บทที่ 10: ซื้อทุกอย่างที่คิดได้
วันที่สามหลังจากหักโหมนั่งหน้าคอมพิวเตอร์สั่งสินค้าต่างๆ มาแล้วสามวันเต็มๆ ร่างกายของ หลินต้าเหนิง เริ่มประท้วงหนัก เธอจึงยอมทิ้งตัวลงบนเตียงเพื่อพักเพียง 4 ชั่วโมง พอตกสิบโมงตรง เสียงนาฬิกาปลุกดังกรีดขึ้น เธอก็สะบัดผ้าห่มอย่างกระฉับกระเฉง ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวทันที
วันนี้เธอลาพักร้อนจากโรงพยาบาล ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเดิมทีเธอแทบไม่เคยหยุดพักเลยตลอดหลายปี ยิ่งล่าสุดด้วยเหตุผลว่าต้องเตรียมตัวข้ามภพ (?) ไหนจะจัดการชีวิตให้เรียบร้อย เลยขอพักร้อนยาวรวดเดียวให้สะดวก
หลังโทรเช็กงานเรียบร้อย เธอก็เปิด ตู้เซฟ ประจำห้อง เพื่อดู “ทรัพย์สมบัติ” ต่างๆ ที่มีอยู่ นี่เป็่เวลาสำคัญเพราะเธออาจต้อง “ทิ้ง” ของหลายอย่างไว้ในโลกปัจจุบันและโยกย้ายสิ่งที่เป็ประโยชน์ติดตัวข้ามไปยังโลกโบราณ
1. การตรวจสอบทรัพย์สิน
หลินต้าเหนิง เป็เด็กกำพร้า เติบโตที่สถานเลี้ยงเด็กจนแสดงความอัจฉริยะด้านการแพทย์ออกมา จึงได้รับทุนสนับสนุนจนจบศัลยแพทย์ได้ด้วยวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปี จากนั้นเธอได้รับโอกาสร่วมผ่าตัดผู้ป่วยใหญ่ๆ มากมายและเป็ที่ยอมของแพทย์จากโรงพยาบาลชั้นนำมากมายในจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ หรือแม้แต่โรงพยาบาลในประเทศไทย เหล่าอาจารย์หมอทั้งหลายรู้จักเธอเป็อย่างดี และยังได้รับเชิญไปยังตะวันออกกลางในเคสใหญ่ๆ บางเคส เงินทองหลั่งไหลมาให้เธออย่างไม่น่าเชื่อ บวกกับบางรายที่พอหายจากอาการป่วยเพราะฝีมือเธอก็มอบรางวัลใหญ่และเงินก้อนโตให้กับเธอ
เมื่อเปิดสมุดบัญชีและเอกสารทุกอย่างดู เธอพบว่าเธอ มีเงินสดราว 80 ล้านหยวน พร้อม หุ้นอีกเกือบ 40 ล้านหยวน ที่เธอสามารถเทขายกลายเป็เงินสดได้ทันที พวกเครื่องประดับ เพชร ทองคำ เธอมีอยู่ไม่น้อย (ส่วนพระเครื่องโบราณที่นักการเมืองบางประเทศมีไว้ และตั้งมูลค่าขึ้นมาเองเป็ร้อย ๆ ล้านนั้นเธอไม่มี) เธอมีแค่ ของเก่า สะสมที่ตัวเธอเองหลงใหล แต่คิดไปคิดมา ถ้าจะข้ามภพไปยังยุคราชวงศ์ิ ของสะสมเ่าั้อาจไม่ค่อยมีค่าในฐานะเป็ “ของโบราณ” อีกแล้ว เพราะไปอยู่ในยุคนั้นของทั้งหมดจะกลายเป็ “ของใหม่” เสียมากกว่า
ท้ายที่สุด เธอตัดสินใจ แยกสมบัติ ออกเป็สองส่วน:
1. ส่วนที่จะยกให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า: พวกคอนโด ที่ดิน และของสะสมส่วนใหญ่
2. ส่วนที่เธอจะเก็บไว้เพื่อนำไปใช้ในโลกโบราณ: ทองคำบางส่วน เครื่องประดับราคาสูง แต่พกสะดวก
เธอรีบจัดแจง ขายหุ้น ต่างๆ เพื่อแปลงเป็เงินสด และเขียนจดหมายสั่งเสียชัดเจน ว่าหากเธอหายไป (ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะกลับได้อีกครั้ง แต่กันไว้ก่อน) ให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ดูแลเธอมาั้แ่เด็กได้รับมรดกครึ่งหนึ่ง เธอถอนหายใจแล้วปิดตู้เซฟ
จากนั้นก็การเตรียม “ลิสต์” ของที่จะขนไป หลินต้าเหนิงไปนั่งเปิด จี้กระจก เช็กพื้นที่ภายในอย่างละเอียด สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอประทับใจ คือ ข้าวของต่างๆ และอาหารที่เธอใส่ไว้ข้างใน จะถูกคงสภาพ ไม่บูดเน่าหรือเสียหาย บอกเลยว่าเป็คุณสมบัติสุดยอด ทำให้เธอคิดถึง “อาหาร” เป็อันดับต้นๆ เพราะยุคิอาจไม่สะดวกเช่นปัจจุบันแน่ ๆ
หลินต้าเหนิง (พึมพำ) :“แบบนี้พวกเนื้อสัตว์สดฉันก็เอาไปได้หมดสิ! จะได้ไม่ต้องอดกินเนื้ออร่อยๆ แถมยังแบ่งให้คนอื่นได้ด้วย” เธอคิดสนุกเมื่อลองใส่ความคิด “เนื้อสัตว์หลากประเภท” เข้าไป นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเอาไปแค่ไหน แต่จี้กระจกบอกว่าสามารถ เพิ่มจำนวน ได้ตาม้าถ้าเป็ของชนิดเดียวกัน เธอเลยตัดสินใจจัดหนัก
รายการอาหาร
นึกถึงว่าการหาน้ำสะอาดในยุคิอาจไม่ง่าย เธอจึงวางแผน สั่งถังเก็บน้ำขนาด 20,000 ลิตร ใส่น้ำดื่มสะอาดไปเป็สิบถังใหญ่ เพียงพอไว้ก่อน อย่างไรก็ดี ถึงแม้จี้กระจกจะ เพิ่มจำนวนได้แต่เธอขอเล่นเซฟด้วย เพราะไม่แน่ว่าจะมีข้อจำกัดบางอย่างหรือเปล่า?
