อันเจิงหัวเราะพลางมองเกาตี้ สายตาดุดันคู่นั้นและเสียงหัวเราะเย้ยหยันทำให้เกาตี้หวาดกลัวสุดหัวใจแม้อันเจิงตัวเล็กกว่าเขาเกือบครึ่ง แต่กลับทำให้เกาตี้รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลยิ่งอันเจิงก้าวเข้ามาหา เกาตี้ก็ยิ่งถอยกรูดไปเรื่อย ๆเมื่ออันเจิงรุกคืบไปอีกก้าว เกาตี้ซึ่งสั่นกลัวเต็มที่ก็หันหลังแล้ววิ่งหนีไปทันที
ฉึก! มีดในมืออันเจิงเล่มนั้นถูกขว้างไปที่เกาตี้เฉือนหูของเขาขาดออกจากกันแล้วลอยไปปักอยู่ที่กรอบหน้าต่าง ปลายมีดฝังแน่นบ่งบอกถึงแรงและความแม่นยำในการใช้มีดหากมีดนั้นพลาดไปเพียงนิดหรืออันเจิงคิดจะฆ่าเกาตี้จริง เพียงเปลี่ยนเป้าหมายเป็หัวสมองของเกาตี้คงทะลักออกมาแน่!
สถานการณ์ในตอนนี้ด้วยกลวิธีการต่อสู้ของอันเจิงทำให้ทุกคนหยุดชะงักไปหมด ไม่เว้นแม้แต่โค่วลิ่วที่ดูประหลาดใจมากขึ้นไปอีกกับเหตุการณ์ตรงหน้า
แขนของอันเจิงแทบจะไม่มีการขยับ เขาใช้เพียงแรงที่มาจากข้อมือเท่านั้นหากเป็เด็กในวัยเดียวกัน การจะทำได้เช่นนี้ช่างยากเย็นยิ่งนัก มีเพียงต้องใช้แรงจากแขนมาช่วยเท่านั้นแต่นี่อันเจิงเพียงแค่สะบัดข้อมือครั้งเดียว แม้แต่ไหล่ก็ยังไม่ขยับเขยื้อน โค่วลิ่วรู้ดีว่ากว่าจะทำได้มันไม่ใช่แค่ต้องฝึกฝนอย่างหนักเท่านั้น แต่ต้องอาศัยท่าทางที่ถูกต้อง ใช้การดันไหล่และข้อศอกขึ้นเพื่อเพิ่มพละกำลังและแรงเหวี่ยง
อันเจิงใช้ข้อมือได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้ทุกคนมองด้วยความตกตะลึงดูเหมือนว่าภายในร่างกายที่อ่อนแอนี้แฝงไปด้วยพลังมหาศาล เพียงเท่านี้ก็ทำให้โค่วลิ่วตัดสินใจได้อย่างไม่ลังเลว่า…อันเจิงคือคนที่ไปต่อได้!
ในโลกมายา ทุกสังกัดในแต่ละย่านล้วนมีอิทธิพลเป็ของตัวเองแม้แต่กลุ่มโจรเก้าก๊ก โดยผิวเผินก็มีชื่อเสียงเป็ที่ร่ำลือกันไปทั่วแต่ในความเป็จริงแล้วนั้น ที่โลกมายาแห่งนี้แทบจะไม่มีใครมีความสามารถมากพอที่จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ได้หากพูดถึงผู้ที่มีศักยภาพ ในกลุ่มโจรเก้าก๊กก็มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์น้องเก้าที่สามารถฝึกฝนจนมีพลังมหาศาลด้านศิษย์พี่ใหญ่มีศักยภาพร่างกายที่จำกัด ทำให้ฝึกได้เพียงขั้นสองเท่านั้น ไม่สามารถฝึกต่อไปได้อีกส่วนศิษย์น้องเก้ามีสภาพร่างกายที่ไม่ธรรมดาทว่าก็ไม่ได้รับการฝึกฝนที่ถูกต้องจากอาจารย์ดังนั้นพลังจึงไม่ได้พัฒนาไปมากเท่าที่ควร
หากไม่อยากให้ตัวเองโดนกลืนหายไปกับคนอื่น จะต้องหมั่นฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังวัตรให้กับตนเองดังนั้นแต่ละย่านของโลกมายาจึงมีสำนักประจำย่าน ที่สำนักไม่ได้สอนเื่วิชาความรู้อื่นใดนอกเสียจากทักษะการต่อสู้การเรียนที่สำนักไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงอาศัยในย่านนั้นก็สามารถเข้าเรียนได้ทันทีแต่มีเงื่อนไขข้อเดียวคือ เด็กทุกคนที่เข้ามาเรียน ในภายหน้าจะต้องเข้าร่วมกลุ่มอันธพาลในสำนักนั้น
