Chapter 28
"เมี๊ยว~"
กรีนที่กำลังนอนหลับพักผ่อน ได้ยินเสียงร้องของเ้าเหมียวั้แ่เช้าตรู่ พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าเ้าแร็กดอลล์ตัวน้อยกำลังปีนอยู่บนอกเขาแล้ว
"อื้ม ป๋าย ว่าไงครับ?" กรีนถามขึ้นมาด้วยเสียงงัวเงีย ๆ
"เมี๊ยว ๆ"
'อย่าลืมสัญญาซี่ ตื่น ๆ ๆ'
"โอเค ๆ ไม่ต้องร้องแล้ว" แขนของกรีนรวบกอดเข้าที่ลำตัวสวย ๆ และขนฟู ๆ ของเ้าแมวตัวน้อย กดจมูกลงที่ใบหูนิ่ม จากนั้นก็อุ้มมันไปไว้ที่ว่างข้าง ๆ เตียงทันที
"มาปลุกพี่แล้วทำไมเธอไม่รีบไปอาบน้ำแต่งตัวครับ?"
"เหมียว"
'ใช่! เค้าต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัว!'
เ้าแมวตัวน้อยส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความใ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปจากห้องของกรีนทันที คนที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู กรีนส่ายหัวเบา ๆ จากนั้นก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไป
เป็เช้าของวันธรรมดา ๆ อีกวันหนึ่ง หลังจากที่กรีนได้เห็นฝีไม้ลายมือในการวาดรูปของป๋ายแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะให้ป๋ายมาวาดรูปเป็การ์ดเล็ก ๆ ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการร้านเครื่องหอมของเขา ซึ่งตามที่ได้ถามความเห็นของคนตัวเล็กแล้ว ตัวป๋ายเองก็ยินดีที่จะทำ
จึงเป็สาเหตุที่เ้าเหมียวตัวน้อยเข้ามาปลุกเ้านายของเขาั้แ่เช้า เพราะวันนี้กรีนสัญญาว่าจะพาอีกคนไปซื้ออุปกรณ์สำหรับงานศิลปะต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเรียนและไม่ได้รู้จักอุปกรณ์สำหรับงานศิลปะทุกชิ้น แต่ด้วยความชอบ คนตัวเล็กก็เปิดดูคลิปวิดีโอตามอินเตอร์เน็ตอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ได้ซึมซับอะไรหลาย ๆ อย่างมาพอสมควร และกรีนคิดว่าถ้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของอีกคนมากจนเกินไป ก็อยากจะให้ไปเรียนเพิ่มเติม เผื่อว่าจะสนุกกับมันได้มากขึ้น
เ้าแร็กดอลล์สีขาวตัวน้อยที่ตอนนี้ได้กลายร่างกลับมาเป็มนุษย์เรียบร้อยแล้วก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวทันที คนเป็เ้านายก็เช่นกัน ใช้เวลาเตรียมตัวกันไม่นานก็เรียบร้อยทั้งคู่
"ไปเลยไหม ๆ" หลังจากที่ก้าวออกจากห้องนอนของตัวเองมา คนตัวเล็กก็ถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
"ไปเลยก็ได้ครับ ถ้าซื้อเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่พาเข้าร้านเลย" ป๋ายพยักหน้ารับคำของกรีน
"ตัวเล็ก หางโผล่แล้วนั่น" น้องเลิกคิ้วขึ้นหลังจากที่กรีนบอกว่าหางของเขาโผล่ออกมา ก่อนจะอธิบายให้กรีนฟัง
"คือว่า เค้าตื่นเต้นมาก พอมาเป็มนุษย์มันก็โผล่ออกมาเองเลย เค้าพยายามทำสมาธิให้มันกลับเข้าไปแล้ว แต่มันก็ไม่ยอมเข้าไป เค้าเลยใส่ชุดที่มีช่องหาง ไปแบบมีหางได้ใช่ไหมพี่กรีน?"
