นิ้วเล็กๆ ราวกับต้นหอมนั้นชี้ไปทางฟางเสีย เขาพูดช้าๆ “ท่านชื่อ ฟางเสีย เป็นักเดินหมากระดับเก้า ปีนี้อายุ 28 ปี วิธีการเดินหมาก ใจกว้าง เชี่ยวชาญการเอาชนะท่ามกลางความวุ่นวาย การเดินหมากที่สร้างชื่อ “ค่ายกลฟางเสีย” เป็นักเดินหมากอันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยเยียน และเป็นักเดินหมากเพียงคนเดียวในแคว้นเป่ยเยียนที่สามารถใช้ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและค่ายกลเจดีย์คู่...”
เมื่อพูดจบ ภายในห้องมีเพียงความเงียบสงบ
ฟางเสียทั้งหกคนมองหน้ากันไปมา!
ที่แท้เขารู้เื่จริงๆ!
องค์ไท่จื่อน้อยทำปากยู่แล้วพูดอีกด้วยท่าทางจริงจัง “ทั้งๆ ที่พี่หญิงเฟิงรู้ว่าผู้ที่กำลังเดินหมากกับนางมิใช่ไท่ฟู่ แต่นางยังคงกล้าหาญที่จะรับการท้าประลอง เมื่อเปรียบเทียบกับนางแล้ว พวกท่านไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ”
เผชิญหน้ากับคำถามของเขา ฟางเสียและคนอื่นๆ ได้แต่ยิ้มฝาดเฝื่อน พวกเขาะโลงเรือลำนี้เพราะไม่ทันระวัง พวกเขาถูกบังคับนี่นา!
หานไท่ฟู่หน้าแดงก่ำ แต่ยังคงพูดข้างๆ คูๆ “เื่นี้หากพูดกันจริงๆ แล้ว มิใช่พี่หญิงเฟิงของเ้าหรอกหรือที่ก่อขึ้นมา นาง้าแมวเทพสกุลหานของข้า ย่อมต้องแลกด้วยความสามารถที่แท้จริง!”
องค์ไท่จื่อน้อยตอบโต้อย่างไม่พอใจ “รังแกคนที่มีกำลังน้อยกว่า เป็ชัยชนะที่ไม่ขาวสะอาด!”
หานไท่ฟู่ถลึงตาใส่เด็กทั้งสองด้วยใบหน้าแดงก่ำ “หากพวกเ้าคิดจะอยู่ดูการเดินหมากที่นี่ต่อ ก็อยู่ที่นี่อย่างสงบ หาไม่แล้วก็กลับไปห้องพิเศษฝั่งตรงข้าม!”
เด็กน้อยสองคนสบตากันปราดหนึ่ง ั์ตาเล็กๆ นั้นกลอกไปมาและเลือกที่จะอยู่อย่างสงบ
ริมสระบุปผา ซือคงเซิ่งเจี๋ยยกมุมปากน้อยๆ สายตาของเขาตกลงบนกระดานหมากอีกครั้ง นิ้วมือเรียวยาวเคาะเบาๆ บนกระดานหมากและกล่าวว่า “ไม่พบกันสามปี การเดินหมากของฟางเสียผู้นี้ก้าวหน้าขึ้นหลายส่วน!”
“ฟางเสียหรือ” ซือคงจวินเย่ประหลาดใจ “ความหมายของเ้าคือ ผู้ที่เดินหมากมิใช่หานซื่อหลง แต่เป็ฟางเสีย”
แม้จะประหลาดใจมาก แต่เขาเชื่อการวิเคราะห์ของน้องชาย หากเป็เื่การเดินหมากน้องชายนับเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบร้อยปี เริ่มั้แ่เขาอายุหกขวบก็ปรากฏให้เห็นถึงความเป็อัจฉริยะทางด้านการเดินหมาก ต่อมาเมื่อเป็ศิษย์ของอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ฝีมือการเดินหมากก้าวหน้าขึ้นเป็พันลี้ในหนึ่งวัน เขาไม่เคยแพ้อีกเลย คนอื่นๆ ทุ่มเทจิตใจเพื่อชัยชนะ แต่เขากลับเดินทางเป็พันลี้เพื่อหาคู่ต่อสู้ที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ได้!
ดังนั้น เขากล่าวว่าผู้ที่เดินหมากคือ ฟางเสีย เช่นนั้นก็ต้องเป็ฟางเสียแน่นอน!
แต่ไรมาเขาไม่เคยกังขา!
“แต่การเดินหมากของนางกำนัลคนนี้น่าสนใจยิ่งกว่า!” นิ้วเรียวยาวประดุจหยกนั้นหยิบหมากขาวขึ้นมาตัวหนึ่งแล้ววางลงเบาๆ ริมฝีปากบางของซือคงเซิ่งเจี๋ยยกขึ้นน้อยๆ “หากข้าเป็ผู้เดินหมากขาว ก้าวต่อไปคือตรงนี้!”
