บทที่ 174 ไร้ยางอาย!
“ผู้เฒ่าหลิง...ทำไมเป็เช่นนี้?!”
“ทำไมเ้าบ่าวถึงเป็จวนตระกูลเสวี่ย เป็เสวี่ยหานเฟยนั่นไปได้?!”
“ท่าน... ท่านไม่ได้ทำข้อตกลงกับฉู่เจิ้นหนานไว้แล้วหรือ?”
ยามนี้ หัวใจของฉูอวิ๋นเต้นรัว เขาจ้องมองไปที่ชายชราที่อยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาที่สั่นเทา รู้สึกโกรธมาก
ฉู่อวิ๋นคิดว่าหลิงจื้อหลอกลวงเขา ทรยศเขา!
บางทีการแต่งงานนี้อาจจะไม่ได้มีการพูดคุยกันั้แ่แรก ทั้งหมดนี้อาจเป็เพียงการหลอกลวง
“ท่านผู้เฒ่า! ท่าน... ท่านโกหกข้าหรือ?” ฉู่อวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก สีหน้าตกตะลึง ในดวงตาปรากฏแสงเย็นวาบ เขาตื่นเต้นมากจนเกือบจะสูญเสียตัวตนของเขาไป
ลึกเข้าไปในม่านตาของเขา ดูเหมือนมีไฟลุกโชนกำลังมอดไหม้
ทว่าหลิงจื้อเองก็ใเช่นกัน สีหน้าของเขาประหลาดใจ เขาพูดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ
เขาสะบัดหัวอย่างแรงและพูดกับฉู่อวิ๋น “ผู้มีพระคุณ ใจเย็นๆ ก่อน ข้าผู้เฒ่าไม่ได้โกหกท่านแน่นอน! เมื่อคืนนี้ข้าคุยกับฉู่เจิ้นหนานแล้วจริงๆ!”
“แล้วทำไมเขาถึงเลือกจวนตระกูลเสวี่ย?!” ฉู่อวิ๋นถามอย่างมีน้ำโห
แต่ทันทีที่พูดคำนั้นออกไป ในใจของเขาก็เย็นวาบ ดวงตาเบิกกว้างราวกับว่าเขาจับความจริงของเื่นี้ได้แล้ว
ถ้าหลิงจื้อไม่ได้โกหกเขา เช่นนั้นแล้ว ก็เป็ฉู่เจิ้นหนานที่โกหกหลิงจื้อ!
เมื่อคืนนี้ จิ้งจอกเฒ่าผู้ทรยศคนนี้ต้องแสร้งทำเป็เห็นด้วยกับหลิงจื้อและขอให้เขามอบของหมั้นล้ำค่าชิ้นสุดท้ายให้เขา เขาจะไม่กลับคำพูดจนกว่าจะประกาศผลการแต่งงาน
บางที ฉู่เจิ้นหนานได้ตัดสินใจเลือกจวนตระกูลเสวี่ยั้แ่แรกแล้ว
ร้ายกาจนัก! สารพัดพิษเหลือเกิน!
หลิงจื้อเองก็ตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาน่าเกลียดมาก เขากระซิบ “เกรงว่า... ระหว่างฉู่เจิ้นหนานกับตระกูลฉู่ต้องแอบมีข้อตกลงกันแน่นอน พวกเขาคงร่วมมือกัน!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่ใช่เหยื่อเพียงกลุ่มเดียว คาดว่าแม้แต่ตระกูลตงฟางก็ยังถูกหลอก!”
ชายชราผู้นี้มีประสบการณ์โชกโชน เขาหันไปมองและสังเกตเห็นว่าสมาชิกของตระกูลตงฟางก็โกรธจนกัดฟันเช่นกัน
ดังนั้นจึงรู้ดีว่าไม่เพียงแต่เขาที่ถูกฉู่เจิ้นหนานหลอก แต่ตระกูลตงฟางเองก็ยังถูกปั่นจนหัวหมุนให้มอบของหมั้นล้ำค่าด้วยเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับเลือกเป็เ้าบ่าว
“ไอ้คนทราม ไอ้คนไร้ยางอาย!”
