Chapter 3
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด~
เสียงนาฬิกาปลุกในเช้าของวันปกติที่กรีนต้องไปทำงาน กรีนทำทุกอย่างเหมือนกับว่าตัวเองเป็พนักงานร้าน ทั้ง ๆ ที่เป็เ้าของ ซึ่งเหตุผลก็คือเขาอยากจะเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร้าน พนักงานมีหน้าที่แจ้งความเป็ไปของร้านให้เขาก็จริง แต่การที่ได้เห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นด้วยตาเปล่า ทั้งความรู้สึกของผู้อยู่ในเหตุการณ์ คนรอบข้าง บรรยากาศ มันก็อาจจะทำให้เขาตัดสินใจอะไร ๆ ได้ดีกว่า
กรีนบิดตัวไล่ความเมื่อยก่อนจะลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเหมือนอย่างทุกวัน พออาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็สวมชุดที่เตรียมไว้เมื่อคืน ใส่เครื่องประดับตัวโปรดอย่างนาฬิกา และฉีดน้ำหอมแบรนด์ของเขาเอง เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยก็เดินทางไปที่ร้าน
เช่นเคยกับการใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง ความจริงแล้วกรีนชอบที่จะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็อย่างมาก แต่่เวลาที่เขาใช้รถไฟฟ้ามักจะเป็่ที่คนเต็มขบวนแบบที่ไม่มีช่องวางเลยสักนิด นั่นก็คือเวลาเริ่มงานและเวลาเลิกงาน แต่มันก็คงจะทำให้เขาหงุดหงิดน้อยกว่าการที่ต้องติดอยู่บนท้องถนนเหมือนกับตอนที่ใช้รถยนต์เป็ไหน ๆ
ร้านเครื่องหอม Your Cart
"สวัสดีค่ะพี่กรีน"
"สวัสดีครับเกรซ" พนักงานในร้านเอ่ยทักทายเ้านายยามเช้า พร้อมกับเ้านายที่เอ่ยตอบกลับไป
"พี่กรีนรับกาแฟหรือช็อกโกแลตไหมคะ?"
"พี่เอากาแฟแล้วกันครับ แล้วช็อกโกแลตที่ร้านเหลือเยอะไหมเกรซ?"
"เยอะอยู่เลยค่ะ ไม่ค่อยมีคนดื่ม พี่กับพี่เวย์ก็ดื่มแค่กาแฟ ส่วนเกรซไม่กินทั้งคู่เลย"
"ถ้างั้นสั่งของรอบหน้าไม่ต้องเอาช็อกโกแลตมาแล้วนะ เพิ่มเป็กาแฟไปเลย ส่วนเราก็สั่งน้ำผลไม้มาไว้ก็ได้"
"ได้เลย! ขอบคุณนะคะพี่กรีน เดี๋ยวเกรซไปชงกาแฟให้นะ"
"ขอบคุณครับ"
เกรซ พนักงานวัย 21 ปีที่อยู่กับกรีนและเวย์มาั้แ่่แรก ๆ ของการรับพนักงาน เกรซเป็คนที่ทำงานคล่องแคล่วมาก ๆ ตัดสินใจรวดเร็ว แล้วก็เป็เด็กที่ขยัน หลังจากทำงานได้ 1 เดือน เกรซก็ได้เป็พนักงานประจำของร้าน และอีกหลาย ๆ ครั้งที่มีการคิดค้นอะไรใหม่ ๆ ให้แบรนด์ เกรซก็มักจะมีส่วนร่วมเสมอ กรีนและเวย์เองต่างก็รักเกรซเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง
“ไง วันนี้มาช้ากว่าปกตินะ” เวย์ที่เดินออกมาจากหลังร้านเอ่ยทักทายเพื่อนสนิท
“กูแวะดูแมวที่บ้านคุณเพิร์ธ”
“แวะดูแมว?” เวย์นั่งลงข้าง ๆ กรีนแล้วถามขึ้น
“เออดิ กูยังไม่เลิกคิดเื่แมวตัวนั้นเลยว่ะ”
“ทำไมวะ? หรือเมื่อเช้ามึงเจออีก”
“เปล่า ไม่ได้เจอ”
“มันมีอะไรกันแน่วะ มึงเจอแมวมาเป็ร้อยเป็พันตัว หรือมึงรู้สึกสงสารที่มันดูเหมือนกับว่าไม่มีบ้าน”
“ไม่รู้ว่ะ มันแบบ โอ๊ย ช่างแม่ง!”