"ได้ครับ" กรีนได้แต่หัวเราะในลำคอเพราะเอ็นดูอีกคน จากนั้นก็เดินนำออกไปหน้าบ้านทันที
กรีนเดินนำมาที่โรงจอดรถในบ้าน กดเปิดรถจากรีโมทและเปิดประตูเข้าไปในรถทันที เวลาที่ขึ้นรถทีไรกรีนก็จะนึกถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองในข้อนี้ทุกที ความเปลี่ยนแปลงที่ว่า คนที่เคยรำคาญรถ รำคาญถนน รำคาญการสัญจรที่ติดขัดอยู่บ่อยครั้ง ในตอนนี้กลับใช้รถส่วนตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่อยากจะให้เ้าแมวน้อยของเขาไม่ตื่นตระหนกเวลาออกไปข้างนอก ได้รับความเป็ส่วนตัว เหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรเลย นอกจากป๋าย
"ยิ้มอะไรขนาดนั้น?" กรีนถามออกไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน หลังจากที่เห็นคนน้องยิ้มไม่หยุด
"เมื่อคืนเค้านอนดึกแหละ ดูปากกา สี กระดาษไว้เยอะมาก ๆ บางอันเค้าก็ใช้เป็นะ แต่ว่าบางอันไม่เคยเห็นเลย พอเค้าดูวิดีโอที่มีคนวาดโชว์แล้วสวย เค้าก็ถ่ายรูปตรงหน้าจอไว้ ซื้อหมดเลยได้ไหมพี่กรีน" คนตัวเล็กเจื้อยแจ้วออกมา
"ได้สิ เธออยากได้หรืออยากลองอันไหนก็บอก"
หลังจากพูดจบและคนตัวเล็กพยักหน้ารับเรียบร้อยแล้ว มือเล็กก็กดรีโมทเพื่อเปิดประตูรั้วของบ้านทันที เหมือนว่าจะกลายเป็หน้าที่ประจำไปแล้วสำหรับตำแหน่งการเปิดประตูบ้าน ผู้มอบหน้าที่นี้ให้ก็ไม่ใช่ใครนอกจากเ้าของบ้าน เพราะในตอนที่สอนป๋ายเปิดประตูครั้งแรก อีกคนดูสนุกกับมันมาก ๆ จนอยากให้ได้ทำบ่อย ๆ และเหมือนเ้าแมวน้อยเองก็จะชอบมันอยู่ทุกครั้ง
รถประจำตัวกรีนค่อย ๆ ถอยออกมาจนพ้นขอบประตูรั้ว จากนั้นป๋ายก็กดรีโมทเพื่อปิดประตู เป็เหมือนทุกครั้งที่ทั้งคู่จะจอดรอจนกว่าประตูรั้วจะปิดสนิท ถึงแม้ว่าจะเป็ระบบที่ถูกสั่งทำมาอย่างดีสำหรับประตูรั้วอัตโนมัติ แต่ก็ไว้ใจความขัดข้องของเทคโนโลยีไม่ได้ จนต้องคอยเช็คอยู่เสมอว่ามันทำงานจนเสร็จสิ้นแล้วหรือยัง ถึงจะวางใจที่จะออกไป และเมื่อประตูรั้วบ้านปิดถึงสนิท กรีนก็ออกรถทันที
สถานที่ที่เลือกพาคนตัวเล็กไปซื้ออุปกรณ์สำหรับงานศิลปะของเขา ก็คือห้างที่เคยพาไปอยู่บ่อย ๆ เพราะกรีนอยากให้อีกคนเลือกด้วยความสบายใจ ไม่อยากให้รู้สึกแปลกที่แปลกทาง เลยเลือกสถานที่ที่น้องเคยไปแล้ว อีกอย่างคือห้างที่กำลังจะไปอยู่ไม่ห่างจากบ้านและร้าน ทำให้เดินทางสะดวกมาก ๆ
ห้างสรรพสินค้า
พอจอดรถบริเวณที่จอดรถของห้างเรียบร้อยแล้ว กรีนและป๋ายก็เดินเข้าสู่ตัวห้างทันที เป้าหมายแรกของวันไม่ใช่การซื้ออุปกรณ์ศิลปะของคนน้องแต่อย่างใด แต่มันคือการไปหาอะไรกินในมื้อเช้าของทั้งคู่ยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะตื่นมาก็รีบอาบน้ำและเตรียมตัวมาที่ห้างทันทีก่อนคนจะเยอะ
