Chapter 29
"ผมขอเข้าเื่เลยนะครับ คุณมิเกลรู้จักกับพอล บัตเลอร์หรือเปล่า?" หลังจากที่กรีนถาม มิเกลก็เลิกคิ้วขึ้นทันที กรีนกับเวย์เองก็แทบจะกลั้นใจในขณะรอคำตอบ
"อ๋อ ตาแก่บ้าอำนาจนั่น" และทันทีที่มิเกลพูดออกมา กรีนกับเวย์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง
"ค่อยยังชั่ว"
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ?" มิเกลเลิกคิ้วขึ้น
"พอดีผมมีเื่อยากจะขอความช่วยเหลือสักหน่อย"
ในตอนแรกที่กรีนลังเลมาก ๆ ว่าจะเล่าเื่ของป๋ายให้อีกฝ่ายฟังดีหรือเปล่า แต่ก็ต้องจำใจเล่า ถึงแม้ว่าจะไม่อยากเปิดเผยเื่นี้กับใครยกเว้นคนใกล้ชิด แต่ยังไงคนที่จะเข้ามาช่วยก็ต้องรู้เื่ก่อนอยู่ดี และอีกอย่าง ตัวมิเกลเองก็เป็ครึ่งทาง กรีนเองก็หวังว่าคงจะเข้าใจความรู้สึกกันได้ไม่ยาก
พอเริ่มแน่ใจว่าตัวมิเกลเองไม่ได้เป็พรรคพวกเดียวกับบัตเลอร์ กรีนก็เริ่มเล่าเื่ราวเกี่ยวกับป๋ายให้ฟัง ั้แ่ที่เจอกันครั้งแรก จนวันที่ตัดสินใจเอาป๋ายเข้ามาเลี้ยง ทางมิเกลเองก็ใอยู่ไม่น้อยที่ได้ยิน
ถึงแม้ว่ามิเกลเองจะได้ยินชื่อเสียงของบัตเลอร์ในทางที่ไม่ดีมาเยอะ แต่สิ่งที่ตัวเขาเคยได้ยินมา จะมีก็แต่เื่เกี่ยวกับธุรกิจ การวางอำนาจ หรืออะไรทำนองนี้ ที่เกี่ยวกับอิทธิพลในเมือง แต่สำหรับเื่การทำร้ายร่างกายหรือการทารุณกรรม ตัวมิเกลเองยังไม่เคยได้ยินมาก่อน และก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะเขาได้ยินมาว่าพอล บัตเลอร์เป็คนที่ตามใจและสปอยล์ครอบครัวมาก เขาคิดว่าคงจะรวมไปถึงครึ่งทางหรือแมวที่รับเลี้ยงด้วย คิดมาตลอดว่าแมวที่บ้านนั้นคงจะเป็แมวที่ถูกตามใจอยู่บ่อย ๆ ถูกดูแลด้วยอาหารแพง ๆ แต่พอได้ยินเื่นี้ก็หดหู่อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสิ่งนี้มันเกิดขึ้นกับคนที่เขารู้จัก
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รู้จักกันมานาน แต่ตัวมิเกลเองก็เอ็นดูป๋ายอยู่ไม่น้อย ด้วยความน่ารัก ไร้เดียงสา ที่ตัวมิเกลเองแทบจะไม่มี เพราะเขาใช้ชีวิตเหมือนกับมนุษย์คนหนึ่ง ทั้งช่วยผู้รับเลี้ยงทำงาน ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะทำมันได้ไม่เต็มที่เพราะว่าเป็ครึ่งทางและพลังงานน้อย แต่ทุกวันนี้เขาแทบจะทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมด มิเกลถูกฝึกมาให้เป็แบบนั้น เพราะอยู่ในครอบครัวที่เป็ตระกูลใหญ่ มีความถือตัวสูง
"เกลอยากจะช่วยมาก ๆ เลยนะคุณกรีน คุณเวย์ แต่เกลไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากขนาดไหน ถ้าจะให้เกลช่วย เกลคงช่วยได้แค่ในมุมของเกลเอง เกลไม่กล้าไปพึ่งครอบครัวที่เลี้ยงเกลมาจริง ๆ" มิเกลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อน ๆ
"ผมเข้าใจครับ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว"
"ไม่ใช่ว่าเกลไม่กล้าไปพูดกับที่บ้านนะครับ แต่ที่บ้านเกลก็ถือว่าทำงานในแวดวงนั้นเหมือนกัน เกลไม่รู้ว่าเขาเป็พวกเดียวกับบัตเลอร์หรือเปล่า"
"แล้วคุณมิเกลเคยเจอบัตเลอร์บ้างหรือเปล่าครับ?" เวย์ตั้งคำถามขึ้นมา
"เคยเจออยู่บ้างครับ พอลเคยมาที่บ้านเกลหลายครั้งเหมือนกัน"
"แล้วเขารู้จักคุณมิเกลไหม?"
