จ้าวซีเหอถอนหายใจอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ขณะกำลังจะหมุนตัวเดินจากไป กลับถูกฉู่เมิ่งเอ๋อร์เข้ามาสวมกอดเสียก่อน “ซื่อจื่อจะไปที่ใดเ้าคะ ่ที่ท่านไม่อยู่ เมิ่งเอ๋อร์คิดถึงท่านเหลือเกิน”
จ้าวซีเหอดึงมือนางออก ดวงตานางพลันแดงเรื่อ ท่าทางแลดูน่าสงสารเหลือคณา
จ้าวซีเหอไม่สนใจว่าฉู่เมิ่งเอ๋อร์จะมีท่าทีเช่นไร เขาเดินตามหนิงมู่ฉือไป
หนิงมู่ฉือมองตำหนักอ๋องที่ดูแปลกไปจากที่นางจำได้ พร้อมกับเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “เหตุใดถึงไม่เห็นทหารองครักษ์สักคนเลย”
จ้าวซีเหอเองก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน อาจเป็เพราะเมื่อก่อนเขาไม่ค่อยได้ใส่ใจสิ่งใด จึงไม่ได้สนใจเื่พวกนี้นัก เหตุใดเขากลับมา ท่านพ่อกับพ่อบ้านถึงไม่ออกมาต้อนรับ เขารู้สึกแปลกใจยิ่งนัก จึงเดินตรงไปยังเรือนพักของท่านอ๋อง
ฉีอันยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเรือน ครั้นเห็นจ้าวซีเหอพลันตาโตอย่างตื่นใ “ซื่อจื่อ! ท่านกลับมาแล้ว!” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
เขาพยักหน้า พร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่อีกฝ่าย “หายดีแล้วสินะ ท่านพ่อเล่า”
ฉีอันที่เดิมที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ทว่าพอได้ยินจ้าวซีเหอถามถึงท่านอ๋อง สีหน้าก็หม่นแสง ถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยว่า “ท่านอ๋องไม่สบายขอรับ ตอนนี้นอนพักอยู่ข้างใน”
“ว่ากระไรนะ!” จ้าวซีเหอรีบเดินเข้าไปด้านใน โดยมีหนิงมู่ฉือเดินตามเข้าไปอย่างร้อนใจ
ฉีอันเห็นหนิงมู่ฉือกลับมาก็รู้สึกดีใจเป็อย่างมาก ส่งยิ้มให้หนิงมู่ฉือพร้อมกับเดินตามเข้าไปเช่นกัน
ท่านอ๋องนอนอยู่บนเตียง เสียงแหบแห้ง พูดไม่ได้สักคำ ครั้นเห็นจ้าวซีเหอกับหนิงมู่ฉือมาปรากฏตัวตรงหน้าก็ลุกขึ้นนั่งอย่างดีใจ ขยับปากทำท่าจะพูดคำบางอย่างออกมา ทว่ากลับไม่มีเสียงใดหลุดออกมา
จ้าวซีเหอเข้าไปกุมมือท่านอ๋อง พร้อมกับเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ ท่านเป็อันใดไปขอรับ”
พ่อบ้านซึ่งยืนอยู่ด้านข้างถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวรายงาน “ซื่อจื่อ ท่านอ๋องต้องลมหนาวมากเกินไปจนไม่สบายขอรับ”
“จะเป็ไปได้อย่างไร ต้องลมหนาวจนไม่สบายแล้วเหตุใดเสียงจึงแหบจนไม่มีเสียงเช่นนี้!” เขาประคองบิดาให้นั่งให้ดี ในแววตาเต็มไปด้วยความเป็ห่วง เขาไม่เชื่อที่พ่อบ้านพูดแม้แต่คำเดียว
พ่อบ้านถอนหายใจอีกครา “เป็เพราะการรักษาล่าช้าขอรับ”
“เหตุใดถึงเป็เช่นนั้น” เขาหันไปหาพ่อบ้าน พ่อบ้านได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาจะเอ่ย เขาจึงหันไปหาฉีอันอย่างขอคำอธิบายแทน
ฉีอันมีสีหน้าลำบากใจ ถอนหายใจเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยออกมา “ที่ท่านอ๋องต้องเป็เช่นนี้เพราะฉู่เมิ่งเอ๋อร์ขอรับ
เขามีสีหน้างุนงง บิดาไม่สบายเกี่ยวข้องอย่างไรกับฉู่เมิ่งเอ๋อร์ด้วย “เกี่ยวอันใดกับนาง”
