เธอยิ้มน้อยๆ กับคำตอบที่แทรกเข้ามาโดยไม่ต้องคิดนานเลย “อยากสิ...อยากมากด้วย”
่ใกล้ค่ำวันนั้น ขณะเธอนั่งเคลียร์เอกสารเงียบๆ นัทพงษ์เดินเข้ามาวางแฟ้มไว้ข้างๆ อย่างเบามือ
"พี่..." เสียงเขาแหบพร่าราวกับไม่แน่ใจ เธอเงยหน้าขึ้น
"ผมไม่รู้ว่า พี่รู้สึกยังไง แต่ผมอยากบอกแค่อย่างเดียว..."
มารตีชะงักมองเขา
"ถ้าพี่จะเลิกเล่นเกมนี้…ขอให้ผมได้อยู่ต่อแบบ ‘จริงๆ’ ได้ไหมครับ?"
หัวใจของหญิงสาวไหววูบ เธอไม่พูดอะไร แต่ลุกขึ้น เดินไปหยุดตรงหน้าเขา แล้วเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อหนุ่มรุ่นน้องเบาๆ "พี่ขอเวลานิดหนึ่งนะนัทพงษ์..."
"ได้ครับ" แม้จะไม่รู้ความหมายที่แน่ชัด แต่เขาก็ตอบรับโดยไม่ลังเล
"แต่ระหว่างนี้..." เธอยิ้มจางๆ "อย่าเพิ่งหนีไปจากพี่นะ...ได้ไหม"
นัทพงษ์ยิ้มกว้างกว่าเดิม และพยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นด้วยหัวใจที่เบากว่าเคย
มารตีมองตามไหล่กว้างที่เคลื่อนห่างออกไป แล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ “พี่ไม่ได้เล่นนะ… พี่กำลังกลัวว่าพี่จะรักเธอจริงๆ ต่างหาก”
วันศุกร์ ฟ้าหลังฝนอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด บรรยากาศเงียบสงบของร้านกาแฟริมตึกสำนักงานยังคงเหมือนเดิม มีเพียงบางอย่างในใจสองคนที่เริ่มเปลี่ยนไป
มารตีนั่งอยู่ก่อนแล้ว หน้าต่างข้างตัวเธอสะท้อนแสงแดดอ่อนๆ ถ้วยกาแฟยังอุ่นในมือ และอีกถ้วยที่วางรออยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อประตูร้านเปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งเบาๆ เด็กหนุ่มในเสื้อเชิ้ตขาวสะอาดก็เดินเข้ามา
เขาดูรีบร้อนเล็กน้อย ท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาโตคู่นั้นก็ยังมองตรงมาที่เธอเสมอ
“ขอโทษที่มาช้า…ครับ” นัทพงษ์นั่งลงตรงข้าม พยายามหลบสายตาแต่ก็ลอบมองเธอเป็ระยะๆ
“ไม่เป็ไร พี่ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันจ้ะ” เธอยิ้มน้อยๆ พร้อมเลื่อนถ้วยกาแฟไปให้เขา
ไม่มีหัวข้อเื่งาน ไม่มีการถามไถ่ว่าระบบทำงานดีหรือยัง ไม่มีตารางประชุม หรือฟีดแบ็กการฝึกงาน
มีแค่ความเงียบสลับบทสนทนาเบาๆ และเสียงหัวใจที่เต้นระรัว “พี่...” นัทพงษ์กลั้นใจ “ถ้าพี่ไม่ได้จริงจัง ผมควรหยุดความรู้สึกนี้ได้รึเปล่าครับ?”
