ั้แ่อาจารย์ฉีกับฉีจือโจวกลับมาเมืองหลวง เฉียวเยว่จากที่เคยชอบรัชทายาทมากก็ดูเหมือนจะหมดความสนใจไปแล้ว
รัชทายาทรู้สึกเหงา ิ่จื้อรุ่ยกลับเหงายิ่งกว่า เดิมทีเขาก็เป็แค่ตัวสำรอง ตอนนี้ยิ่งไม่เป็ที่ชื่นชอบของใครสักคน แม้แต่เฉียวเยว่ก็ไม่มาหาแล้ว
หลังจากเลิกเรียน เขาเป็ฝ่ายถามขึ้นก่อน "อาจารย์ขอรับ พวกเราไม่ได้เจอเฉียวเยว่กับฉีอันมาหลายวันแล้ว ขอไปเล่นกับพวกเขาสักครู่ได้หรือไม่?"
ิ่จื้อรุ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ซูซานหลางอมยิ้ม "ย่อมได้สิ"
"ข้าไม่ไปกับพวกเ้านะ" เขาเอ่ย
รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยพยักหน้ารับคำ
ซูซานหลางจัดเอกสารบนโต๊ะ ไม่ขยับไปไหน ไม่รู้เพราะเหตุใด เขามั่นใจมากว่าเฉียวเยว่จะต้องจัดการทุกอย่างได้ดี
รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยมาถึงห้องหนังสือ แต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้พวกเขาใแทบสิ้นสติ
"กระต่ายอ้วนน้อย เ้าทำอะไรน่ะ รีบวางของลงเดี๋ยวนี้เลยนะ" ิ่จื้อรุ่ยร้องเสียงดัง
เฉียวเยว่ถือคีมอันใหญ่กำลังดัดอะไรบางอย่าง มีฉีอันเป็ผู้ช่วยอยู่ด้านข้าง
เฉียวเยว่สะดุ้งโหยง เกือบทำคีมหลุดมือ นางตบอกเบาๆ "พี่จื้อรุ่ย เหตุใดท่านต้องเสียงดังเพียงนี้ ข้าใแทบตาย"
ิ่จื้อรุ่ยหน้าซีด "เหตุไฉนเ้าถึงได้ซุกซนนัก จะทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร? เด็กดีไม่ควรแตะต้องสิ่งของที่เป็อันตราย"
เฉียวเยว่แค่นเสียงเยาะ แสดงสีหน้าว่า 'ข้าเป็กระต่ายไร้เทียมทานแห่งใต้หล้า' พลางเอ่ยว่า
"หากท่านไม่เรียกเสียงดัง ข้าก็ไม่ทำตนเองเจ็บตัวหรอก ข้ากำลังทำสิ่งประดิษฐ์ ท่านอาของข้าใกล้จะกลับมาแล้ว ข้ากับฉีอันจะทำของขวัญชิ้นหนึ่งให้นาง"
ิ่จื้อรุ่ยเดินเข้ามาใกล้ มองกล่องบนโต๊ะ ด้านในมีสิ่งของมากมายกระจัดกระจาย เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยว่า "เ้าเขียนอักษรสักชุดก็ได้"
เฉียวเยว่แค่นเสียงเยาะ "อักษรที่ข้าเขียนไม่สวยเลยสักนิด มิอาจทำให้ท่านอาััถึงความคิดอันเฉียบแหลมและฝีมืออันช่ำชองของข้าได้สิ"
ท่าทางมาดมั่นเปี่ยมไปด้วยเหตุผล โดยไม่สังเกตสีหน้าจนปัญญาของทุกคนในห้อง
ความคิดเฉียบคมฝีมือช่ำชองใช่สิ่งที่เด็กอายุอย่างเ้าต้องพิสูจน์ด้วยหรือ
รัชทายาทอมยิ้มยื่นมือเข้ามา "เฉียวเยว่ไม่ไปเล่นกับเสด็จพี่รัชทายาทนานแล้ว รู้หรือไม่เสด็จพี่เสียใจ"
เฉียวเยว่เดินเข้ามาจูงรัชทายาทมือหนึ่ง มือน้อยอีกข้างก็จูงิ่จื้อรุ่ย ลากทั้งสองคนมานั่ง นางใช้มือน้อยๆ ที่แสนจะน่ารักตบบ่าของพวกเขา "พวกท่านไม่ต้องเศร้าไปหรอก ข้ากำลังเติบโต ย่อมมีธุระของตนเองมากขึ้น และรู้ความมากขึ้นด้วย รู้ว่าไม่ควรรบกวนการเรียนของเสด็จพี่รัชทายาทกับพี่ชายิ่ตามอำเภอใจ หากพวกท่านเรียนได้ไม่ดีโยนหม้อมาให้ข้าจะทำอย่างไร?"