"คิดว่ารู้นะครับ เพราะเกลรายชื่ออยู่ในบริษัทของที่บ้าน เขาก็คงพอได้ยินบ้าง"
หลังจากที่ได้รับรู้ข้อมูลของกันและกันมากขึ้น ทั้ง 3 คนก็ตัดสินใจที่จะเริ่มวางแผนทันที แน่นอนว่าคนที่เสนอคือกรีน พูดตามตรงเขากลัวมาก กลัวว่าน้องจะถูกส่งกลับไป กลัวว่ามันจะเหลือเวลาให้อยู่ด้วยกันอีกนิดเดียว สำหรับเื่นี้มันไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว และถ้าหากว่ามันถึงเวลานั้น ทั้งตัวกรีนและป๋ายเองจะต้องถูกตัดสินว่าผิดอย่างแน่นอน เพราะเื่ที่พวกเขาทำ ถึงแม้ว่ามันจะดีต่อทั้งคู่ แต่มันเป็สิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ทางด้านคนตัวเล็กที่หงุดหงิดจากการที่มิเกลมาหาพี่กรีนของเขา และคิดในใจว่าจะสั่งเค้กสัก 8 ชิ้นมากินแก้ความหงุดหงิด แล้วเขาก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ มือเล็กกดสั่งเค้กจากร้านขนมที่เคยกิน นิ้วเรียวจิ้มไปจิ้มมาอยู่สักพัก ในที่สุดก็ได้ขนมเค้กทั้งหมดที่้า
ความชำนาญเื่เทคโนโลยีของป๋ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหลายวันมานี้ กรีนเริ่มที่จะให้ป๋ายได้ทำอะไรด้วยตัวเองแล้ว เพราะไม่อยากให้อีกคนมาคอยเขาอยู่ตลอดเวลา ถ้าอยากกินอะไรเ้าแมวน้อยจะได้สั่งได้เลย หรืออยากไปที่ไหน ก็จะได้ไปโดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงว่าตัวเขาเองจะว่างหรือไม่ว่าง
"ป๋าย สั่งเค้กมาเหรอ?" เกรซเปิดประตูเข้ามาและถามขึ้น หลังจากที่ได้รับเค้กจากคนส่งอาหาร
"ใช่ ๆ ๆ"
"ทำไมสั่งมาเยอะขนาดนี้ กินเยอะ ๆ จะปวดท้องเอาน้า"
"ไม่เป็ไรหรอกน้า เวลาที่เค้าหงุดหงิดเค้าจะกินได้เยอะมาก ๆ แน่นอน!" เกรซยิ้มและส่ายหัว จากนั้นก็นำหน้าไปวางเค้กของเ้าเหมียวไว้วางที่ส่วนครัวของร้าน เ้าของเค้กก็เดินตามไปทันที พลางคิดว่าถ้ากินไม่หมดหรือกินจนปวดท้องป๋ายจะต้องโดนกรีนดุแน่นอน และเค้กที่ซื้อมาก็ไม่สามารถแบ่งใครในร้านได้ด้วย เพราะมันเป็เค้กสำหรับแมว และถ้าหากจะแบ่ง คนเดียวที่แบ่งได้ที่อยู่ในร้านตอนนี้ก็น่าจะเป็มิเกล