“ซื่อจื่อคงไม่ทราบ หลังจากท่านไม่อยู่ ฉู่เมิ่งเอ๋อร์คิดว่าตนเองเป็เ้านายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตำหนักแห่งนี้ จึงอาศัย่ที่ท่านอ๋องไม่สบายออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้ทุกคนว่าไม่ให้ออกไปข้างนอก และไม่ให้ผู้ใดเข้ามาในตำหนักแห่งนี้ ทั้งนางยังไล่ท่านหมอที่อยู่ในตำหนักแห่งนี้ให้ออกไป เมื่อท่านอ๋องไม่ได้พบหมอ อาการจึงหนักเช่นนี้ขอรับ” ฉีอันเอ่ยด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อพูดถึงฉู่เมิ่งเอ๋อร์ สีหน้าเปลี่ยนเป็รังเกียจระคนแค้นใจ
จ้าวซีเหอลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว ”เหลวไหล! แล้วพวกเ้าก็ยอมนางเช่นนั้นหรือ ฉีอัน ก่อนจากไปข้าสั่งเ้าไว้ว่าอย่างไร เ้าลืมไปแล้วหรือ”
ฉีอันคุกเข่าลงกับพื้น เงียบไม่ตอบคำ จ้าวซีเหอหาใช่คนโง่เง่าไม่ ฉีอันเป็เช่นนี้ เขาก็พอจะรู้ทันทีว่าเื่เป็มาอย่างไร
หมอไม่ใช่บุคคลหายาก เหตุใดถึงหาไม่ได้
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์อาศัยอยู่ที่นี่ บุคคลเดียวที่ขัดขวางนางก็คือบิดาของเขา ท่านอ๋องไม่ชอบใจที่เขารับฉู่เมิ่งเอ๋อร์เข้ามาเป็อนุ ฉู่เมิ่งเอ๋อร์จึงอาศัย่ที่บิดาป่วย ทำทุกวิถีทางไม่ให้บ่าวไปตามท่านหมอมารักษาอาการป่วยของท่านอ๋อง
“ยังจะนิ่งอยู่ อีกรีบไปตามหมอมาประเดี๋ยวนี้!”
ฉีอันรีบวิ่งออกจากตำหนักอ๋องเพื่อไปเชิญหมอ ความจริงก่อนหน้านี้เขาก็ไปเชิญหมอมาที่ตำหนักเช่นกัน แต่ผู้ใดจะรู้ว่าตอนจะออกไป ฉู่เมิ่งเอ๋อร์กลับสั่งให้บ่าวปิดประตูไม่ยอมให้เขาออกไป บางคราออกไปได้และพาหมอมีชื่อเสียงหลายคนกลับมาที่ตำหนัก ฉู่เมิ่งเอ๋อร์กลับสั่งให้บ่าวปิดประตูไม่ยอมให้เขาเข้าไป เขาทั้งร้อนใจทั้งเคียดแค้นจนแทบอยากจะเข้าไปฆ่านางให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนั้น
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเขาก็พาหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังกลับมายังตำหนัก ซึ่งก็คือหมอที่เขาเคยพามาแต่ไม่อาจเข้าไปในตำหนักได้ เขาพาหมอไปที่เรือนของท่านอ๋อง
จ้าวซีเหอได้ฟังหมอเล่าเื่ก่อนหน้านี้ให้ฟัง สีหน้าพลันดำทะมึนขึ้นเรื่อยๆ เขาเรียกให้ฉีอันตามเขาออกไปข้างนอก เดินผ่านสวนของตำหนักไปยังห้องโถงใหญ่
“ไปตามฉู่เมิ่งเอ๋อร์มา ข้าจะคิดบัญชีกับนาง!”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์รู้สึกใจคอไม่ดีนับั้แ่ได้เห็นท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ของจ้าวซีเหอ นางน้ำตาไหลพราก แลดูน่าสงสารยิ่ง ไม่ว่าบุรุษผู้ใดมาเห็นนางในสภาพนี้ มีแต่จะแย่งกันเข้ามาช่วยปลอบโยนเป็แน่
เหยาหงเห็นฉู่เมิ่งเอ๋อร์ร้องไห้ก็ตื่นใ พูดปลอบไม่หยุด “อนุฉู่ ไม่ต้องร้องนะเ้าคะ ซื่อจื่อต้องมีเหตุผลของตัวเองเป็แน่ บ่าวว่าต้องเป็นางจิ้งจอกผู้นั้นที่ทำให้ซื่อจื่อเป็เช่นนี้ นางต้องพูดบางอย่างกับซื่อจื่อแน่เลยเ้าค่ะ!”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน ใช้สองมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เอ่ยด้วยจิตใจที่ไม่คงที่ว่า “เป็เพราะนังผู้หญิงคนนั้นคนเดียว หากไม่มีมัน ซื่อจื่อจะต้องชอบข้าแน่!”