ยามนี้ ในที่สุดฉู่อวิ๋นก็เข้าใจความจริง เขาหันหน้าไปมองที่ฉู่เจิ้นหนาน ผู้ได้รับเลือกเสวี่ยหานเฟย และคนอื่นๆ บนเวทีด้วยท่าทางดุร้าย
บนเวที ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างมีคนสุข ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชมอย่างต่อเนื่อง พวกเขาแสดงความขอบคุณทั่วทุกทิศ ดูสุภาพและสง่างาม
แต่ในสายตาของฉู่อวิ๋น ทั้งหมดนี้ช่างลวงตาและน่าโกรธแค้น
ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขารู้สึกว่าผู้คนบนเวทีดูน่าขยะแขยง น่ารังเกียจอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดฉู่อวิ๋นก็ทนไม่ไหว เขาโกรธมากจนลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วะโ “เ้าจิ้งจอกเฒ่า... อื้อ อื้อ...”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลิงจื้อก็พุ่งเข้ามาปิดปากและกดเขาลง
ในเวลานี้ ได้ยินเพียงเสียงของหลิงจื้อเท่านั้นที่พูดว่า “ผู้มีพระคุณ ท่านห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด! ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่มารวมตัวกันไม่เพียงแต่ในจัตุรัสของศาลเ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงถนนด้านนอกด้วย”
“ยิ่งกว่านั้น แม้แต่อำนาจของสำนักและตระกูลขุนนางในลานจัตุรัสเองก็ประมาทไม่ได้!”
“เฉพาะที่นั่งตรงกลาง ก็มีศิษย์ของเขาหลงหยา[1] ชางอวี่ซวน[2] เผ่าาเื สำนักหลิงเซียว[3] และกองกำลังอื่น ๆ ล้วนมีสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดกับตระกูลเสวี่ย หรือแม้กระทั่งกับเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่”
“ไม่ต้องพูดถึงตระกูลใหญ่สำนักมากบารมีในหมู่แขกผู้สูงส่งพวกนี้เลย ในความเป็จริงอาจกล่าวได้ว่าเกือบครึ่งหนึ่งของกองกำลังที่นี่เป็พันธมิตรกับตระกูลฉู่และตระกูลเสวี่ยทั้งสิ้น พวกเขาไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็กัดฟัน กำหมัดแน่น และคิดกับตัวเอง “แล้วข้าควรทำอย่างไรดี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะให้ข้าเพียงเฝ้าดูพี่ซินเหยาแต่งงานออกไปเช่นนั้นหรือ?! ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก!”
เมื่อมองดูท่าทางโกรธเกรี้ยวของฉู่อวิ๋น หลิงจื้อก็ถอนหายใจและทำได้เพียงปลอบใจเขา “รอดูก่อนเถอะว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป อย่าเพิ่งหุนหันเลย!”
ในขณะเดียวกัน ระหว่างการโต้เถียงระหว่างผู้เฒ่ากับผู้เยาว์ เสวี่ยหานเฟยบนเวทีก็พูดขึ้นมาเช่นกัน
ยามนี้ เขาเผยรอยยิ้มอ่อนโยนอันเป็เอกลักษณ์ออกมา โค้งคำนับผู้าุโของสำนักต่างๆ จากนั้นจึงยิ้มและพยักหน้าให้แขกทุกคน ท่าทีเข่นนี้เพิ่มความยินดีของผู้คนขึ้นมาได้มาก
เสวี่ยหานเฟยโบกพัดขนนกแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณผู้าุโที่คอยฝึกฝน ขอบคุณแขกทุกท่านที่มาที่นี่ และข้าอยากจะขอบคุณผู้าุโฉู่ สำหรับความกรุณาและการตัดสินใจของท่านที่จะหมั้นซินเหยาให้กับข้า”
“ข้าในฐานะคุณชายขอสาบาน ณ ที่นี้!”
