อวี่เหวินหรูเยียนหันกลับไปมองบุรุษในน้ำ นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำ พลางครุ่นคิดถึงถ้อยคำชี้แจงของเหนียนยวี่ อวี่เหวินหรูเยียนเดินออกไปเพียงครู่เดียว ยามที่หวนกลับมา ในมือถือเสื้อผ้าบุรุษหลายชุด
เมื่อเห็นว่ายังไม่เช้า มู่อ๋องจะตื่นขึ้นเมื่อใดก็ได้ นางจึงเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง ทว่านางมิได้ออกไปไกลนัก จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปหนึ่งก้านธูป เสียงน้ำดังออกมาจากในห้อง ซึ่งยืนยันได้ว่าจ้าวอี้รู้สึกตัวตื่นแล้ว นางจึงค่อยจากไปอย่างระมัดระวัง
ในห้อง
จ้าวอี้ลืมตา ความทรงจำเมื่อคืนหวนกลับมา ใบหน้าที่หล่อเหลาพลันมืดครึ้ม
เมื่อคืนนี้ยวี่เอ๋อร์เป็คนช่วยข้าหรือ?
“ให้ตายเถิด!” จ้าวอี้พ่นผรุสวาทรุนแรง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในห้อง จึงลุกขึ้นจากน้ำ จนเกิดเสียงกระฉอก ครั้นเห็นเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ในใจของจ้าวอี้พลันรู้สึกซับซ้อนอย่างมิอาจบรรยาย
ฉางหงเยียน!
ทว่าวางยาที่ใด?
เมื่อคืนเขารู้สึกพร่าเลือน ถึงแม้จะจำการเผชิญหน้าในห้องฟืนของเหนียนยวี่และฉางหงเยียนผู้นั้นได้ ทว่าพวกนางพูดคุยสิ่งใดกัน เขากลับได้ยินไม่ชัดเจน
ในใจของจ้าวอี้คิดแล้วรู้สึกเสียใจ เมื่อคืน หากเขาฟังถ้อยคำของยวี่เอ๋อร์ ไม่ดื่มสุราลงไป เขาคงไม่มีทางตกหลุมแผนการของฉางหงเยียน และยามนี้คงจะไม่เป็อะไร! เมื่อคืนยวี่เอ๋อร์คงจะเห็นความน่าสังเวชของเขาหมดแล้วอย่างแน่นอน บอกเขาทีว่า หลังจากนี้จะสู้หน้านางได้อย่างไร?
ยิ่งคิดมากเท่าใด จ้าวอี้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เขาหยิบเสื้อผ้าด้านข้างอย่างลวกๆ สวมลงบนตัวอย่างรวดเร็ว
เื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
ฉางหงเยียน... สตรีน่ารังเกียจผู้นั้นช่างกล้า...
ครั้นครุ่นคิดอะไรได้ จ้าวอี้ก็มิอาจระงับโทสะในใจ เขาไม่มีทางให้จบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้เด็ดขาด!
ฉางหงเยียนที่ถูกขังอยู่ในห้องฟืนทั้งคืน แทบจะไม่กล้านอนหลับตลอดทั้งคืนนั้น ฝืนรั้งร่างกายที่อ่อนล้า มิรู้เพราะเหตุใด ในใจนางถึงรู้สึกหนาวเหน็บอย่างไม่มีสาเหตุ เมื่อคืนยาของตนตกอยู่ในมือของเหนียนยวี่ นางจะใช้ยานั่นมากล่าวหาข้าหรือไม่?
ยังมีท่านอ๋องมู่อีก... หากเขารู้ถึงแผนการของข้าที่จะทำกับเขา เขาจะจัดการกับข้าอย่างไร?
จิตใจของฉางหงเยียนสับสนวุ่นวาย ในใจมักจะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี นางควรจะทำอย่างไร?
ครั้นหวนนึกถึงบางอย่าง ฉางหงเยียนพลันกำหมัดแน่น ความแค้นผาดผุดในดวงตาอย่างรวดเร็วทันใด
เหนียนยวี่!
เื่ทั้งหมดเป็เพราะเหนียนยวี่ หากไม่ใช่เพราะนาง ตัวข้าคงทำสำเร็จแล้ว แม้ท่านอ๋องมู่จะรู้สึกถึงความผิดปกติ ทว่าข้าจะผลักเื่นี้ว่าเป็เพราะท่านอ๋องมู่เมามายสุรา เทพเซียนไม่รู้ผีสางไม่เห็น ในยามนี้ ข้าควรจะได้เป็คนผู้นั้นที่กุมอำนาจหลัก ทว่ากลับถูกเหนียนยวี่ทำลายไปทั้งหมด!
เหนียนยวี่ยังคงเป็ภัยต่อข้าอย่างใหญ่หลวง
ไม่ ไม่ได้ นางมิอาจนั่งรอความตายเช่นนี้ แทนที่จะรอให้เหนียนยวี่กล่าวโทษข้า หรือรอให้ท่านอ๋องมู่ไต่ถามเื่นี้ นางมิสู้ต่อยก่อนได้เปรียบเสียดีกว่า ทว่านางควรทำอย่างไรเล่า?
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งพลันผุดขึ้นในหัว ดวงตาของฉางหงเยียนสว่างไสวเป็ประกาย ลุกขึ้นอย่างกระวีกระวาดทันใด รีบเร่งเปิดประตูห้องฟืน และวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ
เหนียนยวี่กลับไปยังจวนองค์หญิงใหญ่ และนอนหลับจนถึงบ่าย ยามที่เหนียนยวี่ตื่น ชิวตี๋จึงเข้ามาจัดแจงประทินโฉมแต่งกายให้เหนียนยวี่
“คุณหนูยวี่ คุณหนูตื่นแล้ว หากคุณหนูไม่ตื่น บ่าวคงต้องเรียกคุณหนูให้ลุกเสียแล้วล่ะเ้าค่ะ” ชิวตี๋สวมเสื้อผ้าให้เหนียนยวี่ พลางกล่าวพึมพำไม่หยุด เหนียนยวี่สังเกตเห็นว่า เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็ชุดของฝ่ายในของวังหลวงที่องค์หญิงใหญ่มอบให้นางเมื่อหลายวันก่อน
“เสด็จแม่บุญธรรมเข้าวังหรือ” เหนียนยวี่เอ่ยถาม
“เ้าค่ะ องค์หญิงใหญ่ทรงรออยู่ที่โถงรับรองด้านหน้า ได้ยินว่า เมื่อวานฉางไทเฮาทรงได้รับาเ็จากการลอบสังหาร องค์หญิงใหญ่จึงมีพระประสงค์เสด็จเยี่ยมเยียนที่วังหลวง เอ...เมื่อคืนคุณหนูยวี่เองก็ไปงานเลี้ยงที่เรือนพำนัก คงจะทราบเื่ที่ฉางไทเฮาโดนลอบสังหาร...” ชิวตี๋สวมชุดฝ่ายในที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางจ้องมองเหนียนยวี่ตรงหน้า ั์ตาฉายแววประหลาดใจ ใน่ไม่กี่วันนี้ คุณหนูยวี่ยิ่งดูจะมีเสน่ห์ยากจะทำให้ผู้คนละสายตา
“รู้ ย่อมรู้อย่างแน่นอน”
เหนียนยวี่พึมพำ ไปเยี่ยมที่วังหลวงหรือ?
ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าแท้จริงแล้วฉางไทเฮาได้รับาเ็อย่างไร
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีเหนียนอีหลาน... เป็เวลาหลายวันแล้วที่เหนียนอีหลานถูกฮองเฮาอวี่เหวินพาตัวเข้าวัง มิรู้ว่าภายใต้การดูแลของฮองเฮาอวี่เหวินในวังหลวง ชีวิตในแต่ละวันของนางจะผ่านไปได้อย่างสุขสบายหรือไม่?
ครั้นนึกถึงความอำมหิตและเสแสร้งของเหนียนอีหลานผู้นั้น มุมปากของเหนียนยวี่ค่อยๆ ยกยิ้มเยือกเย็น รอชิวตี๋ปักปิ่นมุกให้นางเสร็จ เหนียนยวี่จึงค่อยออกไปจากห้อง ครั้นมาถึงโถงรับรองด้านหน้า หลังจากพบองค์หญิงใหญ่ชิงเหอจึงเดินไปขึ้นรถม้า และมุ่งหน้าตรงไปยังวังหลวง
ระหว่างทาง ดูเหมือนเพราะเื่ที่จัดการลงโทษอนุตู้ องค์หญิงใหญ่จึงค่อนข้างอารมณ์ดี
ทว่าครั้นหวนนึกถึงสิ่งที่ค้นพบในสุสานโกลาหล เหนียนยวี่พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย คนที่จัดการอนุตู้จนสิ้นลม แท้จริงแล้วเป็ผู้ใดกันแน่?
จะเป็อันตรายต่อองค์หญิงชิงเหออีกหรือไม่?
จนกระทั่งถึงวังหลวง และเข้าไปยังตำหนักฉางเล่อ เห็นฉางไทเฮานอนอยู่บนตั่ง คำถามนั้นก็ยังไม่เลือนหาย
“นี่...มิใช่โบตั๋นสองคีรีหรือ?” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยถาม ขัด่เวลาครุ่นคิดของเหนียนยวี่ เหนียนยวี่มองตามสายตาขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ คาดมิถึงว่าจะได้เห็นกลีบดอกไม้ที่มีสีชมพูและสีม่วง
โบตั๋นสองคีรี นางเองก็รู้จัก
ดอกโบตั๋นนั้นอยู่ในตำหนักฉิ่นของฮ่องเต้ หลังจากจ้าวเยี่ยนขึ้นครองบัลลังก์ในชาติก่อน ไทเฮาได้ย้ายต้นไม้ต้นนั้นไปยังตำหนักฉางเล่อของตัวเอง ทว่ากล่าวได้ว่าเป็เื่แปลก ย้ายไปได้เพียงไม่กี่วัน ต้นไม้ต้นนั้นก็เหี่ยวแห้งและตายลง
“เ้ายังจำได้” ฉางไทเฮาเหลือบมองโบตั๋นสองคีรี สายตาแปรเปลี่ยนฉายแววลึกซึ้ง “วันนี้ตอนเช้า ฝ่าาให้คนนำมันมาให้...”
“เสด็จพี่หรือ?” มีบางอย่างแวบผ่านั์ตาขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ และเลือนหายไปในทันใด นางถอนสายตาออกจากดอกโบตั๋น จากนั้นเหลือบมองเหนียนยวี่ “ยวี่เอ๋อร์ มิใช่ว่าเ้ากำลังคิดถึงคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนอยู่หรอกหรือ? เช่นนั้นถือโอกาสในการเข้ามาวังหลวง สู้มิไปลองดูอาการาเ็ของนางเป็อย่างไร”
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยปาก ไม่แม้แต่จะหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงเหนียนอีหลาน
ดูเหมือนถ้อยคำที่ไม่ได้ตั้งใจ เหนียนยวี่กลับจังสังเกตได้ถึงคลื่นอารมณ์ใเล็กน้อยในดวงตาที่สงบนิ่งของฉางไทเฮา
นาง...ไม่อยากให้เข้าไปเยี่ยวเหนียนอีหลานหรือ นางกังวลสิ่งใด?
ครั้นครุ่นคิดถึงความตั้งใจเดิมที่ตนเองเคยไปกล่าวโน้มนำฮองเฮาอวี่เหวิน หรือว่าตระกูลหนานกงกับฉางไทเฮาจะติดต่อกัน?
หึ คนตระกูลหนานกงคิดถึงความปลอดภัยของเหนียนอีหลาน สถานการณ์ในยามนี้ ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากฉางไทเฮาเท่านั้น และหลายวันมานี้ นางได้รับข่าวคราวมาว่า ข้ารับใช้จวนตระกูลหนานกงไปเยือนจวนหลีอ๋องอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน ทว่ากลับไม่ได้เข้าไป
เหนียนยวี่ลอบชำเลืองมองฉางไทเฮา แท้ที่จริงแล้วที่นางทุ่มเทถึงเพียงนั้น บางทีอาจไม่ใช่เพื่อเหตุการณ์ฉากนั้นเท่านั้น!
“เ้าค่ะ เหนียนยวี่ขอบคุณเสด็จแม่เพคะ” เหนียนยวี่ย่อกายคารวะทั้งสองคน จากนั้นจึงก้าวถอยออกไปจากห้อง
หลังจากออกจากตำหนักฉางเล่อ เหนียนยวี่จึงมุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักชีอู๋ ยังมิทันได้เดินผ่านประตูใหญ่ของตำหนักชีอู๋เข้าไป พลันได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญดังออกมาเป็ระยะและไม่ต่อเนื่อง แม้จะไม่ดัง ทว่ายังคงฟังออกถึงความเ็ปและความโศกเศร้าในเสียงร้องนั้น
“คุณหนูยวี่หรือเ้าคะ?”
ประตูเปิดออก เจินกูกูกำลังเดินออกมาอย่างประจวบเหมาะ ครั้นเห็นเหนียนยวี่ พลันยากจะปกปิดความแปลกใจ แต่จากนั้นกลับยกยิ้มอย่างต้อนรับ
“เจินกูกู” เหนียนยวี่โค้งคำนับอย่างสุภาพ
“คุณหนูยวี่มาพบฮองเฮาอวี่เหวิน หรือมาหาคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนหรือ?”
ครั้นเจินกูกูเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ แม้แต่เหนียนยวี่ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เงยหน้าสบั์ตาแย้มยิ้มของนาง จากนั้นพลันได้ยินเสียงของเจินกูกูเอ่ยต่อไปว่า “คุณหนูยวี่เชิญคุณหนู เมื่อเช้านี้พระนางทรงเอ่ยถึงคุณหนูยวี่ด้วย พระนางตรัสว่าคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนพักฟื้นที่ตำหนักชีอู๋จนหายดีมาหลายวันแล้ว คุณหนูยวี่จะไม่สนใจพี่สาวผู้นี้ได้อย่างไร นี่มิใช่ว่า...กล่าวถึงโจโฉ โจโฉก็มา[1] คุณหนูยวี่ยังคงเป็ห่วงคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนอย่างที่คิดไว้จริงๆ”
[1] กล่าวถึงโจโฉ โจโฉก็มา หมายถึง กล่าวถึงคนผู้หนึ่ง แล้วคนผู้นั้นก็มาพอดี