“เอ้า หงุดหงิดอีก หงุดหงิดมึงไปแพ็คออเดอร์เมื่อวานช่วยเกรซเลยไป” กรีนขยำหัวตัวเองก่อนถอนหายใจออกมาแรง ๆ หลังจากนั้นก็เข้าหลังร้านไปช่วยเกรซแพ็คออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งมาในช่องทางออนไลน์
‘แผนล่มอีกแล้ว’
แร็กดอลล์ตัวน้อยคิดในใจด้วยความเสียดาย เขาคิดมาทั้งคืนว่าวันนี้จะคอยเป็องครักษ์ให้ว่าที่เ้านายคนใหม่ของเขา เขาคอยตามกรีนห่าง ๆ เพื่อเฝ้าระวังบรรดาสัตว์ในเมืองที่วิ่งซนจนเข้าใกล้ว่าที่เ้านายเขา แม้ว่ากรีนจะยังไม่ได้รู้เื่ด้วย แต่เขาก็ตกลงกับตัวเองแล้วว่าจะคอยปกป้องว่าที่เ้านายเอง
เขาเดินตามกรีนั้แ่ออกจากบ้าน คอยหลบตามเสาและคอยตามให้ห่างที่สุด เมื่อมีแมวตัวไหนเล่นกันและทำท่าจะวิ่งมาทางกรีน แร็กดอลล์ตัวน้อยก็จะวิ่งไปดักทันที การปกป้องแบบไม่ได้รับความยินยอมมาสิ้นสุดที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้บ้านของกรีน แน่นอนว่าเ้าเหมียวตามเข้าไปในสถานีไม่ได้ถ้าหากไม่มีเ้านายยื่นบัตรให้
เ้าแร็กดอลล์ตัวน้อยถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับไปตรงที่ที่เขานอนอยู่ทุกวัน นั่นก็คือบริเวณที่กรีนเจอเขา ทุกวันนี้น้อยครั้งมากที่เขาจะได้กินอาหาร เขาเอาตัวรอดด้วยการไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ทำตัวน่ารัก ๆ ให้คนใจดีแบ่งอะไรให้กิน ซึ่งเป็ปกติของคนในเมืองที่คอยแบ่งปันอะไรให้แมวของบ้านอื่นกิน โดยเฉพาะในสวนสาธารณะที่เ้าของมักจะพาสัตว์เลี้ยงของพวกเรามาเดินเล่นอยู่เสมอ เ้าแร็กดอลล์ตัวนี้ถือว่าเป็แมวที่มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะมาก เขารู้ดีว่าทำแบบไหน อ้อนแบบไหน ร้องแบบไหนถึงจะทำให้คนใจอ่อน ทำให้คนเอ็นดู และกลยุทธ์พวกนั้นก็ถูกงัดออกมาใช้อย่างเต็มที่ในยามที่เขาหิว
แร็กดอลล์เดินสำรวจทั่วเมืองเพื่อมองหาใครสักคนที่จะเลี้ยงเขาได้ แต่ทุกอย่างมันก็ดูยากไปเสียหมด เพราะว่าเ้าหน้าที่รอบเมืองนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็พวกเดียวกับพอล บัตเลอร์กันเกินครึ่ง เขารู้มาว่าเ้าหน้าที่ที่มีเข็มกลัดรูปสิงโตสีทองกลัดอยู่ที่หน้าอกก็คือคนที่อยู่ในสมาคมอะไรสักอย่าง ซึ่งสมาคมนั้นคือสมาคมที่มีพอล บัตเลอร์เป็เ้าของ ถูกตั้งขึ้นเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่กันและกัน ซึ่งถ้าหากจะหาคนที่ไม่ใช่พวกเดียวกันกับพอล บัตเลอร์ ก็คงต้องไปหาเ้าหน้าที่แถว ๆ แถบชานเมือง แต่เ้าหน้าที่แถบชานเมืองนั้นก็ใช่ว่าจะเป็คนดีทุกคน บางคนไม่ได้ติดเข็มกลัดเพราะมีหัวหน้าพรรคพวกคนละคน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใช่คนในสมาคม เพราะฉะนั้นแล้วก็ถือว่าเสี่ยงเอามาก ๆ ที่จะเจอคนของพอล บัตเลอร์ แร็กดอลล์ตัวน้อยจึงล้มเลิกความคิดที่จะเดินทางไปที่ตามหาเ้าหน้าที่ที่จะมาช่วยเขา นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว เขาก็อาจจะเหนื่อยแล้วก็หลงทางจนกลับมาที่นี่ไม่ได้
‘วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ไปอ้อนคนที่สวนสาธารณะให้เกาพุงให้ดีกว่า’
แร็กดอลล์สีขาวขนปุยแสนเ้าเล่ห์เดินไปสวนสาธารณะอย่างที่เคยทำในทุก ๆ วัน เขาเดินไปด้วยภาพลักษณ์ของแมวสีขาวที่แสนเย่อหยิ่ง แต่เมื่อเจอหน้ามนุษย์ก็จะล้มตัวลงที่พื้นหญ้าแล้วร้องเหมียว ๆ ให้มนุษย์เกาพุงให้
‘วันนี้ขอขนมแมวเลียได้ไหม ๆ ๆ ๆ’
‘เหมียวเบื่ออาหารเม็ดจะแย่แล้ว’
แม้จะรู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถเลือกอะไรได้ในตอนนี้ แต่เขาก็หวังว่าจะได้กินอะไรที่ตัวเองชอบมาก ๆ สักครั้งหลังจากที่ไม่ได้กินมานาน ครั้งล่าสุดคงจะไม่ใช่ที่บ้านของพอล บัตเลอร์ แต่เป็ครั้งที่เขาได้กินก่อนจะออกมาจากศูนย์ดูแล เพราะที่บ้านพอล บัตเลอร์ไม่เคยให้เขาได้กินอะไรอร่อย ๆ เลย ขนาดอาหารเม็ดเขายังได้กินไม่ครบทุกมื้อ จะมาหวังอะไรกับขนมแบบนี้กันล่ะ
แร็กดอลล์ตัวน้อยงัดกลยุทธ์สุดน่ารักออกมาแสดง ราวกับว่าเขากำลังแสดงโชว์เพื่อแลกขนม เหมียวน้อยใช้ขาหน้าเกาะที่ปลายเท้าของมนุษย์ตรงหน้าเบา ๆ แล้วย่ำมันอยู่กับที่ เหมือนกำลังออกแรงนวดให้ หลังจากเห็นการกระทำสุดน่ารักของแมวน้อย มนุษย์ตรงหน้าก็เอื้อมมือมาลูบหัวหนึ่งที
‘ขอบคุณมนุษย์ที่เอ็นดูเราน้า’
การแสดงแสนน่ารักยังไม่จบเพียงเท่านั้น แร็กดอลล์ตัวน้อยใช้ขาหลังในการทรงตัวขึ้นยืนสองขา หัวกลมเอียงซ้ายขวาสลับกันไปมาเพื่อเรียกคะแนนเพิ่ม มือสวยของมนุษย์ตรงหน้าเลื่อนมาเกาที่คางของเ้าแมวน้อยช้า ๆ
“มาค่ะคนสวย คุณเพิร์ธให้ขนมแมวเลียน้าเด็กดี เก่งมากเลย เ้าของอยู่ไหนคะเนี่ย?” เ้าแมวน้อยนิ่งไปสักพักหลังที่โดนถาม สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจหันส่ง ๆ ไปทางใดทางหนึ่ง มนุษย์คนนั้นก็เข้าใจว่ากลุ่มคนที่เ้าเหมียวตัวนี้หันไปหา คือหนึ่งในเ้าของของแมวตัวนี้ เขาพยักหน้าให้คนกลุ่มนั้นเชิงขออนุญาต ทางฝั่งคนกลุ่มนั้น ถึงแม้ว่าจะงงเล็กน้อยแต่ก็ก้มหัวกลับมา หลังจากนั้นเ้าแมวน้อยสีขาวขนปุยก็ได้กินขนมแมวเลียสมใจปรารถนา
การให้ขนมหรืออาหารกับแมวของบ้านอื่นในเมืองนี้ ไม่ได้นับเป็การหยามว่าต้องให้คนอื่นให้อาหารแทนเ้านาย แต่มันคือธรรมเนียมปกติของเมือง ที่ว่าถ้าหากเราเอ็นดูแมวหรือครึ่งทางตัวไหน เราสามารถให้ขนมกับแมวตัวนั้นได้เพื่อเป็การชมและทำให้เหล่าแมวทั้งหลายรู้สึกว่าเขามีคนให้ความรักมากมาย
‘ขอบคุณน้ามนุษย์ เราอร่อยมาก ๆ ’
“เมี๊ยววว~”
ไม่ว่าความในใจของเขาจะมีมากแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ในร่างแมวเขาเองก็พูดออกไปได้แค่นั้น
“ขอบคุณเหมือนกันค่ะที่ทำอะไรน่ารัก ๆ ให้คุณเพิร์ธดู”
‘หวังว่ามนุษย์จะรู้สึกถึงคำขอบคุณของเรานะ เราขอบคุณจริง ๆ ’
แร็กดอลล์ตัวน้อยยืนสองขาเพื่อขอบคุณมนุษย์ใจดีก่อนจะเดินจากไป
เมื่อมีแรงมากพอจากการได้กินขนมสุดโปรดแสนอร่อย แร็กดอลล์ตัวน้อยก็กลับจากสวนสาธารณะเพื่อรอกรีนกลับมาจากที่ทำงาน หวังจะเคลียร์ที่ทางให้ว่าที่เ้านายของเขา
ร้านน้ำหอม Your Cart
“เสร็จสักที!” เกรซเอนตัวลงกับโซฟาหลังจากแพ็คของสำหรับจัดส่งในวันนี้เสร็จ
“วันนี้ออเดอร์เยอะเลย ขอบคุณมากเกรซ เหนื่อยแย่เลย” ฝ่ายเ้าของร้านกล่าวขอบคุณสำหรับการทำงานหนักในวันนี้
“อะไรกันล่ะคุณเ้านาย เกรซทำงานแบบมีความสุขมาก ๆ พี่ ๆ ก็ดูแลเกรซดีอีก”
“ปากหวานอ่ะเรา” เวย์ยิ้มหยอก ๆ ใส่เกรซ
“ออเดอร์เยอะขนาดนี้ ยอดเดือนนี้พุ่งแน่เลยน้า” เกรซเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองกรีนแล้วหรี่ตามองเบา ๆ
“ไม่ต้องมามองหรอกหน่าเกรซ ถ้ายอดสูงกว่าเป้าก็ได้อยู่แล้วโบนัสอ่ะ”
“ใครจะดีไปกว่าเ้านายเกรซ!” กรีนและเวย์ต่างส่ายตัวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“เออ เกรซ”
“คะพี่กรีน?”
“ตรงโต๊ะพี่มีถุงสีดำอยู่ ตอนกลับบ้านเราหยิบกลับไปด้วยนะ”
“อะไรอะพี่กรีน” เกรซรีบวิ่งไปดูด้วยความตื่นเต้น พอเปิดถุงออกก็เห็นกระปุกวิตามิน อาหารเสริม สำหรับเ้าแมวเหมียวเยอะแยะเต็มถุง
“พี่กรีน ซื้อมาอีกแล้วนะ” เกรซหันมามองค้อนใส่เ้านายตัวเองเบา ๆ เนื่องจากเขาเกรงใจกรีนมาก ๆ กรีนซื้ออะไรแบบนี้มาให้แมวเขาอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่แมวของคนรู้จักที่กรีนใส่ใจเป็อย่างดี แต่กับตัวเกรซเองก็ได้รับของจากกรีนมาเยอะแยะมากมายเหมือนกัน เวลาที่เขาได้มีโอกาสออกไปนอกเมือง ไม่ว่าจะไปทำงานหรือไปเที่ยว กรีนก็มักจะมีของติดไม้ติดมือกลับมาฝากคนรู้จักเสมอ คนรอบข้างเขาจึงรู้สึกอบอุ่นตลอดเวลา
“เอาไว้พี่เลี้ยงแมวได้แล้วเกรซค่อยซื้อของเล่นมาฝากแมวพี่แล้วกัน”
“หื้ม? พี่กรีนจะเลี้ยงแมวเหรอคะ!?” เกรซถามออกมาด้วยความใ เพราะเขาเองก็รู้อาการแพ้ของกรีนเช่นกัน
“พี่เก็บเงินอยู่”
“โห พี่กรีนจะทำภูมิคุ้มกันบำบัดเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“เก็บเงินใกล้ครบหรือยัง ๆ ๆ เกรซอยากเห็นแมวพี่กรีนแล้ว” สาวน้อยพูดด้วยความตื่นเต้น
“55555555 ตื่นเต้นแทนพี่อะไรขนาดนั้น ถึงจะเริ่มทำก็อีกตั้งเป็ปีกว่าจะหาย”
“นั่นแหละ ๆ แต่เกรซอยากเห็นพี่กรีนเวลาอยู่ใกล้ ๆ เ้าแมวเหมียวทั้งหลายมากเลย คือแมวพี่จะต้องเป็แมวที่แมวทั่วเมืองอิจฉาแน่ ๆ “
“ขนาดนั้นเลยนะ”
“ก็ขนาดแมวคนรู้จัก พี่ยังดูแลดีขนาดนี้ ถ้าเป็แมวของพี่เอง พี่จะดูแลดีขนาดไหน”
“พี่ก็หวังว่าจะได้ดูแลไว ๆ”
“ไป ๆ กลับบ้านกันได้แล้ว” หลังจากจัดการเก็บของทุกอย่างในร้านเสร็จ กรีน เวย์ และเกรซก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน กรีนก็ยังคงทิ้งรถไว้ที่ร้านแล้วก็กลับรถไฟฟ้าเช่นเดิม เวย์เองก็กลับรถยนต์ส่วนตัวของเขาปกติ โดยทุกวันจะแวะส่งเกรซที่ป้ายรถบัสก่อน เนื่องจากป้ายรถบัสที่ใกล้ร้านที่สุด จะต้องนั่งย้อนไปเพื่อขึ้นบัสที่ตรงไปที่พักของเกรซอีกที เพราะฉะนั้น ทุก ๆ วันตอนเลิกงาน เวย์จะไปส่งเกรซที่ป้ายที่ตรงเข้าที่พักเกรซทุกครั้ง
จากร้านของกรีนกลับมาที่บ้านจะต้องนั่งประมาณ 4-5 สถานี กรีนเลือกได้ว่าจะลงสถานีไหน เพราะสามารถเดินทะลุเข้ามาในซอยบ้านของกรีนได้ทั้งสองทาง โดยที่ใช้ระยะเวลาเท่า ๆ กัน
กรีนแตะบัตรโดยสารเพื่อออกจากสถานีรถไฟฟ้า เวลาที่กรีนเดินเท้า เขาจะเป็คนที่สังเกตข้างทางอยู่เสมอ เขาชอบมองอะไรที่เป็ไปโดยธรรมชาติ เช่น ลมพัดจนใบไม้พลิ้วไหว เมฆที่เคลื่อนตัว แมวที่เล่นกันตามสัญชาตญาณ และตัวเขาเองก็มักจะยิ้มให้กับอะไรแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง การเดินสำรวจระหว่างทางเข้าบ้านของเขา มีอะไรให้น่าจดจำทุก ๆ วัน แม้ว่ามันจะเป็อะไรเดิม ๆ แต่ความเป็ไปพวกนี้มันก็ทำให้อุ่นใจอยู่เสมอ ว่าทุกอย่างมันกำลังผ่านไปเรื่อย ๆ ตามทิศทางของในทุกวัน
กรีนผ่านล็อคสุดท้ายก่อนที่จะถึงบ้านของเขา สายตาเหลือบไปมองที่ที่เคยเจอแมวสีขาวขนปุยตัวนั้น แต่ก็กลับไม่เจออะไร เขาก็เบาใจขึ้นว่านั่นอาจจะเป็แมวของคนอื่นที่ออกมาเดินเล่นเฉย ๆ กรีนผ่านตรงนั้นไปและตรงเข้าบ้าน
“เมี๊ยววว!”
เสียงร้องของสัตว์สี่ขาดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงเรียกหรือร้องปกติ แต่เสียงมันเหมือนกับว่ามีแมวหลาย ๆ ตัวกำลังตีกันอยู่แถวนั้น แน่นอนว่าเสียงนั้นเรียกความสนใจของกรีนได้เป็อย่างดี กรีนเดินถอยหลังกลับไปมองทางต้นทางของเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ ก็เห็นแมวประมาณ 3-4 ตัวกำลังล้อมกันอยู่ ด้วยแสงในตอนกลางคืนทำให้กรีนมองไม่ชัดมากนัก แต่เขาก็พอจะรู้สถานการณ์พอประมาณได้ ว่ามันอาจจะไม่ได้คุยกันเฉย ๆ
“ชู่ว! แยกย้ายกันกลับบ้านซะเ้าเหมียว”
พอได้ยินเสียงของมนุษย์ เหล่าแมวทั้งหลายก็แยกย้ายกันวิ่งกลับเข้าบ้านของตัวเอง จะเหลือก็เพียงแค่เ้าแมวสีขาวขนปุยที่นั่งอยู่ที่เดิม จากตำแหน่งการสลายตัวของแมวเมื่อสักครู่ก็พอรู้ได้เลยว่าตัวที่กำลังโดนรุมอยู่ก็คือเ้าแมวหัวกลมสีขาวตัวนี้แหละ
“กลับบ้านได้แล้วครับเ้าแมวน้อย ดึกแล้วนะ คนที่บ้านจะเป็ห่วง”
“แล้วก็อย่าซนเยอะ ได้แผลขึ้นมารักษานานนะรู้ไหม?”
‘เราไม่ได้ซน แต่เมื่อกี้เ้าพวกนี้มันขวางทางเดินของว่าที่เ้านาย เราก็เลยเคลียร์ให้เฉย ๆ คือเราไม่ได้หาเื่ใครเลยนะว่าที่เ้านาย’
“เมี๊ยววว”
‘เราอยากพูดตั้งยาว แต่เสียงออกไปได้แค่เหมียวนี่แหละ’
“เก่งมากครับ”
กรีนส่งยิ้มผ่านหน้ากากอนามัยที่สวมไว้แล้วเดินเข้าบ้านไป
เขาจัดการอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายแล้วก็เตรียมตัวเข้านอน เปิดม่านมองดูตำแหน่งที่แมวสีขาวตัวนั้นเคยอยู่ แล้วก็พบว่ามันนอนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
“ทำไมไม่กลับบ้านวะ?”
ก่อนจะได้คิดอะไรไปเยอะกว่านี้ เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์กรีนก็ดังขึ้น เขาวางผ้าเช็ดผมที่ถือไว้ก่อนหน้าและเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นว่ามันเป็สายเรียกเข้าจากเวย์
“ฮัลโหล ว่างะ-“
[มึง พรุ่งนี้กูไม่เข้าร้านนะ]
“เอ้า ไหนมึงว่าจะไปเทสเทียนตัวใหม่”
[แซลมอนเข้าโรงบาลว่ะ]
“ห้ะ? โรงบาลไหน เดี๋ยวกูไปเดี๋ยวนี้เลย”
[สะดวกเหรอวะ? รถมึงก็อยู่ร้าน]
“เดี๋ยวกูเรียกรถไป อยู่ไหน?”
[โรงบาลสัตว์ตรงข้ามโรงเรียนแถวบ้านกูนี่แหละ] เมื่อได้ยินตำแหน่งที่อยู่ของเพื่อน กรีนก็เดินหยิบของจำเป็อย่างกระเป๋าสตางค์กับกุญแจห้องทันที ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจของเพื่อนสนิท
“ใจเย็นเว้ยเวย์ แซลมอนจะไม่เป็ไร เชื่อกู”
[ขอให้เป็แบบนั้น มึงรอหน้าโรงบาลก็พอนะ กูอยู่ชั้นหนึ่งนี่แหละ]
“ไม่เป็ไร”
[ไม่เป็ไรอะไรของมึง เดี๋ยวแซลมอนหายได้แบกมึงโรงบาลต่อพอดี]
“…….”
[งั้นมึงก็อยู่บ้านนั่นแหละ ไม่ต้องมา มามึงก็ไม่ได้เจอ]
“ไม่เป็ไร กูจะไป แค่นี้แหละ เจอกัน”
หลังจากวางสายจากเวย์แล้ว กรีนก็เอื้อมมือไปหยิบยาพ่นสเตียรอยด์ติดตัวไปด้วย ยาพ่นตัวนี้กรีนจะพกติดตัวอยู่ตลอด แต่ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้เพราะเขาเองก็ระวังระยะห่างของตัวเองกับแมวอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้อาจจะได้ใช้ เพราะเขากำลังจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางสาเหตุของการแพ้ โชคดีที่อาการของเขาไม่ได้หนักขนาดที่ว่ามีปัญหากับหลอดลมหรือทำให้เขาหายใจไม่ได้เลย อาการของกรีนมีเพียงแค่จาม คัดจมูกเท่านั้น และมีผื่นหลังจากัั แต่มันก็ทำให้เขาใช้ชีวิตลำบากพอตัว
กรีนวิ่งลงมาจากชั้นบนของบ้าน จัดการล็อคบ้านให้เรียบร้อย สองเท้าวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ เสียงเท้าของกรีนทำให้เ้าเหมียวที่อยู่บริเวณนั้นตื่นขึ้นมา
‘เอ้า ว่าที่เ้านายไปไหน ถึงรีบขนาดนั้น’
‘โอ๊ะ! ว่าที่เ้านายไปธุระตามสบายน้า เดี๋ยวเหมียวเฝ้าบ้านให้เอง!’
คิดกับตัวเองจบแร็กดอลล์ตัวน้อยก็เดินไปประจำที่หน้าบ้านของว่าที่เ้านายของเขา
หลังจากที่ถึงโรงพยาบาลสัตว์ กรีนถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เวย์เล่าว่าพอเขาถึงบ้าน เขาก็เรียกแซลมอนมากินข้าวปกติ แต่เรียกเท่าไหร่แซลมอนก็ไม่มา เวย์เดินตามหาแซลมอนทั่วบ้านและพบว่ามันไปนอนหลับอยู่ที่ใต้บันได เวย์เรียกแซลมอนอยู่หลายครั้ง ปกติแซลมอนเองก็จะไวกับเสียงของคนในบ้านมาก ๆ แต่ครั้งนี้แซลมอนกลับนิ่ง ไม่หันกลับมาหาเวย์ เวย์จึงเดินเข้าไปเขย่าตัวแซลมอนเพื่อปลุก แต่แซลมอนก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม เวย์เองก็รู้สึกว่าแซลมอนหายใจเร็วกว่าปกติ และหายใจเสียงดัง เวย์ใจเต้นแรงและพยายามตั้งสติ พยายามจำคำพูดของสัตวแพทย์ว่าถ้าแมวมีอาการแบบนี้ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเปล่าเช็ดไปที่บริเวณใบหูของแมว อุ้งเท้า และใต้ท้อง หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เวย์ก็พาแซลมอนไปหาหมอทันที
หมอวินิจฉัยว่าแซลมอนอาจจะไวต่อควันหรือฝุ่นอะไรสักอย่างที่อยู่ใกล้ ๆ ทำให้ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ ควันหรือฝุ่นที่ว่าจะเป็ควันหรือฝุ่นอะไรก็ได้ ทั้งควันบุหรี่ ฝุ่นจากดินที่แห้ง หรือแม้กระทั่งฝุ่นจากทรายแมว หมอแนะนำให้เวย์หาสาเหตุที่แน่ชัด ว่าบริเวณบ้านของตนมีอะไรที่พอเป็สาเหตุได้หรือไม่ หากพบก็ควรจัดการทันที
“อีกชั่วโมงแซลมอนก็กลับบ้านได้แล้วมึง ไม่เป็ไรเลย ตอนนี้ก็ปกติแล้ว” กรีนปลอบเพื่อนสนิทของเขาที่กำลังใ เขาเองก็เข้าใจดีว่าเวย์รู้สึกใจเสียแค่ไหน ขนาดเขาที่ไม่ได้เป็เ้าของ แถมยังไม่เคยอุ้มแซลมอนเลยสักครั้ง พอฟังว่าแซลมอนอยู่ที่โรงพยาบาล เขาเองยังใจนรีบร้อนมาขนาดนี้ แล้วคนที่เป็เ้าของจะรู้สึกแย่แค่ไหน
หลังจากเฝ้าดูอาการมาเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อไม่พบอะไรผิดปกติ แซลมอนก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยหมอแนะนำให้แซลมอนแยกไปอยู่ในห้องที่ถูกทำความสะอาดอย่างดีก่อน ถ้าเจอสาเหตุและจัดการเรียบร้อยแล้วก็ให้ออกมาวิ่งเล่นปกติได้เลย เวย์แยกไปรับแซลมอนออกมาที่หน้าโรงพยาบาล เดินไปในระยะที่พอไม่ให้กรีนมีอาการ แต่กรีนกลับเดินเข้าไปหาแซลมอนอย่างไม่กลัว
“กรีน มึงอย่าหาเื่”
“หน่า กูเอายาพ่นมา” เวย์กรอกตาขึ้นก่อนจะปล่อยให้กรีนทำตามใจ
“ไง แซลมอน ไม่เคยเจอใกล้ ๆ แบบนี้เลยนะเนี่ย ตัวพองเชียว”
“แซลมอนขอบคุณเร็ว นี่คนซื้อของเล่นให้แซลมอนนะ” เวย์ก้มลงไปคุยกับลูกชายเบา ๆ
“เวย์ กูขอลูบหัวแซลมอนหน่อยดิ”
“ไอ้กรีน”
“ไม่เป็ไรหรอก จามก็จาม ั้แ่จำความได้กูยังไม่เคยลูบหัวแมวเลย” เวย์ได้ยินสิ่งที่กรีนพูดกับเขาทั้ง ๆ ที่มองแซลมอนไปด้วยก็อดใจอ่อนให้เพื่อนสนิทไม่ได้ จึงเปิดกระเป๋าออกให้กรีนได้ลูบหัวเ้าแมวสีส้ม
“เป็เด็กดีน้าเ้าแซลมอน เดี๋ยวจะซื้อขนมให้เยอะ ๆ “ กรีนลูบหัวแมวของเพื่อนสนิทช้า ๆ แซลมอนแสนเชื่องก็ทำท่าจะเอนหัวซบกับแขนของกรีน เวย์เห็นดังนั้นก็รีบดึงแซลมอนออกทันที
“ฮั๊ดชิ่ว!”