ซือคงจวินเย่จับจ้องสายตามองไป เห็นเพียงเขาวางหมากขาวลงบนตำแหน่ง แนวตั้ง 6 แนวนอน 8 เขาขมวดคิ้วแน่น
ภายในห้องพิเศษ หวง เฟิ่งเฉี่ยนนิ่งค้างไปราวกับกลายเป็หิน นางยังคงใคร่ครวญอยู่ มู่ชิงเซียวเป็กังวลยิ่งยวด เขาอ้าปากกำลังจะพูด ทว่าเฟิ่งเฉี่ยนขยับแล้ว หมากขาวในมือวางลงไป--
หมากขาวบนกระดานหมากใหญ่ก็วางลงไปด้วย
แนวตั้ง 6 แนวนอน 8
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที
“เหตุใดจึงเดินตรงนี้เล่า”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!”
“มีตำแหน่งให้เดินตั้งมากมาย เหตุใดจึงเลือกที่จะมาเดินในตำแหน่งที่ไม่สลักสำคัญอันใดเลย”
“คงมิใช่ว่าแม่นางเฟิงไม่ไหวแล้วกระมัง”
“ไม้ตายและค่ายกลได้นำมาใช้หมดแล้วกระมัง”
เสียงทอดถอนใจ ไม่กระจ่างแจ้ง ผิดหวัง...อารมณ์และความรู้สึกหลากหลายครอบคลุมห้องโถงชั้นล่าง
มู่ชิงหว่านเลิกคิ้วอย่างดูิ่ดูแคลน
ภายในห้องพิเศษ เสวียน ปฏิกิริยาของหานไท่ฟู่ไม่ต่างจากห้องโถงด้านล่าง เขาหัวเราะลำพองใจ “ดูเอาเถิด นางเด็กคนนั้นหมดหนทาง สับสนลนลานแล้ว!”
คิ้วเข้มขององค์ไท่จื่อน้อยขมวดมุ่น ริมฝีปากสีผลอิงนั้นเม้มแน่น
หานไท่ฟู่คงยังหัวเราะอย่างลำพองใจ “ฟางเสีย ทำได้ดีมาก! ทำต่อไป บีบคั้นนางให้ตาย!”
ทันใดนั้น บรรยากาศภายในห้องแปรเปลี่ยนไป ดูเหมือนมีเขาเพียงคนเดียวที่หัวเราะเสียงดังลั่น เมื่อดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ฟางเสียเท่านั้นที่มีสีหน้าเคร่งเครียด นักเดินหมากระดับเก้าอีกห้าคนเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน ดูเหมือนเกิดเื่ใหญ่อะไรขึ้นสักอย่าง!
หานไท่ฟู่เก็บงำรอยยิ้มถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “มีอะไรกัน หมากก้าวนี้มีปัญหาอันใดหรือ”
ฟางเสียยิ้มขม “ดูท่าแล้วข้าประเมินศัตรูต่ำไป ฝ่ายตรงข้ามไม่ง่ายดายจริงๆ!”
หานไท่ฟู่พิจารณาหมากบนกระดานอย่างจริงจังอีกครั้ง ยังคงไม่พบเห็นพิรุธอันใดเหมือนเดิม เขาพูดขึ้นอย่างร้อนรน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าร้อนใจจะแย่แล้ว!”
ฟางเสียชี้ไปที่กระดานหมากแล้วกล่าวว่า “ท่านดูสิ เดิมทีข้าคิดจะเดินหมากตรงนี้ ตรงนี้ และยังมีตรงนี้ เมื่อเป็เช่นนี้แล้วค่ายกลพระจันทร์ข้างขึ้นของข้าก็จะก่อตัวได้สำเร็จ ไม่ว่าหมากขาวจะเดินอย่างไรข้าล้วนมีวิธีที่จะไล่ล่าและขัดขวาง...”
หานไท่ฟู่มองตามเส้นทางการเดินหมากของเขาแล้วพยักหน้าหงึกๆ ชื่นชมไม่หยุด “เป็การเดินหมากที่เยี่ยมยอด เป็ความคิดที่เยี่ยมยอด!”
ฟางเสียส่ายหน้าเสียดาย “แต่น่าเสียที่ฝ่ายตรงข้ามอ่านความคิดของข้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขาเดินหมากในตำแหน่งนี้เป็การปิดค่ายกลล่วงหน้า หากข้ายังคงเดินตามเส้นทางที่คิดเอาไว้ ก็จะถูกนางควบคุม จากฝ่ายเดินเกมพลิกกลับเป็ฝ่ายตามเกม!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ภายในห้องพลันเกิดเสียงปรบมือแปะๆ ขึ้นสองครั้งในเวลาที่ไม่เหมาะสมที่สุด
หลายๆ คนหันหน้าไปมองเด็กน้อยสองคนที่นั่งเรียงกันในห้องพร้อมๆ กัน เห็นเพียงมือเล็กๆ นั้นตบมือเข้าหากันด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
“ฮ่าๆ หมากขาวเดินได้เยี่ยมมาก!”