ทันใดนั้น เสวี่ยหานเฟยก็หยุดยิ้มและพูดด้วยสีหน้าจริงจังอย่างจริงใจ “ข้าจะดูแลและรักซินเหยาให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้ผู้าุโทุกท่านผิดหวัง”
“ณ ที่นี้ ข้าในฐานะคุณชายทายาทของตระกูลชุยเสวี่ยก็ขอประกาศด้วยว่า นับจากนี้ไป ตระกูลเสวี่ยจะเป็สหายที่ดีของตระกูลฉู่สืบไป”
“และในฐานะที่ทั้งสองตระกูลจะเป็พันธมิตรกัน ข้าจะร่วมเดินเคียงข้างไปพร้อมกับซินเหยา จะจับมือกัน และเผชิญกับทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกัน”
“ขอบคุณทุกท่าน!” หลังจากพูดจบ เสวี่ยหานเฟยก็โค้งคำนับอีกครั้ง ทำให้หลายๆ คนยิ้ม โดยคิดว่าแม้ชายหนุ่มคนนี้จะยังเด็ก แต่เขาก็พูดได้ดี ไม่มีอาการตื่นเวที และค่อนข้างมีน้ำใจ
“แปะๆๆ——”
มีเสียงปรบมือดังกราวสนั่นอีกครั้ง
“รัก? จับมือกัน? ไปลงนรก!” มีเพียงฉู่อวิ๋นเท่านั้นที่ดูถูกเหยียดหยาม สีหน้าภายใต้หน้ากากผีร้ายนั้นเ็าอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยไฟโหม เปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
ลึกลงไปในดวงตาของฉู่อวิ๋นมีไฟลุกโชน ทั้งยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เื่นี้
ท่ามกลางการแสดงความยินดีและเสียงปรบมือเกรียวกราว ทุกคนในจวนตระกูลเสวี่ยก็ก้าวลงจากเวทีและกลับไปที่นั่งของตน
หลายคนเริ่มรู้สึกตัวและเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเื่นี้
“คุณชายชุยเสวี่ยแห่งจวนตระกูลเสวี่ยได้รับคนงามไปครอง เรียกได้ว่าเป็พรร้อยรุ่น[4]ที่แท้จริงเชียว”
“คนเขาร่ำรวยมากอำนาจ หล่อเหลาอ่อนโยน และความแข็งแกร่งก็โดดเด่น ผลลัพธ์ชัดเจนอยู่แล้วล่ะ”
“ตระกูลเสวี่ยเป็พันธมิตรกับตระกูลฉู่แล้ว ต่อจากนี้จะต้องดูแลกันมากๆ แล้วล่ะ”
"ในอนาคตอันใกล้นี้ ตระกูลเสวี่ยจะกลายเป็หนึ่งในกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดทางเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออกอย่างแน่นอน”
ผู้มีอำนาจในสำนักใหญ่และตระกูลชนชั้นสูงต่างแอบคิดอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับวิธีจัดการกับความสัมพันธ์กับตระกูลเสวี่ยในอนาคต
“เหอะ เสียเปรียบเ้าคุณชายเสวี่ยนั่นเกินไปแล้ว น่าโมโหนัก!” ในขณะเดียวกัน ผู้ชายบางคนก็ทุบหน้าอกกระทืบเท้าด้วยความโกรธอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น ทุกความคิดเห็นก็ไหลบ่าออกมาอย่างท่วมท้น คนส่วนใหญ่ต่างก็ประหลาดใจและตื่นเต้น
แน่นอนว่าบางคนเองก็ไม่ยินดีด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อทุกคนคิดว่างานเลี้ยงกำลังจะจบลง ฉู่เจิ้นหนานก็มองไปที่เสวี่ยจิงหงที่อยู่ในกลุ่มผู้ชม จากนั้นก็ยกยิ้มอย่างมีความสุขและยังคงยืนอยู่บนเวที
จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ ดูเหมือนจะยังมีบางอย่างที่อยากจะประกาศ ทำให้ทุกคนดูสับสนอีกครั้ง
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน หลังจากที่ประกาศผลคู่ครองแล้ว พวกเราก็จะเข้าสู่หัวข้อสำคัญของการรวมตัวครั้งนี้กันแล้ว”
ฉู่เจิ้นหนานยืนเอามือไพล่หลังและมองไปรอบๆ ทำให้ทุกคนตื่นเต้น พวกเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วมองไปที่กลางเวทีเพื่อรอคอยคำพูดของเขา
ไม่นาน เมื่อทั่วทั้งลานเงียบลงอีกครั้ง ฉู่เจิ้นหนานก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ
เขาประกาศเสียงดัง “อันที่จริง วันนี้เป็วันอันเป็มงคล และในเวลานี้ วีรบุรุษผู้ทรงพลังจากทุกทิศต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ กล่าวได้ว่าเป็โอกาสอันยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองชุยเสวี่ย”
“ดังนั้น หลังจากการหารือระหว่างผู้แซ่ฉู่และจวนตระกูลเสวี่ยแล้ว วันแต่งงานของสาวน้อยซินเหยาและคุณชายชุยเสวี่ย จึงได้เลือกวันไว้เรียบร้อยแล้ว!”
“ซึ่งก็คือ...วันนี้!”