“นั่นไงไอ้เวร โดนแซลมอนหรือเปล่าเมื่อกี้”
“โดน แต่ไม่เป็ไรหรอก กูคุ้มแล้ว” กรีนพูดติดตลกขึ้นแล้วลูบแขนตัวเองเบา ๆ
“ผื่นขึ้นแน่ไอ้กรีน”
“ค่อยกินยา ไป ๆ พาแมวกลับไปพัก เดี๋ยวกูกลับแล้ว”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน กรีนก็เรียกรถกลับเหมือนตอนมา ไม่เกินครึ่งชั่วโมงรถก็จอดที่หน้าบ้านของกรีน ร่างหนาเดินลงจากรถหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย แต่มือหนาที่ล้วงเข้าไปหยิบกุญแจบ้านก็ชะงักทันทีที่เห็นแมวสีขาวตัวนั้นมานั่งสัปหงกอยู่ตรงประตูบ้านเขา ทาสแมวอย่างเขาก็อดเอ็นดูท่าทางนั้นไม่ได้เลย
“เฝ้าบ้านให้หรือไง หื้ม?” เ้าเหมียวสะดุ้งหลังจากได้ยินเสียง
“เมี๊ยววว~”
‘กว่าจะกลับนะว่าที่เ้านาย เรารอจนหลับแล้วเนี่ย!’
“รอตรงนี้แปปนึงนะตัวแสบ”
‘ได้เลย เหมียว!’
กรีนเข้าบ้านไปหยิบอาหารเปียกพร้อมกับถาดหลุมขนาดเล็ก ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าซื้อของพวกนี้มาทำไม ทั้ง ๆ เขาก็ไม่ได้มีแมวในบ้านสักหน่อย ร่างสูงยิ้มตลอดเวลา ั้แ่เขาได้หยิบซองอาหาร ถาดหลุม จนเทมันลง เขารู้สึกมีความสุขมากที่ได้ทำอะไรแบบนี้ กรีนเดินไปหน้าบ้าน หวังว่าเ้าเหมียวจะยังรอเขาอยู่ แล้วมันก็เป็เช่นนั้น กรีนจัดการวางถาดอาหารลงบนพื้นในระยะไกล ๆ
“เดี๋ยวเดินมากินนะ ขอบคุณมากที่เฝ้าบ้านให้”
“เมี๊ยววว~”
‘เดี๋ยวสิ ตรงแขนนั่นผื่นเหรอว่าที่เ้านาย!’
ฟุดฟิด ฟุดฟิด
‘กลิ่นแมวตัวอื่นนี่! ไปหาใครมา?’
“อย่าเข้ามาใกล้สิ ผมไม่ชอบลุกหนีแมวนะ แต่ถ้าโดนตัวเดี๋ยวจะเป็ผื่นแบบนี้” กรีนชี้ที่แขนตัวที่เริ่มแดงขึ้นมา
‘เหอะ แล้วทำไมตัวนั้นถึงได้เขาใกล้!’
“ไปแล้วนะเ้าเหมียว กินให้อร่อยแล้วก็กลับบ้านได้แล้ว” กรีนบอกลาก่อนที่จะลุกและหันกลับเข้าบ้านไป ก่อนประตูจะปิดสนิท เขาก็หันกลับมาโบกมือให้แร็กดอลล์ตัวน้อยก่อน หลังจากล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว กรีนก็ยิ้มให้กับตัวเองกว้าง ๆ วันนี้เขาทั้งได้ลูบหัวแมว แถมยังได้เทข้าวให้อีก คุ้มแล้วจริง ๆ