ป๋ายแยกออกมาที่ครัวของร้าน นั่งกินเค้กที่สั่งมาไปเรื่อย ๆ และไม่ได้โฟกัสจำนวนหรือปริมาณเค้กที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มัวแต่มองประตูห้องทำงานของเวย์ ที่ในขณะนั้นมีทั้งเวย์ กรีน และมิเกลอยู่ในห้อง คนตัวเล็กจ้องมันอยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นท่าทีว่าทั้ง 3 คนจะออกมาจากห้องเลย
ส่วนทางเกรซที่ยืนมองคนตัวเล็กกินเค้กไม่หยุด ก็เป็ห่วงถึงสุขภาพขึ้นมา เลยถือวิสาสะเข้าไปบอกเ้านายของเ้าแมวตัวน้อย ว่าอีกคนสั่งเค้กมาเยอะมาก ๆ และตอนนี้ก็นั่งกินมันคนเดียว
"8 ชิ้น?" กรีนถามทวนทันที หลังจากที่ได้ยินจำนวนของชิ้นเค้กที่คนตัวเล็กสั่งจากเกรซ
"ใช่ค่ะพี่กรีน ตอนนี้ก็กินไม่หยุดเลยด้วย เอาแต่มองประตูห้อง เกรซกลัวว่าจะปวดท้องเอา" เกรซพูดออกไปด้วยความเป็ห่วง
"โอเค งั้นเกรซไปบอกให้ป๋ายเข้ามาในห้องทีนะ"
"ได้ค่ะพี่กรีน"
กรีนถอนหายใจเล็ก ๆ อันที่จริงก็คิดไว้แล้วว่าการที่พามิเกลมาที่นี่คนตัวเล็กอาจจะไม่พอใจบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าน้องจัดการตัวเองด้วยการสั่งเค้กมากินในปริมาณมากขนาดนั้น และด้วยความที่เป็ห่วง เลยตัดปัญหาด้วยการเอาอีกคนมาอยู่ในสายตา จะได้ไม่ต้องทำอะไรแปลก ๆ อีก
และทันทีที่เกรซไปตามป๋ายให้เข้าในห้องทำงานของเวย์ ป๋ายก็รีบเดินไปนั่งข้าง ๆ กรีนอัตโนมัติ ทางมิเกลที่เห็นเหตุการณ์ก็อดหัวเราะไม่ได้ที่เห็นท่าทางของป๋าย ถามว่าในตอนแรกเขาสนใจกรีนหรือเปล่า แน่นอนว่าสนใจ แต่หลังจากที่ได้เห็นความสัมพันธ์ของกรีนกับป๋าย เขาเองก็พร้อมจะถอย ไม่ใช่ว่าเพราะยอมหรืออะไร แต่ตัวของมิเกลเองก็ยังไม่ได้ชอบกรีนมากขนาดนั้น ถ้าอีกคนมีคนที่ชอบแล้วก็ไม่ได้อยากจะเอาตัวเองไปวุ่นวาย
"กินเค้กไปกี่ชิ้นแล้ว?" กรีนถามขึ้นทันทีที่คนตัวเล็กนั่งลงบนโซฟาตำแหน่งข้าง ๆ เขา
"ไม่บอก"
"ป๋ายป๋าย"
"บอกเค้าก็โดนดุซี่"
"เดี๋ยวจะโดน งอนพี่เื่อะไร?" ตัวป๋ายเองไม่ได้ตอบอะไรออกมา เพียงแค่ส่งสายตาไปที่ฝั่งตรงข้าม นั่นก็คือตำแหน่งที่มิเกลนั่งอยู่
"คนเขาว่าจะช่วย ดื้อแบบนี้ไม่ช่วยดีกว่าไหมเนี่ย?" มิเกลแกล้งพูดขึ้นมา
"คุณจะช่วยอะไรเค้า?"