“และพิธีจะจัดขึ้นที่ศาลเ้าชุยเสวี่ย! ข้าเชื่อว่าต่อหน้าเทพธิดาชุยเสวี่ยและด้วยคำอวยพรจากแขกนับพันท่าน สาวน้อยซินเหยาและคุณชายชุยเสวี่ยจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน ฮ่าๆๆๆ”
“ฟุ่บ!”
เมื่อคำพูดของฉู่เจิ้นหนานจบลง ผู้ชมทั้งหมดก็ตกตะลึง จากนั้นก็เกิดเสียงโหวกเหวกขึ้นมาอีกครั้ง!
“ว้าว!"
“ไม่ใช่กระมัง?!”
“ถึงกับ...แต่งงานวันนี้เลยหรือ?!”
ทุกคนประหลาดใจ เสียงะโทั้งหลายดังลั่นจนหนวกหู
ในเวลาเดียวกัน บางคนก็มองไปยังตระกูลหลิงและตระกูลตงฟาง ข่าวนี้ถือเป็ความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับทั้งสองตระกูลที่ร่วมแข่งขันด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะทั้งสองตระกูลนี้ เพื่อแย่งชิงคนงามมาก็สิ้นเปลืองไปไม่ใช่น้อย ตอนนี้กลับต้องมาดูคนงามเข้าพิธีวิวาห์?
จะทนได้อย่างไร?!
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวิ๋นดูดุร้าย เขากัดฟันแน่น หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง การหายใจวุ่นวาย ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ!
อยากให้เขามองดูฉู่ซินเหยาแต่งงานกับเสวี่ยหานเฟยหรือ?!
อยากให้เขามองดูฉู่ซินเหยาต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรมหรือ?!
ทนหรือ?
นี่มันทนไม่ไหวแล้ว!!!
ฉู่อวิ๋นทุบเก้าอี้เสียงดัง “ปัง” จนแหลกในทันที เขาลุกขึ้นยืน น้ำเสียงแข็งกร้าว ชี้ไปที่เวทีแล้วพูดด้วยความโกรธ “ฉู่เจิ้นหนาน!!! เ้าสุนัขสารเลว เ้าคิดจะกลับคำพูดหรือ?!”
ในเวลาเดียวกัน ตงฟางสยงก็ยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่โกรธเคืองแบบเดียวกันและะโ “ฉู่เจิ้นหนาน! เ้ารับปากกับตระกูลของข้าไว้ตั้งนานแล้วว่าจะยกคนงามให้ข้า! เ้าโกหกพวกเราหรือ?!”
วัยรุ่นสองคนต่างดุเดือดเืพล่าน เป็ไปตามที่คาดไว้
“นี่มันอะไรกัน? ผลก็ประกาศออกมาแล้ว สองตระกูลนั้นมาเล่นกลโกงหรือเปล่า?”
“ดูเหมือนว่าการแต่งงานครั้งนี้จะไม่ง่าย”
“มีเื่อื่นเกิดขึ้นหรือ?”
ขณะนี้ ผู้ฟังทั้งหมดต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง ส่งเสียงดัง และรู้สึกสับสนมาก เกรงว่างานวิวาห์วันนี้จะไม่สงบสุข
แต่เมื่อฉู่เจิ้นหนานได้ยินคำถามจากวัยรุ่นทั้งสอง เขาก็ยังคงไม่ไหวติงและตอบกลับอย่างสบายใจ ราวกับว่าเขาได้เตรียมพร้อมมาแล้ว
เขาไพล่มือซ้ายไว้ด้านหลัง เหยียดมือขวาออก ลดมือลงเบาๆ เพื่อบอกให้ฝูงชนสงบลง แล้วพูดว่า “สหายน้อยทั้งสอง ผลการแต่งงานได้ถูกกำหนดไว้แล้ว พวกเ้าก็ยอมรับความจริงเถอะ อย่าทำตัวเป็เด็ก ขัดขวางพิธีแต่งงานเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงจื้อก็โกรธมากจนเป่าเครา เขายืนขึ้นแล้วะโด้วยความโกรธว่า “ฉู่เจิ้นหนาน! เ้าคนหน้าไม่อาย ข้าท่องยุทธภพมาหลายปี เป็ครั้งแรกที่ได้มาพบเจอคนเยี่ยงเ้า! ถึงกับจัดพิธียกน้ำชาพร้อมกันสามตระกูล?”
