คิ้วคมเข้มประดุจหมึกนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อย เซวียนหยวนเช่อพูดต่อ “ตำแหน่งของหมากขาวดูเหมือนไม่สำคัญอันใด แต่หากหมากดำก่อค่ายกลได้สำเร็จ เช่นนั้นหมากขาวตัวนี้ย่อมกลายเป็ลูกศรอันคมปลาบที่จะยิงทะลุค่ายกลพระจันทร์ข้างขึ้นกลายเป็ก้าวปลิดชีพหมากดำ! หรือพูดอีกอย่างก็คือ หมากขาวได้ทำลายค่ายกลใหม่ของหมากดำล่วงหน้าแล้ว!”
“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ ทำลายล่วงหน้าแล้ว” เฟิ่งชังจ้องหมากบนกระดานเขม็ง เขาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยๆ พยักหน้า “เป็อย่างที่ฝ่าาตรัสจริงๆ ด้วย หมากขาวตัวนี้ดูเหมือนเดินส่งๆ ทว่ากลับเป็ก้าวลอบสังหาร!”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วถามอีกว่า “เช่นนั้นผู้ที่เดินหมากขาวเป็ผู้ใดกันพ่ะย่ะค่ะ”
“ผู้ที่เดินหมากขาว...” แววตาของเซวียนหยวนเช่อพลันไหววูบ เขาวางถ้วยน้ำชาในมือแล้วเอ่ยช้าๆ “เป็สตรีนางหนึ่ง”
“สตรี?” เฟิ่งชังตกตะลึง “สตรีคนหนึ่งถึงกับสามารถทำลายค่ายกลของฟางเสียได้”
“ท่านมหาเสนาบดีไม่เชื่อหรือ” คิ้วคมของเซวียนหยวนเลิกขึ้น
เฟิ่งชังส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ “กระหม่อมไม่เชื่อจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ! แค่สตรีนางหนึ่งถึงกับมีความอดทนอดกลั้นและความสามารถมากมายเพียงนี้ สามารถคาดเดาความคิดของศัตรูล่วงหน้า พลิกสถานการณ์จากผู้ตามเกมเป็ผู้นำเกม เป็การเดินหมากส่งเดชหรือไม่ บังเอิญโชคช่วยกัน”
เขาเพิ่งจะเยาะเย้ยดูแคลนผู้เดินหมากขาว ตอนนี้กลับทำให้เขาต้องกลืนคำพูดของตนเอง เขาทำไม่ได้ และไม่ยินยอมที่จะทำด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเป็เพียงสตรีคนหนึ่ง ตัวเขาที่เห็นบุรุษสูงส่งสตรีต่ำต้อยเข้ากระดูก ไม่เชื่อหรอกว่าสตรีจะเอาชนะบุรุษได้!
เซวียนหยวนเช่อไม่โต้เถียงกับเขาเช่นกัน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยให้เห็นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ภายในห้องพิเศษ เสวียน ฟางเสียถือหมากทว่าตัดสินใจไม่ได้ นักเดินหมากระดับเก้าที่เหลือเริ่มวิพากษ์วิจารณ์
“ค่ายกลใหม่ของพี่ฟางมีเพียงพวกเราไม่กี่คนที่เคยเห็นมาก่อน เหตุใดแม่นางเฟิงจึงสามารถทำลายค่ายกลใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น พวกเราประเมินคู่ต่อสู้สูงไปหรือไม่”
“ใช่ พวกเราคิดมากไปหรือไม่ หรือนางอาจจะเดินหมากส่งๆ สักก้าวหนึ่งแล้วบังเอิญทำลายค่ายกลใหม่ของพี่ฟาง”
“มีความเป็ไปได้อย่างมาก! ค่ายกลใหม่ของพี่ฟางนั้นทั้งซับซ้อนและพลิกแพลง ไฉนจะถูกทำลายได้ง่ายดายเช่นนี้”
“ตามความเห็นของข้า พวกเราอย่าได้ตัดสินเร็วเกินไป ให้พิจาณาใคร่ครวญตามการเดินหมากก่อนหน้านี้ ดูปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามว่าเป็อย่างไร!”
“ถูกต้อง นางอ่านค่ายกลใหม่ของพี่ฟางอย่างทะลุปรุโปร่งหรือไม่ และดูว่าก้าวต่อไปนางจะเดินในตำแหน่งไหน”
ได้ยินความเห็นของทุกคนแล้ว ฟางเสียคิดว่ามีเหตุผลเช่นกัน ดังนั้นจึงค่อยๆ พิจารณาไตร่ตรองการเดินหมากที่ผ่านมาแล้ววางหมากดำลงในตำแหน่งหนึ่ง
หมากดำเพิ่งจะวางลงไป หมากขาวก็ตอบโต้กลับมาทันทีโดยไม่เสียเวลาใคร่ครวญ!
