำ” โอวหยางเทียนหลานลงจากหลังม้าก็เริ่มบ่นว่าพี่รองของตนที่ทำเกินไป
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็หัวเราะออกมา ก่อนจะดึงอวิ๋นเซ่าหลันเข้าไปในห้อง จากนั้นก็รีบให้เตี๋ยอียกนมร้อนๆ สองถ้วยขึ้นโต๊ะ อวิ๋นซีสาดสายตาเ็ามองโอวหยางเทียนหลานที่ยังทำทีเป็น้อยอกน้อยใจ นางแค่นเสียงเ็าพูดว่า “เ้าบอกมาสิ อากาศหนาวเพียงนี้ ทำไมพวกเ้าถึงต้องขี่ม้ามาด้วย”
อวิ๋นเซ่าหลันรีบพูดขึ้น “ไม่ใช่นะ เป็ข้าเองที่ขี่ม้าตามเขามา ใช่แล้ว นอกจากข้าและท่านสี่แล้ว ก็ยังมีท่านอาของข้าที่ตามมาด้วยอีกคน รถม้าของเขาอยู่ด้านหลังน่ะ ร่างกายเขาไม่ค่อยดีมาตลอด วันนี้ยามที่ออกจากบ้าน เราบังเอิญได้เจอกับท่านอาพอดี ท่านสี่จึงแนะนำให้เขามาแช่บ่อน้ำร้อนที่นี่ด้วยกัน และเผื่อจะได้ให้ท่านลุงอวิ๋นช่วยตรวจดูอาการให้ด้วย”
อวิ๋นเซ่าหลันแต่งงานมาหลายปีแล้ว นิสัยอย่างคุณหนูเอาแต่ใจก็หายไปเจ็ดแปดส่วน ตอนนี้นางดูสุขุมเป็ผู้ใหญ่ขึ้นมาก เพราะหากเป็เมื่อก่อน นางย่อมไม่พูดเช่นนี้แน่ และจะทำทุกสิ่งตามที่คิด
เมื่ออวิ๋นซีคิดได้ว่า อวิ๋นเซ่าหลันเป็คุณหนูสายตรงจากจวนอวิ๋นอานโหว เช่นนั้นท่านอาของนางผู้นั้นที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงก็มิใช่ท้องทะเลผืนนั้นของตระกูลอวิ๋น หรือ อวิ๋นไห่ [1] หรอกหรือ ชั่วขณะนั้นอวิ๋นซีก็คิดถึงเื่ของหลิ่วหว่านหรงและฮ่าวฟานขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ั้แ่สิ้นปีจนถึงตอนนี้ชีวิตนางก็ยุ่งวุ่นวายมาตลอด จึงยังหาเวลาไปคุยกับฮ่าวฟานเื่หลิ่วหว่านหรงไม่ได้
และทุกสิ่งก็เป็เช่นนั้นจริง หลังจากที่อวิ๋นเซ่าหลันและโอวหยางเทียนหลานมาถึงได้ไม่นาน รถม้าของอวิ๋นไห่ก็มาถึง และตอนที่เขาเห็นอวิ๋นซีนั่งอยู่บนที่นั่งหลักในห้องรับรองก็เผยยิ้มบางๆ อย่างมีเลศนัย
เขาทักทายทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นทีละคน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ในตำแหน่งแรกที่อยู่ทางฝั่งขวา จากนั้นอวิ๋นซีก็พูดขึ้นเรียบๆ “คิดไม่ถึงว่าอากาศหนาวเพียงนี้ ท่านสามอวิ๋นจะออกมาเที่ยวเล่นด้านนอกด้วย ตอนที่เซ่าหลันบอกเปิ่นเฟยว่าท่านจะมา ก็ทำให้เปิ่นเฟยใเป็อย่างมาก”
อวิ๋นไห่ทำเพียงยิ้มน้อยๆ “ข้าน้อยแซ่อวิ๋นเห็นว่า พระอาทิตย์ส่องสว่างแล้ว จึงได้ออกมายืดเส้นยืดสายบ้าง ครานี้บังเอิญได้พบองค์ชายสี่และชายาองค์ชายสี่เข้า ทั้งยังถูกพวกเขาเชื้อเชิญมาที่นี่อย่างกระตือรือร้น ยากจะปฏิเสธนัก ข้าน้อยจึงได้ติดตามมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่โอวหยางเทียนหลานได้ยินคำว่า เชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้น ยากจะปฏิเสธนั้น เขาก็แทบอยากจะลุกขึ้นมาพูดมากว่า มารดาเถอะ ใครกันที่เชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้นจนยากจะปฏิเสธ ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง แต่คนกลับฟังเป็การเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้นเสียจนยากจะปฏิเสธไปได้
