เซี่ยเสี่ยวหลานได้กลับมายังหมู่บ้านชีจิ่ง
ดั่งที่เธอเคยกล่าวไว้ ขอเพียงตนเองแข็งแกร่งมากพอ ภัยร้ายทั้งหลายล้วนถูกตัดไฟั้แ่ต้นลมจางชุ่ยและเซี่ยหงเซี๋ยเลือกที่จะเล่นสกปรกเพราะพวกเธอไม่รู้ว่าทุกวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานคือต้นกล้าคุณภาพดีผู้มีความหวังว่าจะสอบติดปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเซี่ยนอีจง
ต่อให้มอบขาหมูแด่ครอบครัวอาจารย์ใหญ่ซุนอีกสักร้อยท่อน เขาก็ไม่ไล่นักเรียนที่ผลการเรียนยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกไปแน่
กิตติศัพท์ของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่รื่นหูแล้วอย่างไรคำถามที่เธอตอบในข้อสอบทำคะแนนได้มากขนาดนั้นโรงเรียนคร้านจะยุ่งกับปัญหาพฤติกรรมของนักเรียน ทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานก็มิได้ก่อความวุ่นวายภายในโรงเรียนด้วยคงไม่สามารถใช้เหตุผลเพียงหน้าตาสะสวย ถึงได้ถูกห้ามแม้แต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ร่ำไปหรอก!
ทัศนคติของอาจารย์ใหญ่ซุนต่อเธอเป็อย่างไรนั้นไม่สำคัญ เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถเพิ่มพูนอัตราการสอบเข้าเรียนของเซี่ยนอีจงได้ก็เพียงพอแล้วอย่างไรเสียอาจารย์ใหญ่ซุนไม่มีทางยอมปล่อยเธอให้เซี่ยนเอ้อร์จงอย่างแน่นอน
คนตระกูลเซี่ยก็เหมือนวายร้ายที่สร้างปัญหาไม่สำเร็จ เซี่ยเสี่ยวหลานคร้านจะใส่ใจพวกเขาเธอกลับหมู่บ้านชีจิ่งครั้งนี้เพื่อเกลี้ยกล่อมป้าสะใภ้ให้มาร่วมหุ้นลงทุนด้วยกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ขาดเงินทุน แต่เธอขาดกำลังคน!
หากพิจารณาแล้ว การนำเข้าสินค้ามีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถรับผิดชอบได้ถ้าเปิดร้านจริง เวลาเธอไปรับสินค้าเข้ามาคงไม่อาจปิดร้านเสียดื้อๆ ไปตลอดได้ ไม่มีร้านค้าไหนปิดทำการบ่อยๆเสียด้วย งานขายเสื้อผ้าเธอสามารถจ้างคนอื่นได้ แต่ร้านต้องมีคนในครอบครัวดูแลถึงจะวางใจถ้ากล่าวอย่างไม่น่าฟังก็คือ หากร้านไร้ระบบระเบียบและการสังเกตการณ์รูปแบบการขายเสื้อผ้าโดยการกำหนดราคาแน่นอนอาจไม่ได้ผลดีในทางปฏิบัติคนที่จ้างมาจะค้าขายอย่างมั่วซั่วหรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เช่นกัน
พอเธอกลับมาถึงหมู่บ้านก็ถือโอกาสนำของฝากไปเยือนบ้านเฉินก่อน
