“เนี่ยเทียน!”
“พวกเ้าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
และเวลานี้เอง พวกกัวฉี ถงฮ่าวที่รั้งท้ายถึงได้ตามมาทันพร้อมหยาดเหงื่อเต็มใบหน้า
“พวกพี่พันเล่า?” กัวฉีกล่าว
“ไล่ตามคนของสำนักโลหิตไปแล้ว” เนี่ยเทียนตอบส่งๆ ไปหนึ่งประโยคจากนั้นก็หยิบเอาเนื้อสัตว์วิเศษชิ้นใหญ่ที่อยู่ด้านหลังออกมา โยนให้เจียงเหมียว กล่าวว่า “ช่วยย่างให้ข้าที”
เนื่องจาก่นี้ไม่เจอสัตว์วิเศษอื่นๆ ในเขตเกาะน้ำแข็ง เนื้อสัตว์วิเศษที่เนี่ยเทียนแบกมาด้วยจึงเหลืออยู่ไม่มากนัก
ตอนนี้เนื้อสัตว์วิเศษที่เขาพกติดตัวมามีเพียงแค่สิบกว่าจิน ซึ่งแทบจะไม่พอให้เขากินคนเดียวได้
ทว่าเมื่อเขาส่งเนื้อสัตว์วิเศษชิ้นนั้นให้กับเจียงเหมียว อยู่ๆ ความคิดเขาก็ฉุกวาบขึ้น
เขาจ้องเขม็งไปยังเนื้อสัตว์วิเศษของทะเลทรายร้างที่พวกสำนักหลิงอวิ๋นเป็คนฆ่า โดยเฉพาะ... กิ้งก่าดินตัวนั้น!
กิ้งก่าดินคือสัตว์วิเศษระดับสอง หลังจากได้รับาเ็จึงหนีมาอยู่ที่ทะเลทรายร้างแห่งนี้ แต่กลับถูกพวกอันอิ่งหาตัวจนเจอ หลังจากต่อสู้กันอย่างยากลำบากอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็สังหารกิ้งก่าดินได้สำเร็จ
ศีรษะของกิ้งก่าดินถูกเจียงหลิงจูบั่นออกไปแล้ว ทว่าร่างกายของมันตอนนี้ยังคงอยู่ในทะเลสาบ
สัตว์วิเศษระดับสองแข็งแกร่งกว่าสัตว์วิเศษระดับหนึ่งอยู่มาก พลังงานที่ซุกซ่อนอยู่ในเืเนื้อแน่นอนว่าย่อมสูงกว่าหลายเท่า
เนี่ยเทียนที่เพิ่งจะสำแดงหมัดพิโรธออกไปจนพลังิญญาทั้งหมดในมหาสมุทริญญาถูกดึงไปใช้จนเกลี้ยง ร้อนใจ้าฟื้นตัวให้ได้เร็วที่สุด
เนื้อบนร่างของกิ้งก่าดิน สำหรับเขาแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคืออาหารบำรุงชั้นเลิศ
ลังเลอยู่เล็กน้อย เขาก็มองไปทางเจียงหลิงจูแล้วถามขึ้นมากะทันหันว่า “หัวของกิ้งก่าดิน ข้าไม่้า แต่เนื้อของมัน... แบ่งให้ข้าหน่อยได้หรือไม่? ข้ารู้สึกหิวเล็กน้อย”