“นี่เป็บ่อน้ำร้อนของราชวงศ์ ในเมื่อเป็แขกขององค์ชายสี่ แน่นอนว่าเปิ่นเฟยจักต้องให้การต้อนรับ” เมื่อพูดจบ อวิ๋นซีก็พูดกับจวินเหยียน “ท่านสามอวิ๋นเป็ถึงแขกของน้องสี่และน้องสะใภ้สี่ก็ควรให้พวกเขาต้อนรับให้ดี ส่วนพวกเรากลับไปอยู่เป็เพื่อนลูกชายลูกสาวของเราดีกว่า”
สำหรับจวินเหยียน ไม่ว่าภรรยาพูดอะไร เขาก็จะทำตามนั้นมาตลอด และก็แน่นอนว่า เื่นี้ตัวเขาย่อมไม่มีทางปฏิเสธ
อวิ๋นไห่มองสามีภรรยาคู่นี้จากไป โดยไม่แม้แต่จะโกรธเคือง ยิ่งกว่านั้น เขากลับทำเพียงยิ้มน้อยๆ แทนพลางคิดในใจ นังหนูคนนี้ช่างเป็คนเ้าคิดเ้าแค้นจริงๆ
องค์ชายสี่โวยวายลั่นด้วยอยากจะไปเจอเด็กทั้งสองคน ทำให้ตอนนี้ภายในห้องรับรองเหลือแค่อวิ๋นเซ่าหลันและอวิ๋นไห่ อวิ๋นเซ่าหลันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยถาม “ท่านอาสาม ที่จริงแล้วท่านมาที่นี่ก็เพราะพระชายาใช่หรือไม่? ”
อวิ๋นไห่มองหลานสาวตนไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มน้อยๆ “จิตใจของเซ่าหลันซับซ้อนถึงเพียงนี้ั้แ่เมื่อไรกัน” เมื่อพูดประโยคนี้เสร็จ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก และปล่อยให้อวิ๋นเซ่าหลันเป็ฝ่ายไปหาคนมาจัดเตรียมห้องพักให้เขา เพื่อที่เขาจะได้พักผ่อนสักหน่อย
อวิ๋นเซ่าหลันกลอกตา ท่านอาสามของนางผู้นี้ต่างหากที่มีจิตใจแสนซับซ้อน เื่ของเขา แม้แต่ท่านปู่ก็ยังมองไม่ออก มองไม่ชัด ทว่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้กลับบอกว่านางมีจิตใจซับซ้อน ช่างน่าขำนัก
ถึงแม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่นางก็รู้ว่าตนพูดออกมาไม่ได้...
กว่าอวิ๋นซีและจวินเหยียนจะกลับมาถึงห้อง เด็กทั้งสองก็หลับไปแล้ว ส่วนหวานหว่านนั้นยังอยู่ที่เรือนของอวิ๋นซานและจ้าวลี่เจีย อวิ๋นซีจุมพิตเด็กทั้งสอง ก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมกับจวินเหยียน นางมองโอวหยางเทียนหลานที่มีสีหน้าเศร้าสลดแล้วพูดว่า “ฉางรุ่ยฉางฮว๋ายหลับไปแล้ว เ้าค่อยมาอีกที่บ่ายเถอะ”
จวินเหยียนพูดเสียงเ็า “ชอบเด็กขนาดนี้ กลับบ้านไปก็ให้ภรรยาเ้าช่วยมีให้สักคนสิ อย่ามาสร้างหายนะให้ลูกชายข้า” เมื่อพูดจบ เขาก็พาภรรยากลับไปยังห้องพักหลัก
โอวหยางเทียนหลานโกรธจนกระทืบเท้า “มีก็มีสิ ท่านคิดจริงๆ หรือว่ามีแต่พวกท่านเท่านั้นที่มีลูกได้” เขากลับไปหาภรรยาตนด้วยความขุ่นเคือง ไปสร้างเด็กดีกว่า
เพราะประโยคเดียวของจวินเหยียน ทำให้อวิ๋นเซ่าหลันที่เพิ่งมาถึงบ่อน้ำร้อนถูกสามีตนทรมานจนลงจากเตียงไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ คืนนั้นยามที่ต้องรับอาหารเย็น อวิ๋นเซ่าหลันก็ทำได้แค่รออยู่ที่ห้องอย่างหมดสภาพ