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่้าให้คนตระกูลเฉินเข้าใจผิดเื่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเฉินชิ่งแต่มิได้แปลว่าเธอไม่จดจำในน้ำใจไมตรี เฉินวั่งต๋าถามไถ่สภาพความเป็อยู่ของเธอในซางตูเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้บอกว่าทำเงินมากน้อยเพียงใดแต่ก็รายงานเฉพาะเื่ราวน่ายินดี
“เฉินชิ่งบอกว่าผลการเรียนเธอดี เรียนหนังสือถึงเป็หนทางที่เหมาะสมเธออย่าล้มเลิกกลางคันล่ะ”
เฉินวั่งต๋าแนะนำสองสามประโยคจนได้ นี่ก็เพื่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้ดีเธอนั้นไม่ใช่ไม่รู้ถูกผิดเสียหน่อย
สิ่งที่เธอมอบแด่เฉินวั่งต๋าคือบุหรี่สองคอตตอน “คุณปู่ลองเปลี่ยนรสชาติดู”
เฉินวั่งต๋ามักสูบกล้องยา บุหรี่ที่มีไส้กรองเขาย่อมซื้อสูบไหวอยู่แล้วแต่ชายชราไม่จุกจิกกับของพวกนี้ บุหรี่ของเซี่ยเสี่ยวหลานมากจากไหนน่ะหรือ? ครั้งนี้ไม่ใช่การซื้อด้วยราคาบวกเพิ่มอีกแล้ว โจวเฉิงให้เงินเธอไม่รับตอนจากไปจึงทิ้งบุหรี่ลังเล็กไว้ในลานบ้านย่าอวี๋ บอกว่าเป็ของสำหรับหลิวหย่ง
“คุณลุงไม่ชอบฉัน”
โจวเฉิงน้อยใจอยู่บ้างขณะกล่าว
ใช่แล้ว หลิวหย่งไม่โปรดโจวเฉิง ระแวดระวังเขาั้แ่พบหน้ากันครั้งแรก
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าโจวเฉิงมีเสน่ห์เหมาะสมกับการคบหาเป็คนรัก แต่หลิวหย่งคงคิดว่าเ้าหนุ่มนี่ไม่คู่ควรให้ฝากใจไปชั่วชีวิตหน้าตาดีไม่น่าเชื่อถือ ปากหวานราวกับทาน้ำผึ้ง ยังบอกไม่เคยมีคู่หมายมาก่อนหลิวหย่งไม่ค่อยเชื่อมั่นนัก
สิ่งที่โจวเฉิงไม่เคยขาดเลยคือบุหรี่เขาเหลือไว้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานหนึ่งลัง แม้ไม่ใช่ของอย่างจงหัว [1] ก็จริง แต่โจวเฉิงจัดการทุกอย่างโดยรู้ถึงความเหมาะสมดีเขาใช้เงินฟาดหน้าตระกูลจูได้ทว่าจะใช้วิธีเดียวกันในการทำให้หลิวหย่งเปลี่ยนความคิดได้หรือ?
เกรงว่าหลิวหย่งอาจยิ่งเกลียดเขามากขึ้นกว่าเดิม
เซี่ยเสี่ยวหลานคุ้นเคยกับบุหรี่หนึ่งลังที่โจวเฉิงเหลือไว้ให้ทีเดียวคือ ‘ไฉ่เตี๋ย’ ซึ่งคนซางตูชื่นชอบทว่าหาซื้อในพื้นที่ได้ยากนั่นเอง
โจวเฉิงบอกว่าหนึ่งลังมีหกสิบคอตตอน
เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจจะใช้บุหรี่ลังนี้เป็ของกำนัลในการกรุยทาง ไม่อาจบอกได้ว่าจะสามารถพิชิตใจผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูงแค่ไหนได้แต่สิ่งนี้สามารถทำให้การขอใบอนุญาตประกอบการผ่านไปด้วยความราบรื่นอย่างแน่นอนแม้บอกว่ามอบให้หลิวหย่ง แต่หลิวหย่งจะสูบหมดหกสิบคอตตอนได้อย่างไร?