ก่อนหน้านี้ คนไร้ประโยชน์อย่างอันเจิงเกือบจะถูกกลุ่มโจรเก้าก๊กคนอื่นๆ เตะออกไปจากสำนักนานแล้ว แต่โค่วลิ่วกลับบอกทุกคนว่าไม่ควรทำ เพราะหากขับไล่เด็กไร้ประโยชน์เหล่านี้ออกไปอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งและส่งผลต่อชื่อเสียงของสำนัก สำนักที่เข้มงวดจนเกินไปอาจจะส่งผลต่อการนำเด็กเข้ามาในภายหน้าส่วนอีกแปดคนที่เหลือนั้นมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป พวกเขา้าแค่เด็กที่มีหน่วยก้านแข็งแรงเท่านั้นเพราะการที่จะต้องฝึกฝนร่างกายเด็กั้แ่เริ่มต้นนั้นเร็วที่สุดก็ต้องหลังปีที่สิบถึงจะใช้งานได้ มันใช้เวลานานเกินไป
โค่วลิ่วไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เขากล่าวว่า เด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีคือ่วัยที่มีความแข็งแกร่งก็จริงแต่ไม่มีความสนใจที่จะเรียนรู้ และถึงแม้จะสนใจแต่ก็เป็การยากที่จะเข้าใจอะไรได้อย่างรวดเร็ว เด็กทุกคนมีความเป็ตัวของตัวเองพวกเขายังบริสุทธิ์ ยังไม่มีความคิดเห็นมากนัก ถ้าเราเริ่มฝึกพวกเขาั้แ่อายุยังน้อยเราจะไม่ได้แค่สอนทักษะการต่อสู้และวิธีการเอาตัวรอดเท่านั้น แต่จะสามารถปลูกฝังถึงความจงรักภักดีต่อกลุ่มได้อีกด้วย
ตรงกันข้ามกับอีกแปดคนที่เหลือพวกเขาไม่ได้สนใจเด็ก ๆ มากนัก จึงถือโอกาสโยนมาให้โค่วลิ่วดูแล นอกจากนี้ บางครั้งบางคราวที่เด็กๆ ถูกส่งมา มันไม่ใช่ความบังเอิญแต่มาจากความตั้งใจ
หลังจากโค่วลิ่วเห็นการเปลี่ยนแปลงของอันเจิงเขาจึงตัดสินใจในทันทีที่จะเลือกอันเจิงมาเพื่อฝึกฝนวิชาให้ตอนนี้เขารู้แล้วว่าสายตาของตนเองนั้นเปลี่ยนไป จากที่คิดว่ากลุ่มของเกาตี้น่าจะเหมาะสมด้วยความแข็งแรงและโหดร้ายแต่พวกเขาทั้งหมดก็ไม่ใช่คนใฝ่เรียนนัก จึงไม่น่าจะพัฒนาการต่อสู้ไปได้อีกส่วนอันเจิงถึงจะเด็กกว่าสักหน่อย รูปร่างก็ไม่สูงมากนักแต่พลังที่เขาแสดงออกมาก็ทำให้รู้ว่าเด็กคนนี้มีของ
โค่วลิ่วเคยพยายามทดสอบเด็กทุกคนในสำนักแต่ก็ไม่พบเด็กคนไหนที่มีร่างกายและคุณสมบัติพร้อมสำหรับการฝึกนี้ถ้าอันเจิงคือคนที่สามารถทำได้ละก็ โค่วลิ่วก็คิดจะส่งเขาไปหาศิษย์น้องเก้า
“เ้าคิดจะฆ่าเขารึ?” โค่วลิ่วถามขึ้น
อันเจิงเดินไปดึงมีดออกมาจากกรอบหน้าต่างอย่างใจเย็นพร้อมกับส่ายหัว “ไม่…วันนี้ยังไม่ใช่วันตายของพวกมัน พวกมันทำกับข้าไว้มาก ข้าจะยอมให้ตายง่ายๆ ได้อย่างไร ยังมีเื่อีกมากที่จะต้องสะสาง เื่ของวันนี้ก็จัดการวันนี้เื่ของเมื่อวานจะจัดการในวันพรุ่งนี้ ส่วนเื่ของวันก่อนก็จะจัดการในวันถัดไปจนกว่าพวกมันจะได้รับในสิ่งที่พวกมันเคยทำไว้จนหมดสิ้น!”