ร้านอาหารที่เป็เป้าหมายคือร้านอาหารสำหรับคนและแมว กรีนมองหาสัญลักษณ์หน้าร้านที่มีทั้งรูปของคนและแมวอยู่ทั้งคู่ เนื่องจากสัญลักษณ์นั้นจะเป็สัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าร้านอาหารร้านนี้มีอาหารสำหรับเ้าเหมียวหรือไม่
สิ่งที่ต้องระวังอีกหนึ่งอย่างสำหรับการเลือกร้านอาหารของทั้งคู่ คือถ้านึกถึงคนตัวเล็กแล้วก็ต้องนึกถึงร้านที่มีอาหารแมวอยู่ด้วย แต่ถ้านึกถึงคนพี่ก็ต้องนึกถึงร้านที่มีโซนแยกอย่างชัดเจนสำหรับคนที่แพ้ขนสัตว์ ซึ่งทางการบังคับให้ร้านอาหารทุกร้านแจ้งอย่างชัดเจนว่ามีโซนแยกสำหรับคนที่แพ้ขนสัตว์หรือไม่ และนั่นก็เป็อีกอย่างสำหรับร้านอาหารที่กรีนมองหา พอเจอประเภทร้านที่ถูกใจก็เดินเข้าไปทันที
"สวัสดีค่ะลูกค้า ้าโต๊ะสำหรับแมวหรือครึ่งทางไหมคะ?" ถึงแม้ว่าจะงงกับคำถามของพนักงานต้อนรับ แต่กรีนก็ตอบกลับไปในทันที
"ครับ"
หลังจากที่กรีนตอบรับคำของพนักงาน เธอก็พาทั้งคู่ไปที่โซนด้านในสุดของร้าน และกรีนก็เข้าใจในทันทีว่าโต๊ะสำหรับแมวหรือครึ่งทางคืออะไร เพราะโซนที่ทั้งคู่ถูกพามา เป็โซนที่บนโต๊ะหรือบริเวณรอบ ๆ โต๊ะจะมีของเล่นสำหรับเ้าเหมียวอยู่ทุกโต๊ะ และด้วยความที่เป็ร้านอาหารสำหรับคนที่แพ้ขนแมว โต๊ะแต่ละโต๊ะจะเป็โซนและถูกกั้นอย่างปลอดภัย
"เชิญดูเมนูอาหารก่อนนะคะ อีกสักครู่พนักงานจะมารับออเดอร์ค่ะ"
พนักงานยื่นสมุดเมนูอาหารให้และพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม กรีนรับสมุดเมนูอาหารมาถือไว้และก้มหัวขอบคุณพนักงานเล็ก ๆ ส่วนอีกคนก็มัวแต่สนใจของเล่นที่อยู่รอบโต๊ะ
"ป๋ายป๋าย เลือกอาหารก่อนครับ"
"พี่กรีน ๆ มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ? เค้าเพิ่งรู้เลยนะเนี่ย"
"พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน"
ทั้งคู่ยิ้มกว้างออกมาให้กันทันที เพราะต่างก็เป็ประสบการณ์ใหม่ของทั้งกรีนและป๋าย ป๋ายเองที่เพิ่งจะเคยออกมาเจอโลกภายนอกได้ 3 เดือน กับกรีนเองที่ก็เพิ่งเคยจะเลี้ยงแมวได้ 3 เดือนเช่นกัน จึงไม่เคยได้รับรู้เลยว่ามีร้านอาหารที่บริการแบบนี้อยู่ ซึ่งปกติของเล่นจะเห็นได้แค่ตามคาเฟ่แมว ที่มีเฉพาะขนมหรือของกินที่ไม่ใช่อาหารจานหลัก
ในตอนที่เลือกเดินเข้ามาร้านนี้ กรีนก็คิดว่าเป็ร้านอาหารธรรมดา เพราะการตกแต่งค่อนข้างหนักไปทางความหรูหรา ไม่คิดว่าเดินเข้ามาลึก ๆ แล้วจะเจอกับอะไรน่ารัก ๆ แบบที่กำลังเห็นอยู่
และแน่นอนว่าเขาดีใจมากที่ได้ค้นพบอะไรแบบนี้ เพราะระหว่างมองไปที่คนตรงข้าม เขาก็ได้เห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นเพราะความตื่นเต้นและสนุกที่ได้เจอของเล่นใหม่ ๆ