"โยนหม้อ?"
รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยต่างงุนงง
แต่พวกเขาไม่เข้าใจก็ไม่เป็ไร เพราะฉีอันเข้าใจ เขาคอยอธิบายอยู่ด้านข้าง "ก็คือโทษนาง"
รัชทายาท "..."
จื้อรุ่ย "..."
เด็กน้อยเดี๋ยวนี้คิดกันขนาดนี้แล้วหรือ?
รัชทายาทดึงมือน้อยๆ ของนางมากุม "เฉียวเยว่คิดกับเสด็จพี่รัชทายาทเช่นนี้เองหรือ ไม่ว่าอย่างไรเสด็จพี่รัชทายาทก็ไม่มีทางทำไม่ดีกับเ้า"
"เช่นนั้นก็มาเกี่ยวก้อยกัน เกี่ยวก้อยสัญญาว่าท่านจะรักข้าเหมือนน้องสาวแท้ๆ ตลอดไป" เฉียวเยว่เอ่ยขึ้นทันที
รัชทายาทยิ้มพลางพยักหน้า "ได้ ข้าจะรักเ้าดุจน้องสาวแท้ๆ ของตนเอง"
ทั้งสองเกี่ยวก้อยกัน ิ่จื้อรุ่ยก็มองตาปริบๆ
"พี่จื้อรุ่ยก็ต้องเห็นข้าเป็น้องสาวแท้ๆ เช่นกันนะเ้าคะ" เฉียวเยว่กล่าว พลางยื่นมือป้อมๆ ออกมา ิ่จื้อรุ่ยมองมือของนางอย่างลังเล แต่ไม่ช้าเขาก็จับมือของเฉียวเยว่ "เกี่ยวก้อยสัญญา!"
ฉีอันนั่งเท้าคางมองพวกเขาอย่างปลงสังเวช "เสด็จพี่รัชทายาท พี่ชายิ่ พวกท่านทั้งสองล้วนเก่งกาจยิ่งในสายตาข้า แต่เห็นพวกท่านถูกเฉียวเยว่ล่อลวงจนหัวหมุนแล้ว ข้าก็นึกเห็นใจพวกท่านจริงๆ"
เฉียวเยว่หันมาถลึงตาใส่ "ข้าล่อลวงพวกเขาที่ไหน? ข้าเป็เด็กดีมาก น่ารักมากอยู่เห็นๆ "
ทันใดนั้นก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ "พวกท่านรอข้าเดี๋ยว"
นางวิ่งไปยกขนมบนโต๊ะด้านข้างมา "ให้ของกินแสนอร่อยกับพวกท่าน นี่เป็ขนมที่ท่านพี่อวี้อ๋องส่งมา อร่อยมากๆ"
เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ ทุกคนต่างก็รู้ แต่เนื่องจากหนูน้อยคนนี้เป็นักกินตัวยง จึงไม่มีใครใส่ใจมากนัก คนนอกก็หาได้เล่าลือไปในทางเสื่อมเสีย
ิ่จื้อรุ่ยมองขนมตรงหน้าอย่างรังเกียจ แล้วเอ่ยว่า "ของกินแค่นี้ก็ซื้อเ้าได้แล้วหรือ ไร้ประโยชน์จริงๆ อีกอย่างดูไม่เห็นจะน่าอร่อยตรงไหนเลย"
แต่รัชทายาทกลับหยิบเข้าปากหนึ่งชิ้น หลังจากนั้นก็ยิ้ม "รสชาติดีมาก"
ิ่จื้อรุ่ยเริ่มจะลังเล
เฉียวเยว่ใช้ปลายเท้าสะกิดเขา "ลองชิมสิ อร่อยมากจริงๆ ไม่กินแล้วจะเสียใจภายหลัง ขนมชนิดนี้ไม่มีในเมืองหลวงด้วยล่ะ"
ิ่จื้อรุ่ยหยิบหนึ่งชิ้นเข้าปาก