“ดีที่ตอนนี้ซื่อจื่อยังชอบหน้าตาของข้าอยู่ หากวันหนึ่งข้าสามารถตั้งครรภ์ให้ซื่อจื่อได้ ซื่อจื่อจะต้องไม่ปฏิบัติกับข้าเช่นเมื่อครู่แน่”
นางก้มมองหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง พร้อมกับบ่นอยู่ในใจ ในฐานะที่นางเคยเป็หญิงสาวในหอนางโลมมาก่อน ชาตินี้น่ากลัวว่านางคงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้แน่
เหยาหงพูดปลอบ “อนุฉู่ไม่ต้องกังวลนะเ้าคะ ในตำหนักแห่งนี้อย่างไรท่านก็เป็อนุเพียงผู้เดียว”
เวลานี้เองที่ฉีอันเดินเข้ามาในเรือน เหยาหงเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างดีใจ กระซิบข้างหูฉู่เมิ่งเอ๋อร์ว่า “อนุฉู่ ท่านดูสิเ้าคะ ซื่อจื่อส่งคนมาเชิญท่านให้ไปหาแล้ว แสดงว่าในใจซื่อจื่อยังมีท่านอยู่”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ฟัง หัวใจเต้นรัวและแรง เดินเข้าไปหาฉีอันด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ “ฉีอัน ซื่อจื่อสั่งให้เ้ามาเชิญข้าให้ไปหาใช่หรือไม่”
ฉีอันพยายามเก็บซ่อนสีหน้ารังเกียจลงไปขณะพยักหน้า “ขอรับ ท่านรีบตามข้าน้อยไปเถอะ ซื่อจื่อมีเื่จะคุยกับท่าน”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์รับคำขณะส่งยิ้มให้ฉีอัน “เ้ารอสักหน่อย ข้าไม่ได้เจอซื่อจื่อนานแล้ว ขอข้าผัดแป้งเพิ่มสักครู่”
ฉีอันพยักหน้า ขณะที่ในใจนึกรำคาญยิ่ง เขานั่งรออยู่หน้าประตู มองฉู่เมิ่งเอ๋อร์และบ่าวรับใช้วิ่งวุ่นกับการประทินโฉมเพิ่ม เห็นแล้วตาลายยิ่ง
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เปลี่ยนเป็ชุดตัวใหม่ซึ่งสวยสดงดงาม เป็ชุดที่เพิ่งสั่งตัดเมื่อไม่กี่วันก่อน ก่อนจะนั่งลงหน้าคันฉ่อง ตั้งใจประทินโฉมให้น่าหลงใหล นางในตอนนี้ ยิ่งแลดูงดงามยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์แต่งหน้าแต่งตัวสวยเสียจนใครเห็นก็ต้องตกตะลึง เหยาหงเดินเข้ามาหาพลางมองด้วยสายตาตะลึงงัน “อนุฉู่ ท่านงดงามเหลือเกินเ้าค่ะ บ่าวยังไม่เคยเห็นผู้ใดจะงดงามเท่าท่านมาก่อนเลย”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ยิ้มรับคำชม แม้แต่ฉีอันที่นั่งเหม่ออยู่หน้าประตู เมื่อเห็นยังอดตาโตด้วยความตกตะลึงไม่ได้ ต้องขอบอกเลยว่าฉู่เมิ่งเอ๋อร์ในตอนนี้งดงามจนน่าตกตะลึงจริงๆ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงอ่อนลงหลายส่วน “อนุฉู่ เชิญตามข้าน้อยมาขอรับ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์พยักหน้า ขณะเดินฉีอันตามออกไป
จ้าวซีเหอกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถงใหญ่ ครั้นเห็นฉีอันพาฉู่เมิ่งเอ๋อร์ที่แต่งตัวสวยสดงดงามเข้ามา สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที
“ซื่อจื่อ…” ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ย่อกายคำนับ นางก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าคนตรงหน้า ต้องรวบรวมความกล้าอยู่นานถึงจะกล้าเงยหน้าขึ้นมา “ซื่อจื่อให้คนไปตามเมิ่งเอ๋อร์มามีเื่ใดหรือเ้าคะ”