"เลือกอาหารก่อนครับ ค่อยเล่น"
กรีนบอกกับอีกคนให้เลือกอาหารก่อน ตัวเขาเองก็เช่นกันที่กำลังเปิดสมุดเมนูอาหารอยู่ในตอนนี้ เลือกอาหารที่ชอบไว้ในใจ รอพนักงานมารับออเดอร์ พลางคิดไปว่าร้านนี้คงจะเป็หนึ่งในร้านโปรดที่จะมาอีกบ่อย ๆ ในอนาคต เพราะเป็ร้านที่รองรับทั้งมนุษย์แมวอย่างป๋าย รองรับทั้งมนุษย์ที่แพ้ขนสัตว์อย่างตัวเขา แถมยังมีบริการน่ารัก ๆ อีก
ผ่านไปสักพักพนักงานก็เดินมารับออเดอร์ตามที่บอกไว้ กรีนและป๋ายสั่งอาหารสำหรับตัวเองไป 2-3 อย่าง รวมทั้งเครื่องดื่มด้วย พนักงานจดออเดอร์เรียบร้อยแล้วก็เดินกลับไปส่งออเดอร์ให้ส่วนครัวของร้านทันที และแน่นอนว่าหลังจากที่จัดการเื่อาหารเรียบร้อย คนตัวเล็กก็หันไปสนใจของเล่นที่อยู่ตามโต๊ะทันที
"ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ?" กรีนถามคนตรงข้ามที่กำลังยิ้มไม่หุบอยู่ตอนนี้
"มาก ๆ ๆ"
"แล้วของเล่นกับพี่ชอบอะไรมากกว่ากัน?" คนที่กำลังโฟกัสกับของเล่นสำหรับเ้าเหมียวถึงกับชะงักและเงยหน้ามามองคนตรงหน้าทันที
"อะไรของพี่กรีนเนี่ย"
"เขินอะไร? พี่แค่ถามเอง เข้าร้านมายังไม่เห็นมองหน้าพี่เลย สนใจแต่ของเล่น"
"พี่กรีนงอนเค้า" กรีนยักไหล่แสดงความไม่รู้ไม่ชี้
"พี่กรีนแบมือมาข้างหน้าสิ" ป๋ายพูดขึ้น จากนั้นกรีนก็ส่งมือมาที่ด้านหน้าของป๋ายทันที คางของคนตัวเล็กส่งไปวางไว้ที่ฝ่ามือของคนพี่แล้วถูไถไปมา
"อ้อนเอาอะไร หื้ม?" ถึงแม้ว่าจะตั้งคำถาม แต่กรีนก็ปล่อยให้น้องทำตามใจชอบอยู่แบบนั้นไม่ได้ชักมือกลับ
"แค่จะบอกว่าชอบเล่นอันนี้ที่สุด"
"เข้าใจพูดนะ" มือหนาที่ในตอนแรกเป็ที่ตั้งของคางของคนตัวเล็ก ตอนนี้กลับพลิกขึ้นมาเพื่อบีบแก้มน้องเบา ๆ ด้วยมันเขี้ยว
หลังจากที่กินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเป้าหมายในห้างส่วนต่อไปก็คือส่วนของอุปกรณ์ศิลปะ ที่เป็เป้าหมายหลักของวันนี้ กรีนพาคนตัวเล็กขึ้นลิฟท์มาที่ชั้นบนของห้าง เนื่องจากโซนที่เป็โซนของอุปกรณ์งานศิลปะโดยเฉพาะอยู่ที่ชั้นบนสุด เป็โซนที่ต้องแยกออกมาและถือว่าเป็อีกโซนที่ใหญ่มาก ๆ ในห้าง
อันที่จริงในห้างจะมีร้านเครื่องเขียนหรือร้านหนังสือ ที่มีอุปกรณ์ศิลปะบางชนิดขายอยู่ที่ชั้นล่างอยู่แล้ว แต่จะเป็อุปกรณ์แบบทั่วไป สำหรับ้านี้ ถือเป็โซนที่ศิลปินหลายคนเลือกที่จะเดินทางมาเพื่อซื้อของโดยเฉพาะ เพราะไม่ได้มีเพียงแค่การซื้อขายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนิทรรศการ งานศิลปะที่ตั้งโชว์ และยังมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านศิลปะโดยเฉพาะอยู่ที่โซนนี้ด้วย
