เกี่ยวเนื่องกับการนำทัพเข้าปราบปรามชาวซยงหนู
“เสด็จพ่อ ลูกยินยอมที่จะนำทัพออกรบ พวกซยงหนูจะต้องไม่กล้ากลับมาเหยียบต้าอวี้อีกเป็แน่พ่ะย่ะค่ะ” อวี้ฉู่ซวนเสนอตัวเองขึ้นมา
“ลูกก็ยินดีนำทัพออกรบเช่นกัน เสด็จพ่อได้โปรดให้โอกาสลูกเถิดพ่ะย่ะค่ะ” อวี้ฉู่หลิงไม่น้อยหน้า เสนอตนเอง
ต่อจากนั้น อัครเสนาบดีฝ่ายขวาฉินฉือได้ยืนขึ้นเพื่อเสนอหลานชายของตนเอง “กระหม่อมคิดว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้องค์ชายห้านำทัพในครั้งนี้ องค์ชายห้าศึกษาตำราทหารมาั้แ่ยังเล็ก ตอนนี้สมควรแก่เวลาแล้วที่จะได้ออกรบจริง ถือเป็ประสบการณ์พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากนั้น เหล่าอัครเสนาบดีฝ่ายขวาก็ได้ลุกขึ้นช่วยอวี้ฉู่หลิง
“ฮ่องเต้ กระหม่อมเห็นสมควรว่าให้องค์ชายสองนำทัพจะเหมาะสมกว่า องค์ชายเป็โอรสของฮองเฮา เปรียบเสมือนตัวแทนของราชวงศ์ เป็ตัวแทนของฮ่องเต้ ควรค่าแก่การนำทัพไปปราบชาวซยงหนูพ่ะย่ะค่ะ”
หลายคนจากฝ่ายของอวี้ฉู่ซวนเริ่มเอ่ยขึ้นมา เสนอให้องค์ชายสองออกนำทัพ
ฮ่องเต้ฉงเต๋อมิได้โง่เขลา โอรสของเขาเหล่านี้เมื่อเห็นว่าอวี้ฉู่จาวได้รับการขนานนามให้เป็ถึงท่านแม่ทัพใหญ่จึงอยู่ไม่สุข อยากจะแย่งชิงโอกาสนี้ไปออกรบ จะได้มีกองทัพทหารอยู่ในมือ
แต่เหล่าอัครเสนาบดีฝ่ายขวาบางส่วนก็เริ่มที่จะหักหลังพวกเดียวกันเอง เป็เหตุให้เขาเลือกอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ไว้ใจได้ให้อยู่ข้างกายเพียงไม่กี่คน
จากนั้น ฮ่องเต้ฉงเต๋อมองไปทางชายชราเคราขาวพร้อมเอ่ยถาม “เหล่าอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายมีความเห็นอย่างไร”
ฮ่องเต้ฉงเต๋อยื่นพระดำรัสไปยังอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายเริ่นปินเหอ
เริ่นปินเหอเงยหน้าขึ้น ในมือถือกระดานพลางโค้งตัวลงเล็กน้อย “กระหม่อมคิดว่า หาก้าเสริมอำนาจของต้าอวี้ ผู้ที่เหมาะสมควรจะเป็จ้านหวัง มิอาจส่งใครไปทำการรบแบบส่งๆ ได้พ่ะย่ะค่ะ”
สิ่งเหล่านี้ฮ่องเต้ฉงเต๋อรู้ดีอยู่แก่ใจ
การที่อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายเอ่ยออกมาเช่นนั้น รวมถึงท่าทางที่ดูไม่ได้จริงจังของเขา ฮ่องเต้ฉงเต๋อจึงมองออกว่าอัครเสนาบดีาุโผู้นี้คงไม่อยากจะยุ่งเื่นี้แล้ว
สิ่งที่เริ่นปินเหอกล่าวไม่ผิด เพราะนี่คือสิ่งที่ฮ่องเต้ฉงเต๋อกำลังคิดอยู่ ที่ฮ่องเต้ฉงเต๋อส่งกองทัพออกไปล่าช้าเพราะไม่อยากให้อวี้ฉู่จาวออกรบ เจตนาจะลดทอนอำนาจทางการทหารของเขา
แต่เมื่อมาถึงเวลานี้ พระองค์กลับไม่รู้ควรจะส่งใครไปแทน หรือจะมอบอำนาจนี้ให้ใคร ยิ่งมาเห็นโอรสของเขาเหล่านี้ที่ดูไม่เอาไหนอีก
หากมอบอำนาจให้นำทัพ พวกเขาจะสามารถทำให้บ้านเมืองมั่นคงได้หรือ
“จาวเอ๋อร์ เ้ามีความคิดเช่นไร” กองทัพอยู่ในมือของอวี้ฉู่จาว หากบุตรชาย้าจะให้ใครไป ฮ่องเต้ฉงเต๋อก็จะนำไปไตร่ตรองจึงได้เอ่ยถาม
เวลานี้มีกำหนดการเื่งานอภิเษกของเขา แต่ไม่อาจทราบได้ว่าในใจของอวี้ฉู่จาวพึงพอใจหรือไม่
