เฟิ่งเฉี่ยนพ่นลมออกจากจมูกดังฮึในเวลานี้เอง “พบเปิ่นกงแล้วยังไม่คุกเข่าลงอีก”
ไม่รู้ว่าเป็ใครถูกนางตวาดจนใและคุกเข่าลงเป็คนแรก คนอื่นๆ จึงคุกเข่าตามพร้อมกับพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ฮองเฮาทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี!”
องค์หญิงหลานซินจึงค้างอยู่ในท่านั้น จะลุกขึ้นก็ไม่ใช่ จะไม่ลุกขึ้นก็ไม่ใช่ นางจึงต้องรักษาท่าทางขณะกำลังยอบกายไว้เช่นนั้น นางขบฟันแทบแตกในใจเกลียดชังฮองเฮาไปถึงกระดูก แค้นนี้นางจะต้องเอาคืนไม่ช้าก็เร็ว!
ฉีเหม่ยเหรินเห็นภาพนี้เข้ารู้สึกแทบไม่อยากเชื่อ ทั้งๆ ที่พวกเขามาหาเื่เอาผิดฮองเฮาแท้ๆ ไฉนเวลาเพียงชั่วครู่สถานการณ์จึงกลับตาลปัตรเช่นนี้
ขณะที่กำลังคิดอย่างหงุดหงิดพลันสบสายตาคมปลาบของฮองเฮาที่กวาดมา หัวใจของนางสั่นสะท้านขาทั้งคู่อ่อนยวบอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ฉีเหม่ยเหรินจึงคุกเข่าลงบนพื้นเช่นกัน
ฉีเหม่ยเหรินก้มหน้าไม่กล้าประสานสายตากับฮองเฮา
ทว่าในใจกลับหงุดหงิดตัวเองเหลือเกิน นางเป็อะไรไป ไฉนจึงได้ขลาดเขลาเช่นนี้
ภายในตำหนักบรรทม นอกจากฮองเฮาและไทเฮาที่คนหนึ่งยืนคนหนึ่งนั่งแล้ว ยังมีองค์หญิงหลานซินที่อยู่ในท่วงท่าถวายพระพรค้างอยู่ คนที่เหลือล้วนคุกเข่าลงทั้งหมด
บรรยากาศตรงหน้าประดักประเดิดอย่างที่สุด
ชิงเหอและเหล่านางกำนัลคนอื่นๆ มีสีหน้ายินดี ฮองเฮาไม่เสียแรงที่เป็ฮองเฮา เพียงแค่ชั่วครู่ก็ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้!
ไทเฮาเห็นเช่นนั้นจึงมีโทสะจนตัวสั่นเทิ้ม นางตบโต๊ะแรงๆ “ฮองเฮา นี่เ้าหมายความอย่างไรกัน นี่เ้ากำลังข่มขู่อายเจียหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ “เสด็จแม่ ท่านพูดอะไรกันเพคะ ผู้ใดจะกล้าข่มขู่ท่าน ท่านไม่คิดว่าพวกเราสองแม่ลูกพูดคุยกันแค่สองคน เงียบสงบลงมาก และสบายหูกว่ากันหรือเพคะ”
“ใครเป็สองแม่ลูกกับเ้ากัน เ้าอย่าได้ให้เกียรติตัวเองนัก!” ไทเฮาโกรธจนพูดจากระท่อนกระแท่น นางลูบหน้าอกตัวเองและพูดว่า “คนในตำหนักของเ้าวางยาจนแมวเทพสามหางของอายเจียตาย ก็เท่ากับ้าเอาชีวิตของอายเจีย ครั้งนี้อายเจียไม่มีทางละเว้นเ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึง “แมวเทพสามหางหรือ”
“เสแสร้ง เ้ายังเสแสร้งอีก!” ไทเฮามีโทสะจนถลึงตามองนาง พร้อมกับส่งสายตาไปทางชิวหมัวมัว ชิวหมัวมัวรีบหยิบกรงอันหนึ่งออกมา ด้านนอกกรงมีผ้าแพรสีดำปิดเอาไว้จึงมองไม่เห็นว่าข้างในใส่อะไรมา ทว่ายังคงได้กลิ่นคาวเืจางๆ
“เ้าดูเอง นี่คืออะไร” ชิวหมัวมัวเปิดผ้าสีดำที่คลุมกรงนั้นออกหลังจากสิ้นเสียงของไทเฮา
มีเพียงเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ!
