ทันทีที่สิ้นเสียงของอิ้งหลี เว่ยซูหานหลุบตาลงเพื่อปกปิดความเ็า มือใต้แขนเสื้อกำแน่นเงียบๆ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไม่พูดอะไร รอเหยียนชิงตอบ
เขาไม่อยากพบหน้าเหยียนิฮ่วน เพราะกังวลว่าตนอาจจะอดไม่ได้จนต้องมีเื่กับเขาไปสักที แต่ถ้าเหยียนชิงอยากจะไป…
“ตึง!”
ขณะที่เว่ยซูหานกำลังคิดว่าจะปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมอย่างไร เหยียนชิงก็ตบมือลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าเ็า
“คุณชาย…”
อิ้งหลีใเล็กน้อย ขมวดคิ้วและก้มหน้าลงครุ่นคิด แม้แต่เฉินเซียงที่ชงชาอยู่ห้องข้างๆ ยังเดินเข้ามาลอบมอง เมื่อเห็นความโกรธบนใบหน้าของเหยียนชิง นางก้มหน้าลง แล้วคอยยืนอยู่ด้านข้าง อารมณ์ของเหยียนชิงเป็ที่รู้กันในจวน ขึ้นลงไม่แน่นอน ตอนนี้อยู่ๆ ก็โกรธ อากาศโดยรอบจึงพลันเงียบลง
เว่ยซูหานเดินเข้ามาใกล้ “ชิงเอ๋อร์…”
เหยียนชิงกัดริมฝีปาก กวาดตามองคนในห้อง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ
“ตระกูลเหยียนยังมีกฎอยู่หรือไม่? ฮูหยินคนใหม่ของนายน้อยผู้นี้เพิ่งแต่งเข้าบ้านได้ไม่ถึงสามวัน เขาก็พาคนมาเยี่ยมเยียนถึงประตูแล้วรึ? พวกเขามาจากที่ใด? คนหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่รู้หรือไม่?”
ั้แ่สมัยโบราณคู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันมักไม่สะดวกออกมาต้อนรับขับสู้ หากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษเช่นญาติสนิทมิตรสหายยังสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เหยียนิฮ่วน ไม่ถึงสามวันก็พาคนมาเยี่ยมฮูหยินใหม่เพื่อทำความรู้จักแล้ว ปกติทำตัวเสเพลก็ช่างมันเถอะ ทว่าตอนนี้ไร้ทั้งมารยาทและกฎเกณฑ์ หรือคิดว่าฮูหยินของคุณชายเป็รูปปั้นที่ตั้งแสดง
อิ้งหลีและเฉินเซียงไม่พูดอะไร พวกนางเอาแต่ก้มหน้า ปกติแล้วเหยียนิฮ่วนมักจะหยิ่งยโสวางอำนาจ แต่นายน้อยของพวกเขาไม่เคยสนใจอะไรมาก ทว่าการยั่วยุคุณชายโดยตรงเช่นนี้ คุณชายจะโมโหก็ไม่แปลก
เว่ยซูหานรู้สึกอบอุ่นในใจ อดไม่ได้ที่จะนั่งลงข้างๆ เขาอีกครั้ง สีหน้าเคร่งขรึมที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคิ้วทำให้ใบหน้าของเขาดูดุดัน ท่าทางน่าเกรงขามกดดันผู้คนนี้เหมือนกับชาติที่แล้ว ดุดันจริงจัง ราวกับเวลาที่สนทนาเื่ต่างๆ กับตี้จวิน
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไป เหยียนชิงขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนกำชับอิ้งหลี