อวี้ฉู่จาวยืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำทัพมาตลอด จึงมีแววตาแน่วแน่ มักไม่เอ่ยวาจา อยู่ในท่าทีสงบ
พระองค์ถือโอกาสนี้นำมาทดสอบท่าทีของเขาดีกว่า
อวี้ฉู่จาวโค้งคำนับก่อนตอบ “การโจมตีชาวซยงหนูนั้น ต้องพิจารณาจากกลยุทธ์ทางการรบพ่ะย่ะค่ะ” ท่าทีของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความเคารพสักเท่าไร
ฮ่องเต้ฉงเต๋อไม่ได้สนใจท่าทีของอวี้ฉู่จาวมากเท่าที่ควร ตรงกันข้าม เขายังคิดว่าท่าทีเช่นนี้นี่แหละคือการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา หากใครถูกบังคับให้อภิเษกกับภรรยาที่เป็ชายก็คงจะทรมานใจไม่น้อย
การที่ไม่แสดงออกเช่นนี้ถึงจะเรียกว่าเป็คนซ่อนอารมณ์เก่ง มีความลึกซึ้งรอบคอบ
ท่าทีของอวี้ฉู่จาวในวันนี้ เป็ภาพที่เหมือนกับที่พระองค์วาดเอาไว้ในหัว นั่นเป็เพราะบุตรชายเติบโตมาในค่ายทหาร ไม่เคยมีประสบการณ์ในการวางอุบายกับจิตใจที่บิดเบี้ยวแบบในวังหลวง ถึงได้ดูเ็าไร้ความรู้สึก ไม่สนเื่เกี่ยวกับบ้านเมืองนอกจากการทหาร มีนิสัยเืร้อน
แต่เขาก็สามารถพิจารณาสถานการณ์โดยรวมและลดความคับข้องใจให้ตนเองได้เสมอ เป็คนตรงไปตรงมาและจริงใจ
แม้ในชาติก่อน อวี้ฉู่จาวจะไม่ได้แตกต่างจากในความคิดของฮ่องเต้ฉงเต๋อนัก แต่อวี้ฉู่จาวในวันนี้ได้กลายเป็คนที่ฮ่องเต้อาจคาดไม่ถึงเสียแล้ว
เขาจะต้องดูแลแผ่นดินนี้ด้วยมือของตนเอง จะไม่ทนต่อสิ่งเลวร้ายใดอีกเป็อันขาด
“อา ทำเช่นไรหรือ” ฮ่องเต่ฉงเต๋อดูพอใจ
“มาถึงวันนี้ก็ผ่าน่ฤดูหนาวมาครึ่งหนึ่งแล้ว ความล่าช้าในการส่งกองทัพออกไปจะทำให้พลาดโอกาสที่ดีที่สุด อีกไม่นานชาวซยงหนูจะออกจากชายแดน ่เวลานั้นคงเป็่ที่ต้าอวี้พลาดตำแหน่งผู้นำไป หากตอนนี้เลือกทหารจากเมืองอวี้อันแล้วส่งกองกำลังออกไปปราบปราม การต่อสู้จะยิ่งล่าช้าอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงเวลานั้น แม้จะได้รับชัยชนะกลับมา แต่ก็คงรู้สึกไม่สบายใจนัก”
การวิเคราะห์ของอวี้ฉู่จาวทำให้ฮ่องเต้ฉงเต๋อพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย
“ดังนั้น ลูกคิดว่าชาวซยงหนูอยู่ทางเหนือของต้าอวี้ หากมองจากมุมมองทางภูมิศาสตร์แล้ว การเคลื่อนกองกำลังไปทางเหนือน่าจะเหมาะสมที่สุด ผู้นำทัพก็ควรเป็คนในพื้นที่ของทางเหนือถึงจะดี ด้วยวิธีนี้ เรายังรักษาตำแหน่งและไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“อื้อ” ฮ่องเต้ฉงเต๋อราวกับเป็ผู้ที่ถูกปลุกให้ตาสว่าง “ข้าจำได้ว่าจางเหยียน บุตรชายของตระกูลจางทางเหนือเคยนำทัพปราบชาวซยงหนูแล้วได้ชัยชนะกลับมา เป็ทหารที่เปี่ยมด้วยความสามารถ เขาควรจะได้กลับบ้านอย่างภาคภูมิใจ แต่เนื่องด้วยผู้เป็ลุงรับสินบนเพื่อผลประโยชน์ ความดีความชอบของเขาจึงถูกหักล้างก่อนที่จะต้องกลับไปบ้านเกิด"
อวี้ฉู่จาวไม่ได้ตอบ ทำเหมือนตนเองไม่รู้จักคนผู้นี้ เป็อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เอ่ยตอบฮ่องเต้แทน “บุคคลผู้นั้น ผู้เป็ลุงได้สร้างตราบาปไว้ ช่างน่าเสียดาย”
อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายถอนหายใจ จึงทำให้ฮ่องเต้ฉงเต๋อตัดสินพระทัยได้
“แม้จะมีความผิด แต่เขาคือผู้บริสุทธิ์ ถ้าเช่นนั้นให้เขาเป็ผู้นำทัพเข้าปราบซยงหนู”
“เสด็จพ่อ”
“เสด็จพ่อ”
โอกาสหลุดลอยไปแล้ว อวี้ฉู่ซวนกับอวี้ฉู่หลิงที่กำลังจะอ้าปากพูดกลับถูกขัด
“ฮ่องเต้ทรงฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก!” ในที่สุด เหล่าข้าหลวงต่างก็พากันร่วมแสดงความยินดี
เื่นี้ถือว่าได้ข้อสรุปแล้ว หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็กล่าวกับอวี้ฉู่จาวอีก “จาวเอ๋อร์ หน้าที่ส่งกองทัพไปอยู่ในความดูแลของเ้า เ้าสู้รบมาตลอดปี คงเหนื่อยไม่น้อย ่เวลานี้เ้าพักผ่อนให้สบายเถิด เตรียมงานอภิเษกให้เรียบร้อยเสีย ข้าได้ส่งคนไปเรียกตัวแม่ทัพฮวาเวยกลับเมืองหลวงแล้ว”
“น้อมรับพระบัญชา”
สำหรับฮ่องเต้ฉงเต๋อนั้น การว่าราชการในเช้าวันนี้นับเป็ที่น่าพอใจ
การแสดงออกกับทัศนคติของอวี้ฉู่จาวที่มีต่องานอภิเษกและเื่การปราบชาวซยงหนู บุตรชายไม่ยึดติดกับอำนาจการทหารของตน พระองค์จึงพอใจเป็อย่างมาก สายตามองบุตรชายคนนี้สูงขึ้นอีกครั้ง
คำแนะนำของอวี้ฉู่จาวช่วยขจัดเื่น่ารำคาญใจจนหมดสิ้น หากจะมอบอำนาจนี้ให้กับเหล่าองค์ชาย สู้มอบอำนาจนี้ให้คนที่อยู่นอกราชสำนักเสียยังจะดีกว่า
ภายหลังาที่จางเหยียนได้รับชัยชนะ เขากำลังจะได้กลับเข้าสู่วังหลวงอีกครั้ง คงรู้สึกดีใจเป็อย่างมากที่จะได้กลับมามีอำนาจทางการทหาร นับว่าครั้งนี้มีเื่ดีถึงสองเื่สำหรับเขา
หลังจากว่าราชการเสร็จสิ้น ระหว่างทางเดิน หรงจิ่งเอ่ยรั้งอวี้ฉู่จาวไว้
“ท่านแม่ทัพใหญ่ เหตุใด...”
อวี้ฉู่จาวรู้ได้ทันทีว่าหรงจิ่ง้าถามอะไร
“เพราะเปิ่นหวังคิดว่า…” อวี้ฉู่จาวเดินผ่านหรงจิ่งไปทางประตูวัง ส่วนหรงจิ่งเดินตาม
“หรงจิ่งอา หากเ้ามีเวลาเ้ามาที่ตำหนักของข้าเป็อย่างไร เราต้องทำา หากาในครั้งนี้ชนะก็เท่ากับเราชนะจริงเสียที เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะส่งเ้ากลับบ้านด้วยตัวข้าเอง” อวี้ฉู่จาวเหมือนคนพูดเองเออเอง แต่คำพูดเ่าั้เขาตั้งใจพูดกับหรงจิ่ง
ทั้งคู่เป็นักรบในสนามรบจึงมีฝีเท้าไว เพียงครู่เดียวทั้งคู่ก็หายลับตาไปจากวังหลวง
อวี้ฉู่หลิงที่ไม่ได้อำนาจทหารมาอยู่ในมือ เขายืนมองอวี้ฉู่จาวที่เดินออกไปอยู่ด้านหลังด้วยความโกรธ
“องค์ชายห้า ท่านอย่าได้ไปสนใจจ้านหวังเลย” อัครเสนาบดีฝ่ายขวาฉินฉือก้าวออกมาพร้อมเอ่ย “ตอนนี้เขามีอำนาจอยู่ในมือ ฮ่องเต้อาจมีความกังวลบางอย่างจึงยังไม่ให้อำนาจนั้นหล่นมาถึงมือเรา อำนาจทางทหารของเขาถูกฮ่องเต้ลดทอนลง ท่านสนใจคนผู้นั้นดีกว่า...”
อวี้ฉู่หลิงทอดสายตามองไปทางที่ฉินฉือบอก อวี้ฉู่ซวนกำลังพูดคุยอยู่กับเหล่าขุนนางมากมายที่รายล้อม
“ตำแหน่งโอรสของฮองเฮานับเป็เครื่องยืนยันอย่างดี ทว่า แค่สนมคนโปรดคงไม่นับว่ามีประโยชน์อะไร” หลังพูดจบ ฉินฉือก็ออกไปจากวังหลวง
----------------------------------