เห็นเพียงแมวสีดำตัวหนึ่งนอนอยู่ในกรง แต่เมื่อดูแล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากแมวธรรมดา ทว่าเมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียด หางบนร่างของมันทั้งดำทั้งวาววับ ทั้งยังมีกลิ่นอายเทพ ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา และที่ไม่ธรรมดาก็คือ แมวดำตัวนี้ถึงกับมีหางสามหาง!
แมวธรรมดาสามัญมีหางเพียงหนึ่งหาง แต่แมวตัวนี้กลับมีหางสามหาง!
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นแล้วรู้สึกมหัศจรรย์ใจ
[เ้านาย นี่เป็แมวเทพสามหางที่จัดเป็สัตว์หายากชนิดหนึ่ง!]
ในสมองพลันมีเสียงของฟ่านฟ่านดังขึ้น
“หายากอย่างไร”
[ล้วนกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิต เป็เพราะทุกๆ เก้าปีแมวจะงอกหางออกมาหางหนึ่ง กระทั่งงอกครบเก้าหาง เมื่อแมวครบเก้าหาง ถ้าผ่านไปอีกเก้าปี ก็จะแปลงกายเป็คนได้ แมวจึงจะมีเก้าชีวิตจริงๆ และเรียกมันว่า แมวเก้าชีวิต]
“ตอนนี้แมวตัวนี้มีหางเพียงแค่สามหาง มันยังเป็แมวธรรมดา ไม่ได้มีสามชีวิต ใช่หรือไม่”
[จะพูดอย่างนี้ก็ได้ แต่ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด! ก่อนอื่นต้องรู้ว่าทุกครั้งที่แมวงอกหางออกมาอีกหางหนึ่ง ระหว่างนั้นจะเป็่เวลาที่ยากลำบากถึงขั้นเอาชีวิต แมวโดยส่วนใหญ่ไม่สามารถผ่านไปได้ จึงตายไปแต่เนิ่นๆ ดังนั้นน้อยมากที่มนุษย์เราจะพบแมวที่มีหางมากกว่าหนึ่งหาง แมวที่มีชีวิตรอดมาได้ล้วนเป็แมวเทพทั้งสิ้น มันไม่เพียงแต่มีสัญชาตญาณของมนุษย์ ยังรักษาโรคช่วยชีวิตคนได้ด้วย ดังนั้น เ้านายบอกว่ามันเป็เพียงแมวธรรมดานั้นไม่ถูกต้อง! หางยิ่งมีจำนวนมาก พลังเทพของแมวยิ่งแข็งแกร่ง รักษาโรคได้มากขึ้น!]
เฟิ่งเฉี่ยนฟังฟ่านฟ่านอธิบายพร้อมกับลอบพยักหน้ากับตัวเอง ที่แท้แมวเทพสามหางมีคุณค่าถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าฮองเฮาจึงได้ใส่ใจนัก
เพียงแต่น่าเสียดาย ยามนี้แมวเทพตัวนี้ได้ตายไปแล้ว ไม่มีสัญญาณชีพจรแม้แต่น้อย กลิ่นเหม็นเริ่มส่งกลิ่นในบรรยากาศ นี่เป็ลักษณะของการต้องพิษตาย!
เฟิ่งเฉี่ยนเดินเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าสงบนิ่งอย่างที่สุด “นี่ก็คือแมวเทพสามหางหรือ”
ไทเฮาพูดเสียงเย็น “นี่คือแมวเทพสามหางที่ฮองเฮาแห่งแคว้นหนานเยียนเฟ้นหามามอบให้กับอายเจีย วันนี้ได้ส่งทูตมาเป็การเฉพาะ เพื่อรักษาโรคเก่าของอายเจีย อายเจียยังรอจะใช้มันมาปรุงโอสถ ใครจะรู้ว่ากลับถูกคนในตำหนักของเ้าวางยาพิษตายเสียก่อน! ฮองเฮา เื่นี้เ้าจะต้องมีคำอธิบายให้อายเจีย!”