“ไม่อนุญาตให้เข้าพบ ให้พวกเขารีบกลับไปเสียเถิด ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ถ้าไม่มีคำสั่งจากข้า ไม่อนูญาตให้แขกคนไหนเข้าพบทั้งนั้น อิ้งหลี หลังจากเ้าส่งพวกเขาออกไปแล้ว ให้ไปหาฮูหยินใหญ่ เพื่อถ่ายทอดคำสั่งของข้า วันหน้า ผู้ใดก็ตามที่ไม่เคารพฮูหยินน้อย ไม่ว่าผู้มากาุโหรืออ่อนาุโ จงลงโทษตามกฎของตระกูลเหยียน”
อิ้งหลียกมือขึ้นน้อมรับคำสั่ง “ขอรับ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เมื่อกล่าวจบก็ถอยหลังกลับออกไป
เหยียนชิงโมโหมาก ใบหน้าแดงระเรื่อ แต่พอมองเว่ยซูหานสายตากลับทอประกายอ่อนโยน พยักหน้าให้เขา
“ต่อไปเ้าก็เหมือนกัน เ้าไม่ต้องไปสนใจคนที่ไม่ได้สำคัญเหล่านี้ อยากเจอค่อยเจอ ไม่อยากเจอก็ไล่ออกไป อยู่ที่นี่เ้าไม่ต้องก้มหัวให้ใคร”
แม้ว่าชาตินี้เหยียนิฮ่วนจะไม่อาจทำอะไรเว่ยซูหานได้อีก และในตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เขายังคงเกลียดเหยียนิฮ่วน อีกทั้งดูจากการกระทำที่ทั้งเอาแต่ใจทั้งหยิ่งยโสเช่นนี้ ต่อให้การเกิดใหม่ของเขาจะมีเื่ราวเปลี่ยนไปมาก แต่เหยียนิฮ่วนก็ยังคงเป็สุนัขที่ชั่วช้าไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
ในฐานะญาติผู้พี่ของเขา การกระทำเช่นนี้ดูน่าเกลียดไปหน่อย แม้ความหมายของการกระทำจะคล้ายว่าไม่ยอมรับเว่ยซูหาน แต่ความจริงแล้วคือไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาต่างหาก
ไม่ว่าเว่ยซูหานจะไม่เป็ที่้าจากผู้อื่นเพียงใด แต่ก็ไม่มีทางที่คนอื่นจะกล่าวคำเหล่านี้ออกมาตรงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะไม่ปล่อยให้เว่ยซูหานไม่ได้รับการต้อนรับจากจวนอย่างแน่นอน ไม่กล้าขัดคำสั่งของบิดา แต่ตอนนี้กลับคิดจะมาเหยียบย่ำผู้บริสุทธิ์ จะไปนับว่ามีความสามารถอะไร เขาอยากจะดูเสียจริงว่าเหยียนิฮ่วนจะหยิ่งยโสได้จนถึงเมื่อไหร่
เขาไม่ถือสาแม้แต่น้อย ใน่เวลาที่สำคัญ เขาลบล้างปัญหานี้ที่จะถ่วงตระกูลเหยียนออกไปสำเร็จไว้ล่วงหน้า
เว่ยซูหานเห็นใบหน้าของเขาแดงระเรื่อด้วยความโมโหเพียงเพื่อจะปกป้องตนเองจึงยื่นมือออกไปกุมมือเขาไว้อย่างอ่อนโยน
“เอาล่ะ ข้าเชื่อเ้าทุกอย่าง”
เฉินเซียงถอยออกไปอย่างรู้ความ พร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
นายน้อยของพวกเขาสุภาพอ่อนโยนมาก โดยทั่วไปแล้วจะไม่ถือสาใคร แต่หากจริงจังขึ้นมาจะต้องสืบสาวราวเื่ให้ถึงที่สุด
ไม่เหมือนคุณชายใหญ่ที่เสเพลจึงมักจะผ่านเหตุการณ์และประสบการณ์ต่างๆ มาได้มากมาย
เหยียนชิงมองคนผู้นั้นที่แววตาเต็มไปด้วยความรักที่จริงใจ อยู่ๆ ใบหน้าก็แดงระเรื่อ ไม่หลงเหลือความดุดันเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป เขาดึงมือกลับเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วไล่อีกฝ่ายออกไป