เห็นทุกคนมองมา องค์ไท่จื่อน้อยยกหมัดเล็กๆ ขึ้นแล้วยิ้มจนดวงตาโค้งลง “ท่านอาฟาง ท่านเองก็ต้องสู้ๆ นะ!”
ฟางเสียหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
หานไท่ฟู่เกือบจะกระอักเืออกมา ในที่สุดก็เข้าใจการมาของเ้าเด็กน้อยสองคนนี้แล้ว พวกเขามาเพื่อยั่วโทสะเขา!
ริมสระบุปผา ซือคงจวินเย่จ้องเขม็งไปที่ตำแหน่งแนวตั้ง 6 แนวนอน 8 ของหมากขาวเนิ่นนาน แล้วถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “หมากขาวเดินลงในตำแหน่งนี้จริงๆ หรือ”
คนของเขาที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า “เดินในตำแหน่งนี้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ! เดินในตำแหน่งเดียวกันกับที่องค์ชายสามคาดการณ์เอาไว้พ่ะย่ะค่ะ!”
“น่าสนใจ!” ริมฝีปากบางสีผลอิงของซือคงเซิ่งเจี๋ยแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นแทบจะทำให้คนตาพร่า
ซือคงจวินเย่ขมวดคิ้ว “นี่เป็การเดินหมากส่งเดชหรือไม่ บังเอิญเกินไป?”
ในเมื่อการเดินหมากที่น้องชายคิดออกมานั้นมิใช่การเดินหมากที่คนธรรมดาสามัญจะคิดออกมาได้ เขาไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคนที่เดินหมากได้ดีเท่ากับน้องชายของตน!
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหยิบหมากขึ้นมาอีกตัวหนึ่งวางลงบนตำแหน่งตรงกลางของกระดานหมาก “หากข้าคิดไว้ไม่ผิด ก้าวต่อไปนางจะต้องเดินตรงนี้!”
ซือคงจวินเย่พินิจพิจารณา หมากขาวเดินในตำแหน่ง แนวตั้ง 8 แนวนอน 8!
ในวังหลวง เฟิ่งชังจับจ้องตำแหน่งที่หมากขาวเพิ่งจะเดิน เขาส่ายหน้าเยาะเย้ย “เป็อย่างที่กระหม่อมคาดเดาไว้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่เดินหมากขาวนั้นเดินส่งเดช ต้องพ่ายแพ้อย่างมิต้องสงสัย!”
ดวงตารูปหงส์ที่เจิดจ้าราวกับมีดวงดาวอยู่ในนั้นของเซวียนหยวนเช่อกวาดผ่านมา ทว่าเขากลับส่ายหน้า ข้อนิ้วขึ้นชัดเจนของนิ้วเรียวยาวนั้นชี้ไปบนกระดานหมาก “ท่านดูสิ หากหมากดำยังคงเดินมาในตำแหน่งนี้ก็จะก่อตัวเป็ค่ายกลพระจันทร์ข้างขึ้นได้สำเร็จ นี่ก็คือหนึ่งในค่ายกลชนิดใหม่ของฟางเสีย แต่พลิกแพลงว่องไวกว่าค่ายกลฟางเสียมาก ก้าวหน้าขึ้นอิสระมากขึ้น ทันทีที่ค่ายกลนี้ก่อตัวสำเร็จ หมากขาวก็จะตกอยู่ในที่นั่งลำบากทันที หมากดำสามารถก่อค่ายกลอย่างเปิดเผย รอเป็ตาอยู่!”
ดวงตาพยัคฆ์ของเฟิ่งชังเปล่งประกาย ทอดถอนใจ “ค่ายกลนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
เขาถามขึ้นอย่างสนอกสนใจ “ทูลถามฝ่าา ผู้เดินหมากดำคือใครพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อ “ผู้เดินหมากดำ คือนักเดินหมากระดับเก้าของชุมนุมเดินหมากเทียนหยวน ฟางเสีย”
“ฟางเสีย นักเดินหมากระดับเก้าหรือ ที่แท้เป็เขา!” ดวงตาเฟิ่งชังทอประกายวาบ เอ่ยวาจาชื่นชม “มิน่าเล่าจึงได้ใช้ค่ายกลที่แปลกใหม่และยอดเยี่ยมเช่นนี้ เขาเป็อัจฉริยะคนหนึ่งพ่ะยะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อกลับส่ายหน้าอีกครั้ง ริมฝีปากเย้ายวนนั้นยกยิ้มเ็า “ผู้ที่เป็อัจฉริยะอย่างแท้จริงคือผู้ที่เดินหมากขาวต่างหาก!”
เฟิ่งชังประหลาดใจ “กระหม่อมโง่เขลา ฝ่าาโปรดชี้แนะพ่ะย่ะค่ะ!”