คำถามนั้นทำเอาสาวสวยชะงักไป เธอวางถ้วยกาแฟลงอย่างช้าๆ ดวงตาที่เคยแน่นิ่งกลับสั่นไหวเล็กน้อย
นัทพงษ์รีบเสมองออกไปนอกร้าน ราวกับกลัวคำตอบของตัวเอง “ผมรู้ว่าพี่มีชีวิตส่วนตัวของพี่ มีสถานะ มีคนในชีวิตอยู่แล้ว…” เขาเอ่ยเบาๆ แต่หนักแน่น “ผมไม่ได้อยากเข้าแทรก หรือเป็คนทำลายอะไร”
“แต่ถ้าพี่แค่...เล่นสนุกกับผม แค่ลองจีบเด็กฝึกงานเพื่อความตื่นเต้น…”
เขากลืนน้ำลาย “ผมไม่คิดว่า…ผมจะฝืนใจไม่รู้สึกอะไรได้อีกต่อไปแล้วครับ”
มารตีเงียบไปนาน เธอหลบตาเขาเป็ครั้งแรก ไม่ได้เพราะอาย แต่เพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร เพราะตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจ ว่าความรู้สึกนี้…คือความอยาก หรือแค่อยากอยู่ใกล้ๆ แต่สิ่งที่เธอแน่ใจคือ เธออยากเริ่มใหม่ แบบไม่ต้องมีคำว่า “หัวหน้า-เด็กฝึกงาน” หรือแม้แต่คำว่า “เกม”
“พี่...” เธอพูดเบาๆ “ไม่ได้อยากเล่นอะไรกับเธออีกแล้วนะ” เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น
“ถ้าเราได้รู้จักกันแบบไม่มีหน้าที่ ไม่มีตำแหน่ง หรือสถานะอะไรทั้งนั้น…เธอจะยอมเริ่มใหม่กับพี่ไหม” คำพูดนั้นฟังดูง่าย แต่กลับทิ้งความรู้สึกหนักอึ้งไว้ในใจเด็กหนุ่ม
เขามองเธอนิ่งนาน ก่อนจะยิ้มแบบฝืนๆ ออกมา “แบบที่ไม่มีใครรู้…ใช่ไหมครับ” เขาเอ่ยเบาๆ แฝงด้วยความเศร้าเจือจาง “แบบที่พี่กับผมต้องแอบ ต้องไม่ให้ใครเห็น…โดยเฉพาะคนที่พี่มีอยู่ในชีวิตจริงของพี่อยู่แล้ว”
มารตีไม่ได้ตอบ เธอเพียงยิ้มอีกครั้ง และยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ ราวกับใช้รสขมกลบรสซึมลึกในใจ “ก็ได้…เกมใหม่ก็เริ่มแล้วนี่นา”
แต่คราวนี้ เป็เกมที่หญิงสาวเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเล่นไปเพื่ออะไร เพื่อค้นหาหัวใจตัวเอง? หรือเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่ไม่น่าจะเอื้อมถึง?
ฝนตกปรอยๆ บางเบาอีกครั้ง และเสียงหัวเราะในร้านกาแฟก็ยังไม่หายไปไหน แต่ภายใต้เสียงหัวเราะนั้น ยังซ่อนคำถามที่ไม่มีคำตอบ…อยู่เต็มไปหมด
พีชเลขาหน้าห้องของมารตีบิดตัวอย่างช้าๆ บนเสื่อโยคะ เสียงหายใจสลับกับเสียงพัดลมเพดานที่หมุนเอื่อยๆ ในห้องฝึกขนาดย่อม แสงไฟสีอุ่นจากหลอดฮาโลเจนตกกระทบบนผิวขาวเนียนของเธอเป็ระยะๆ
หญิงสาวไม่เคยรู้สึกว่าการเหยียดขาและยกสะโพกขึ้นกลางอากาศจะทำให้เธอ “ตื่นตัว” ได้ขนาดนี้
“หลังตรงหน่อยครับ...ใช่แบบนั้น ดีมาก” เสียงทุ้มนุ่มของครูอาร์ตดังอยู่ไม่ไกลจากด้านหลัง
พีชไม่กล้าหันไปมอง เธอแค่พยายามตั้งใจตามคำแนะนำ แต่ก็รู้ดีว่า...การเคลื่อนไหวของเขาอยู่ในรัศมีที่เธอััได้ และหญิงสาวแน่ใจว่าเขาคงกำลังมองเรือนร่างในชุดโยคะที่แนบไปกับร่างกายทุกส่วนสัดของเธออย่างแน่นอน
ผู้ชายคนนี้ดูไม่ใช่แค่ครูโยคะธรรมดาซะแล้ว เขาเป็คนเดียวที่สามารถทำให้ “ความนิ่ง” ของเขากลายเป็แรงดึงดูดเพศตรงข้ามได้ขนาดนี้
เลขาสาวรู้สึกว่าเขากำลังเดินผ่านด้านหลัง แล้วหยุดอยู่ตรงนั้น ก่อนที่มืออุ่นๆ จะััเบาๆ ตรงกลางหลัง “ดันสะโพกลงอีกนิดครับ” เขาพูดอย่างสุภาพ แต่แรงกดที่จุดนั้นทำให้เธอเกร็งในทันที
พีชสูดหายใจเข้าลึก ค่อยๆ ทำตามคำแนะนำ ทั้งที่จิตใจเธอไม่อาจโฟกัสที่โยคะได้เลย ทำไมเธอถึงรู้สึกว่า...เขากำลังแตะต้องเธอแบบไม่ใช่แค่แนะนำอย่างมืออาชีพ? หรือเธอแค่คิดไปเอง...