จวินเหยียนมองน้องชายตนเองด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทำให้โอวหยางเทียนหลานนึกย้อนไปถึงว่าตนได้ทรมานอวิ๋นเซ่าหลันเสียจนตรงนั้นบวมแดง แม้แต่จะยืน นางก็ยังยืนไม่มั่นคง ชั่วขณะนั้นชายหนุ่มผู้อาจหาญก็เขินอายเล็กน้อยจนต้องก้มหน้างุด
“ข้ากำลังคิดว่า น้องสี่ขยันเพียงนี้ อีกไม่นานฉางรุ่ยกับฉางฮว๋ายของข้าคงจะได้มีน้องชายน้องสาวตัวน้อยแล้วกระมัง” จวินเหยียนพูดขึ้นเรียบๆ
ทว่า คนที่กำลังกินข้าวกันอยู่ในห้องรับรองดีๆ กลับอดไม่ได้ให้หัวเราะขึ้นมา อวิ๋นซานพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างให้ความร่วมมือ “ต้องระวังหน่อยนะ ด้วยเื่นี้ ไม่ใช่ว่าจำนวนครั้งมาก จะได้สมดังใจ”
ครอบครัวของเขาอยู่ที่นี่กันดีๆ จู่ๆ องค์ชายสี่ผู้นี้ก็พาภรรยาตนและอาสามจากบ้านเดิมของภรรยามารบกวนความสงบสุขของพวกเขา ซึ่งเื่นี้ทำให้อวิ๋นซานไม่พอใจเป็อย่างมาก และแน่นอนว่า เป็เพราะเขาไม่อยากเห็นหน้าคนตระกูลอวิ๋น
ตอนนั้นเขาพาคุณหนูตระกูลอวิ๋น อวิ๋นเสี่ยวหูไปจากเมืองหลวง ด้วยเื่นี้ถือว่าเขาทำผิดต่อคนตระกูลอวิ๋นจริง แต่ในตอนหลังเหตุที่คนของจวนเจิ้งอ๋องสามารถตามหาร่องรอยของพวกเขาจนเจอได้ เขาก็คิดมาตลอดว่าต้องข้องเกี่ยวกับคนตระกูลอวิ๋นอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงไม่อยากพบเจอกับคนตระกูลนี้สักเท่าไร
และที่สำคัญความไม่พอใจนี้ยังรวมถึงองค์ชายสี่โอวหยางเทียนหลานด้วยที่เป็คนพาอวิ๋นไห่ที่เขาไม่อยากเจอมาที่นี่
ประโยคนี้ของอวิ๋นซาน ทำให้อวิ๋นซีถึงกับสำลักน้ำแกง นางมองบิดาตน จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นอย่างปลงๆ “ท่านพ่อ ท่านร้ายกาจ”
โอวหยางเทียนหลานกวาดตามองแต่ละคนด้วยรู้สึกเหมือนตนกำลังถูกทุกคนรุมหยอกล้อราวกับตัวเขาเป็ลิงค่างก็ไม่ปาน เขาแค่นเสียงเ็า จากนั้นก็กินอาหารเข้าไปนิดหน่อยแล้วจากไป ทว่า อวิ๋นไห่นั้นกลับยังคงกินข้าวเย็นต่อไปได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน
อวิ๋นซีและจวินเหยียนสบตากันไปทีหนึ่ง สำหรับการมาเยือนของอวิ๋นไห่นี้ แท้จริงแล้วพวกเขารู้ดีว่า ทุกสิ่งไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น คนต้องรู้อะไรมาแน่ๆ หรือก็คือ คนของจวนอวิ๋นอานโหวต้องรู้อะไรมาบ้างแล้วเป็แน่
เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย อวิ๋นไห่ก็รั้งตัวอวิ๋นซีไว้
คนทั้งสองนั่งอยู่ในห้องอบอุ่น และเป็อวิ๋นซีที่เอ่ยถามก่อน “ท่านสามอวิ๋น้าคุยกับเปิ่นเฟยเป็การส่วนตัวเช่นนี้ มีเื่อันใดจะพูดหรือ? ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ไห่(海)ไห่จากชื่ออวิ๋นไห่ แปลว่า ทะเล