แน่นอนว่าเหตุผลที่กรีนเลือกที่จะขึ้นมา เพราะตัวเขาเองอยากให้คนตัวเล็กได้เลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ เผื่อว่าถ้าน้องชอบใช้อุปกรณ์ชนิดไหน แต่ว่ามันให้คุณสมบัติมาได้ไม่เต็มที่ ก็คงเสียดายน่าดูที่ล้มเลิกที่จะใช้อุปกรณ์ชนิดนั้นไป และตัวกรีนเองก็ไม่ได้รู้เื่ศิลปะมาก โดยเฉพาะงานศิลปะที่เกิดจากการวาด เพราะงานศิลปะที่กรีนใกล้ชิดมากที่สุด ก็มีแค่การตกแต่งในร้านหรือบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของร้านเท่านั้น ถ้าเป็งานวาด กรีนแทบจะไม่รู้อะไรเลย เลยอยากให้คนตัวเล็กถูกแนะนำจากคนที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ
"เธอลองเดินเลือกนะครับ ไม่แน่ใจว่าอันไหนใช้ยังไงเดี๋ยวพี่จะพาไปถาม" ป๋ายพยักหน้าตอบรับและเดินเลือกของด้วยความตื่นเต้น
กรีนที่ยืนดูก็เห็นว่าคนน้องเลือกอุปกรณ์แต่ละชนิดด้วยความคิดที่เยอะมาก เพราะยืนดูมันอยู่หลายนาทีกว่าจะหยิบใส่รถเข็นมาแต่ละอย่าง
"เลือกสีไม่ได้ก็เอามาทุกสีเลยป๋ายป๋าย" คนพี่ที่เห็นว่าน้องกำลังหยิบสีเข้าและออกตะกร้าอยู่หลายครั้งพูดขึ้นมา
"ไม่เอา มันแพงมาก ๆ พี่กรีนดูสิ" ป๋ายทำหน้างอและชี้ที่ป้ายราคาให้กรีนมอง
"ไม่เป็ไร ซื้อได้ครับ เอามาให้หมดเลยก็ได้ เธอยังไม่เคยลองนี่ครับ อาจจะชอบก็ได้นะ"
หลังจากที่พูดออกไป ป๋ายก็ยิ้มและเดินไปหยิบสีตามความชอบทันที ถามว่าหยิบทุกสีหรือเปล่า ก็ต้องตอบเลยว่าไม่ เขาเลือกเฉพาะสีที่เป็โทนที่ถนัดจะวาดเท่านั้น
ที่กรีนพูดออกไปก็เพราะอยากให้น้องได้ลองทุกอย่างถ้าเป็ไปได้ เงินที่เขาเก็บมาั้แ่เริ่มทำงาน ก็เพื่อสิ่งนี้ เพื่อแมวหรือครึ่งทางที่เขาจะรับมาเลี้ยง ภาพที่เคยคิดหรือจินตนาการไว้ในอดีต ในตอนนี้มันก็เกิดขึ้นจริงแล้ว เงินที่เขาเคยคิดว่าจะเก็บเพื่อให้บรรดาแมวได้ใช้อย่างไม่เสียดาย วันนี้มันก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน
เพราะว่ามีกำลังทรัพย์ที่มากพอสมควร เลยคิดแบบนี้ได้ กรีนรู้ว่าอุปกรณ์บางชนิดที่ให้คนน้องซื้อไป สักวันมันจะต้องถูกวางไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้มันอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น คือกรีนอยากให้น้องได้ลองมันก่อน ชอบหรือไม่ชอบมันเป็เื่ของอนาคต และนั่นคือเป้าหมายที่กรีนอนุญาตให้น้องหยิบทุกอย่างที่อยากได้ ก็คือได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบมัน และถ้าได้รู้แล้ว ก็พร้อมจะสนับสนุนน้องต่อไปเรื่อย ๆ
ความสุขในชีวิตประจำวันของเขามันก็เท่านี้แหละ
ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะต้องใช้เงินหรือไม่ใช้เงินก็ตาม
ขอแค่คนตรงหน้าเขายิ้มได้ก็พอแล้ว
ร้านเครื่องหอม Your Cart
"เกรซ หาร้านทำประตูให้พี่หน่อย" เวย์พูดขึ้นมา
"จะเปลี่ยนอะไรเหรอพี่เวย์?"