เฉียวเยว่เผยสีหน้าคาดหวัง "อร่อยมากใช่หรือไม่ ข้าบอกพวกท่านแล้ว ในเมืองหลวงก็หาขนมที่มีรสชาติพิเศษเช่นนี้ไม่ได้ เพื่อขนมเหล่านี้แล้ว ข้าต้องเขียนจดหมายไปยกยอปอปั้นสารพัดเพื่อหลอกเอาของกินจากเขาทุกวันเชียวนะ"
"พรวด!" ิ่จื้อรุ่ยสำลักขนมออกมาจากปาก จนเลอะถูกเฉียวเยว่
"อี๋ สกปรก ฮือๆ คนผีทะเล ท่านทำชุดสวยๆ ของข้าเลอะหมดแล้ว" เฉียวเยว่ทำท่ารังเกียจ
ิ่จื้อรุ่ยหน้าแดง ท่าทางกระอักกระอ่วน "ข้า... ข้า..."
หลังจากนั้นก็ก้มหน้า "ข้าไม่ได้ตั้งใจ ขออภัยด้วย"
แท้จริงแล้วที่เขาสำลักก็เพราะคำพูดประโยคสุดท้ายของนางนี่แหละ ใครจะไปคาดคิดว่านางจะเ้าเล่ห์ั้แ่อายุน้อยเพียงนี้
เฉียวเยว่ตบบ่าของเขาแสดงความใจกว้าง "พี่จื้อรุ่ยอย่าได้วิตก ข้ามิโทษท่านหรอก แต่ต่อไปเมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีต้องวางตัวให้ดีหน่อย ท่านเป็เช่นนี้ ต่อไประวังจะแต่งภรรยาไม่ได้ ข้าหมายถึงเมื่อโตขึ้น หากยังทำให้น้องสาวอย่างข้าต้องเป็กังวลแทน ก็คงจะไม่ดี"
ท่าทางราวกับผู้ใหญ่จริงๆ
ิ่จื้อรุ่ยหมดวาจาจะเอ่ย
เขายืดคอ "ข้าไม่ต้องให้ใครมาเป็ห่วงเื่นี้ ยายเด็กอวบอ้วนอย่างเ้าต่างหากถึงต้องกลัวว่าจะแต่งไม่ออก"
เฉียวเยว่หัวเราะหึๆ "จะเป็ไปได้อย่างไร ข้าดีเสียขนาดนี้ เป็หนึ่งบุปผาในสิบแปดเมือง คนอยากแต่งงานกับข้าต้องต่อแถวยาวไปจนถึงนอกเมืองหลวงโน่น"
ครานี้รัชทายาทถึงกับหัวเราะจนแทบสติหลุด ลงไปนั่งพิงกับเก้าอี้ เอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ "หนึ่งบุปผาในสิบแปดเมือง? เ้าไปเรียนรู้จากใครมา?"
ิ่จื้อรุ่ยเองก็งง
เฉียวเยว่ทำปากยื่น "เสด็จพี่รัชทายาท พวกท่านอย่าทำเป็ไม่รู้สิ ข้ายังรู้เลย หนึ่งบุปผาในสิบแปดเมืองหมายถึงสตรีที่งดงามมาก หลันหมัวมัวของพวกเรามักชอบพูดถึงตอนที่นางยังเป็สาวอยู่บ่อยๆ"
บัดนี้หลันหมัวมัวเป็โฉมสะคราญที่มีรูปร่างอวบอิ่มมีไขมันซ้อนกันหลายชั้น
ิ่จื้อรุ่ยรู้สึกเหมือนตนเองถูกตีแสกหน้าอย่างแรง เขายกมือปิดหน้า "มารดาของข้า"
"เขาเป็อะไร?" เฉียวเยว่งุนงง
ยามนี้รัชทายาทกลับมาเป็ปรกติแล้ว ตอบว่า "พี่ชายิ่ของเ้าคงะเืใจอย่างแรง เ้าไม่ต้องไปสนใจเขามากนัก"
"ขนมชนิดนี้คงเป็ของขึ้นชื่อของซีเหลียงสินะ? เมื่อก่อนข้าเคยกินในวัง แต่ของที่ข้ากินอร่อยกว่านี้"
เฉียวเยว่ดวงตาสว่างวาบ "มีอร่อยกว่านี้อีกหรือ?"