อันเจิงหันหน้าไปทางเกาตี้ซึ่งกำลังยกมือกุมหูข้างที่ขาดไปของเขาเกาตี้เผลอจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของอันเจิง ดวงตาคู่นั้นมีแต่ความน่ากลัวสยดสยองตอนนี้อันเจิงได้กลายเป็ปีศาจไปแล้ว
“ข้าชอบสายตาแบบนี้ของเ้านัก”
อันเจิงยิ้มเยาะออกมาพร้อมกับเดินไปตบบ่าเกาตี้เบาๆ เมื่อมือของอันเจิงแตะโดนร่างกายของเกาตี้เท่านั้นเกาตี้ถึงกับออกอาการหวาดกลัวจนตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้
อันเจิงเห็นดังนั้นถึงกับหัวเราะร่า “ั์ตาของเ้าตอนนี้มันกำลังบอกข้าว่าเ้ากลัวข้า...เกลียดข้า...แล้วก็อยากจะฆ่าข้า เ้าคงอยากจะแก้แค้นมากสินะ! ได้…ข้าจะให้โอกาสเ้าวันนี้เ้ารังแกข้า ข้าก็แค่ทำคืน แต่เมื่อวานที่เ้ารังแกข้า เ้าจำได้หรือไม่เล่า?หากเ้ายังจำไม่ได้ วันพรุ่งนี้ข้าจะค่อย ๆ ทบทวนให้เอง”
“จริง ๆ เ้าตั้งใจจะฆ่าข้าอยู่แล้วนี่!”
ความกดดันและคับแค้นใจถาโถมใส่จนเกาตี้ะเิออกมาั์ตาของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธแค้น “อันเจิง! ถ้าเ้าจะฆ่าข้าก็ฆ่าซะตอนนี้ไม่อย่างนั้นคนที่โดนฆ่าก็จะเป็เ้า!!!”
ยิ่งได้ยินแบบนั้นอันเจิงยิ่งหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ “มันต้องแบบนี้สิชีวิตข้าต่อจากวันนี้เป็ต้นไปคงจะสนุกขึ้นมาก”
“ไปให้พ้น!”
เกาตี้ะโออกมาสุดเสียงเขาไม่เคยต้องเผชิญกับความหวั่นกลัวประเภทนี้ ความกลัวปนโกรธและความรู้สึกสับสนทำให้เขาสะดุดขาตัวเองจนล้มลงไปกับพื้นยิ่งเป็แบบนี้ ท่าทางของเขายิ่งทวีความโกรธแค้นมากขึ้นไปอีก เมื่อก่อนเขาสามารถเตะใครก็ได้ต่อยใครก็ได้ ไม่มีใครหน้าไหนกล้าทำเขากลับ แต่ในตอนนี้ กับคนไร้ค่าอย่างอันเจิงั์ตาที่เคยอ่อนแอคู่นั้นบัดนี้มีแต่ความเฉยชาและไม่สะทกสะท้านกับเขาอีกต่อไปมันทำให้ใจของเกาตี้แทบจะะเิออกมา เสียงะโของเขาฉายชัดถึงความกลัวที่อยู่ลึกเข้าไปข้างในจิตใจ
เกาตี้ทั้งกลัวและอับอายที่โดนหยามเหยียดแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเพื่อต่อสู้กับคนตรงหน้า ความรู้สึกกดดันถาโถมทำให้เขาร้องไห้ออกมา…คนที่เคยดูถูกเหยียดหยาม กลั่นแกล้งคนอื่นมาตลอด ในตอนนี้กลับมีน้ำตาไหลพรากเขายืนขึ้นและรีบวิ่งออกไปทันที
นักเรียนคนอื่นในห้องต่างมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่เสียงลมหายใจยังแทบจะไม่ได้ยิน พวกเขาต่างจ้องมองอันเจิงที่อยู่ตรงหน้า ในห้วงความคิดรู้สึกราวกับหลุดออกมาจากอีกโลกหนึ่งห้องเรียนที่คุ้นเคย เพื่อนรอบกายที่รู้จักกันดี รวมถึงท่านอาจารย์ลิ่วก็ยังคงเป็คนเดิมแต่สิ่งหนึ่งที่แปลกไปคืออันเจิงเขาได้กลายเป็คนแปลกหน้าไปแล้ว…คนแปลกหน้าที่แสนเ็าและน่ากลัว
“วันนี้ไม่ต้องเรียนแล้วพวกเ้าพาหวังเมิ่งและหวังจ้วงไปหาหมอซะไป”
โค่วลิ่วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และพูดกับอันเจิง“ส่วนเ้าไปกับข้า ข้ามีบางเื่ที่ต้องคุยกับเ้า”
อันเจิงส่ายหัว “ไม่!”
