อาเหลยอาจเดินมาจนเหนื่อย เลยขึ้นไปนั่งบนกองฟางด้านข้าง แล้วเอื้อมมือไปเด็ดทับทิมผลหนึ่งมากัดกิน
"นี่ อาเหลย ผลนี้ใกล้เน่าแล้ว อย่ากินเลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปที่ผลทับทิมแล้วทำท่าบอกให้มันโยนทิ้ง
เธอเอื้อมไปเด็ดผลสดใหม่ให้มัน
อาเหลยไม่มีความเห็น โยนผลเก่าทิ้งแล้วรับผลใหม่มากิน
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางลูบหัวของมันอย่างเอ็นดู
หลังจากนั้นก็เงยหน้าพิจารณาอย่างละเอียด ต้นทับทิมมีผลเหลืออยู่ไม่มากนัก อย่างไรเสียก็เข้าฤดูหนาวแล้ว ผลที่สุกงอมก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ก็ลงท้องของฝูงลิงไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่บนกิ่งยามนี้จึงหร็อมแหร็มบางตา
"ก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รังเกียจที่จะเด็ดส่วนที่เหลือลงมา
ได้กลับมายังสถานที่ที่คุ้นเคย อาเหลยร่าเริงสดใสอย่างเห็นได้ชัด กินทับทิมหมดไปผลหนึ่งแล้ว ก็วิ่งเข้าไปเด็ดกล้วยน้ำว้าในดงกินต่อ
กล้วยน้ำว้าในถ้ำยังกินไม่หมด เซวียเสี่ยวหรั่นกินมาต่อเนื่องหลายวันแล้ว ก็เลยไม่สนใจของสิ่งนี้ชั่วคราว
ต้นทับทิมไม่สูงมาก ผลก็ไม่เยอะเท่าไร โน้มกิ่งแล้วเด็ดผลลงมาใส่ก้นตะกร้า
เก็บจนกระทั่งพอใจแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็กระดกมุมปาก เริ่มสอดส่องไปโดยรอบ
เธอไม่เคยมาแถวนี้ บางทีอาจพบของบางอย่างที่มีประโยชน์
"ซี้ด... ไม่ไหว ข้างนอกหนาวเกินไป ในท้องชักเริ่มก่อฏแล้วสิ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินวนรอบหนึ่ง แต่ก็ถูกความหนาวเย็นเล่นงานจนตัวสั่น
"อาเหลย พวกเรากลับกันเถอะ"
เธอร้องเรียกอาเหลยที่อยู่ไม่ไกลนัก พลางยกเท้าคิดจะเดินกลับไป
แต่จังหวะที่ก้าวเท้าออกไปพลันเหยียบถูกของสิ่งหนึ่งซึ่งกลิ้งได้ ทำให้ลื่นพรืดคะมำลงไปข้างหน้า
"บ้าฉิบ ของอะไรถึงลื่นขนาดนั้น"
เซวียเสี่ยวหรั่นปัดๆ มือที่เปื้อนดิน ลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วเก็บสิ่งที่เป็ตัวการทำร้ายเธอขึ้นมา
ผลกลมเกลี้ยงสีเขียวมีสีดำแซม แลดูคุ้นตามาก
เซวียเสี่ยวหรั่นมองแล้วมองอีก ทันใดนั้นดวงตาก็ทอประกายวาววับ
นึกออกแล้ว นี่มันซันเหอเถา [1] นี่นา
ครั้งก่อนตอนที่เธอถูกฝูงลิงเอาของปาใส่ เก็บมาได้เม็ดหนึ่ง พอแกะเปลือกด้านนอกออกถึงรู้ว่าเป็ซันเหอเถา
หึๆ ของสิ่งนี้เธอชอบ
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยได้ยินเธอเรียกก็วิ่งมาอย่างรวดเร็ว
"อาเหลยของสิ่งนี้ขึ้นอยู่ที่ไหน?"
เซวียเสี่ยวหรั่นยื่นมือให้มันดู
อาเหลยมองปราดหนึ่งก็หมดความสนใจ ยื่นมือชี้ไปบนไหล่เขา
เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้ามอง เห็นแต่สีเขียวละลานตา แต่แยกไม่ออกว่าต้นไหนคือต้นเหอเถา
"อาเหลย นี่เรียกว่าซันเหอเถา พวกเราต้องเก็บมามากหน่อย ในนี้มีเหอเถาสามารถกินได้ เ้าดูสิ"
ฝูงลิงอาจไม่รู้ว่าจะกินเหอเถาอย่างไร ดังนั้นพวกมันถึงไม่สนใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วออกแรงทุบให้แตก ก่อนเอาเศษเนื้อเหอเถาที่กระเด็นออกมาส่งให้อาเหลยชิมดู
อาเหลยคลางแคลงอยู่บ้าง เ้าของสิ่งนี้กินได้ด้วยหรือ?