หลังจบคลาสนั้น หญิงสาวนั่งดื่มน้ำอยู่มุมห้อง ร่างกายเหนื่อยล้าแต่จิตใจเหมือนยังมีไฟลุกโชนอยู่ภายใน เสียงคนในคลาสค่อยๆ ทยอยออกไปทีละคน จนห้องเงียบสนิท เหลือแค่เธอกับครูอาร์ต
“พรุ่งนี้มาอีกไหมครับ?” เขาถามพร้อมเช็ดเหงื่อที่หน้าผากตัวเอง เสื้อกล้ามสีเทาเปียกชื้นแนบกับอกที่เต็มแน่น ไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ สาวสวยรู้ว่าเขาเห็นเธอมอง แต่ก็ไม่ได้หลบสายตา ที่อยากรู้ของเธอ
“อาจจะนะ...ถ้าร่างกายยัง้า” เธอยิ้ม ยกขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างเชื่องช้า ไม่รีบ
เขาหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วโน้มตัวลงเล็กน้อย “ถ้าร่างกายคุณยัง้าผม...ผมก็จะรออยู่ตรงนี้นะครับ”
หัวใจสาวสวยเต้นแรงอย่างไม่สมเหตุสมผล ร้อนวูบวาบที่อก ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านคลาสโยคะมาแท้ๆ...นี่เขาจะเอาจริงดิ
เธอคว้าผ้าเช็ดหน้าแล้วเดินออกจากห้อง แต่ก่อนจะถึงประตู พีชก็หยุด เดินย้อนกลับไปวางเสื่อโยคะลงอย่างตั้งใจช้าๆ และแกล้งพูดลอยๆ โดยไม่หันไปมอง ก่อนจะเดินบิดสะโพกแบบยั่วยวนจากไป
“ฉันลืมของไว้...คงต้องกลับมาอีกแน่ๆ”
วันต่อมา...
แสงแดดอ่อนของบ่ายคล้อยส่องผ่านม่านบางในห้องโยคะ กลิ่นลาเวนเดอร์ลอยอวลอยู่ในอากาศ เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ คล้ายกับลมหายใจของใครบางคนกำลังซ้อนทับจังหวะหัวใจของเธอ ร่างงามสมส่วนเอนตัวลงสู่ท่า supine twist ช้าๆ ปล่อยแขนข้างหนึ่งเหยียดตรงอีกข้างบิดพาดข้ามลำตัว เธอกำลังตั้งสมาธิอยู่กับการหายใจ...จนกระทั่ง...
“หมุนไหล่ให้ราบกับพื้นนิดนึงครับ…ใช่ ตรงนั้นแหละ” เสียงทุ้มต่ำดังข้างหู ก่อนที่ฝ่ามืออุ่นจะแตะลงบนหัวไหล่ซ้ายของเธอ เบาและนิ่งจนหัวใจสาวสวยเงียบลงไปครู่หนึ่ง
“อื้ม…” เธอหลุดเสียงในลำคอเบาๆ แล้วลืมตาขึ้นหันไปมองเขาแบบไม่ตั้งใจ ดวงตาของอาร์ตนิ่ง สงบ เหมือนมือเขา…แต่แววตานั้นล่ะ? สงบแบบคนรู้ตัว…หรือคนจงใจ?
“ครูอาร์ต…จับแบบนี้กับนักเรียนทุกคนเลยใช่ไหมคะ?” เสียงเธอเบา แฝงรอยยิ้มเ้าเล่ห์ไว้ที่หางคำ
อาร์ตหัวเราะเบาๆ ไม่ตอบทันที “บางคนก็นุ่มนวลได้ บางคนก็ต้องค่อยๆ จับใจให้อยู่ก่อนครับ...”
คิ้วสวยเลิกขึ้นสูงนิด ๆ ก่อนหันกลับ ใจหรือหลังคะครู? เธอไม่ได้พูดออกมา แต่สายตาที่สบกับเขาในกระจกก็บอกชัดว่าเธอคิดอะไร
เมื่อเปลี่ยนเป็ท่า pigeon pose อาร์ตขยับมาด้านหลังเธอ คุกเข่าลงอย่างเงียบเชียบ มือแข็งแรงแตะเบาๆ ที่หลังต้นขาของพีช ไล่น้ำหนักอย่างชำนาญ
“ถ้ารู้สึกตึงตรงสะโพก ก็ผ่อนลมหายใจยาวๆ เลยครับ อย่าฝืน” เสียงเขานุ่มเหมือนผ้าฝ้าย แต่อุ่นลึกจนเธอขนลุก