“ฮ่าๆ อย่าว่าแต่เนื้อของกิ้งก่าดินเลย ต่อให้เป็หัวของมัน หากเ้า้า ข้าก็มอบให้เ้าได้” ดวงตาเจียงหลิงจูเปล่งประกายระยิบระยับ มุมปากยกยิ้ม สั่งการเย่กูโม่ทันที “พี่ใหญ่เย่ เนี่ยเทียนหิวแล้ว อยากเอาเนื้อของกิ้งก่าดินมากินสักหน่อย”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ข้าจะช่วยย่างให้เขาเองเลย!” เย่กูโม่ตอบรับอย่างรวดเร็ว
พูดจบ เย่กูโม่ก็ยกนิ้วโป้งให้กับเนี่ยเทียน ขยิบตาให้อีกหนึ่งทีก็เดินไปแล่เนื้อของกิ้งก่าดินมาย่างให้เขากินทันที
เวลานี้ เจียงหลิงจูและเนี่ยเสียนที่เนี่ยเทียนคุ้นเคยเป็อย่างดี ต่างก็มาหยุดอยู่ข้างกายเขา
“เ้าไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?” เจียงหลิงจูถามด้วยความเป็ห่วง
เนี่ยเทียนส่ายหัว “แค่เผาผลาญพลังมากเกินไป ตอนนี้ข้าไร้เรี่ยวแรงไปหมด จำเป็ต้องพักผ่อนสักครู่หนึ่ง”
“เนี่ยเทียน ตอนนี้... เ้าฝึกบำเพ็ญตบะอยู่ในขั้นไหนแล้ว?” เนี่ยเสียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ก่อนหน้านั้น เนี่ยเทียนใช้แค่หมัดเดียวก็ทำให้เงาโลหิตที่นางมารอวี๋ถงหลอมรวมออกมาพังทลายจนหมด ทั้งยังทำให้โล่หน้าเดียวที่อวี๋ถงใช้พลังเืของตัวเองแปลงออกมาะเิออกในพริบตาเดียว
ภายใต้การโจมตีครั้งเดียวของเนี่ยเทียน อวี๋ถงได้รับาเ็ เห็นว่าพวกพันเทาใกล้จะตามมาทัน จึงจำต้องถอยร่นกลับไป
อานุภาพของหมัดนั้นทำให้เนี่ยเสียนแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เขาเกิดความประทับใจลึกล้ำอย่างถึงขีดสุด
เขาจำได้ว่าหลังจากเขาออกมาจากตระกูลเนี่ย ก่อนหน้าที่จะถูกลี่ฝานรับเข้าไปอยู่สำนักหลิงอวิ๋น เนี่ยเทียนอยู่แค่ขอบเขตหลอมลมปราณสี่เท่านั้น
เนี่ยเทียนในตอนนั้น นอกจากร่างกายแข็งแกร่งบึกบึนแล้วก็ไม่มีจุดที่มหัศจรรย์มากเท่าไหร่นัก
เขามิอาจจินตนาการได้เลยว่าผ่านไปแค่ปีเดียว เนี่ยเทียนจะมีอานุภาพของหมัดที่ทำให้อวี๋ถงใจนหนีไปได้
“คือว่า... ไม่กี่วันก่อนข้าเพิ่งฝ่าทะลุขอบเขตหลอมลมปราณเจ็ด” เนี่ยเทียนตอบ
“ประมาณหนึ่งปี จากขั้นสี่มาถึงขั้นเจ็ด...” เนี่ยเสียนพึมพำ สายตาที่มองเขาราวกับมองตัวประหลาด
เจียงหลิงจูอ้าปากหวอ จ้องเขาด้วยความประหลาดใจ “เ้าจะไม่เก่งเกินไปหน่อยรึ?”