หลินต้าเหนิง (หัวเราะกับตัวเอง) :“อย่าหาว่าฉันเว่อร์เลยนะ แต่จะไปอยู่ยุคโน้นเมื่อไรก็ไม่รู้… ไหน ๆ ก็มีเงินเก็บ ขอใช้มันแบบจัดเต็มจัดหนักเป็ครั้งสุดท้ายก่อนเหอะ!” ว่ากันง่ายๆ คือ เธอตั้งใจช้อปปิ้งทั้งวันทั้งคืน ส่งท้าย ชีวิตในโลกศิวิไลซ์นี้
วันนั้นเป็ วันที่สาม ของการช้อปปิ้งมาราธอน หลังเสร็จขั้นแรกคือจัดเตรียมทรัพย์สินต่างๆ และดื่มกาแฟเรียกความกระปรี้กระเปร่า หลินต้าเหนิงก็กดมือถือหาร้านขายเครื่องปรุงรส อาหารสำเร็จรูป และสั่งวัตถุดิบจำนวนมหาศาล
หลินต้าเหนิง เริ่มจับจ่ายคล้ายคนคลุ้มคลั่ง หากใครเห็นตะกร้าออนไลน์คงตาค้าง แต่เธอมีงบเหลือเฟือพร้อมใช้ อีกอย่างคือ
“จะได้หมดห่วงเื่กิน”
จิตใจเธอบอกว่าต้องจัดเต็มให้สมแก่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่
เวลาผ่านไปอีกทั้งวัน เย็นนั้น หลินต้าเหนิงจ่ายบิลไปเป็ตัวเลขหกหลัก ปล่อยก๊อกทองคำ (?) แบบไม่สะดุ้ง เธอถือคติ “สุดท้ายแล้วไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม” (ส่วนเพื่อนร่วมงานหรือคนสนิทอาจไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังจะหนีไปอีกโลก)
หลินต้าเหนิง (สายตาเป็ประกายแปลกๆ) :“สงสัยฉันต้องไปแวะซื้อทองคำอีกหน่อย จะได้ลองทดสอบว่าถ้าเอาไปใส่จี้กระจกแล้วเพิ่มจำนวนได้ไหมนะ?”
