Chapter 4
ร้านเครื่องหอม Your Cart
“ไอ้กรีน ทำไมผื่นมึงยังไม่หายวะ? กูว่านานไปนะ” เวย์ทักเพื่อนสนิทที่อาการแพ้ขนสัตว์ของเขาไม่หายสักที ทั้ง ๆ ที่มันก็ผ่านมาสักพักแล้ว ส่วนกรีนที่เป็ฝ่ายโดนถามก็ทำเพียงแค่ยักไหล่กลับเท่านั้น
“มึงกวนตีนละ ทำไม? มึงไปแอบลูบหัวแมวที่ไหนมาอีก”
“ลูบอะไรของมึงล่ะ?”
“มีพิรุธนะ”
“ไป ๆ ๆ ลูกค้ามา ไปทำงาน” เวย์ชี้หน้ากรีนพร้อมกับหรี่ตา ก่อนจะเดินออกไปต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาในร้าน
ั้แ่ที่ผ่านวันนั้นมา กรีนใช้ชีวิตปกติมาโดยตลอด ไม่ได้พบเจอกับแมวที่ชอบมานั่งแถวบ้านเขาแล้ว เขาเองก็คิดว่าเป็เื่ดีที่แมวตัวนั้นจะกลับบ้านไปหาเ้านาย ไม่ออกมาเล่นข้างนอกบ่อย ๆ ั้แ่วันนั้นที่เขาเห็นว่าเ้าขนปุยสีขาวมาเฝ้าบ้านให้ เขาก็รู้สึกเอ็นดูขึ้นเป็เท่าตัว มันเป็พฤติกรรมที่น่ารักมากสำหรับเขา ตัวเองง่วงจนนั่งสัปหงกแต่ก็ยังมานั่งเฝ้าบ้านให้คนอื่น นึกถึงแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้จริง ๆ
วันนี้ร้านของกรีนมีลูกค้าแวะเวียนมาปกติ หลังจากนี้อีกสัก 1-2 เดือน ร้านเขาจะมีคนเข้ามาแวะเวียนมากกว่าปกติแน่นอน เพราะมันเป็่ที่จะเข้าสู่ฤดูหนาว จากการสังเกตของกรีน คนในเมืองนี้จะจุดเทียนหอมกันเยอะใน่ที่อากาศหนาว ๆ ก็เลยทำให้ร้านเขาขายได้เยอะไปด้วย และอีกอย่างทุก ๆ ฤดูหนาวหรือ่ปลายปี ร้านของกรีนกับเวย์จะมีคอลเลคชั่นพิเศษที่จะมีขายเฉพาะ่นั้นเสมอ โดยแต่ละปีก็จะไม่เหมือนกัน ลูกค้าประจำของกรีนจะชอบมากที่ได้ลุ้นมันไปพร้อม ๆ กัน ว่าปลายปีแต่ละปีจะมีอะไรพิเศษมาให้อุ่นใจ กรีนเองก็เริ่มคิดแล้วว่าปลายปีนี้จะทำกลิ่นอะไรออกมา เพราะฉะนั้น่นี้ทั้งเขา เวย์ หรือเกรซเองก็จะยุ่งกันมากกว่าปกติ
ชีวิตของเขาทุกวันนี้ก็คงจะไม่มีอะไรพิเศษ
ตื่นนอน
มาทำงาน
กลับบ้าน
นอน
แล้วก็ตื่น
วนไปแบบนี้ทุกวัน
อีกเื่ที่เขาคิดเยอะใน่นี้คือเขาอยากจะเริ่มทำภูมิคุ้มกันบำบัดแล้ว เขาอยากจะวิ่งไปทั่วทั้งเมืองเพื่อลูบหัวแมวทุกตัว อุ้มมันถ้ามันอยากให้อุ้ม ถ้าเมื่อไหร่ที่เขามีแมวเป็ของตัวเอง เขาสัญญาฝากอากาศไว้แล้วว่าถึงเวลานั้นจะทำงานให้น้อยลง เพื่อที่จะได้ดูแลมันอย่างเต็มที่
เห้อ
ทำไมต้องแพ้ขนแมวด้วยวะ
"พี่กรีน ๆ " เสียงเกรซเรียกกรีนให้ออกจากภวังค์
"ว่าไง ลูกค้าซื้อเสร็จแล้วเหรอ?"
"ยังค่ะ แต่ว่าพี่มาช่วยหน่อย" กรีนขมวดคิ้วเล็ก ๆ ก่อนจะเดินตามเกรซออกไปนอกร้าน
เมื่อเดินออกมาก็พบกับคุณผู้หญิงท่านหนึ่งยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ กรีนจึงรีบเข้าไปหาทันที
"สวัสดีครับคุณลูกค้า มีอะไรหรือเปล่าครับ?"
“ฉันจะมาสอบถามเื่น้ำหอมของร้านคุณน่ะค่ะ คือกลิ่นมันไม่เหมือนกับที่เคยซื้อไปเมื่อตอนครั้งแรก เลยอยากถามว่าคุณได้เปลี่ยนส่วนผสมอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ผมขอทราบชื่อกลิ่นที่คุณลูกค้าซื้อไปได้ไหมครับ?”
“Summer Sea Salt”
“คุณลูกค้าได้เอาตัวขวดน้ำหอมมาด้วยไหมครับ? กลิ่นนี้ผมไม่เคยลดหรือเพิ่มอะไรสักครั้งตอนสั่งผลิต”
“สักครู่ค่ะ”
คุณผู้หญิงท่านนั้นหยิบขวดน้ำหอมออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็ส่งมันต่อให้กรีน กรีนรับมามองดูและสังเกตมันอยู่สักพักก่อนจะขมวดคิ้วออกมา
“ขอโทษนะครับ ผมสอบถามหน่อยว่าคุณลูกค้าไปสั่งซื้อน้ำหอมในช่องทางไหนครับ?”
“อ้อ จากตัวแทนทางออนไลน์น่ะค่ะ”
“อ่า ต้องขอโทษด้วยนะครับ ทางเรายังไม่มีระบบตัวแทนจำหน่ายเลย เราขายออนไลน์เฉพาะแค่ช่องทางออฟฟิเชียลของร้านเท่านั้นเลยครับ”
“อ้าว ตายแล้ว แบบนี้แปลว่าฉันโดนหลอกสิเนี่ย คือฉันเห็นเขามีใบตัวแทน แล้วก็หมายเลขให้เสร็จสรรพเลย”
“ทางเราขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะครับ เดี๋ยวรบกวนส่งคอนแทคของแอคเคาท์นั้นมาให้เราหน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้เลยค่ะ ๆ ถ้าอย่างนั้นขอซื้อน้ำหอมกลิ่นนั้นที่ร้านเลยแล้วกันนะคะ พอดีนาน ๆ จะแวะมาที เพราะว่าอยู่ไกลที่พักน่ะค่ะ หาสั่งออนไลน์ก็โดนหลอกซะงั้น”
“เกรซไปหยิบเซ็ต A1 มา แล้วก็น้ำหอมมาให้ลูกค้าไป”
“ได้ค่ะพี่กรีน”
ลูกค้าส่งช่องทางการติดต่อให้กับกรีน จากนั้นกรีนก็มอบของเพื่อเป็การขอโทษพร้อมกับน้ำหอมที่ลูกค้าสั่งซื้อ ลูกค้าที่มาเมื่อสักครู่เขาค่อนข้างมีอายุแล้ว กรีนเองก็เข้าใจถ้าหากเขาจะใช้ระบบการสั่งสินค้าออนไลน์ของร้านไม่เป็ ระบบของร้านกรีนอาจจะไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ง่ายที่คนมีอายุจะเรียนรู้ แต่ที่เขาทำก็เพื่อป้องกันข้อมูลของลูกค้ารั่วไหลและป้องกันความผิดพลาด มันสะดวกต่อร้านแต่คงไม่สะดวกต่อลูกค้ามากเท่าไหร่
“มีอะไรวะมึง?” เวย์ที่แยกไปห้องคลังสินค้าก่อนหน้าถามขึ้น หลังจากที่เห็นเพื่อนสนิทหน้าตึงเครียด
“ของก็อปว่ะ”
“ห้ะ? นี่ร้านกูดังขนาดนั้นเลยดิ”
“คือถ้าแม่งถึงขั้นผลิตตามขนาดนี้คือทำเป็กระบวนการเลยนะ” กรีนยื่นขวดน้ำหอมที่ถูกปลอมขึ้นให้เวย์ เวย์เองเห็นแล้วก็เบิดตาด้วยความใในความคล้ายคลึง
“แจ้งความเหอะ ไม่รู้ข้างในมันจะผสมอะไรบ้าง อันตรายนะเว้ย ถ้าลูกค้าแพ้หรือมีเอฟเฟคอะไรแล้วเขาคิดว่ามันมาจากร้านเราก็ซวยอีก โดนสอบแน่ ระหว่างสอบก็ต้องปิดร้านอีกอ่ะ”
“เห้อ อะไรของแม่งวะเนี่ย”
“เอาไง”
“ตามที่มึงว่าแหละ”
“เดี๋ยวกูจัดการให้ ไม่ต้องห่วง มึงเอาเวลาไปคิดคอลเลคชั่นใหม่เหอะ”
หลังจากวุ่นวายกับเื่นั้นอยู่สักพัก พอถึงเวลาเลิกงาน ทั้ง 3 คนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เวย์ไปส่งเกรซที่ป้ายรถบัส ส่วนกรีนก็แยกไปขึ้นรถไฟฟ้าเหมือนเคย
การเจอแมวน่ารัก ๆ แทบจะทุกวันเกือบจะเป็เื่ปกติของกรีนไปแล้ว แต่พอมาวันนี้ที่เขาเจอคนปลอมน้ำหอมแบรนด์เขา มันก็ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาถึงเื่โจรหรือคนที่ประสงค์ร้าย หรือว่าจริง ๆ แล้วแมวตัวนั้นไว้ใจไม่ได้ อันที่จริงเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแมวตัวนั้นเป็แมวธรรมดาหรือเป็ครึ่งทาง ในตอนแรกว่าจะเดินผ่านไปเฉย ๆ แต่สุดท้ายกรีนตัดสินใจมองหาแมวสีขาวขนปุยตัวนั้น แล้วเขาก็ไม่ต้องใช้เวลานานเลย เพราะแมวตัวนั้นนั่งอยู่ที่เดิม
“นี่ เ้าเหมียว ถามตรง ๆ นะ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ทุกวัน ไม่กลับบ้านเหรอครับ?”
“เหมียว~”
“ก็ลืมว่าตอบได้แค่เหมียว”
‘ก็ใช่น่ะซี่ว่าที่เ้านาย แล้วจู่ ๆ ถามทำไมเนี่ย? เราจะตอบว่าเ้านายยังไงล่ะ’
“เป็ครึ่งทางหรือเปล่า? ถ้าเป็ครึ่งทางแสดงว่าฟังออก”
‘ซวยแล้วไง!’
“เหมียว~”
‘ไม่รู้ ๆ เหมียวไปก่อน’
“ไม่ต้องมาเหมียวเลย ไม่งั้นจะโทรแจ้งเ้าหน้าที่ให้พาไปส่งบ้านนะ”
‘อย่านะว่าที่เ้านาย!’
หลังพูดจบกรีนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์ฉุกเฉินหาเ้าหน้าที่ประจำเขต
‘เห้ย ๆ ๆ ๆ อย่าโทรนะ!’
“สวัสดีครับ คือผมโทรจากเขต XXX เมือง No Land นะครับ”
‘แมวถึงคราวซวยแล้ว! จุดนี้แมวต้องวิ่ง! วิ่งเท่านั้น’
หลังจากคิดกับตัวเอง เ้าแมวน้อยขนปุยก็วิ่งเต็มกำลังทันที กรีนที่ยกหูหาเ้าหน้าที่ถึงกับเหวอ
“เอาจริงดิ ครึ่งทางจริงดิ”
กรีนกลับเข้ามาบ้านมา เขาอาบน้ำและเตรียมตัวนอน แต่ในหัวก็ยังคิดเื่แมวตัวนั้นไม่หยุด เขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าแมวตัวนั้นเป็ครึ่งทาง เพราะปกติเวลาเขาคุยด้วยก็ไม่เคยวิ่งหนี ถ้าฟังไม่ออกว่าเขาโทรหาใครแล้วจะวิ่งหนีทำไมกันสุดท้ายกรีนก็ต้องสะบัดหัวไล่ความสับสนนั้นออกจากหัวแล้วก็ล้มตัวลงนอน
พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
เช้าวันถัดมา
ร้านเครื่องหอม Your Cart
“พี่กรีน สวัสดีค่ะ” กรีนพยักหน้าให้เกรซที่ทักทายเล็กน้อย
“เวย์มันยังไม่มาเหรอ?”
“แวะมาแปปนึงแล้วก็ออกไปแล้วค่ะพี่กรีน”
“ไปไหน?”
“อ้อ ไปศูนย์ร้องเรียนค่ะ เห็นว่าจัดการเื่ที่มีคนปลอมน้ำหอมเมื่อวานนี้”
กรีนพยักหน้าช้า ๆ รับคำตอบของเกรซ
“เกรซ พี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ได้เลยพี่กรีน”
“พวกครึ่งทางนี่ก็อยู่คนเดียวไม่ได้ใช่ไหม?”
“ใช่นะคะ เพราะพวกเขาเหมือนจะต้องใช้แรงเยอะมากกว่าปกติถ้ากลายร่างเป็มนุษย์ ก็เลยทำงานไม่ได้”
“แล้วเคยมีใครขอความเห็นจากครึ่งทางหรือเปล่า?”
“มีนะ แม่เกรซเคยเล่าให้ฟังว่าหลายสิบปีที่แล้วเคยมีครึ่งทางท้วงเื่นี้กับทางการด้วยแหละ เพราะพวกเขาก็อยากได้อิสระ ไม่อยากไปอยู่บ้านใคร ทางการก็เลยให้ระยะทดลอง 1 เดือน ให้ครึ่งทางออกไปทำงาน ใช้ชีวิตเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป แต่ครึ่งทางก็เหมือนจะไม่ไหว เพราะถ้าต้องกลายร่างเป็มนุษย์มาทำงานทั้งวันคือพวกเขาจะล้ามาก บางคนคือป่วยเป็อาทิตย์เลยแหละ แบบนี้มันก็ส่งผลกับร่างกายเขา รวมทั้งบริษัทที่จ้างพวกเขาด้วย แบบว่า ทำงานให้บริษัทได้ไม่เต็มที่ แบบนี้อ่ะพี่กรีน” กรีนนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“พี่เพิ่งเคยรู้เลย”
“มันนานแบบนานมาก ๆ มาแล้วแหละ เขาสั่งห้ามครึ่งทางทำงานจริงจังก็ตอนที่ครึ่งทางป่วยกันทั่วเมือง”
“ตอนนี้ก็คงไม่มีครึ่งทางที่ไม่มีเ้าของใช่ไหม?”
“ถ้านอกจากความดูแลของศูนย์ดูแลก็คงไม่มีนะพี่กรีน”
“แล้วเกรซพอรู้ไหมว่าเคยมีครึ่งทางที่เป็พวกแบบ โจร หรืออะไรประมาณนี้ไหมอะ?”
“มีนะ เหมือนเคยได้ยินข่าวเลย ไม่ค่อยกลายร่างตอนอยู่กับเ้าของ พอออกมาข้างนอกก็มาตีสนิทกับคนบ้านอื่น เล่นด้วยบ่อย ๆ พอเขาได้ใจก็ขโมยของ หรืออะไรแบบนี้”
“เ้าเล่ห์ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ขนาดนั้นแหละพี่กรีน ก็แมวอะเนอะ ใคร ๆ ก็เอ็นดู”
หรือจะเป็คนไม่ดีจริง ๆ วะ
“พี่กรีนเจอคนแปลก ๆ เหรอคะ?”
“ไม่เชิง แต่พี่เจอแมวแถวบ้านพี่ เขานั่งอยู่ข้าง ๆ เสาแทบทุกวัน พอเมื่อวานพี่จะโทรแจ้งเ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ เผื่อมันจะหลงทางแล้วเ้าของตามหาอยู่ พอมันได้ยินพี่พูดมันก็วิ่งเลย ทั้ง ๆ ที่ปกติเวลาคุยกันก็ไม่เห็นมันจะหนี”
“พี่กรีนเลยคิดว่าเขาฟังออก แล้วก็เป็ครึ่งทางใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ มันเป็ไปได้ไหมเกรซ?”
“ก็เป็ไปได้นะพี่กรีน เกรซว่าพี่กรีนอย่าไปยุ่งกับเขาเลยดีกว่า โทรให้เ้าหน้าที่มาตรวจสอบดีแล้วค่ะ ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าเป็แมวบ้านไหน ถ้าเป็คนไม่ดีขึ้นมานี่แย่เลย” กรีนฟังแล้วนั่งนิ่งไปสักพัก
“พี่กรีนเอ็นดูมันมากเลยเหรอคะ?”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ก็พี่ดูคิดหนักถ้าต้องเลิกยุ่ง”
“ไม่รู้สิเกรซ พี่รู้สึกแปลก ๆ เวลาเจอ เหมือนจะคุ้น แต่พี่จะก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน”
“แมวที่ลูกค้าเคยพามาตอนมาซื้อของที่ร้านหรือเปล่าพี่กรีน?”
