หากปีหน้ามีบันทึกประวัติศาสตร์โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงก็จะมีบันทึกไว้ว่า: ลูกผู้ดีที่ใครเห็นใครก็เกลียดผู้หนึ่งได้รับการเคารพจากคนทั้งโรงเรียนด้วยความสามารถที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คนี้ทุกคนล้วนจดจำชื่อของคนผู้นี้ได้เขาคือกัวไฮว่ กัวไฮว่แห่งเมืองอู่เฉิง
ั้แ่เช้าตรู่ทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนฟู่จงล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันแตกต่างเหล่านักเรียนหัวกะทิในห้องทบทวนบทเรียนกันเหล่านักเรียนบ๊วยในห้องแบ่งปันเทคนิคการพลอดรักกันของหนุ่มสาวทางห้องสมุดที่ได้ประกาศให้เป็วันหยุด ในวันนั้นนักเรียนที่ลาเรียนก็กลับมาก่อนกำหนดสรุปแล้วก็คือนักเรียนและคุณครูทุกคนล้วนแล้วแต่รวมตัวอยู่ในหอประชุมของโรงเรียนเยอะเสียกว่าคนที่มางานประมูลในครั้งก่อนเสียอีก
“ไอ้แว่นวันนี้ไปเล่น LOL ไหม” บนถนนเล็กๆในโรงเรียนเด็กหนุ่มมองนักเรียนที่ดูหน้าตาไม่น่ามองคนหนึ่งแล้วก็ถามขึ้นยิ้มๆ
“ไม่มีเงินแล้ว เอาเงินไปลงพนันของไอ้ฉินหมดแล้วรอให้หมอนั่นที่มาจากห้องหนึ่งได้เข้ารอบที่สอบก่อนเถอะเงินหมื่นนึงจะกลายเป็ล้านนึงแน่ ถึงเวลานั้นก็จะมีเวลาเล่นแล้ว” นักเรียนที่ใส่แว่นดันแว่นขึ้นจากนั้นก็พูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ ไอ้แว่น ดูท่าแกต้องเสียเงินหมื่นนึงให้ไอ้เ้าฉินแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่เห็นด้วย
“คนที่เด็ดสาวสวยสองคนจากห้องหกมาได้เนี่ยฉันเชื่อว่าเขาต้องสร้างปาฏิหาริย์แน่ รอดูเถอะ” เด็กแว่นพูดจบก็รีบวิ่งไปยังหอประชุมโรงเรียน
“ปู่หกทำไมวันนี้แต่งตัวเป็ทางการจัง” ฉื่ออวี้ไฉครูสอนประวัติศาสตร์มอสี่เห็นเริ่นเสวียนเช่อก็ถามขึ้นยิ้มๆ
“วันนี้เป็วันคัดเลือกแข่งวิชาการพอดีมีพ่อหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเข้าร่วมด้วย ฉันจะไปเชียร์เขาสักหน่อย” เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ “อวี้ไฉดูเหมือนว่าเขาจะเป็นักเรียนของคุณนะหรือว่าคุณก็ไปเชียร์เขาด้วย”
“คุณหมายถึงมู่หรงเวยเวยหรือว่าเฉียนตัวตัวเหรอ พวกเขาสองคนไม่เลวเลยนะครั้งนี้น่าจะมีความหวังผ่านเข้าไปอยู่ในรายชื่อเจ็ดคนได้” ฉื่ออวี้ไฉพูดยิ้มๆ
“กัวไฮว่ กัวไฮว่ก็น่าจะผ่านเข้าไปเหมือนกันนะเหล่าฉื่อเด็กนั่นจิตใจไม่เลวเลยล่ะ” เรื่อนเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ
“อะแฮ่มๆ กัวไฮว่ใช่เขาคือคนที่เพิ่มเข้าไปในรายชื่อคัดเลือกทีหลังแต่เขาเก่งมากเลยล่ะ” ฉื่ออวี้ไฉกระแอมไอสองสามทีแล้วพูดยิ้มๆ ขึ้นด้วยความจนใจ
“ครั้งนี้ถ้าในระดับชั้นมีผ่านเข้าไปสามคนในฐานะครูประวัติศาสตร์คุณคงภูมิใจไม่น้อยสินะ” เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆเมื่อฉื่ออวี้ไฉคิดถึงกัวไฮว่ที่เอาแต่หลับในคาบประวัติศาสตร์จะยังไงก็ต่อกับคำว่าภูมิใจไม่ติด