ขนาดสิงห์อมควันสูบหนึ่งซองทุกวันยังต้องใช้เวลาถึงสองปีเห็นได้ชัดว่าโจวเฉิงเหลือไว้เพื่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานนำไปเป็ของขวัญได้สะดวกโดยเฉพาะ
ในเมืองซางตูหาซื้อ ‘ไฉ่เตี๋ย’ ได้ยาก ทว่าคนซางตูกลับชื่นชอบ ‘ไฉ่เตี๋ย ’ เป็อย่างยิ่ง ผู้รับสินน้ำใจได้รับของขวัญหายากเช่นนี้ แน่นอนว่าเวลาช่วยจัดการธุระก็ย่อมเบิกบาน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับเงินทว่าจะไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องทางการเงินกับโจวเฉิงเลยก็ไม่ได้
บุหรี่หนึ่งลัง รับแล้วก็รับเถอะ
เซี่ยเสี่ยวหลานนำกลับชนบท 12 คอตตอนสองคอตตอนให้หัวหน้าหมู่บ้านเฉินวั่งต๋าไป อีกสิบคอตตอนก็วางไว้บนโต๊ะของบ้านหลิว
หลิวหย่งถอดถอนใจ “ไอ้หนุ่มนั่นไม่น่าเชื่อถือลุงกลัวหลานโดนหลอก”
ความรักสดใหม่หอมหวานเหลือเกินเซี่ยเสี่ยวหลานเองยังไม่กลัวโดนหลอกด้วยซ้ำ ความถี่ที่เธอเคยถูกหลอกก็มีไม่ใช่น้อยความเ็ปจากการโดนฉ้อโกงแต่ละครั้ง ล้มลุกคลุกคลานแล้วยืนหยัดขึ้นใหม่ ถึงได้มี ‘ประธานเซี่ย’ คนนั้นในชาติก่อน
ความรู้สึกระหว่างชายหญิงไม่มีใครลวงใครไม่ว่าอย่างไรเธอไม่ได้อาศัยโจวเฉิงเพื่อมีชีวิตสุขสันต์อยู่แล้ว คนสองคนคบกันแล้วชื่นมื่นก็เดินหน้าต่อไปไม่เข้ากันก็แยกทางเสีย
แต่เธอไม่อาจแบ่งปันมุมมองความรักสุดล้ำยุคของตัวเองกับหลิวหย่งได้มิเช่นนั้นลุงเธอต้องสั่งสอนให้กลับตัวกลับใจอีกรอบแน่นอน
“คบๆ กันไปก่อน อย่างไรเสียเวลาพบหน้าก็ไม่ได้เยอะแยะตอนนี้ฉันชอบโจวเฉิงอยู่มากทีเดียว”
เซี่ยเสี่ยวหลานมองลุงของเธอตาละห้อย แต่กระนั้นหลิวหย่งก็ไม่ใจอ่อน
หลี่เฟิ่งเหมยช่วยไกล่เกลี่ยอีกแรง “เื่สำคัญสูงสุดของชีวิตอย่างการแต่งงานต้องศึกษากันไปก่อนนั่นแหละ ไม่เหมาะสมค่อยว่ากัน!”
เซี่ยเสี่ยวหลานคล้องแขนป้าสะใภ้กวัดแกว่งไปมาหลิวหย่งทิ้งเื่ของโจวเฉิงไว้ชั่วคราว “ว่าแต่หลานมาทำอะไรล่ะธุรกิจไม่ยุ่งหรือ? ลุงยังคิดว่าจะรอเทาเทาปิดภาคเรียนก่อนแล้วค่อยพาเขาไปซางตูอยู่เลยไม่คิดว่าหลานจะกลับมาเสียแล้ว”
“ฉันอยากให้ป้าไปร่วมหุ้นเปิดร้านด้วยกัน”
ร่วมลงทุนเปิดร้านขายเสื้อผ้า หลี่เฟิ่งเหมยสนใจอยู่ไม่น้อยแต่หลิวหย่งไม่้าเอาเปรียบหลานสาว ก่อนหน้านี้ที่เกริ่นขึ้นมาจึงถือว่าปฏิเสธไปแล้ว
“เงินทุนหลานไม่พอหรือ? ลุงให้หลานยืมก่อนได้นะ”
หลิวหย่งได้เงินคืนมา 5000 หยวนไม่คิดทำธุรกิจอะไรไปสักพัก อีกอย่างาแยังไม่หายดีเขาสามารถให้เซี่ยเสี่ยวหลานยืมเงินในมือได้
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้มาขอเงิน ในมือเธอมีสามพันกว่าหยวนแล้วเดินทางไปหยางเฉิงอีกสักรอบ ก็เพียงพอสำหรับเปิดร้านอย่างเป็ทางการ
“ถ้าป้าไม่ช่วยฉัน ฉันคงหาคนที่เหมาะไม่ได้แล้วจริงๆ ”
หลี่เฟิ่งเหมยส่ายศีรษะ “ป้าต้องอยู่บ้านดูแลน้องของหลาน...”