จ้าวซีเหอรู้สึกว่ารอยยิ้มของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ดูแล้วช่างน่าขัดหูขัดตานัก เขาขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปหา เชยคางนางขึ้น แววตาดอกท้อเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ “เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้าทำความผิดใด อีกอย่างเพื่อมาเจอข้าเ้าถึงกับต้องใช้เวลาแต่งตัวนานเพียงนี้เชียวหรือ”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์รู้สึกแตกตื่นและใยิ่ง นางมองจ้าวซีเหออย่างขลาดกลัว “เมิ่งเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าซื่อจื่อกำลังพูดถึงเื่ใดเ้าค่ะ”
“เ้าไม่เข้าใจหรือ ข้าคงจะให้อำนาจเ้ามากเกินไปสินะ” จ้าวซีเหอมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเ็าและคมกริบประดุจมีดที่สามารถแทงทะลุเข้าไปกลางอกของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ได้ ในขณะที่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ไม่เคยเห็นจ้าวซีเหอแสดงท่าทีเช่นนี้มาก่อน นางรีบคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตระหนก จนปิ่นที่ปักอยู่ที่มวยผมเกือบจะร่วงลงมา นางใช้มืออันสั่นเทาจับปิ่นไม่ให้ร่วงลงมา “เมิ่งเอ๋อร์ไม่ทราบว่าเกิดเื่ใดขึ้น และไม่ทราบว่าเหตุใดท่านถึงได้โมโหเมิ่งเอ๋อร์เช่นนี้จริงๆ เ้าค่ะ”
“ในเมื่อเ้าไม่รู้ เช่นนั้นข้าจะบอกเ้า!”
ขณะที่จ้าวซีเหอกำลังคิดจะสั่งสอนฉู่เมิ่งเอ๋อร์สักรอบ พ่อบ้านกลับวิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คุกเข่าก่อนจะเอ่ยรายงานว่า “เรียนซื่อจื่อ ท่านอ๋องฟื้นแล้วขอรับ!”
เขาได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน บ่าวรับใช้เข้ามารายงานนางถึงอาการป่วยของท่านอ๋อง นางตัวอ่อนล้มลงไปนั่งกองกับพื้น ก่อนจะคลานเข่าเข้าไปหาจ้าวซีเหอ “ท่านอ๋องสลบไปหรือเ้าคะ ซื่อจื่อได้โปรดให้ความเป็ธรรมแก่ข้าด้วย ข้าไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านอ๋องป่วยหนักเช่นนี้!”
พ่อบ้านมองฉู่เมิ่งเอ๋อร์อย่างรังเกียจ แต่ไหนแต่ไรมาพ่อบ้านเป็คนใจดีอ่อนโยนมีเมตตา น้อยมากที่จะเกลียดใคร
เห็นฉู่เมิ่งเอ๋อร์จับชายแขนเสื้อเอาไว้ไม่ยอมปล่อย จ้าวซีเหอก็สะบัดชายแขนเสื้อให้หลุดออกจากมืออีกฝ่าย “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเ้าทำสิ่งใดลงไปบ้าง แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยเตือนเ้าแล้วว่า หากคิดจะอยู่ที่นี่ก็ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว อยู่แต่ในที่ของตัวเอง แต่เ้ากลับไม่เชื่อฟังคำสั่งข้า เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าแล้งน้ำใจกับเ้าก็แล้วกัน!”
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าสิ้นหวัง น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย นางยกมือเช็ดน้ำตา แป้งที่ตั้งใจผัดมาอย่างดีเลือนหายไปหลายส่วน ท่าทางของหญิงสาวในตอนนี้ดูน่าอนาถอย่างยิ่ง “เมื่อก่อนท่านมิได้เป็เยี่ยงนี้ เมื่อก่อนท่านบอกว่าจะดีกับข้าไปตลอด!”
“อย่ามาพูดจาเหลวไหล!” จ้าวซีเหอเดินเข้าไปหาฉู่เมิ่งเอ๋อร์ด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว “ข้าเคยบอกเ้าว่า หากเ้าอยู่แต่ในที่ของเ้า ข้าจะดูแลเ้าอย่างดี ให้เ้าไม่ต้องเป็ห่วงเื่อาหารการกินหรือเสื้อผ้า แล้วข้าก็เคยบอกเ้าว่าข้ามีคนในใจแล้ว ที่ข้ารับเ้าเข้าตำหนักเป็เพราะข้า้ารักษาคำพูดที่เคยได้พูดกับเ้าไว้ตอนดื่มสุราจนเมามาย เ้าลืมไปแล้วหรือ”