“เอาล่ะ ข้าจะจัดการเื่ของข้าต่อแล้ว เ้ากลับไปเถอะ มีคนอยู่ใกล้ๆ ข้าไม่มีสมาธิ อ่านหนังสือไม่ได้ หากเ้าเบื่อ ก็ไปที่ห้องหนังสือของท่านพ่อ บางทีอาจมีของที่เ้าสนใจ อีกอย่างต่อไปจะออกไปไหนก็อย่าลืมพาคนไปด้วย ข้าให้หงเส่า และหลินชวนที่ฉลาดเฉลียวติดตามเ้าไป มีเื่อะไรที่เ้าไม่ถนัดรับมือก็ถามความเห็นจากพวกเขาได้”
“เข้าใจแล้ว”
เว่ยซูหานยิ้มตอบ และไม่รบกวนเขาอีก กำชับเขาว่าอย่าหักโหมจนเกินไป ก่อนรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่พอเดินไปถึงหน้าประตูก็กำชับให้เขาอย่าลืมมารับประทานอาหารเย็นด้วยกันในคืนนี้ บังเอิญเฉินเซียงยกกาน้ำชาเข้ามาพอดี ต่อหน้าบ่าวไพร่ เหยียนชิงไม่กล้าที่จะหักหน้าเขา จึงได้แต่พยักหน้ารับ
หลังจากเว่ยซูหานจากไป เฉินเซียงเทน้ำชาให้เหยียนชิง จากนั้นก็หยิบขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กออกมาจากถุงในแขนเสื้อ
“คุณชาย ยื่นมือออกมาเถอะเ้าค่ะ”
เหยียนชิงพยายามรักษาสีหน้าไว้จนแทบจะเกิดรอยร้าว เขายื่นมือที่ตบโต๊ะเมื่อครู่ออกมา เห็นเพียงมือนุ่มนิ่มแดงระเรื่อ บวมเล็กน้อย ตัวเขาเองก็เบ้ปากพูดด้วยความโกรธแก้เขิน
“มันเจ็บมาก”
เมื่อครู่โกรธจนควบคุมแรงไม่ได้ ฝ่ามือปวดแสบปวดร้อน นิ้วมือหลายนิ้วก็ชาไปหมด
เฉินเซียงป้ายของเหลวที่เหนียวเหนอะหนะมีกลิ่นใบป๋อเหอ [1] ออกมาจากขวดกระเบื้องเคลือบและทาลงบนฝ่ามือของเขา กล่าวด้วยเสียงหัวเราะเคล้าคลอ
“คุณชายโกรธแทนฮูหยิน ความเ็ปเล็กน้อยเท่านี้ย่อมคุ้มค่าแล้ว สายตาที่ฮูหยินน้อยมองท่านดูซาบซึ้งใจเป็อย่างยิ่ง”
แต่เดิมนางยังคิดอยู่ว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็คุณชายที่กล้ำกลืนฝืนทนขอความกรุณาจากนายท่านเพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลเหยียน และเป็เพราะคำสั่งเสียของนายท่าน ตอนนี้ดูท่าความสัมพันธ์จะไม่เลวเลย ช่างรักใคร่เอ็นดูกันเสียเหลือเกิน สายตาที่ฮูหยินคนใหม่มองนายน้อยหวานจนน้ำผึ้งเกือบไหลออกมา
“เ้า…” เหยียนชิงหน้าแดง “อย่าล้อข้าเล่นสิ”
ชาติที่แล้วเขาอยากจะทำลายเหยียนิฮ่วนให้ตายทั้งเป็ ดังนั้นเมื่อครู่จึงโกรธขึ้นมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้... แน่นอนว่าเป็เพราะเว่ยซูหานไม่โกหก ใครจะรู้ว่าเ้าเสเพลผู้นั้นจะเกิดความคิดอันน่ารังเกียจหลังจากพบเว่ยซูหานหรือไม่
“บ่าวไม่กล้าเ้าค่ะ” เฉินเซียงตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ก็พึมพำกับตัวเองเบาๆ “ถ้าฮูหยินน้อยเห็นฝ่ามือของคุณชาย ไม่รู้ว่าจะรู้สึกปวดใจมากน้อยเพียงใด”
“เฉินเซียง…”
เหยียนชิงไม่สามารถปั้นหน้าได้อีกต่อไป รีบเก็บมือกลับอย่างรู้สึกผิด ความเย็นเยือกทำให้ฝ่ามือที่แสบร้อนรู้สึกสบายขึ้นมาก จนอยากจะเอาไปถูแก้มที่ร้อนผ่าวนี้แทน
เชิงอรรถ
[1] ใบป๋อเหอ หมายถึงใบเปปเปอร์มิ้น