“เยี่ยจื่อวันนี้แต่งตัวสวยจังเลย” ภายในห้องนอนห้องนักเรียนหญิงเด็กผู้หญิงหน้าตาไม่เลวคนหนึ่งมองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“ถึงเื่ตอบคำถามฉันจะสู้พวกเขาไม่ได้อยู่แล้วแต่อย่างน้อยก็ต้องชนะพวกเขาในด้านหน้าตาแล้วกัน” ถึงแม้ปากของซูเยี่ยจะพูดเช่นนั้นแต่ความคิดของเธอนั้นมีแต่ถังซีเท่านั้นที่จะรู้เพราะความคิดของพวกเธอเหมือนกัน หากต้องนำความจริงมาพิสูจน์พวกเธอไม่ได้มีดีแค่สวยสัญชาตญาณของพวกเธอใช้หน้าตาเอาชนะได้แต่พวกเธอก็ยังเลือกใช้สติปัญญา
“เยี่ยจื่อ เสี่ยวซี สู้ๆ นะถ้าพวกเธอสองคนได้เข้าแข่งขันในฐานะรูมเมตของพวกเธอฉันก็จะพลอยได้เกียรติไปด้วยสู้ๆ นะ” เด็กสาวพูดยิ้มๆ
ซูเยี่ยกับถังซีประสานสายตากันจากนั้นก็ผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินไปทางหอประชุมไป
“โยวโยวสู้ๆ นะ ถ้าได้เป็ตัวแทนฟู่จงเข้าแข่งขันถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้เจอกันตอนรอบตัดสินแล้วล่ะ สู้ๆ นะ” หลินเซี่ยวนักเรียนคนเก่งของโรงเรียนจิ่วจงโทรคุยกับโหยวโยวโยวให้กำลังใจกันและกันแล้วจากนั้นโหยวโยวโยวก็เดินตรงไปยังหอประชุมโรงเรียน
“จู้จื่อชุดพี่เป็ยังไงบ้าง” เฉียนตัวตัวที่ใส่ชุดสูททั้งตัวถามขึ้นยิ้มๆ
“น้องตัวตัวชุดนายไม่เลวเลยนะแต่นายหน้าตาแย่ไปนิด นายดูคุณไฮว่สิ ซื้อแค่เสื้อแบกะดินทั้งตัวราคาไม่ถึงสองร้อยยังดูดีราวกับหิ่งห้อยในยามราตรี”จู้จื่อพูดยิ้มๆ
“จู้จื่อรอให้การแข่งขันจบก่อนเถอะ นายจะเลิกนับถือพี่ไฮว่แน่นายคอยดูเถอะเื่อื่นฉันนับถือพี่ไฮว่นะแต่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกว่าพี่ไฮว่ไม่ใช่พวกหัวกะทิ” เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่่นี้พี่เอาแต่ไปห้องสมุดได้อะไรกลับมาบ้างไหม”
“ก็ต้องได้น่ะสิสามหมื่นกว่าเล่มเข้าใจเนื้อหาพื้นฐานที่ต้องสอบหมดแล้วยังไงก็ต้องเข้าแข่งขันให้ได้ฉันร่วมพนันไปตั้งล้านนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“คุณไฮว่ คุณต้องสู้ๆ นะครับ ผมพนันเข้าข้างคุณไปหนึ่งหมื่นสามพันหยวนก็คือหนึ่งต่อแสนนั่นแหละถึงตอนนั้นถ้าคุณไม่ได้เข้าแข่งขันผมต้องกินลมแทนข้าวแน่เลย” จู้จื่อพูดยิ้มๆ
“อยู่กับพี่ไฮว่ไม่ต้องถามเื่กินดื่มไปเถอะวันนี้ให้โรงเรียนฟู่จงได้ััออร่าของพี่ไฮว่กันสักหน่อย” กัวไฮว่พูดอวดดีอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบแต่แท้จริงแล้วในใจกลับคิดว่าให้โลกมนุษย์ได้เห็นออร่าของเซียนผู้ยิ่งใหญ่แดน์อย่างข้าเสียหน่อย
“คุณครูหลินครั้งนี้มีนักเรียนห้องครูเข้าร่วมการคัดเลือกสามคนเลยสุดยอดจริงๆ เห็นว่ามีตัวเก็งตั้งสองคน” ครูหนุ่มหล่อคนหนึ่งพูดยิ้มๆ