เซวียเสี่ยวหรั่นบิเหอเถาชิ้นเล็กๆ ใส่ปาก หืม... เหอเถาสดมีรสฝาดเจือเล็กน้อย แต่ยังคงกลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติไม่เลวเลย
อาเหลยเลียนแบบท่าทางส่งมันเข้าปาก หลังจากเคี้ยวไปสองสามคำ ก็เบิกตาลุกวาว
"นั่นไง อร่อยมากใช่ไหมล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะคิกคัก
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยตอบกลับมา
หนึ่งคนหนึ่งลิงเริ่มมุ่งหน้าไปเก็บซันเหอเถา
ผลของมันตกอยู่ที่พื้นมากมาย เปลือกสีเขียวแกมดำใกล้จะเน่าแล้ว จึงสามารถลอกออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นเนื้อด้านใน
ยามพวกเธอกลับมาถึง เหลียนเซวียนยืนรออยู่ปากถ้ำมาพักหนึ่งแล้ว
หัวคิ้วย่นเข้าหากันปานจะหนีบแมลงวันตายได้ตัวหนึ่ง
ไม่สบาย ปวดท้องมากไม่ใช่หรือ? ทั้งที่เป็ฤดูเหมันต์อากาศหนาวเหน็บ เหตุใดยังออกไปนานขนาดนี้
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยวิ่งกะโผลกกะเผลกเข้าไปด้านใน
เซวียเสี่ยวหรั่นแบกตะกร้าเดินเข้ามาอย่างยากเย็น
ซันเหอเถาน้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ ประกอบกับความโลภของเธอ เลยใส่มาเสียครึ่งกระบุง แทบแบกไม่ขึ้น
ตลอดทางก็เดินๆ หยุดๆ กว่าจะเอากลับมาได้ไม่ง่าย
แน่นอนว่ายามนี้เธอรู้สึกทรมานท้องขึ้นมาอีกแล้ว
"เหลียนเซวียน อากาศหนาวขนาดนี้มายืนข้างนอกทำไมล่ะ"
ทั้งที่รู้เต็มอกว่าดวงตาของเขามองไม่เห็น แต่ดวงตาซึ่งไร้ศูนย์รวมภาพกลับคมกริบดั่งพญาเหยี่ยว
ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูก
เ้ารู้ด้วยรึว่าข้างนอกอากาศหนาว เหลียนเซวียนจ้องเขม็งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก
"แหะๆ ข้ากับอาเหลยเก็บซันเหอเถานานไปหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มแหย อาการปวดแปลบที่ท้องผุดขึ้นกะทันหัน จนเธอร้องซี้ดอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
ั์ตาของเหลียนเซวียนนิ่งขรึมลงหลายส่วน หันมาผลักประตูบานเล็กให้กว้างที่สุด แสดงท่าให้เธอเข้าไปก่อน
เซวียเสี่ยวหรั่นกัดฟัน ยกตะกร้าขึ้นแล้วเดินเข้าไป แล้วนั่งลงข้างกองไฟ ยื่นมือเย็นเฉียบปานน้ำแข็งทั้งสองออกไปข้างเตาหิน
"ฮู่... หิมะยังไม่ตกยังหนาวขนาดนี้ หลังหิมะตก คงออกไปนอกถ้ำไม่ได้แล้ว "เซวียเสี่ยวหรั่นกัดฟันบ่นพึมพำ
เหลียนเซวียนปิดประตูถ้ำให้มิดชิด สกัดลมหนาวไว้ด้านนอก
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกเหมือนถูกบีบในช่องท้อง ปวดรุนแรงมาก แต่เธอพอเหลือบเห็นสีหน้าเย็นะเืของเหลียนเซวียน ก็ตัดสินใจอดกลั้นเอาไว้ก่อน
เหลียนเซวียนนั่งลงด้านข้างอย่างเนิบช้า มือใหญ่ยื่นเข้ามาหาเธอ
"คิกๆ ขอบคุณนะ เหลียนเซวียน ท่านเป็คนดีมากจริงๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบส่งมือให้เขา