"ประตูร้านนี่แหละ จะได้ใช้ประตูอัตโนมัติกับชาวบ้านเขาสักที" เกรซถึงกับยิ้มให้กับคำตอบของเวย์ เพราะนี่เป็สิ่งเดียวในร้านที่ยังไม่ถูกพัฒนาสักทีหลังจากที่เปิดร้านมา ไม่ใช่ว่า้าความหรูหราหรืออะไร แต่ก็เพื่อความสะดวกในการใช้บริการของลูกค้า ที่จะได้ไม่ต้องคอยมาผลักหรือดันประตูเวลาเข้าออกร้าน
กริ๊ง ๆ ๆ ~
เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่บริเวณประตูดังขึ้น ปรากฏร่างของกรีนและแมวน้อยประจำตัว ที่กำลังหิ้วของพะรุงพะรังทั้งเ้านายและเ้าเหมียว เพราะเห็นดังนั้น ทั้งเวลาเกรซก็ไปช่วยโดยอัตโนมัติทันที
"จะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้ไง" เวย์หันไปหัวเราะกับเกรซที่เห็นภาพตัวอย่างของความลำบากทันทีที่กำลังคุยกันเื่เปลี่ยนประตู
"อะไรวะ?"
"กูกำลังคุยกับเกรซเื่เปลี่ยนประตู"
"เออ ถึงเวลาแล้วแหละ"
ทั้ง 4 คนเดินเข้าไปในห้องทำงานของกรีนเพื่อวางของทั้งหมดที่ซื้อมาจากห้าง พอวางเรียบร้อยแล้ว เกรซและเวย์ก็เดินออกจากห้องไปทันที
"ตัวเล็ก พี่มีคุยธุระนิดหน่อย เธออยู่ในห้องนี้ไปก่อนนะ จะวาดอะไรก็ตามสบายเลย แต่ระวังอย่าให้เลอะด้วยนะครับ" กรีนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม หยิบเอกสารเล็กน้อย แวะกดจมูกลงที่กลุ่มผมนิ่มของคนตัวเล็กก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
"กูว่าพอจะมีคนช่วยเราได้นะ" หลังจากที่กรีนเดินมาในห้องของเวย์เรียบร้อยแล้ว เวย์ก็เริ่มเปิดบทสนทนาทันที
"ใครวะ?"
"กูไม่รู้ว่าเขาจะเป็พวกไหนว่ะ ถ้าเราไปพูดขอความช่วยเหลือ แล้วเขาเป็พวกของมัน ก็จบ"
"มึงหมายถึง?" กรีนขมวดคิ้วทันที
"คุณมิเกล"
"คุณมิเกล?"
"เออ มึงก็เห็นว่าเขามีของแพง ๆ ใช้มากขนาดไหน แปลว่านั่นเป็ครึ่งทางคนรวยชิบหายเลยนะเว้ย แน่นอนว่ามีเงินก็แสดงว่ามีอำนาจระดับนึง"
"คุณเขาจะโอเคเหรอวะไอ้เวย์?"
"กูถึงบอกให้ลองถามนี่ไง แต่ถ้าถามปุ๊บ แล้วสุดท้ายเขาเป็ฝั่งเดียวกับพวกบัตเลอร์ก็จบ"
"แม่ง ทำไมต้องคอยระวังว่าจะมีคนของมันตลอดเวลาเลยวะ คนเหี้ยแม่งจะกว้างขวางอะไรหนักหนา"
"ใจเย็น กูให้มึงตัดสินใจเองว่าจะลองบอกหรือเปล่า"
"มึงลองโทรเรียกคุณมิเกลมาได้ไหม?"