ฝ่ามือของนางตบลงบนโต๊ะแรงๆ ส่งผลให้ถ้วยน้ำชาและฝากระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้รับผลกระทบอันใดจากนาง นางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็ของขวัญที่ทูตส่งมามอบให้กับไทเฮา เหตุใดจึงมาปรากฏตัวอยู่ในตำหนักของเปิ่นกงได้”
ไทเฮาตะลึงงัน นางเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เหตุใดของขวัญที่ส่งมามอบให้นางจึงไม่ส่งตรงไปยังตำหนักฉางโซ่ว แต่กลับส่งมาที่ตำหนักเว่ยยาง
องค์หญิงหลานซินที่ยังอยู่ในท่าทางถวายพระพรยอบกายลงอีกหลายส่วนกล่าวว่า “ไทเฮา นี่ล้วนเป็ความผิดของหม่อมฉันเพคะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนและไทเฮามองไปทางนางพร้อมๆ กัน
องค์หญิงหลานซินพูดด้วยท่าทีน่าสงสาร “หลายวันก่อน หม่อมฉันและฮองเฮาเกิดเื่หมางใจกัน ทางแคว้นหนานเยียนล่วงรู้เื่นี้เข้า และไม่รู้เพราะเหตุใดจึงเล่าลือกันไปผิดๆ ทุกคนต่างเข้าใจว่าตำหนักในของแคว้นเป่ยเยียน คนทั้งหมดจะต้องฟังคำพูดของฮองเฮาและให้เกียรติฮองเฮาเพียงคนเดียว กระทั่งไทเฮาเองก็ยังต้องดูสีหน้าฮองเฮาเพคะ”
สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
องค์หญิงหลานซินลุกขึ้นพูดอีกว่า “เสด็จแม่ของหม่อมฉันได้ยินข่าวลือนี้ เริ่มแรกนั้นยังไม่เชื่อ ต่อมาได้ยินอีกหลายครั้งจึงเชื่อ ครั้งนี้จึงได้ส่งทูตมามอบของขวัญ ก่อนออกเดินทางนางได้กำชับว่า ก่อนหน้าที่จะเข้าเฝ้าไทเฮา จะต้องเข้าเฝ้าฮองเฮาก่อน จะผิดลำดับและกฎเกณฑ์ไม่ได้เด็ดขาดเพคะ!”
ม่านตาหดลงเล็กน้อย เฟิ่งเฉี่ยนจ้องเขม็งไปที่องค์หญิงหลานซิน คำพูดเหล่านี้ของนางช่างโเี้นัก สังหารคนไม่เห็นเื!
ชัดเจนเหลือเกินว่าเป็การทำลายความสัมพันธ์ระหว่างนางและไทเฮา!
สีหน้าของไทเฮาย่ำแย่ถึงที่สุด บอกว่าตำหนักในของแคว้นเป่ยเยียนทุกคนต้องฟังคำสั่งของฮองเฮา ต้องให้เกียรติฮองเฮาเพียงคนเดียว กระทั่งนางก็ยังต้องดูสีหน้าของฮองเฮาหรือ
ช่างเป็คำพูดเหลวไหลสิ้นดี!
พวกเขาเห็นไทเฮาอย่างนางเป็อะไรกัน
องค์หญิงหลานซินกวาดสายตามองไทเฮาปราดหนึ่ง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ทว่าในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง ฮองเฮาอันใด ไทเฮาอันใด สุดท้ายแล้วมิใช่ถูกนางปั่นหัวหรอกหรือ
ฉีเหม่ยเหรินเงยหน้าขึ้นลอบมององค์หญิงหลานซินปราดหนึ่งพร้อมกับลอบยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น
เลิศ ล้ำเลิศจริงๆ!
ครั้งนี้นางหาพันธมิตรถูกคนแล้ว!
เห็นไทเฮากำลังจะชักสีหน้า เฟิ่งเฉี่ยนพูดทันทีว่า “เสด็จแม่ ชัดเจนเหลือเกินว่าองค์หญิงหลานซินมีเจตนาพูดจาให้ร้าย จงใจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองคน! ท่านอย่าได้หลงเชื่อนางเชียวนะเพคะ!”
ไทเฮากลับแค่นเสียงเย็น “หากในสายตาของเ้ามีอายเจียจริง คนนอกจะให้ร้ายเ้าได้อย่างไร”
เฟิ่งเฉี่ยนจนปัญญา นางรู้ว่าความขุ่นเคืองใจระหว่างพวกนางยังคงคลี่คลายไม่ได้ชั่วคราว จึงได้แต่เบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา “ที่เปิ่นกงไม่กระจ่างแจ้งก็คือ ในเมื่อทูตมาพบเปิ่นกง แมวเทพสามหางตัวนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับคนของเปิ่นกง”
ยามนี้มีคนผู้หนึ่งเดินอกมาจากกลุ่มคน “ทูลฮองเฮา กระหม่อมคือทูตจากแคว้นหนานเยียนพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนมองไปเห็นคนผู้นั้นอายุราวๆ สามสิบปี หน้าตาธรรมดาสามัญ ทว่ากลับมีดวงตาคมปลาบคู่หนึ่งที่มักจะมองไปรอบๆ เสมอ และมีหูตาซอกแซกพร้อมเก็บรายละเอียดตลอดเวลา