ตอนที่อยู่เมืองเฮยอวิ๋น นางเห็นกับตาตัวเองตอนที่เนี่ยเทียนต่อสู้กับอวิ๋นซง นางเชื่อว่าเนี่ยเทียนในตอนนั้นอยู่แค่ขั้นหลอมลมปราณสี่จริง
เพียงแค่ปีเดียว จากหลอมลมปราณขั้นสี่ะโเข้ามาสู่หลอมลมปราณเจ็ด นี่ทำให้นางที่ความรู้กว้างขวางในสำนักหลิงอวิ๋นรู้สึกถึงความแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด
“ข้าโชคดี” เนี่ยเทียนกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน พวกอันอิ่ง พันเทา เจิ้งรุ่ยสามคนกลับมาด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว
“เ้าพวกนั้นของสำนักโลหิตเผ่นหนีได้เร็วไม่ด้อยไปกว่าสำนักภูตผีเลย” อันอิ่งยืนอยู่ข้างกายเจียงหลิงจู ถอนหายใจหนึ่งครั้ง กล่าวว่า “เดิมนึกว่าพอมาถึงทะเลทรายร้างจะยืมใช้พลังของพวกเ้าไปฆ่าลูกศิษย์สำนักภูตผี นึกไม่ถึงว่าคนของสำนักโลหิตก็เข้ามาในโลกมายามรกตด้วย”
“เ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ผู้ประลองของสำนักหลิงอวิ๋นพอได้ยินนางพูดอย่างนี้ก็พากันหน้าเปลี่ยนสีทันที
“พวกเ้าเจอกับลูกศิษย์สำนักภูตผีรึ?” เจียงหลิงจูอุทานเบาๆ
“พวกเรายังถือว่าดี” พันเทายิ้มเจื่อน “หุบเขาเทาสิอนาถหนัก เท่าที่พวกเราเห็น หุบเขาเทาถูกสำนักภูตผีฆ่าไปแล้วห้าคน สภาพตอนตาย... น่าเวทนาจนแทบทนมองไม่ได้”
“พวกเราเองก็ถูกคนของสำนักภูตผีฆ่าสหายไปหนึ่งคน” เจิ้งรุ่ยกล่าวเสียงเบา
“สำนักโลหิต สำนักภูตผี...” เจียงหลิงจูขมวดคิ้วมุ่น บนใบหน้าเล็กๆ ใสสะอาดของนางราวกับอยู่ๆ ก็เต็มไปด้วยความกังวลใจ “ไม่รู้ว่าทางฝ่ายของอารามเสวียนอู้จะเป็อย่างไรบ้าง หวังว่าพวกเขาคงไม่โชคร้ายเช่นพวกเราหรอกนะ นับแต่นี้ไป ทางที่ดีที่สุดทุกคนไม่ควรแยกจากกัน ทั้งยังต้องพยายามตามหาคนของอารามเสวียนอู้และหุบเขาเทาโดยด่วน ต้องร่วมมือกันถึงจะพอต้านทานสำนักโลหิต และสำนักภูตผีได้”
“พวกเรามาที่ทะเลทรายร้างก็เพราะ้าตามหาพวกเ้า เพื่อที่จะไปโจมตีลูกศิษย์สำนักภูตผีที่เกาะน้ำแข็ง” อันอิ่งอธิบาย
“หากสำนักโลหิตและสำนักภูตผีพบว่าพวกเราร่วมมือกัน ไม่แยกจากกันไปไหน พวกเขา... ก็จะต้องร่วมมือกันเหมือนกับพวกเรา” พันเทากล่าว
“การประลองของโลกมายามรกตอันตรายกว่าที่พวกเราคิดไว้เป็สิบเท่า” เจียงหลิงจูคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า “พวกเราจำเป็ต้องฟื้นคืนพลังให้เร็วที่สุด เพื่อรับมือกับการต่อสู้ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ตอนนี้ไม่มัวมาพูดมากกับพวกเ้าแล้ว”
“ทุกคนรีบใช้หินวิเศษในมือมาฟื้นพลังให้เร็วที่สุด!”