"ตอนนี้? ป๋ายอยู่นะ"
"เออ ไม่ตีกันหรอก อีกอย่างกูบริสุทธิ์ใจ เรียกมาคุยธุระ ไม่มีอะไรสักหน่อย"
เวย์พยักหน้ารับหลังจากได้ยินคำยืนยันของกรีน จากนั้นก็รีบต่อสายหามิเกล เริ่มด้วยคำถามที่ว่าวันนี้ฝ่ายนั้นมีเวลาว่างหรือเปล่า ทั้งคู่ไม่ติดถ้าจะให้ออกไปหา แต่กลับกลายเป็ว่าทางมิเกลกำลังจะเข้ามาเลือกน้ำหอมเพื่อเป็ของขวัญของคนรู้จักพอดี เลยสะดวกที่เข้ามาคุยธุระที่ร้าน
รออยู่สักพักรถคันหรูก็จอดที่หน้าร้าน ไม่นานมิเกลก็เดินลงจากรถและเข้ามาในร้าน เกรซกล่าวทักทายและเชิญมิเกลเข้าไปในห้องทำงานของเวย์ทันที เพราะว่าเวย์ได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่ามิเกลจะเข้ามาและมีธุระจะคุยด้วย
"สวัสดีครับคุณมิเกล" กรีนและเวย์เอ่ยทักทายแขกทันทีที่เดินเข้ามาในห้องทำงาน
"สวัสดีครับคุณกรีน คุณเวย์" ฝ่ายผู้มาเยือนก็เอ่ยทักทายกลับด้วยรอยยิ้มทันที
ใจของกรีนเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาหวังอยู่ในใจทุกนาทีั้แ่เวย์เสนอให้มิเกลช่วย หวังว่ามิเกลจะไม่ใช่พวกของบัตเลอร์ แผนของกรีนก็คือ จะลองถามมิเกลไปก่อนว่ารู้จักกับตระกูลบัตเลอร์หรือพอลบัตเลอร์หรือเปล่า จากนั้นก็ต้องรอดูปฏิกิริยาหรือคำพูดของมิเกลว่าจะไปในทางไหน
"ผมขอเข้าเื่เลยนะครับ คุณมิเกลรู้จักกับพอล บัตเลอร์หรือเปล่า?" หลังจากที่กรีนถาม มิเกลก็เลิกคิ้วขึ้นทันที
"เกรซ พี่กรีนทำงานอยู่เหรอ?" คนตัวเล็กที่กำลังนั่งวาดรูปถามเกรซขึ้น
"คุยธุระกับพี่เวย์อยู่นะป๋าย คุณมิเกลเพิ่งมาเมื่อกี้นี้เอง"
"คุณมิเกล? มาทำไม?" เ้าแมวตัวน้อยถามขึ้นเสียงอ่อน มาพร้อมกับคิ้วที่เริ่มจะคิ้วขมวด
"คุยธุระกันมั้ง เกรซเอาของว่างเข้าไปให้เมื่อกี้หน้าเครียดกันมาก ๆ เลยแหละ"
"แล้ว ๆ ๆ คุณมิเกลอะไรนั่นไปนั่งใกล้พี่กรีนไหมนะ?"
"555555 ป๋าย" เกรซหัวเราะขึ้นทันที หลังจากที่รู้ว่าจุดประสงค์ในการถามของป๋ายคืออะไร
"อะไรเล่า เค้าจริงจังนะ!" ป๋ายเบะปากทันที
"โอเค ๆ ถามว่าใกล้ไหม มันก็ไม่ได้ใกล้หรอก แต่ห้องทำงานมันก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นนะ"
"ชิ"
'เค้าแปะไว้ก่อนแล้วกันนะ เห็นเกรซบอกหน้าเครียด คงกำลังคุยเื่สำคัญ เค้าจะพยามยามเป็แมวที่ดีและมีเหตุผล ไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ก็จะน้อยใจนิดนึงก็แล้วกัน'
"มาสั่งขนมกับเกรซดีกว่า พี่ ๆ เขาคงคุยธุระกันนั่นแหละ"
"ก็ได้ เค้าจะกินขนมถึงเข็มสั้นชี้เลข 3 พี่กรีนต้องออกมาทันทีนะเกรซ"
"เกรซก็ไม่รู้สิ แต่ถ้าพี่ ๆ เขายังไม่เสร็จธุระก็ต้องให้พี่เขาคุยกันต่อนะป๋าย ถ้ามันสำคัญจริง ๆ ต้องห้ามขัดขวาง"
"เค้าไม่ขัดขวาง แต่ต้องนั่งห่างกันเยอะ ๆ"
'คุณมิเกลอะไรนี่เผลอไม่ได้เลย มาหาพี่กรีนของเค้าตลอด แต่จะให้สร้างความวุ่นวายก็ไม่ได้ เดี๋ยวพี่กรีนจะว่า หึ้ย! เหมียวหงุดหงิด! แบบนี้ต้องกินเค้ก 8 ชิ้น!'