มือของเขาก็ไม่นับว่าอุ่น ด้วยไปยืนรออยู่ด้านนอกพักใหญ่แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังอุ่นกว่ามือเย็นเฉียบราวกับข้าวโพดแช่แข็งของเธอ
เหลียนเซวียนกำลังหงุดหงิด นิ้วมือที่บีบนวดก็เลยหนักหน่อย
เซวียเสี่ยวหรั่นใบหน้าเหยเก แต่ไม่กล้าร้องสักแอะ สีหน้าบึ้งตึงของเขาแลดูน่าเกรงขามปานจะกลืนกินคน
เธอเลยได้แต่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ใบหน้านิ่งขรึมเ็าของเขา นึกว่าการเล่นพิเรนทร์ของตนเองถูกซ่อนเร้นอย่างดี ทำให้เหลียนเซวียนแทบจะเก็บสีหน้าไม่อยู่
แม่นางผู้นี้ช่างทำให้คนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ
สองวันหลังจากนั้น เซวียเสี่ยวหรั่นก็ออกไปไหนไม่ได้อีก นอกเหนือจากริมแม่น้ำ
เหลียนเซวียนคอยคุมเชิงอยู่ ต้องแน่ใจว่าเธอไม่ปวดท้องถึงออกไปได้
แต่พอได้ออกนอกประตูเธอก็ลืมทุกอย่าง ต้องหนาวจนตัวสั่นถึงจะยอมกลับมา ไม่รู้จักถนอมร่างกายของตัวเองแม้แต่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นอยากชี้แจงว่าทุกครั้งที่เธอออกไปนานล้วนมีสาเหตุ
แต่เหลียนเซวียนเป็พวกเกลือน้ำมันซึมไม่เข้า [2] ไม่ฟังเหตุผล
เซวียเสี่ยวหรั่นจนปัญญา จำต้องนั่งอยู่แต่ข้างกองไฟ ทุบเหอเถา กินทับทิมกับอาเหลย และถักกางเกงของตนเองต่อไป
ทว่าเมื่อใจจดจ่ออยู่กับการถักกางเกงเพียงอย่างเดียว ความเร็วก็เพิ่มขึ้นมิใช่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกน้ำตาจะไหลเมื่อได้เห็นกางเกงขายาวที่ถักเสร็จแล้ว
ในที่สุดก็เสร็จเสียที กางเกงตัวหนึ่งขนาดถักั้แ่เช้าจรดค่ำยังกินเวลาเกือบสามวัน
การดำรงชีวิตเยี่ยงคนป่าที่ไม่มีอะไรสักอย่างทารุณเอาการ
แต่่มีระดูผ่านไปแล้ว เธอสามารถอาบน้ำได้
เธอนั่งนับนิ้ว พวกเขาไม่ได้อาบน้ำมาครึ่งเดือนแล้ว หากไม่ใช่ว่าอากาศหนาว ทั้งสองคนก็คงจะเหม็นบูดแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นแหงนหน้าหัวเราะขึ้นฟ้า วิ่งไปตักน้ำที่ริมแม่น้ำอย่างกระตือรือร้น หลังจากนั้นก็ทำความหม้อใบใหญ่ที่ต้มเถาเฮ่อเอามาใช้ต้มน้ำอาบ
แน่นอนว่าต้องมีน้ำอาบสำหรับเหลียนเซวียนด้วย
ถึงแม้ว่าเสื้อกับกางเกงของเขาจะยังไม่ได้ถัก แต่อาบน้ำได้ก็ดีแล้ว
หลังต้มน้ำเสร็จเรียบร้อย เธอก็เชิญเหลียนเซวียนออกไปนอกถ้ำ หลังจากปิดประตู ก็มองไอน้ำคละคลุ้งเหนือเตาใบใหญ่ พลางหัวเราะเสียงแหลมแล้ววิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
เหลียนเซวียนซึ่งอยู่นอกถ้ำขยับเดินห่างออกไปอย่างเงียบเชียบ
แม่นางผู้นี้อารมณ์ดีเกินไปหรือไม่ เขาเดินมาไกลขนาดนี้ยังได้ยินเสียงนางร้องเพลงอาบน้ำพิลึกพิลั่นเต็มสองหู
...
[1] เหอเถา หมายถึงวอลนัต ซันเหอเถาคือ วอลนัตป่า
[2] เกลือน้ำมันซึมไม่เข้า หมายถึงมีทิฐิสูง ไม่ฟังคำพูดของใคร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้