นอกจากเย่กูโม่แล้ว ผู้ประลองเ่าั้ของสำนักหลิงอวิ๋นที่ยังมีชีวิตอยู่ล้วนไม่พูดอะไรอีก แต่ละคนนั่งลงเงียบๆ
พวกเขาทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่กล้าทำตัวผ่อนคลายอีกแม้แต่นิดเดียว
เดิมทีนึกว่าหลังจากรวมตัวกับหอหลิงเป่าแล้ว ลูกศิษย์ของสำนักโลหิตห้าคนที่มีอวี๋ถงเป็หัวหน้าจะไม่สามารถเป็ภัยคุกคามต่อพวกเขาได้อีก
นึกไม่ถึงว่าการที่หอหลิงเป่าเข้ามาในทะเลทรายร้างก็เพื่อขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ให้ไปรับมือกับสำนักภูตผี
พอรู้ว่าสำนักภูตผีก็อยู่ในโลกมายามรกตด้วย ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความยากลำบากในหนทางเบื้องหน้า ศพของสหายสองคนนอนอยู่ข้างกายพวกเขา หากพวกเขาไม่อยากกลายเป็ศพก็จำเป็ต้องรักษาความรู้สึกตึงเครียดไว้ตลอดเวลา
พวกอันอิ่งก็ไม่มีอารมณ์จะพูดอะไร ในใจต่างมีเื่มากมายให้ขบคิด
“เนื้อกิ้งก่าดินที่เ้า้า”
เวลานี้ เย่กูโม่ฉีกเอาเนื้อสุกแล้วที่หนักสิบกว่าจินชิ้นหนึ่งมาหยุดอยู่ข้างกายเนี่ยเทียน แล้วส่งมอบเนื้อที่มากพอให้กับเนี่ยเทียน
หลังจากเนี่ยเทียนรับมาแล้ว เย่กูโม่ก็นั่งลงข้างกายเจียงหลิงจูและเนี่ยเสียน แล้วหยิบเอาหินวิเศษออกมาฟื้นคืนพลังิญญาเช่นกัน
“เนื้อแค่นั้นไม่มีทางพอให้เขากินหรอก” พันเทาพึมพำหนึ่งประโยค พลันพูดขึ้นว่า “่นี้ทุกคนล้วนเอาแต่ง่วนอยู่กับการเดินทางผ่านเกาะน้ำแข็ง ไม่มีเวลาได้กินอะไรกันดีๆ สักมื้อ สัตว์วิเศษที่นี่มีมากพอ เมื่อครู่พวกเราไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ ไม่จำเป็ต้องฟื้นพลังทันที ถ้าอย่างนั้นก็มาเสพสุขกับอาหารรสเลิศสักมื้อเถอะ”
เขาก้าวยาวๆ มาทางกิ้งก่าดิน
เย่กูโม่ไม่รู้ปริมาณอาหารของเนี่ยเทียน เข้าใจว่าเนื้อสุกสิบกว่าจินก็พอให้เนี่ยเทียนกินอิ่มแล้ว
พันเทาและเนี่ยเทียนอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ แน่นอนย่อมรู้ว่าหากเนี่ยเทียนคิดจะกินให้อิ่ม อย่างน้อยยัง้าเนื้อสัตว์มากกว่านั้นอีกห้าเท่า ดังนั้นแท้จริงแล้วข้อเสนอของเขาจึงเอ่ยขึ้นมาเพื่อเนี่ยเทียน
“เนี่ยเทียน นี่คือเนื้อสัตว์วิเศษที่เ้าให้ข้าย่างให้” เจียงเหมียวเดินเอาเนื้อสุกหนักสิบกว่าจินก้อนหนึ่งที่เสียบด้วยกิ่งไม้หนาใหญ่มาส่งให้เขา
หลังจากที่เนี่ยเทียนรับมาก็เอ่ยขอบคุณไปหนึ่งครั้ง
เจียงเหมียวไม่ได้จากไปทันที ยังคงจ้องมองเขา ั์ตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เมื่อนางสังเกตเห็นว่าที่เนี่ยเทียนเลือกกินก่อนคือเนื้อสุกที่นางย่างให้ ไม่ใช่เนื้อกิ้งก่าดิน นางก็ยิ้มหวาน กล่าวด้วยความดีใจว่า “ข้าจะช่วยย่างมาให้เ้าอีก” กล่าวจบนางจึงะโโลดเต้นจากไป