"คุณมิเกลจะช่วยเื่ที่บ้านบัตเลอร์ครับป๋าย" เวย์พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม และหลังจากที่ได้ยิน ตัวป๋ายเองก็เบิกตากว้างทันที
"คุณช่วยเค้าได้จริง ๆ เหรอ?"
"อยากให้ช่วยไหมล่ะ?"
"อยากนิดนึง" ป๋ายพูดออกมาพร้อมกับก้มมองพื้น มิเกลหัวเราะในลำคอทันที
"เด็กน้อย"
ในวงสนทนาสำหรับการวางแผนเื่บัตเลอร์ มีป๋ายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน แต่เขาไม่ได้ออกความเห็นอะไรทั้งสิ้น เพราะแทบจะไม่เข้าใจเลยว่ากรีน เวย์ และมิเกลคุยเื่อะไรกันอยู่ มีชื่อของบุคคลที่ 3 4 5 เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ และล้วนแล้วแต่จะเป็คนที่ตัวเขาเองไม่รู้จักทั้งสิ้น
หลังจากที่ปวดหัวมาได้สักพัก กรีนก็บอกให้พักทานของว่างก่อน เพราะตอนนี้ข้อมูลในสมองเพิ่มมากขึ้นจนแทบจะรับไม่ไหวแล้ว ไหนจะยังต้องแบ่งไปคิดสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้อีกเยอะแยะ และหลังจากที่พัก กรีนก็หันไปมองเ้าแมวตัวน้อย แต่ก็พบว่าอีกคนหลับไปแล้ว
"ตัวเล็กครับ ไปนอนดี ๆ ดีกว่าไป เดี๋ยวจะปวดคอเอา"
"อื้อ ไม่เอา เดี๋ยวพี่กรีนไปนั่งใกล้คนอื่น" คนตัวเล็กพูดขึ้นมาในขณะที่ยังไม่ลืมตา
"ไม่งอแงสิครับ"
"อุ้มไปเลยก็ได้กรีน แบบนี้ไม่น่าจะตื่น" เวย์แนะนำขึ้นมา กรีนจึงพยักหน้ารับและช้อนตัวอีกคนขึ้น จากนั้นก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง ค่อย ๆ วางน้องลงที่โซฟา
จากนั้นก็สำรวจห้องทำงานและหาสิ่งแปลกตาในขณะที่ตัวเองไม่อยู่ สายตาไปสะดุดกับโต๊ะทำงานของเขา ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยอุปกรณ์ศิลปะที่เพิ่งจะซื้อมาเมื่อเช้า กระดาษที่กระจายอยู่เต็มโต๊ะ แล้วแทบจะทั้งหมดมันถูกวาดไว้แล้ว กรีนค่อย ๆ ไล่ดูผลงานของน้องทีละใบ และหลังจากที่ได้เห็น ใบหน้าที่เรียบนิ่งของกรีนในตอนแรกก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันที ดูเหมือนว่าที่มีหลายใบเพราะน้องวาดมันเป็จิ๊กซอว์ มันคือรูปของร้าน Your Cart ร้านของกรีน เป็มุมหน้าร้าน คนตัวเล็กวาดให้เห็นในมุมกว้าง และนอกจากตัวตึกของร้านแล้ว ในรูปยังมีกรีน เวย์ แล้วก็เกรซด้วย