การคิดเื่นี้เล่นเอาเธอยิ้มกริ่ม เมื่อคืนยังเกือบอดหลับอดนอนจัดของ จนมาวันนี้ก็ยังช้อปต่อเหนื่อยไม่มีวันหมด แต่ในใจลึกๆ กลับมีความสุข บางทีชีวิตหมอที่เคยแต่ผ่าตัดทุกวัน พอได้ทุ่มเทเตรียมตัวข้ามภพเช่นนี้ก็ปลุกไฟผจญภัยในตัวเธอขึ้นมาอีกครั้ง
หลินต้าเหนิง (พึมพำกับตัวเอง) :“เดี๋ยวพอไปถึงยุคิจริงๆ ฉันจะมีเวลาว่างลองศึกษาอีกมาก… อืม หวังว่าจะได้ใช้ของที่ขนไปคุ้มค่าสักครึ่งหนึ่งนะ…”
ยามค่ำ เงาสลัวจากตึกสูงภายนอกทอดผ่านกระจกบานใหญ่ หลินต้าเหนิง นั่งพิงเบาะโซฟานุ่มในห้องเปิดไฟโคมสีส้มอ่อน เธอเหยียดเท้าสบาย ๆ ก่อนกดปุ่มปลดล็อกแท็บเล็ตอีกเครื่อง หยิบขึ้นมาไล่ดูหน้าเว็บข่าวล่าสุด
หลินต้าเหนิง (พึมพำ) :“เฮ้อ… การเมือง่นี้วุ่นวายอีกแล้วเรอะ” เธอปัดหน้าจออ่านหัวข้อข่าวสถานการณ์บ้านเมืองไปสองสามย่อหน้า สายตาเลิกคิ้วบ้าง ส่ายหน้าน้อย ๆ บ้าง จนจบบทความ จากนั้นจึงวางแท็บเล็ตลง ใช้มือลูบหน้าผาก คลายความมึนงง ก่อนพลิกสมุดจดรายการช้อปปิ้งที่วางอยู่ข้างตัว
ในหน้ากระดาษขาว มีรายการยาวเป็หางว่าว ั้แ่อุปกรณ์ประดิษฐ์ไฟฟ้า, ผ้าไหม, เครื่องหัตถกรรม, น้ำยาทุกชนิด ไปจนถึงอาหารสำหรับยามฉุกเฉิน …สะท้อนว่าหลินต้าเหนิงกำลังเตรียมตัวราวกับจะตั้งรกรากในที่ไกลโพ้น
หลินต้าเหนิง (หัวเราะหึ ๆ กับตัวเอง) :“ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าฉันกำลังเตรียมสัมภาระไปบุกดาวอังคาร… แต่จริง ๆ แล้วมันคือโอกาสครั้งใหญ่ ที่ฉันจะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง… ดีกว่าที่ฝันหรือแย่กว่าที่คาด ก็ยังไม่รู้ แต่ฉันถอยหลังไม่ได้แล้ว!”
หลินต้าเหนิง เอนหลังลงกับเบาะ จ้องเพดานอยู่ชั่วครู่ ก่อนเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่วางใกล้มือ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่า หมอหวังอี้เฉิน ชวนเธอไป คลินิกของหมอหยางหนิงอัน และพิพิธภัณฑ์บ้านตระกูลหยาง แต่ั้แ่เมื่อวานเธอยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรเพิ่มเติมจากเขาเลย
หลินต้าเหนิง (หยิบมือถือ) :“มัวแต่ยุ่งเื่จัดการทรัพย์สินกับสั่งของ… ลืมถามข่าวเขาไปเสียสนิทเลย สงสัยหมอหวังจะคิดว่าฉันปฏิเสธเขาแล้วหรือเปล่า…”
เธอไล่ปลายนิ้วกดหาเบอร์ หมอหวังอี้เฉิน ที่บันทึกในรายชื่อ จากนั้นเลื่อนสายตาไปจ้องรูปโปรไฟล์ของเขา พึมพำ
“นี่เป็เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ฉันสนิทใจ จะบอกเื่ทั้งหมดให้ฟัง…ดีไหมนะ?” เธอครุ่นคิดแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย: “ไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป”
ในที่สุด หลินต้าเหนิงก็ส่งสัญญาณโทรออก สายเสียงสัญญาณดัง “ตู๊ด…ตู๊ด…” สองสามครั้ง เธอรู้สึกใจเต้นนิด ๆ รอหมอหวังรับสาย ความสงสัยปะปนไปด้วยความว้าวุ่นเพราะถ้าเขาไม่โทรกลับมา แบบนี้เธอควรรุกถาม เื่ภาพหลอนที่เขาเจอชายโบราณหรือหมอเทวดาพันปีอะไรคนนั้นหรือไม่ หรือจะปล่อยไปเลยไม่ต้องพูดถึงอีก?
หลินต้าเหนิง (ทำใจสู้) :“โอ๊ย… ฉันน่าจะถามเขาให้รู้เื่ั้แ่เมื่อวาน ยุ่งจนลืมเขาไปสนิทเลย ถ้าหากฉันต้องไปยุคโบราณจริง ๆ การติดต่อสื่อสารกับเพื่อนคนนี้ก็คงสำคัญอยู่ เอาไงดีติดต่อยังไม่ได้เลย”
เสียงเรียกสายยังดังต่อเนื่อง กลางบรรยากาศเงียบสงบยามค่ำในห้องนั่งเล่น เหลือเพียงการลุ้นระทึกในหัวใจ ที่หลินต้าเหนิงหวังเพียงให้หมอหวังอี้เฉินรับสาย เปิดทางให้ได้ถามไถ่เื่ราวเกี่ยวกับหมอหยางหนิงอัน และชายในภาพหลอนของเขา… หรือบางที เธออาจอยากเล่าให้เขาฟังเื่ที่โคตรเหลือเชื่อ เื่กระจกวิเศษที่กำลังจะเปลี่ยนชะตาเธอไปตลอดกาลก็เป็ได้! หลินต้าเหนิงได้แต่นอนมองเพดาน ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัว จนในที่สุดเธอก็หลับไป...!!!

***อยากถามรีดว่ายังมีอะไรที่ขาดอีกมั้ย บอกไรท์มาด้วยค่ะ…555”ไปช้อบต่อดีกว่า***