สีหน้าของโค่วลิ่วเปลี่ยนไปทันที“เ้าปฏิเสธข้างั้นรึ?”
“ข้าก็ได้รับาเ็มาไม่ใช่น้อยก่อนที่ข้าจะเล่นงานพวกมัน หวังเมิ่งและหวังจ้วงเองก็ทำร้ายข้าซะน่วมเหมือนกันข้ารู้สึกว่าอวัยวะภายในของข้าได้รับาเ็ จึงอยากไปให้หมอดูอาการสักหน่อย เื่ที่อาจารย์จะพูดกับข้าคือ้าให้ข้าฝึกวิชากับท่านใช่หรือไม่?ถ้าร่างกายของข้าไม่สามารถฟื้นฟูได้ในเร็ววันนี้ข้าเกรงว่าจะเสียเวลาท่านอาจารย์มากกว่า”
โค่วลิ่วรู้สึกแปลกใจนักอันเจิงคนนี้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ไม่เหมือนกับเด็กที่เขาเคยรู้จักอีกต่อไป! แม้รูปร่างหน้าตาไม่ได้ผิดแผกไปจากเดิมแต่การพูดจาที่ดูสุขุมนุ่มลึก ท่าทางหยิ่งทะนงตน รวมถึงทักษะการใช้มีดที่ทั้งรวดเร็วและแม่นยำเป็ไปไม่ได้เลยที่จะสามารถฝึกฝนได้ภายในเวลาสองสามปี เว้นแต่ว่าอันเจิงจะเป็อัจฉริยะ
“อย่างนั้นก็ได้ เ้าไปเถอะ เมื่อใดที่ร่างกายของเ้าดีขึ้นแล้วก็ตามไปหาข้าที่ห้องโถงใหญ่”
หลังจากจบประโยคโค่วลิ่วก็เดินออกไปเมื่อถึงหน้าประตูเขาก็หยุด ล้วงมือคลำไปที่หน้าอกแล้วโยนเงินออกมาให้อันเจิง“เอาไปซื้อเนื้อกินซะ”
อันเจิงเอื้อมมือไปคว้าเงินนั่นไว้พร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านอาจารย์ลิ่ว”
ไม่มีใครทันสังเกตว่า รอยยิ้มที่อันเจิงแสดงออกมานั้นซ่อนความเกลียดชังเอาไว้เขารับรู้ถึงความทรงจำทั้งหมดของเ้าของร่างนี้ รู้ว่าที่นี่เป็อย่างไร โลกมายา...สถานที่ที่มีความโหดร้ายปกคลุมอยู่ทุกพื้นที่หาก้ามีชีวิตอยู่ก็จะต้องมีตัวตน เขาจะรอจนวันที่มีพลังแกร่งกล้าแล้วค่อยจากไป
ถึงแม้สภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตที่นี่จะดูน่าสะอิดสะเอียนแต่อย่างน้อยที่สุดมันก็ปลอดภัย
อันเจิงค่อนข้างแน่ใจว่า ที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญด้านพลังวัตรอยู่ไม่มากและคนที่สามารถเห็นถึงพลังของเขาได้ก็แทบจะไม่มีดังนั้นน่าจะไม่มีใครสังเกตถึงความผิดปกติของเขา ิญญาที่มีพลังมหาศาลถึงแม้จะถูกโอบล้อมโจมตีจากพวกมีวิชามากมาย หากสู้ไม่ไหวก็แค่ถอดิญญาออกจากร่างนี้เท่านั้นแม้ว่าการทำแบบนี้จะดูไร้ศักดิ์ศรีไปสักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็มีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากนักสำหรับเขา...มันดีกว่าที่จะหนีออกมาเพื่อความปลอดภัยและซ่อนตัวไว้รอวันที่แข็งแกร่งอีกครั้ง
โลกมายาเป็สถานที่ที่ห่างไกลที่นี่จึงมีแต่ความชั่วร้ายที่ยิ่งกว่าความต่ำตมใด ๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาคนมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งคงไม่มาอยู่ ดังนั้นอันเจิงจึงเลือกที่จะอยู่ในเมื่อเลือกแล้วเขาก็จะอดทนต่อความเกลียดชังของตัวเองให้ได้ ก่อนอื่นคงต้องรู้จักที่นี่ให้มากขึ้นเสียก่อนหลังจากนั้นค่อยกำจัดสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหมดให้เรียบร้อย ถ้าไม่ได้เกิดใหม่เขาคงจะไม่ได้มาเหยียบที่แบบนี้เป็แน่
“อัน…อันเจิง?”
ขณะที่เขากำลังนึกถึงอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนเรียกแบบหวั่น ๆ อยู่ด้านหลัง อันเจิงหันหลังกลับไปคนที่เรียกเขาอยู่คือตู้โซ่วโซ่ว สำหรับเด็กตัวใหญ่คนนี้ อันเจิงรู้สึกขอบคุณเขาอยู่เสมอถ้าไม่มีตู้โซ่วโซ่วคอยดูแล อันเจิงคงไม่ได้มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ เด็กกำพร้าไร้ค่าคนหนึ่งในโลกมายามันคงไม่ง่ายเลยที่จะมีชีวิตรอดอยู่ได้ ถ้าไม่มีตู้โซ่วโซ่ว
อันเจิงยิ้ม กอดคอตู้โซ่วโซ่วและเดินไปพร้อมกัน“ไปกัน!”
ระหว่างที่เดินไปนั้นไหล่ของตู้โซ่วโซ่วก็สั่นสะท้าน เขารับรู้ได้ชัดเจนว่าอันเจิงมีท่าทางที่แปลกออกไปในโลกมายาไม่มีใครสนิทกับอันเจิงมากเท่าเขา แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกอาจจะไม่ได้ดูผิดแปลกอะไรแต่แววตาของอันเจิงไม่ใช่คนเดิม เมื่อก่อนแววตาของอันเจิงมีแต่ความหวาดหวั่นคลุมเครือไม่กล้าสบตาใครแต่ตอนนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและมั่นใจ ราวกับโลกทั้งใบอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของเขา
ถึงแม้ตู้โซ่วโซ่วจะสงสัยในความเปลี่ยนแปลงของอันเจิงเพียงใดแต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าเพื่อนสนิทของเขาคนนี้จะตายไปแล้ว
“พวกเรา…จะไปไหนกันหรือ?” ตู้โซ่วโซ่วโพล่งถามออกไป
อันเจิงชูเงินขึ้นมา “ไปกินเนื้อ”
“แต่เ้าบอกว่าจะต้องไปรักษาแผลไม่ใช่รึ?”
“การกินเนื้อก็เป็การรักษาอย่างหนึ่งเหมือนกัน!”
“หือ? ทำไมข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“ยังมีอะไรที่เ้าไม่รู้อีกมากเลยทีเดียวไม่เป็ไร จากวันนี้ไปข้าจะปกป้องเ้าเอง”
“แต่…แต่ก่อนหน้านี้ข้าเป็คนปกป้องเ้านะ”
“ทำไมล่ะ หรือเ้าไม่อยากให้ข้าปกป้อง?”
“มันก็ไม่ใช่แบบนั้น…ได้...หลังจากนี้ข้าจะฟังเ้า”
“มันต้องอย่างนั้นสิข้าขอถามเ้าสักเื่ ที่ไหนขายเนื้ออร่อย?”
“ข้าเคยกินเนื้อแค่เวลาที่บ้านทำเท่านั้น…ถ้าพี่ชายข้ากลับมาบ้านข้าก็จะได้กินเนื้อครั้งหนึ่งแล้วเ้าเล่า? อันเจิงเ้ารู้หรือไม่ว่าเนื้อที่ไหนอร่อยที่สุด”
“แน่นอนว่า…ข้าไม่เคยกินเนื้อหรอก”
ทั้งสองคนกอดคอกันเดินไปตู้โซ่วโซ่วไม่อยากรับรู้และไม่อยากคิดอะไรอีก รู้เพียงว่าวันนี้ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว