บทที่ 148 ลานประลองยุทธ์
นี่คือลานประลองยุทธ์ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองชุยเสวี่ย มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและพลุกพล่านไปด้วยผู้คน
ฉู่อวิ๋นมาที่นี่พร้อมกับตระกูลเสวี่ยในฐานะคนป่า “อวิ๋นชู”
ก่อนจะเข้าไปในลาน พวกเขาได้ยินเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังมาจากข้างใน
กระทั่งได้กลิ่นเืที่โชยแ่มาตามลม
แน่นอนว่าฉู่ซินเหยาสวมผ้าโปร่งปิดหน้า เดินไปพร้อมกับทุกคน
วันนี้ นางสวมเสื้อคลุมสีเหลืองอ่อน ดูอ่อนโยนและมีเสน่ห์ ผมสีดำสลวยปลิวไสวไปข้างหลัง กลิ่นอันหอมหวานที่ลอยตามสายลมดึงดูดสายตาที่ร้อนแรงมากมาย
และข้างๆ นาง มีสาวใช้สองนางที่มีใบหน้าเคร่งขรึมขนาบไว้ตามคาด ซึ่งทั้งสองคนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลัง
ไม่เพียงเท่านั้น จากคำเตือนของโยวกู่จือ ทำให้ฉู่อวิ๋นพบว่ามีผู้แข็งแกร่งบางคนแฝงตัวอยู่ในความมืด ดูเหมือนว่าจะเป็คนที่แอบมาปกป้องฉู่ซินเหยาอย่างลับๆ
ระหว่างทาง ฉู่ซินเหยาก็เดินไปเรื่อยๆ ตามปกติ ไม่ค่อยสนใจคนอื่นมากนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณชายชุยเสวี่ยพยายามคุยกับนาง นางตอบรับเขาเพียงคำสองคำ นั่นทำให้เสวี่ยหานเฟยอับอายไม่น้อย
ฉู่ซินเหยารู้ว่าฉู่อวิ๋นจะจัดการทุกอย่างได้อย่างดี และสิ่งที่นางต้องทำคือต้องไม่เป็ตัวถ่วงเขา
สำหรับฉู่อวิ๋น หลังจากสบตากับฉู่ซินเหยาไม่กี่ครั้ง เขาก็แสร้งทำเป็สงบและเริ่มเตรียมม้วนผนึกเพื่อก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่
วันนี้ คือวันตัดสินชะตาชีวิต
เพราะหากล้มเหลวก็ตายสถานเดียว
ลานประลองยุทธ์เป็ลานจัตุรัสขนาดใหญ่ ที่นั่งแบ่งออกเป็หลายชั้นที่สร้างจากหินสีเทา ตรงกลางจัตุรัสมีเวทีต่อสู้ขนาดใหญ่หลายแห่งที่นักรบจะมาปะทะฝีมือกัน
พวกเขาขึ้นมานั่งที่ชั้นสามซึ่งมีมุมมองกว้างขวาง ไร้สิ่งใดบดบังสายตา ทั้งยังเป็ที่โล่งกว้าง แน่นอนว่ามีเพียงคนที่มีสถานะสูงส่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
“คุณหนูฉู่ ทำไมวันนี้ถึงได้สนใจมาดูลานประลองยุทธ์เล่า?” เสวี่ยหานเฟยถามฉู่ซินเหยาอย่างสุภาพ พร้อมโบกพัดขนนกไปด้วย
“สนุก”
ฉู่ซินเหยาตอบกลับมาสองคำเบาๆ สีหน้าของนางดูเ็า ไม่แม้แต่จะมองเสวี่ยหานเฟยด้วยซ้ำ
“ฮะ... ฮ่าๆ... สนุกก็ดีแล้ว...”
รอยยิ้มของเสวี่ยหานเฟยแข็งทื่อ กล่าวได้ว่าเสียหน้า เขาไม่เข้าใจจริงๆ เขามีภูมิหลังลึกซึ้ง ฐานะสูงส่ง และเป็คนที่โดดเด่นในหมู่รุ่นเยาว์ เหตุใดคนงามอันดับหนึ่งจึงไม่สนใจเขากัน?
คุณชายชุยเสวี่ยไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ยามนี้ เสวี่ยหรูเยียนก็ตามติดฉู่อวิ๋นอย่างใกล้ชิด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความดีใจ “คุณชายอวิ๋น นี่คือลานประลองยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองชุยเสวี่ย”
“ถ้า้า ท่านสามารถใช้กระบี่หิมะย่ำรุ้งที่ข้าให้ท่านไปร่วมสนุกได้ ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องชนะแน่”
หลังจากพูดจบ เสวี่ยหรูเยียนก็เผยรอยยิ้มแสนหวาน ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้สึกงุนงงมาก
ระหว่างทาง เสวี่ยหรุเยียนไม่ผละออกจากฉู่อวิ๋นเลย พฤติกรรมของนางเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉู่ซินเหยาอยู่ใกล้ๆ นางก็ยิ่งแสดงออกชัดเจนมากขึ้น
“ไม่ต้องหรอก คุณหนูเสวี่ย” ฉู่อวิ๋นส่ายหน้า “ข้าอยากเดินเล่นคนเดียว ไม่ต้องตามมา”
ทันทีที่พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็เดินออกจากที่นั่งพิเศษนี้ด้วยสีหน้าอึมครึม เป็ไปได้ไหมว่าคุณหนูตระกูลเสวี่ยนี้สังเกตเห็นว่าวันนี้เขาจะลงมือ จึงตัวติดกับเขาไม่ไปไหน
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เมื่อมองเห็นฉู่อวิ๋นเดินจากไป ท่าทางของเสวี่ยหรูเยียนก็เปลี่ยนไปทันที นางมองไปที่ฉู่ซินเหยาอย่างได้ใจและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โอ้ ทำให้คุณหนูฉู่ขำเสียแล้ว”
“คุณชายอวิ๋นเป็เพื่อนสนิทของข้า เจอคนเยอะเข้าหน่อยก็เขินอายเป็ธรรมดา ท่านอย่างถือสาเลยนะ ฮ่าๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่ซินเหยาก็ไม่แสดงสีหน้าและตอบว่า “อืม... ดูเหมือนว่าคุณหนูเสวี่ยจะคุ้นเคยกับคุณชายชาวป่าคนนั้นไม่น้อย
เสวี่ยหรูเยียนยกมือขึ้นปิดปากบดบังรอยยิ้มอันแสนหวาน ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็สีแดง “ไม่ขอปิดบัง คุณชายอวิ๋นมีความสามารถ เอื้อเฟื้อใจกว้างต่อผู้คน ทั้งยังเป็ลูกหลานของตระกูลโบราณมากอำนาจ หรูเยียนมีเขาเป็ตัวเลือกสามี ช่างเป็พรจริงๆ”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวใจของฉู่ซินเหยาก็สั่นไหว มือหยกกำแน่น ดวงตาที่เ็าส่องประกายวาบ
นางสงบสติอารมณ์ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เอ่อ? ที่แท้คุณชายคนป่าคนนั้นเป็คนรักของคุณหนูหรูเยียนหรอกหรือ?”
“ฮะๆ น่าขันแล้ว ไม่ใช่แค่นั้นหรอก..."
เสวี่ยหรูเยียนยกยิ้มอย่างสง่างาม เขยิบเข้าใกล้ฉู่ซินเหยาเล็กน้อย และพูดอย่างเขินอาย “คุณชายอวิ๋นเคยเปลือยกายเจอหน้ากับข้า ความสัมพันธ์ย่อมไม่ธรรมดา เรากำลังจะแต่งงานกัน พูดขึ้นมาแล้วก็น่าอายนัก”
“เปลือยกาย…เปลือยกายเจอหน้า?” ดวงตาของฉู่ซินเหยาเบิกกว้าง ปรากฏมีร่องรอยของความหึงหวงที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจ
“เฮ้อ ข้าพูดมากเกินไปแล้ว คุณหนูฉู่ดูการแข่งขันของท่านต่อไปเถอะ คุณหนูเช่นข้าอายจนจะมุดหน้าหนีแล้ว ฮิๆ”
เสวี่ยหรูเยียนยิ้มพลางขยับกลับมายังที่นั่ง ทิ้งให้ฉู่ซินเหยาตกอยู่ในอาการตกตะลึง
“อวิ๋นเอ๋อร์กับผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?…” ฉู่ซินเหยาก้มหน้าลง ดวงตามืดครึ้ม ปลายนิ้วกำแน่นจนซีดขาว
“หนึ่ง สอง สาม...สองร้อย! วางเสร็จแล้ว!”
ฉู่อวิ๋นเดินไปรอบๆ และในที่สุดก็วางม้วนผนึกสัตว์ปีศาจที่สลักด้วยรอยประทับิญญาของโยวกู่จือไว้ตามที่ต่างๆ ในลานประลองยุทธ์เรียบร้อยแล้ว
และที่นั่งพิเศษเขาย่อมวางไว้เยอะหน่อย มีสัตว์ปีศาจระดับสูงอยู่สองสามตัวที่นั่น ย่อมทำให้เกิดความปั่นป่วนได้อย่างแน่นอน
ตราบใดที่โยวกู่จือะเิสลักิญญา สัตว์ปีศาจในม้วนผนึกก็จะถูกปล่อยออกมาพร้อมกันในทันที และจะเริ่มออกอาละวาด
ทันทีที่โอกาสอันวุ่นวายนี้มาถึง ฉู่อวิ๋นก็เริ่มลงมือทันที รีบพาฉู่ซินเหยาออกไปจากที่นี่
ตราบใดที่เขาเร็วพอ ก่อนที่สาวใช้และผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่จะได้ทันตอบโต้ เขาก็พาฉู่ซินเหยาไปตามทางเดินเล็กๆ ในลานประลองและหลบหนีออกไปข้างนอก
เมื่อถึงเวลาก็สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ สวมหมวกสานไม้ไผ่ ถอดหน้ากาก จากนั้นก็จะหนีออกจากเมืองโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
“แผนนี้ดูเหมือนจะไร้ที่ติ เพียงแต่ขึ้นอยู่กับการเลือก่เวลาที่ผู้ชมทั้งหมดกำลังตั้งใจดูการประลอง”
ฉู่อวิ๋นบีบวงแหวนอวกาศ ด้านในมีลูกปัดควันอยู่ เขาซื้อมันมาหลังจากเรียนรู้วิธีการหลบหนีของเริ่นหู่ในหมู่บ้านหงอู้ ที่วางแผนจะใช้ยามปล้นคน
“หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”
หัวใจของฉู่อวิ๋นเต้นรัว ทันทีที่ลงมือ เหตุการณ์หลังจากนั้นก็ไม่อาจหยุดได้แล้ว
สถานการณ์ย่อมอันตราย
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็ควบคุมอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน กลับไปยังที่นั่ง แต่เขาพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขากลับมา
เสวี่ยหรูเยียนยังคงตามติดเขาไม่หยุด ทั้งยังดูกระตือรือร้นเป็พิเศษ แต่ในทางกลับกัน ดวงตาคู่งามของฉู่ซินเหยากลับหม่นแสง นางดูเศร้าเล็กน้อย
“นี่...” แต่เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ฉู่อวิ๋นจึงไม่สามารถพูดคุยกับนางได้ ทำได้แค่มองไปที่ลานประลอง
ทันใดนั้น ทั้งลานก็ตกอยู่ในความตื่นเต้น เพราะมีนักรบแปลกหน้าคนหนึ่งอยู่บนเวทีกลางลานประลอง
“นี่คือใคร? เรียกเสียงโห่ร้องได้มากถึงเพียงนี้เชียว?” ฉู่อวิ๋นสงสัย
“จอมยุทธ์อวิ๋น ท่านอาจจะไม่รู้” เสวี่ยหานเฟยยิ้มน้อยๆ โบกพัดขนนกแล้วพูดว่า “การแข่งขันจากนี้เรียกว่าการประชันห้าั”
“ประชันห้าั?”
“ฮ่าๆ จอมยุทธ์อวิ๋นเพิ่งมาใหม่ ไม่แปลกที่จะไม่เข้าใจ” เสวี่ยหานเฟยหัวเราะเบาๆ ด้วยน้ำเสียงประชด ทำให้ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว
“ท่านพี่!” เสวี่ยหรูเยียนเหลือบมองเสวี่ยหานเฟย จากนั้นจึงเดินไปที่ฉู่อวิ๋นและอธิบายว่า “ประชันห้าัเป็ลักษณะพิเศษของลานประลองแห่งนี้ ในแต่ละวันจะมีการแข่งขันกันหลายคู่”
“กฎของการประลองนี้ คือนักรบที่เข้าร่วมไม่ว่าจะระดับใด ต้องท้าทายคู่ต่อสู้ที่มีระดับสูงกว่าตัวเองหนึ่งระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ชนะห้ารอบติดต่อกัน จะได้รับรางวัลตอบแทนที่งดงาม”
“โอ้? เช่นนั้นคนที่จะชนะย่อมไม่ธรรมดา” จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็กลับมาคิดว่าหากสามารถเอาชนะศัตรูที่อยู่สูงกว่าสี่ระดับได้ ความแข็งแกร่งคงน่าดูชมไม่น้อย
ต้องทราบว่าความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ของฉู่อวิ๋นสามารถชนะได้สูงกว่าตนเพียงสามระดับเท่านั้น แน่นอนว่าหลังจากเขากลืนิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังอีกเลย
ในความเป็จริง แม้แต่ฉู่อวิ๋นเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเขาเองมีความสามารถแค่ไหน
“เหตุใดเขาคนนั้นถึงดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมายนัก?” ฉู่อวิ๋นถาม
เสวี่ยหรูเยียนยิ้มหวานและตอบอย่างอดทน “ได้ยินมาว่านักรบคนนี้มีสมญานามว่าซิวหลัวหน้าผี เพิ่งเข้าร่วมการประชันห้าัเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่มีใครรู้รายละเอียดของเขา รู้แค่ว่าความแข็งแกร่งของชายลึกลับคนนี้ยากคาดเดา และได้รับชัยชนะมาแล้วกว่าสิบสองครั้ง”
“ชนะการประชันห้าัมากกว่าสิบสองครั้ง นี่แสดงว่าเขาเอาชนะนักรบที่สูงกว่าตัวเขาถึงสี่ระดับอย่างต่อเนื่องหรือ?” ฉู่อวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ในเวลานี้ เสวี่ยหานเฟยก็ขัดจังหวะและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮะๆ พูดขึ้นมาแล้ว จอมยุทธ์อวิ๋นสวมหน้ากาก ซิวหลัวหน้าผีก็สวมหน้ากากเช่นกัน ระดับพลังยุทธ์ของเขาอยู่ที่ขั้นมหาสมุทรระดับห้า จอมยุทธ์อวิ๋นตามหลังอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่อวิ๋นก็ยิ้มเย็นออกมา ไม่เห็นด้วยกับคนหน้าเนื้อใจเสือคนนี้
“จอมยุทธ์อวิ๋น ในเมื่อวันนี้ท่านก็อยู่ที่นี่แล้ว ไม่สู้ร่วมสนุก เข้าร่วมประชันห้าัเลยด้วยเล่า?” เสวี่ยหานเฟยกล่าวอย่างยั่วยุ ซ่อนการหยั่งเชิงไว้ไม่น้อย
“ไม่จำเป็ รอดูฝีมือของซิวหลัวหน้าผีเถอะ”
ฉู่อวิ๋นปฏิเสธอย่างเ็า เขากำลังมองหาโอกาสที่จะลงมือ ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะเข้าร่วมการแข่งขันพวกนี้
เวลาผ่านไปช้าๆ และทันทีที่ซิวหลัวหน้าผีที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้นไปบนเวที เขาก็ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันล้มลงจากเวทีโดยไม่ทันได้ยกมือขึ้นยอมแพ้ ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
ต่อมา รอบที่สอง
รอบที่สาม
รอบที่สี่...