ฟางเสียและคนอื่นๆ ถึงกับโง่งม
แนวตั้ง 8 แนวนอน 8!
“ให้ตายเถอะ นางมองออกจริงๆ!”
“หมากก้าวนี้เหี้ยมโหดกว่าก้าวก่อนหน้านั้นอีก ทำลายค่ายกลพระจันทร์ข้างขึ้นเสียแล้ว!”
“แม่นางเฟิงกินเืไก่มาหรือไร ไฉนจึงร้ายกาจเช่นนี้”
“...”
ฟางเสียยิ้มขม “ดูแล้วเป็พวกเราเองที่ประเมินศัตรูต่ำไป!”
ผู้ที่ตกตะลึงที่สุดยังคงเป็หานไท่ฟู่ เดิมคิดว่าเขาเชิญฟางเสียนักเดินหมากระดับเก้ามาแล้ว จะอบรมสั่งสอนนางเด็กคนนั้นให้สาแก่ใจ ใครเลยจะรู้ว่าไม่อาจทำให้นางพ่ายแพ้ได้ แต่ในทางตรงข้ามนางกลับทำลายค่ายกลใหม่ของนักเดินหมากระดับเก้าเสียสิ้น!
นางกินเืไก่ที่ไหนกัน ชัดเจนเหลือเกินว่ากินเืวัว!
เหตุใดนางไม่ขึ้น์ไปเลยเล่า
ยิ่งทำให้เขาท้อแท้ก็คือ เด็กน้อยสองคนที่ทั้งหัวเราะทั้งปรบมือ ทำทุกอย่างที่เป็ปรปักษ์กับเขา!
เขาโมโหเสียจนตาแทบจะถลนออกมา
องค์ไท่จื่อน้อยมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะของหานไท่ฟู่ เขาพูดอย่างไร้เดียงสา “ไท่ฟู่ ท่านถลึงตาใส่พวกเราเพื่ออันใดกัน รีบคิดหาวิธีคลี่คลายสถานการณ์เถิด!”
ลั่วเฟิงแบมือเล็กๆ “ไท่ฟู่แก้สถานการณ์ไม่ได้ใช่หรือไม่ หาไม่แล้วเหตุใดจึงไปเชิญคนมาช่วย”
หานไท่ฟู่เกือบสำลักน้ำลายตัวเองตาย เขาโมโหจนหนวดเครากระดิก “เ้าผีน้อยสองคน จงใจทำให้ข้าโมโหกระมัง”
องค์ไท่จื่อน้อยส่ายศีรษะอย่างน่ารัก “ไม่ใช่เสียหน่อย! ท่านเป็ไท่ฟู่ของพวกเรา พวกเราเคารพนับถือท่านเป็อย่างมาก!”
หานไท่ฟู่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาหน้าดำทะมึน ชี้ไปที่ประตู “พวกเ้าทั้งสอง ควรกลับไปห้องพิเศษฝั่งตรงข้ามได้แล้ว!”
เด็กน้อยทั้งสองคนสบตากันปราดหนึ่ง แต่ไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว
ดวงตาดำขลับขององค์ไท่จื่อน้อยมองไท่ฟู่ “แต่...ไท่ฟู่้ากำลังใจจากพวกเรามากกว่านี่นา!”
“ถูกต้อง!” ลั่วเฟิงพยักหน้าสนับสนุน มือเล็กๆ กำเป็หมัด “ไท่ฟู่ สู้ๆ!”
เห็นท่าทางไร้เดียงสาของเด็กน้อยสองคนแล้ว หานไท่ฟู่ถึงกับกุมขมับ เขาโกรธจนหัวจะะเิ
ริมสระบุปผา ซือคงจวินเย่ขมวดคิ้วแน่น “ถึงกับเดินถูกตำแหน่งอีก เป็ไปได้อย่างไร”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยลุกขึ้นนั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัว สายตาของเขาถูกหมากบนกระดานดึงดูด “ยิ่งน่าสนใจแล้ว”
ในวังหลวง ดวงตาทั้งคู่ของเฟิ่งชังจ้องกระดานหมาก สีหน้าแข็งค้าง “ก้าวนี้...”
เซวียนหยวนเช่อพูดต่อคำพูดของเขา “หมากก้าวนี้ดุดันกว่าหมากก้าวก่อนหน้านี้อีก! หมากก่อนหน้านี้เพียงแค่ทำลายค่ายกลพระจันทร์ข้างขึ้นส่วนหนึ่ง แต่หมากก้าวนี้ทำลายค่ายกลพระจันทร์ข้างขึ้นอย่างสิ้นเชิง!”
เฟิ่งชังขมวดคิ้วเป็ปม ไม่ยอมรับว่าตนเองคิดผิดยังคงดื้อรั้นยืนกราน “หรืออาจเป็ความบังเอิญ!”