หลิวหย่งใจอ่อนขึ้นมาเล็กน้อยใครจะไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาอย่างหลิวเฟินมีนิสัยแบบไหนให้หลิวเฟินทำงานหนักนั้นไม่มีปัญหาแต่เธอช่วยเหลือธุรกิจร้านเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ต้องติดต่อกับคนและอาศัยฝีปากหาเงินนั้นไม่ได้เลย
ส่วนที่เซี่ยเสี่ยวหลานพูดว่าจะพาครอบครัวหาเงินหลิวหย่งคิดว่าตนเองยังไม่ถึงขั้นต้องพึ่งพาความจุนเจือของหลานสาว
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานระบายอย่างน่าสงสารว่าตนไร้คนช่วยหลิวหย่งย่อมใจอ่อนระทวย
ไร้ซึ่งคนช่วยเป็แน่แท้ หลิวเฟินไม่เหมาะสมด้านตระกูลเซี่ยก็จิตใจเน่าเฟะกันทั้งหมดเสี่ยวหลานต้องแบกงานหาเลี้ยงชีพของเธอและมารดา ภาระหนักหนายิ่งนัก
ความจริงแล้วหลิวหย่งไม่อยากหมกอยู่ในหมู่บ้านชีจิ่งเช่นกันเขาคือคนที่เคยหาเงินได้ก้อนโต จะให้เขาถือจอบแบกเสียมทำไร่ทำนาขุดหาอาหารจากผืนดินหลิวหย่งหาได้มีความอดทนเช่นนั้น เมื่อเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินได้ย้ายไปซางตูหลิวหย่งก็อยากไปด้วย เขายังถือคติบุรุษเป็ใหญ่ ต้องคอยดูแลน้องสาวและหลานสาว
“ป้าหลานกับหลานลงขันกันทำธุรกิจน่ะได้ แต่เื่การเรียนของน้องชายเล่าจะจัดการอย่างไร?”
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิด “พวกเรายังต้องหาหน้าร้านเหมาะๆการตกแต่งก็ใช้เวลาพอสมควร ใน่เวลานั้นฉันจะพยายามหาโรงเรียนประถมสักแห่งในซางตูที่ขอเรียนชั่วคราวได้อันที่จริงตอนนี้เทาเทาไปเรียนในซางตูก็พอดีเลย ปีนี้น้องเพิ่งเข้าเรียนชั้นประถมหนึ่งโรงเรียนประถมของซางตูสามารถสร้างพื้นฐานการเรียนแน่นๆ ให้เขาได้แน่นอน!”
เื่การร่วมลงทุนจึงตกลงร่วมกันเช่นนี้
เซี่ยเสี่ยวหลานนำเงิน 300 หยวนที่เคยยืมมาคืนให้หลี่เฟิ่งเหมยหลี่เฟิ่งเหมยไม่รับกำไรที่เธอแบ่งถือว่าก่อนหน้านั้นทั้งสองคนยังไม่ได้ร่วมหุ้นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานยอมถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างไรเสียวันนี้ได้ตกลงแล้วว่าเป็หุ้นส่วนกัน เงินที่หาได้ในภายภาคหน้าย่อมต้องแบ่งสรรปันส่วนอยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถลงเงินต้นทุน 3000 หยวนหลิวหย่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วลงเงินเพียง 2000 หยวน
“ร้านนี้ให้หลานเป็หุ้นส่วนใหญ่เถอะ หลานเป็คนตัดสินใจ หากว่าเงินไม่พอค่อยขอลุง”
เชิงอรรถ
[1]中华 จงหัว คือ ชื่อทางการค้าของบุหรี่สำเร็จรูปเป็ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูง ถูกยกย่องว่าเป็ ‘บุหรี่ประจำชาติ’