นี่เป็อีกครั้งที่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กแต่แค่วาดรูปธรรมดา ๆ ขึ้นมา แต่ถ้าดูลึก ๆ ลงไปแล้ว รายละเอียดสำหรับรูปนี้มันมีมากกว่านั้น ในรูปวาดที่ชัดเจนเพียงแค่ตัวอาคารและตัวคน แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะมีเงาที่จาง ๆ ของอะไรอีกหลายอย่างมากในรูป ทั้งป้ายร้านที่เพิ่งสั่งทำใหม่ได้ไม่นาน ประตูที่เพิ่งคุยกันว่าจะเปลี่ยนมันวันนี้ คอลเลคชั่นปลายปีที่ยังไม่ถูกวางขาย และเงาเล็ก ๆ ที่ไหล่ของกรีน เงาเ้าเหมียวสีขาว นั่นก็คงจะเป็ใครไปไม่ได้ นอกจากตัวคนที่วาดมันขึ้นมา
สิ่งที่กรีนโฟกัสมากที่สุดในรูปแต่ละรูปที่คนตัวเล็กวาด กลับไม่ใช่คุณภาพของสี ดินสอ หรือปากกาที่ใช้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่าคุณภาพดีหรือไม่ดี แต่แน่นอนว่าสิ่งที่มันสื่อออกมาชัดเจนมากที่สุด ก็คือความหมายของรูปที่วาดในแต่ละครั้ง ถัดไปจากรูปวาดร้านเครื่องหอมของกรีน มีรูปวาดเล็ก ๆ ของบลูและดีน่าจับมือกันอยู่ รูปของคุณเพิร์ธและบรรดาเหมียว รูปของผู้หญิงที่ใส่ชุดเ้าหน้าที่ของศูนย์ดูแล ซึ่งจากที่กรีนตีความก็อาจจะเป็คุณเคธ เ้าหน้าที่ที่คนตัวเล็กพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง และถัดมาริมสุด ก็มีรูปแมวสีขาวสองตัวที่ยืนอยู่ข้างกัน มันจะเป็ใครไปไม่ได้นอกจากตัวป๋ายและแม่ของเขา
ป๋ายวาดรูปคนรอบตัวเขาทั้งหมด
กรีนเองก็ไม่รู้ ว่าสิ่งนี้มันแสดงถึงการขอบคุณ ความผูกพันธ์ หรือมีจุดประสงค์หรือเหตุผลอื่นหรือเปล่า แต่กรีนกับดีใจมาก ดีใจที่คนตัวเล็กเล็กได้มีคนรอบตัวเยอะขนาดนี้ แถมแต่ละคนก็ยังดีกับเขามากด้วย ยังคงอยากจะภาวนาให้อีกคนได้อยู่ท่ามกลางความสุข ท่ามกลางคนที่พร้อมจะมอบความรักให้เขาแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ไม่อยากให้มีอะไรมาพรากมันไปเลยนะครับตัวเล็ก
กรีนเดินกลับไปที่ห้องทำงานของเวย์ พร้อมที่จะคุยเื่รายละเอียดเกี่ยวกับบัตเลอร์ต่อ ส่วนทางมิเกลและเวย์เองก็นั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
"คุณกรีน เกลถามอะไรหน่อยสิ คุณเคยพยายามไปลงทะเบียนซ้อนให้ศูนย์พิจารณาเพื่อให้ได้รับเลี้ยงป๋ายแบบถูกต้องหรือเปล่าครับ?" มิเกลตั้งคำถามขึ้น
"ผมเคยคิดแล้ว แต่ก็ได้แต่คิดนั่นแหละครับ ถ้าเป็แบบนั้นยังไงทางการก็ต้องตัดสินให้ป๋ายไปอยู่กับบัตเลอร์อยู่ดี ส่วนหนึ่งที่ต้องพิจารณาก็คงเป็รายได้หรือทรัพย์สินนั่นแหละ ถึงผมจะมีเงินอยู่มาก แต่ก็คงสู้บ้านนั้นไม่ได้ อีกอย่าง บัตเลอร์คงไม่ยอมให้ตัวเองเสียหน้าหรอกครับ เพราะถ้าแพ้การตัดสิน ก็แปลว่าคงมีอะไรบางอย่างที่ไม่พร้อม พวกคลั่งสายตาคนรอบข้างแบบนั้นคงไม่ยอมแน่นอน ผมไม่อยากเสี่ยงด้วย เพราะถ้าเริ่มแบบที่มันรู้ตัว ก็แปลว่ามันจะเอาป๋ายกลับไปแน่นอน" กรีนอธิบายออกมายาวเหยียด
แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็สิ่งแรกที่กรีนคิดจะทำ นั่นก็คือการลงทะเบียนซ้อน ซึ่งการลงทะเบียนซ้อนก็คือการไปติดต่อศูนย์ดูแลสัตว์ประจำเมือง เพื่อที่จะขอลงทะเบียนทับเ้าของเดิมของครึ่งทางหรือแมวตัวนั้น ซึ่งวิธีการก็คือการลงทะเบียนขอดูแลครึ่งทางหรือแมวในเมืองแบบปกติ เพียงแค่จะต้องแจ้งเ้าหน้าที่ว่านั่นคือการลงทะเบียนทับซ้อน การยื่นเอกสารหรือหลักฐานต่าง ๆ ก็เหมือนกับการลงทะเบียนขอดูแลปกติ เพียงแต่ถ้าหากประชาชนแจ้งว่าเป็การลงทะเบียนทับซ้อน ทางศูนย์ดูแลก็จะส่งเื่ไปที่ทางการ เพื่อให้ทางการจัดการพิจารณา ว่าใครมีคุณสมบัติมากพอที่จะดูแลครึ่งทางหรือแมวตัวนั้น ๆ
และตามที่กรีนบอก โอกาสที่กรีนจะแพ้การพิจารณามีถึง 70% ถ้าหากยื่นเื่ไป เพราะทางนั้นคือตระกูลที่มีชื่อเสียง บวกกับอำนาจในแวดวงต่าง ๆ เผลอ ๆ แล้ว เ้าหน้าที่ที่ประจำการในการดูแลเื่ ก็อาจจะเป็พวกของบัตเลอร์ก็ได้ และที่สำคัญ เหตุผลที่กรีนอยู่กับป๋ายแล้วไม่มีปัญหาในทุกวันนี้ ก็เพราะป๋ายฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากลงทะเบียนทับซ้อนไป ทางการก็คงจะปัดตกั้แ่ที่รับรู้ประวัติว่ากรีนเป็บุคคลที่แพ้ขนสัตว์
"จริง ๆ แล้วผมแพ้ขนสัตว์นะครับคุณมิเกล ยังไงทางการก็คงไม่ยอมให้ผมดูแลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็แมวตัวไหนก็ตาม"
"อ่า ครับ" มิเกลตอบกลับออกมาเสียงแ่
"คุณมิเกลฉีดวัคซีนแล้วเหรอครับ? ทำไมกรีนเข้าใกล้แล้วมันถึงไม่เป็อะไรเลย" เวย์ถามขึ้นมา
"เกลฉีดแล้วครับ ฉีดั้แ่ออกมาจากศูนย์ใหม่ ๆ เลย ที่บ้านของเกลมีคนแวะเวียนมาตลอด คนที่ดีลธุรกิจกับพี่บ้านแล้วแพ้ขนสัตว์ก็มี พวกเขาเลยไม่อยากให้มีปัญหาเื่นี้น่ะครับ" เวย์พยักหน้ารับคำตอบ
ก๊อก ๆ ๆ
"พี่กรีน ป๋ายสะดุ้งตื่นเฉยเลย เกรซพาออกไปวาดรูปให้ลูกค้าหน้าร้านเลยได้ไหมคะ?" เกรซเคาะและเปิดประตูเข้ามาถาม
"แล้วแต่เ้าตัวเขาเลยครับ" กรีนยิ้มแล้วตอบเกรซกลับไป
"ป๋าย อยากลองไปวาดรูปการ์ดให้ลูกค้าที่หน้าร้านเลยไหม? เดี๋ยวเกรซพาไป"
"เค้าไป ๆ ๆ"