เซวียนหยวนเช่อยิ้มบางๆ ไม่พูดอันใด
บนกระดานหมากขนาดใหญ่ หมากดำไม่เคลื่อนไหวเนิ่นนาน คนในห้องโถงเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนนี้เป็หมากขาวหรือหมากดำที่เป็ฝ่ายได้เปรียบกันแน่”
“ข้าดูไม่เข้าใจเลย! หมากดำเดินประหลาดมาก หมากขาวเดินประหลาดยิ่งกว่า!”
“ข้าก็มึนไปหมดแล้ว! มียอดฝีมือสักคนช่วยวิเคราะห์สักหน่อยหรือไม่”
“นี่เป็หมากกระดานที่ประหลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเห็นมา!”
มุมหนึ่งของห้องโถง สาวใช้ถามมู่ชิงหว่าน “คุณหนูเ้าคะ เมื่อสักครู่มิใช่หมากดำที่เป็ฝ่ายได้เปรียบหรือ เหตุใดตอนนี้หมากดำไม่เคลื่อนไหวเสียแล้ว”
มู่ชิงหว่านไม่แจ่มแจ้งเช่นกัน “เ้าถามข้า ข้าจะถามใคร หมากดำน่าจะกำลังคิดค่ายกลใหม่กระมัง”
ภายในห้องพิเศษ หวง ใบหน้าอ่อนโยนของมู่ชิงเซียวปรากฏให้เห็นรอยยิ้มอบอุ่น “เฉียนเฉี่ยน เมื่อสักครู่เ้าคิดนานมาก เหตุใดก้าวนี้เ้าจึงเดินเร็วเช่นนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนเล่นหมากขาวในมือ กล่าวยิ้มๆ “ฟางเสียผู้นี้ไม่ง่ายดายจริงๆ วิธีการเดินหมากของเขาแปลกใหม่ เป็ตัวของตัวเอง เมื่อสักครู่ข้าเกือบจนตรอกอยู่กับค่ายกลชนิดใหม่ของเขาเสียแล้ว! หากช้าไปอีกหนึ่งก้าว เขาต้องก่อค่ายกลสำเร็จ ถึงเวลานั้นข้าคิดจะตอบโต้เกรงว่าจะสายเกินไป”
“แต่เ้ายังพบเห็นทันเวลา แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการเดินหมากของเ้ามิได้ด้อยกว่าเขา!” มู่ชิงเซียวกล่าว
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มทว่าไม่พูด นางรู้อยู่แก่ใจว่าที่ตนสามารถทำลายค่ายกลของฟางเสีย ล้วนอาศัย 《ตำราทักษะการเดินหมากล้อม เวอร์ชั่น 3.0》ทั้งสิ้น แน่นอนว่ายังมีตัวนางและการสังเกตสังกาที่รอบคอบอีกด้วย!
ภายในห้องพิเศษ เสวียน หลังจากฟางเสียใคร่ครวญถึงสามรอบ เขาได้ตัดสินใจทำสิ่งที่คนทั้งห้องตกตะลึง “ดูท่าแล้ว ข้าไม่อาจไม่นำค่ายกลที่สองที่ข้าเพิ่งคิดค้นได้ออกมาใช้...”
จ้าวฉีและคนอื่นๆ ได้ยินแล้วตื่นตะลึง แต่ละคนแสดงท่าทียับยั้งห้ามปราม
“พี่ฟาง ไม่ได้เด็ดขาด! นี่เป็ค่ายกลใหม่สามชนิดที่ท่านต้องเสียเวลาถึงสามปีเต็มไปในการคิดขึ้นมา เพื่อนำมันมาต่อกรกับซือคงเซิ่งเจี๋ย หากถูกแพร่งพรายออกไป พรุ่งนี้ท่านจะเอาอะไรไปต่อสู้กับซือคงเซิ่งเจี๋ยเล่า”
“ใช่แล้ว พี่ฟาง ท่านต้องคิดให้รอบคอบ!”
ฟางเสียยิ้มฝาดเฝื่อนเมื่อเผชิญหน้ากับการโน้มน้าวของทุกคน “ข้าเสียเวลาไปสามปีเพื่อคิดค้นค่ายกลใหม่ๆ ทว่ากลับถูกผู้อื่นใช้เวลาเพียงครึ่งถ้วยชาก็ทำลายได้แล้ว ช่างทิ่มแทงจิตใจเหลือเกิน!”
จ้าวฉีปลอบใจ “ข้าดูแล้ว มิใช่เป็เพราะค่ายกลใหม่ของพี่ฟางอ่อนเกินไป แต่เป็เพราะฝีมือในการเดินหมากของแม่นางเฟิงแข็งแกร่งเกินไป นี่เป็เื่ที่พวกเราต่างคิดไม่ถึง!”