“ห้องพวกเธอก็ไม่เลวเลยนะ ซูเยี่ยได้เข้าแข่งขันแน่” หลินซวงพูดยิ้มๆครูหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้คือซ่งปู้จิงครูประจำชั้นห้องหกในสายตาคนภายนอกแล้วเขายังหนุ่มแน่น ครอบครัวก็ไม่เลวแต่หลินซวงกลับรู้ว่าชายผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าสี่ตัวอันตรายเสียอีก สี่ตัวอันตรายอย่างมากก็แค่อวดดีแต่ซ่งปู้จิงคนนี้เพียงแค่มีใครพัวพันกับเขาไม่นานก็ต้องเกิดเื่ขึ้นแน่
“แต่ว่ากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับกัวไฮว่ที่อยู่ในห้องเธอน่ะแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่านักเรียนพวกนี้เลือกกันไปได้ยังไงจะให้เขาเป็ผู้เข้าแข่งขันการคัดเลือก ลูกผู้ดีมาแข่งขันแบบนี้พูดให้น่าฟังก็คือมันเป็ประชาธิปไตยของโรงเรียนแต่ถ้าจะพูดให้ไม่น่าฟังก็คือเป็ความอัปยศของโรงเรียนแท้ๆ”
“ครูมาพูดลับหลังนักเรียนก็เป็ความอัปยศของโรงเรียนไม่ใช่เหรอ” เมื่อกัวไฮว่ เฉียนตัวตัวและจู้จื่อบังเอิญเจอหลินซวงกับซ่งปู้จิ่งพอดีกัวไฮว่ก็หรี่ตามองซ่งปู้จิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“อะแฮ่ม คุณครูหลิน ผมไปก่อนนะทางนู้นยังมีเื่อีกมากน่ะ” ซ่งปู้จิ้งเงยหน้ามามองกัวไฮว่ที่มองตัวเองด้วยรอยยิ้มสีหน้าเขาก็แดงเถือกแล้วรีบวิ่งออกไป
“คุณไฮว่ทำไมไม่ให้ผมไปจัดการล่ะ” จู้จื่อพูดเสียงดัง“ครูแบบนี้เป็ความอัปยศของฟู่จงเมื่อก่อนเขายังเคยพานักเรียนหญิงไปจูบกันที่ร้านอาหารคนบ้าแล้วผมก็เห็นเข้าขยะครูขยะจริงๆ”
“จะช้าจะเร็วก็ต้องเก็บมันอยู่ดีเหอะๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ครูหลินครูคงจะไม่ได้คิดว่าผมเป็ความอัปยศของโรงเรียนแบบขยะนั่นใช่ไหม”
“เธอเป็นักเรียนของฉัน สู้ๆ นะ ฉันหวังว่าเธอจะเป็ความภูมิใจของฉันได้”หลินซวงมองกัวไฮว่แล้วพูดอย่างจริงจัง
“ครูครับ ไม่งั้นก็ให้กำลังใจผมหน่อยสิอย่างเช่นถ้าผมได้เข้าแข่งครูจะจูบผมทีนึงหรือว่าจะเลี้ยงข้าวผมไม่แน่นะว่าผมอาจจะดีใจจนได้เข้าไปแข่งก็ได้” กัวไฮว่พูดขึ้นอย่างไร้ยางอาย
“ถ้าเธอเข้าไปแข่งขันได้ด้วยความสามารถ ครูจะเลี้ยงข้าวเธอ” หลินซวงมองนักเรียนของตนแล้วพูดยิ้มๆ “เลี้ยงเธอมื้อใหญ่เลยฉันเอาทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวพนันฝั่งเธอ” หลินซวงไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องลงเงินห้าหมื่นหยวนในการพนันด้วย
“ฮ่าๆ ครูหลิน ครูรอรับเงินได้เลย” กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปตบก้นหลินซวงทำเอาเฉียนตัวตัวและจู้จื่อที่อยู่ข้างๆเบิกตาโพล่ง
“ผมไม่ได้ตั้งใจ ชินน่ะ จับผิด” กัวไฮว่เองก็รู้สึกถึงความแปลกๆจึงรีบวิ่งออกจากหอประชุมราวกับบินไป
“ชินน่ะ จับผิด เด็กบ้าเธอคอยดูเถอะ ถ้าเข้าแข่งขันไม่ได้เธอได้เจอดีแน่”