รัชทายาทพยักหน้า "ใช่ เป็ของที่ญาติผู้พี่ส่งมาให้เสด็จย่า เขาเป็คนทำด้วยตนเอง"
เฉียวเยว่ "หน่านิ?" [1] แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง รีบแก้คำเสียใหม่ "อะไรนะเ้าคะ มาๆ เสด็จพี่รัชทายาทเล่าให้ข้าฟังด้วยเถิด"
พอเอ่ยถึงของกิน ทั้งตัวของนางก็ราวกับเปล่งประกายออกมา
รัชทายาทเห็นนางเป็เช่นนี้ ก็ลูบศีรษะของนาง "ฝีมือการทำอาหารของญาติผู้พี่ดีมาก ข้าเคยกินอาหารที่เขาทำเองตอนอยู่ในวัง ตามที่เขาบอก อาหารจะอร่อยที่สุดเมื่อทำเสร็จใหม่ๆ หากทิ้งไว้ความอร่อยก็จะลดลงสองสามส่วน แต่ของเ้าคงไม่ใช่เขาทำเองหรอก ขนมที่ญาติผู้พี่ทำมีความประณีตกว่านี้มาก รสชาติก็แตกต่างกันด้วย"
เฉียวเยว่กลืนน้ำลาย พลางพึมพำ "อร่อยขนาดนั้นจริงหรือ?"
รัชทายาทเลิกคิ้ว "จะกละน้อย เ้าอย่าหวังเลย ญาติผู้พี่ไม่ทำให้เ้ากินหรอก"
เฉียวเยว่ทำแก้มป่อง "เพราะเหตุใดเล่า ข้าน่ารักขนาดนี้ เขาต้องชอบข้าแน่นอน อีกอย่างเขาก็ได้รับคำชมจากข้าไปมากมาย จะต้องพึงพอใจมาก และรู้สึกว่าข้าเป็เด็กน่ารักที่สุดในใต้หล้าอย่างแน่นอน"
ิ่จื้อรุ่ยหัวเราะเยาะ "ขอหนังกับพยัคฆ์" [2]
ปากน้อยๆ สีแดงของเฉียวเยว่ยื่นออกมา "เดิมทีข้าคิดว่าขนมอันนี้อร่อยมากอยู่แล้ว แต่พอได้ยินพวกท่านพูด ข้าก็รู้สึกว่าอาจจะยังมีของที่อร่อยกว่านี้ ย่อมจะคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมา"
ิ่จื้อรุ่ยชำเลืองมองรัชทายาท "ข้าว่ารสชาติก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ เ้าอย่าไปฟังรัชทายาทพูดส่งเดช นั่นเป็ของที่ญาติผู้พี่ของเขาทำ เขาย่อมบอกว่าอร่อย แต่แท้จริงแล้วก็ไม่แน่หรอก"
เฉียวเยว่กลับไม่เชื่อ "ไม่มีทาง เสด็จพี่รัชทายาทไม่พูดโกหก เขาเป็คนซื่อสัตย์ที่สุด"
"แต่อวี้อ๋องไม่ทำให้เ้าหรอก" ิ่จื้อรุ่ยจนปัญญา
เฉียวเยว่เอานิ้วชนกัน ทำหน้าเศร้า "ถึงแม้ว่าอยากกินของอร่อยมากๆ แต่นึกถึงใบหน้าของท่านพี่อวี้อ๋องแล้ว ข้าก็รู้สึกกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย"
พูดตามตรง อวี้อ๋องหน้าตาดีมาก ความหล่อของเขาเป็ความหล่อชนิดที่ทุกคนััได้
แต่คนแบบนี้กลับมีบุคลิกเฉพาะตัวที่แสนประหลาด เขามักทำตัวลึกลับ ผนวกกับข่าวลือสารพัดสารเพข้างนอก ก็ยิ่งทำให้เขาน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น