“ฮึ่ม!” ในเวลาเดียวกัน ผู้าุโของตระกูลตงฟางที่มีใบหน้าเคร่งขรึม ชื่อตงฟางเยี่ยน ก็ชี้ไปที่ฉู่เจิ้นหนานและดุด่าด้วยความโกรธ “ฉู่เจิ้นหนาน เ้าเป็คนบอกพวกเราเอง ว่าจะให้สยงเอ๋อร์ได้เป็สามี ได้เป็ลูกเขยเ้า!”
“ทำกับพวกเราเช่นนี้ เ้าคิดว่าตระกูลตงฟางของพวกเรารังแกง่ายใช่หรือไม่?!”
ขณะที่พูด สีหน้าของตงฟางเยี่ยนก็ดุร้ายตามไปด้วย กล้ามเนื้อของเขาเริ่มบวมเป่งราวกับสัตว์ปีศาจโบราณ
“อ๊ะ! จริงหรือ? ฉู่เจิ้นหนานน่ารังเกียจและไร้ยางอายขนาดนี้เชียว?”
“รับของหมั้นจากสองตระกูลในเวลาเดียวกัน นี่มันมากเกินไปแล้ว แต่ความจริงแล้วเขากลับรวบรวมของหมั้นจากทั้งสามตระกูลในทีเดียว นี่เห็นตระกูลหลิงและตระกูลตงฟางเป็อะไรไปแล้ว?”
หลายคนประหลาดใจมาก เหตุการณ์ตรงหน้าเต็มไปด้วยความโกลาหล ฉู่เจิ้นหนานรับของหมั้นจากทั้งสามตระกูลพร้อมกันจริงหรือ? หากเป็เช่นนั้นจริง นับได้ว่าเป็การหักหลังที่แสนเจ็บแสบและไร้ยางอายจริงๆ
พึงรู้ว่าถึงแม้กองกำลังอื่นๆ ที่ร่วมแย่งชิงคู่ครองจะมอบของขวัญด้วยไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่ของหมั้นและไม่ได้มีมูลค่าสูงสุด
แต่จากที่หลิงจื้อและตงฟางเยี่ยนพูด ดูเหมือนว่าฉู่เจิ้นหนานสัญญาว่าจะยกคนงามให้
นั่นหมายความว่าทั้งตระกูลหลิงและตระกูลตงฟางต่างก็ต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อแลกกับคำสัญญาของการแต่งงานครั้งนี้
แต่เมื่อเผชิญกับการด่าว่าในครั้งนี้ ฉู่เจิ้นหนานกลับไม่รู้สึกยืนดียินร้ายอะไรเลย
เขาพูดอย่างเ็า “ข้าสัญญาว่าจะมอบนางให้พวกท่านทั้งสองตระกูลหรือ? ไร้สาระน่า ไม่มีหลักฐานเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นถ้ามีแมวมีสุนัขมาบอกว่าตนให้ของหมั้นกับข้า นั่นไม่ใช่ว่าข้าต้องยุ่งจนตัวเป็เกลียวเลยหรือ? ฮ่าๆๆ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้สมเหตุสมผล ท้ายที่สุด นี่เป็เพียงคำพูดฝ่ายเดียวจากตระกูลหลิงและตระกูลตงฟาง
ฉู่เจิ้นหนานได้รับของหมั้นจากสามตระกูลพร้อมกันหรือไม่?
มีเพียงเขาและผู้เจรจาต่อรองการแต่งงานของแต่ละตระกูลเท่านั้นที่รู้
ั้แ่แรกเริ่ม จิ้งจอกเฒ่าก็เข้าใจประเด็นนี้แล้ว จึงตัดสินใจตัดตระกูลหลิงและตระกูลตงฟางออก
ไร้ยางอาย ไร้ยางอายอย่างที่สุด
ในที่สุด ทั้งหลิงจื้อและตงฟางเยี่ยนก็รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถโต้แย้งได้ ความโกรธพุ่งพรวดขึ้นมาทันที
“ควับ!”
ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็กลายเป็เงาและรีบขึ้นไปบนเวที! ในใจโกรธแค้นเหลือล้น อยากจะสอนบทเรียนให้กับจิ้งจอกเฒ่าไร้ยางอายคนนี้!
----------
[1] เขี้ยวั
[2] สกุณาขนขจี
[3] ิญญาฟ้า
[4] พรที่สั่งสมมาหลายศตวรรษ