เกรซเข้ามาถามป๋ายด้วยความตื่นเต้น เพราะเล็งเห็นได้ถึงความสนุกกับการขายของมากยิ่งขึ้น เพราะปกติเกรซจะประจำอยู่หน้าร้านคนเดียว ส่วนกรีนกับเวย์ก็จะทำงานส่วนอื่นอยู่ในห้องของตัวเอง จะมีแค่่เวลาที่ลูกค้าเยอะเป็พิเศษ เช่น ่เทศกาล หรือ่ที่เกรซต้องแพ็คของส่งให้กับลูกค้าที่สั่งมาในช่องทางออนไลน์ กรีนกับเวย์ถึงจะได้ออกมาช่วยที่หน้าร้านบ้าง พอเห็นว่าจะมีคนไปอยู่ที่หน้าร้านเป็เพื่อน ก็ดีใจขึ้นมา แถมยังจะได้ลองบริการวาดการ์ดให้กับลูกค้าที่้าอีกด้วย เกรซก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก แต่แน่นอนว่า ณ ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เกรซที่ตื่นเต้น ตัวป๋ายเองก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเลย
"หางเค้าโผล่แหละเกรซ" ป๋ายเอี้ยวตัวไปดูที่บริเวณด้านหลังของตัวเองและพบกับหางสีขาวปลายเข้มที่โผล่ออกมา
"ไม่เป็ไรเลย ลูกค้าครึ่งทางก็มีมาบ้างนะ แถมทุกบ้านก็เลี้ยงแมวอยู่แล้วนี่นา ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ อีกอย่างร้านเราหยิบของใหม่มาฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ แล้วก็แพ็คให้ลูกค้าก่อนอยู่แล้ว"
"แต่ยังไงเค้าก็จะพยายามเก็บเข้าไปนะ"
"โอเค ๆ"
"ว่าแต่ เค้าต้องวาดอะไรบ้าง จะมีคนรอเค้าวาดเหรอเกรซ?"
"อืม งั้นเอาตัวอย่างการ์ดไปโชว์ก่อน ถ้าลูกค้าอยากรับการ์ดไว้ เกรซจะให้ลูกค้าพูดอะไรก็ได้มา 2 อย่าง เช่น แมวกับท้องฟ้า หรือน้ำตกกับสายรุ้ง แล้วให้ป๋ายคิดต่อได้เลย แบบนี้ป๋ายจะวาดได้ไหม?" เกรซเสนอช่องทางออกมา
"ได้นะ ๆ เค้าขอเวลา 5 นาที เค้าคิดว่าเกรซคุยกับลูกค้าั้แ่เข้าร้านเลยดีกว่า ในระหว่างที่เลือกน้ำหอมหรือเทียนหอม เค้าก็จะวาดไปด้วย จะได้เสร็จพอดีกัน"
"ได้เลย อ๋า แต่ถ้าลูกค้าไม่ได้ซื้ออะไรล่ะ?"
"ไม่เป็ไรนะ อย่างน้อยเขาก็จะได้การ์ดกลับไป เค้าอยากวาดให้ทุกคนเลย" เกรซถึงกับยิ้มออกมาให้คำตอบของป๋าย จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปต้อนรับลูกค้าที่หน้าร้านทันที
กริ๊ง ๆ ๆ
เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงประตูดัง เป็สัญญาณให้เกรซและป๋ายได้รับรู้ว่าตอนนี้มีลูกค้าเข้ามาที่ร้านแล้ว
"Your Cart ยินดีต้อนรับค่ะคุณลูกค้า ตอนนี้ร้านเรามีบริการ Your Card จะเป็การ์ดใบเล็ก ๆ ที่วาดใหม่ให้คุณลูกค้าโดยเฉพาะเลยค่ะ สนใจรับกลับบ้านไหมคะ?"
"อ้อ พอดีฉันยังไม่แน่ใจเลยค่ะ ว่าจะได้อุดหนุนอะไรกลับไปหรือเปล่า"
"ไม่เป็เลยค่ะ เราอยากให้การ์ดกับทุกคนที่เดินเข้ามาในร้านเรา" เกรซตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
"ดีจังเลยนะคะ แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างคะ?"