จะว่าไป เฉียวเยว่ก็รู้จักเขาเจ็ดแปดส่วนแล้ว ฮิฮิ ถึงท่านพ่อจะไม่ยอมพูด ก็มีคนอื่นพูดอยู่ดี ถึงแม้ว่าเื่อื่นนางจะเป็น้ำครึ่งขวด [3] แต่ทักษะการแอบฟังความข้างกำแพงนางกลับชำนาญยิ่ง
สองสามวันมานี้นางฟังเื่ราวของอวี้อ๋อง "ผู้เลื่องชื่อไปทั่วเมืองหลวง" มามากมาย
"เฉียวเยว่คนดี เอาอย่างนี้แล้วกัน ถึงแม้ข้าจะบอกให้ญาติผู้พี่ทำของอร่อยมาให้เ้าไม่ได้ แต่ข้าสามารถเอาของอร่อยจากในวังมาฝากได้ พรุ่งนี้ข้าจะส่งมาให้เ้าดีหรือไม่" รัชทายาทปลอบโยนเฉียวเยว่
"ข้าก็จะเอามาให้เ้าเหมือนกัน ดีหรือไม่?" ิ่จื้อรุ่ยพูดขึ้นบ้าง
เฉียวเยว่ไม่ใช่เด็กหัวรั้น นางยิ้มพยักหน้าแล้วลูบพุงน้อยๆ ของตนเอง "ดีเ้าค่ะ"
นางสะกิดฉีอัน "เก่งมากใช่หรือไม่? ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้กินขนมฝีมืออวี้อ๋อง แต่พวกเราก็หลอกเอาขนมมาจากรัชทายาทกับพี่จื้อรุ่ยได้"
"ซูเฉียวเยว่ นอกจากเื่กิน เื่อื่นเ้ารู้อะไรบ้าง" ซูซานหลางไม่รู้ว่าเข้ามาั้แ่ตอนไหน
"ั้แ่เข้าประตูมาข้าก็ได้ยินแต่เสียงเจื้อยแจ้วของเ้า เ้าอยากกินขนมของอวี้อ๋องเพียงนี้เชียวรึ?"
เฉียวเยว่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
ทว่านางก็เปลี่ยนมาส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว "ข้าขอปฏิเสธดีกว่า ข้ารู้สึกว่าเื่นี้เป็การขอหนังกับพยัคฆ์เกินไป"
ซูซานหลางหัวเราะพรืด "เ้าก็รู้เยอะเหมือนกันนี่"
เฉียวเยว่พยักหน้า "เพราะข้าฉลาดอย่างไรเล่า ฮิฮิ"
……
ค่ำวันนั้น ไท่ไท่สามได้ยินซูซานหลางเล่าให้ฟัง ก็เกลี้ยกล่อมเขา “ท่านอย่าพาบุตรไปในที่อันตรายเพียงเพื่อสนองตอบความ้าเื่ปากท้องเพียงเล็กน้อยของนางเลย ตอนนี้อวี้อ๋องเพิ่งกลับมา ไหนเลยจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ พวกเราอย่าเข้าไปใกล้ชิดนักดีกว่า ดูจะน่ากลัวเกินไป”
“อวี้อ๋องกลายเป็ปิศาจน่าพรั่นพรึงไปเสียแล้ว” ซูซานหลางถอนหายใจ
ไท่ไท่สาม “ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าไปแล้วกัน”
[1] นานิ เป็คำภาษาญี่ปุ่น แปลว่า อะไรนะ
[2] ขอหนังกับพยัคฆ์ อุปมาถึงการเจรจากับคนร้ายเพื่อขอแบ่งผลประโยชน์จากเขา
[3] น้ำครึ่งขวด ใช้อุปมาถึงคนที่ไม่เก่งจริง มีความสามารถเพียงครึ่งๆ กลางๆ แต่ก็ชอบโอ้อวด เหมือนน้ำครึ่งขวดถึงจะเขย่าเสียงดัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้