พอเนื้อสัตว์วิเศษระดับหนึ่งสิบกว่าจินลงไปอยู่ในท้อง เนี่ยเทียนก็หลับตาลงทันที
เพียงแค่ครู่เดียวเขาก็รู้สึกถึงกระแสความอบอุ่นที่ก่อกำเนิดขึ้นมาในช่องท้อง ราวกับว่าพลังงานทั้งหมดที่มาจากเนื้อสัตว์พวกนั้นล้วนถูกดูดเอาไปจนเกลี้ยงใน่ระยะเวลาที่สั้นที่สุด
พอลืมตา เขาก็มองเห็นว่าบนเนินทรายข้างกายเขามีกิ่งไม้กิ่งใหญ่เสียบชิ้นเนื้อวางเอาไว้มากมาย
มองไปรอบด้านเขาพบว่าพวกอันอิ่งและพันเทานั่งรวมตัวกันอยู่ ทั้งกินและดื่มพลางพูดคุยกันไปด้วย
คนเ่าั้คล้ายจะรู้ว่าระยะเวลาการกินอาหารของเขานั้นค่อนข้างยาวนาน ดังนั้นจึงไม่มีใครมารบกวนเขา ทว่ากิ่งไม้กิ่งใหญ่ที่เสียบเนื้อสัตว์ไว้เต็มไปหมดนั้นคือผลงานของเจียงเหมียวและพันเทา
เขาแยกแยะอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหยิบเอาเนื้อสุกของกิ้งก่าดินที่เย่กูโม่ย่างมาให้อันแรกสุดขึ้นมาก่อน
จากนั้นเขาก็สวาปามทันทีทันใด
ไม่นานเนื้อของกิ้งก่าดินหนักสิบกว่าจินก็ถูกเขาเขมือบจนเกลี้ยง
กระแสอบอุ่นร้อนแรงระลอกหนึ่งค่อยๆ ก่อเกิดขึ้นมาในช่องท้องของเขา พลังงานขุ่นคลั่กมากมายกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่ากระจายไปตามกระดูกและเืเนื้อของเขาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาเขาพลันเปล่งประกายขึ้นมา รีบร่ายคาถาหลอมลมปราณเพื่อชักนำพลังงานที่เปี่ยมล้นเ่าั้ออกมา
พลังงานมากมายหลายกลุ่มกลายมาเป็ลำธารอบอุ่นไหลไปตามเส้นชีพจรของเขา ทะลักทลายเข้าสู่มหาสมุทริญญา
เวลาสั้นๆ แค่เค่อเดียวเขาก็ค้นพบว่าพลังิญญาที่เหือดแห้งในมหาสมุทริญญา ฟื้นตัวกลับมาแล้วเกือบสี่ส่วน!
และเวลานี้ ช่องท้องของเขาก็ยังคงปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างไม่ขาดสาย!
เห็นได้ชัดว่าเนื้อของกิ้งก่าดินที่กำลังย่อยอยู่ในกระเพาะของเขามีพละกำลังอย่างล้นเหลือ!
ร่างของเขาสั่นเบาๆ รวบรวมสมาธิพยายามดูดซับเอาพลังงานในร่างกายอย่างเต็มความสามารถ นำมันเข้าไปในมหาสมุทริญญาทีละส่วน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อเขาไม่รู้สึกว่ากระแสอบอุ่นเกิดขึ้นในช่องท้องอีกแล้ว เขาพบว่าพลังิญญาในมหาสมุทริญญาเพิ่มมากถึงแปดส่วน!
“เจ็ดเท่า!” เขาแอบรู้สึกประทับใจ
เนื้อสัตว์วิเศษที่มีขนาดเท่ากันถูกส่งเข้าไปในท้องของเขา ทว่าพลังงานที่เกิดจากกิ้งก่าดินกลับมากกว่าเนื้อสัตว์วิเศษระดับหนึ่งถึงเจ็ดเท่าเต็ม!
แค่เนื้อกิ้งก่าดินชิ้นใหญ่ชิ้นเดียว พลังิญญาที่เขาสูญเสียไปจนเกลี้ยงเพราะหมัดพิโรธก่อนหน้านั้น แทบจะฟื้นคืนมาได้เต็มสัดส่วน!
“สัตว์วิเศษระดับสอง!”
ห่างกันหนึ่งร้อยกว่าเมตร เนี่ยเทียนที่จ้องศพของกิ้งก่าดินซึ่งหนักหลายร้อยจินจากที่ไกลๆ ดวงตาพลันฉายประกายละโมบออกมา
-----