เมื่อจำนวนรอบเพิ่มขึ้น ผู้ชมทั้งหมดก็เริ่มตื่นเต้นและะโเสียงดังจนหน้าแดง
หลังจากสี่รอบ ซิวหลัวหน้าผีก็มาถึงระดับสุดท้ายของการประชันห้าัอีกครั้ง!
ยามนี้ ความสนใจของทุกคน รวมถึงผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ล้วนมุ่งไปที่เวทีประลองส่วนกลาง
และในรอบสุดท้าย คู่ต่อสู้ของซิวหลัวหน้าผี ก็คือนักรบระดับเก้าของขั้นมหาสมุทร ทั้งยังเป็รองเ้าสำนักแห่งสำนักชิงเฟิง เลื่องลือในเื่หมัดพลังปราณ
การต่อสู้ระหว่างชายหนุ่มลึกลับและนักรบผู้มากประสบการณ์ ทำให้ทั้งลานเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในทันที ความคาดหวังของทุกคนมาถึงจุดสูงสุดแล้ว!
“ปัง ปัง ปัง——”
ลานประลองเต็มไปด้วยเสียงะเิอันรุนแรง
ไม่นาน ทั้งสองก็ต่อสู้กัน พวกเขาประมือกันอย่างสูสี
“เ้าหนุ่ม วันนี้ข้าจะทุบเ้าให้จมดินอย่างแน่นอน!”
“ปีศาจเฒ่า ดูสารรูปของตัวเองเสียก่อน ท่านควรกลับบ้านไปเพาะปลูกนะ การต่อสู้ไม่เหมาะกับท่านหรอก!”
“พูดมากไปแล้ว!”
ทันทีที่คำพูดจบลง ทั้งคู่ก็แยกไปคนละด้าน จากนั้นแต่ละคนก็รวบรวมหมัดพลังปราณ เตรียมใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเพื่อตัดสินผู้ชนะ!
“ควับ ควับ ควับ!”
ลมแรงพัดมาจากด้านหนึ่ง พลังปราณบานสะพรั่ง
ในอีกด้านหนึ่ง มีระลอกคลื่นพลังปราณปรากฏเป็วงกลมขนาดใหญ่ ห่อหุ้มตัวเอง และแผ่แสงออกมา
ทุกคนจดจ้องอย่างตั้งใจ คาดการณ์ผลลัพธ์ของการเผชิญหน้าระหว่างทั้งคู่จนถึงกับหยุดหายใจ
และทันใดนั้นเอง!
ในขณะที่ทุกคนกำลังดูการแข่งขันอย่างตั้งใจ!
“ผู้าุโ! เปิดม้วนผนึกเร็วเข้า! ถึงเวลาแล้ว!” ฉู่อวิ๋นะโในใจ สายตาแน่วแน่ เขาหยิบลูกปัดควันออกมาและกำลังจะโจมตี รีบรุดจะวิ่งไปข้างหน้าและพาฉู่ซินเหยาออกไป!
“เดี๋ยวก่อน!!!”
แต่ในตอนนี้!
โยวกู่จือที่เงียบอยู่ก็ะโขึ้นมาเสียงดัง!
“อย่าใจร้อน! อย่าเพิ่งทำอะไร! คนนั้น... ซิวหลัวหน้าผีคนนั้น น่าจะช่วยเ้ากับพี่สาวของเ้าได้!”