"คุณลูกค้าเลือกอะไรก็ได้มา 2 สิ่งเลยค่ะ เดี๋ยวทางร้านเราจะออกไอเดียและวาดมันออกมา"
"งั้น ฉันขอเป็เด็กผู้หญิงกับดอกไม้แล้วกันค่ะ" ลูกค้าคิดดูเพียงชั่วครู่ก็บอกสิ่งที่้าออกมา
"ได้เลยค่ะ เชิญเลือกดูสินค้าตามสบายเลยนะคะ ถ้า้าสอบถามอะไรเรียกได้เลยค่ะ" หลังจากที่ลูกค้าพยักหน้ารับ เกรซก็รีบวิ่งมาบอกป๋ายทันที
"ป๋าย ๆ ๆ เด็กผู้หญิงกับดอกไม้"
"โอเคเลย" หลังจากได้รับออเดอร์จากลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ป๋ายก็เริ่มคิดและวาดมันออกมาทันที
ป๋ายเริ่มจากการสังเกตหญิงสาววัยกลางคนที่กำลังเลือกสินค้าในร้านอยู่ จากนั้นก็เหลือบไปเห็นพวงกุญแจที่ถูกถักด้วยไหมพรมเป็รูปหมีที่ห้อยอยู่ตรงกระเป๋าของลูกค้าคนนั้น แล้วก็คิดไอเดียดี ๆ ออกมาได้ทันที
ในตอนแรกที่ป๋ายบอกกับเกรซว่าขอเวลา 5 นาทีในการวาด เกรซก็คิดว่ารูปภาพอาจจะออกมาเป็รูปเส้นปากกาธรรมดา แต่ผ่านไปได้ไม่กี่นาที ป๋ายกลับลงสีน้ำในกระดาษใบนั้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเกรซไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ผลงานที่ป๋ายรังสรรค์ออกมาไม่เพียงแค่สวยงามเท่านั้น มันยังใช้ระยะเวลาเพียงน้อยนิดในการสร้างอีกด้วย
ลูกค้าที่ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ของร้านกลับบ้านไปหรือเปล่า ในตอนนี้ก็เลือกที่จะหยิบเทียนหอมมาที่เคาน์เตอร์เพื่อคิดเงิน ระหว่างที่เกรซจัดการกับผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า ทางป๋ายเองก็เริ่มการเจาะรูกระดาษตรงหัวมุม และร้อยเชือกสีน้ำตาลลงไป จากนั้นก็ยื่นให้เกรซมอบมันให้ลูกค้า
"ประทับใจกว่าที่คิดนะคะเนี่ย สวยมาก ๆ เลยค่ะ"
หลังจากที่ลูกค้าได้รับการ์ดไปไว้ในมือ ก็ระบายความประทับใจพร้อมกับรอยยิ้มออกมาทันที รูปที่ป๋ายวาดก็คือรูปเด็กผู้หญิงยืนอุ้มตุ๊กตาหมี และบนหัวก็สวมมงกุฏดอกไม้อยู่
"เด็กผู้หญิงที่ฉันบอกไปในตอนแรกคือลูกสาวฉันเองค่ะ ไม่ได้คาดหวังว่าจะวาดออกมาน่ารักขนาดนี้ ขอบคุณมากนะคะ"
หญิงวัยกลางคนหันมาพูดกับเกรซและป๋าย หลังจากที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้วก็รับผลิตภัณฑ์จากมือเกรซไป เธอส่งยิ้มให้ทั้งคู่อีกครั้ง จากนั้นก็เดินหันหลังกลับไปและออกจากร้าน พอเธอเดินพ้นสายตาไปแล้ว เกรซและป๋ายก็หันมายิ้มให้กันทันที
'แม่! มีคนชอบรูปที่เค้าวาดด้วยแหละ!'