“พี่ลองคิดแล้วนะว่าใช่ไหม? แต่ทำไมพี่รู้สึกว่ามันมีมากกว่านั้นไม่รู้?”
“โห รักข้ามภพไหมเนี่ย? เป็ครึ่งทางด้วยนี่”
“เพ้อเจ้อแล้วเรา”
“เอ้า ใครจะไปรู้ล่ะคะพี่กรีน เมืองเรายังไม่มีใครรู้ที่มาของแมวเหมียวทั้งหลายเลย”
“ไปเติมของหน้าร้านเลยไป”
“555555 โอเคค่ะ แต่พี่ก็อย่าไปไว้ใจมากนะคะ ถ้ายังไม่รู้ว่ามันมาจากไหน”
“ครับ ขอบคุณเรามาก”
พูดจบเกรซก็ลุกออกไปดูแลหน้าร้าน เหลือก็แค่กรีนที่นั่งจมอยู่กับเื่นี้ เขาคิดแล้วคิดอีกว่าแมวตัวนั้น้าอะไร ถึงได้มาคอยอยู่ใกล้ ๆ เขา
่เที่ยงวันพอเวย์กลับมาจากศูนย์ร้องเรียน ก็เล่าเื่นี้ให้เวย์ฟัง หวังจะได้คำปรึกษาอีกทาง
“หรือจะเป็พวกที่มันปลอมน้ำหอมเราวะมึง?” เวย์พูดข้อสงสัยขึ้นมา
“เหรอวะ?”
“ก็เป็ไปได้นะ เผลอ ๆ ปีนขึ้นบ้านมึงไปเอาเอกสารเกี่ยวกับร้านไปดูหมดแล้วมั้ง”
“กูล็อคประตูหน้าต่างตลอดแหละ ไม่น่ามีใครเข้าบ้านได้”
“แต่มึงก็ระวังตัวไว้หน่อย ความเป็ไปได้มันก็มี ว่าอาจจะเป็คนไม่ดี”
“เออ กูจะระวัง”
“เลิกเอ็นดูเขาก่อน อย่าให้ภาพลักษณ์ภายนอกมาทำให้มึงใจอ่อน”
“พูดถึงเื่เอ็นดูอีกแล้ว เกรซก็พูด”
“555555 ก็คิ้วมึงขมวดขนาดนั้น เอาจริง ๆ ที่มึงคิดว่าเคยเจอมาก่อนมันอาจจะเป็ไม่มีอะไรเลยก็ได้ มึงอาจจะคุ้นของมึงไปเอง”
“ถ้าไม่มีแล้วทำไมกูถึงคิดไม่หยุดเลยล่ะวะ?”
“เอาหน่า เื่นี้ปัดตกไปก่อน ถ้าเขาหวังร้ายจริง ๆ มึงนั่นแหละจะซวย ยิ่งถ้าเขารู้จุดอ่อนของมึงว่ามึงแพ้ขนแมวมึงก็แพ้แล้ว ถ้าวันไหนยกพวกมาสะบัดขนใส่มึงจะทำไง”
“ไปกันใหญ่แล้วไอ้เวย์” กรีนหันไปผลักไหล่เพื่อนเขาเบา ๆ
“ก็ถ้าไม่ได้มาดีจริง ๆ แล้ววางแผนมาตีสนิทมึงเป็อาทิตย์ขนาดนี้ก็อันตรายแหละว่ะ”
“เออ เดี๋ยวกูจะห่าง ๆ มาแล้วกัน”
“เขาชอบนั่งอยู่ข้าง ๆ เสาก่อนถึงบ้านมึงใช่ไหม?”
“อืม”
“งั้นมึงก็เปลี่ยนเส้นทางกลับบ้านไปสักพักก่อนดิ นั่งเลยไปอีกสถานีนึง มึงจะได้เดินกลับอีกทาง ไม่ต้องเดินผ่านตรงเส้นนั้นด้วย”
“เอางั้นไปก่อนแล้วกัน”
กรีนทำตามคำแนะนำจากเวย์ด้วยการนั่งเลยไปอีกหนึ่งสถานีจากสถานีที่นั่งประจำ ระยะการเดินไม่ต่างกันมาก แถมเขาก็เดินได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเื่แมวตัวนั้น ก่อนที่เขาจะถึงบ้าน เขาแวะที่ที่ทำการของเขตก่อนเพื่อแจ้งเื่แมวไร้บ้านตัวนั้น
“สวัสดีครับ”
“ครับ ลูกบ้านในเขตหรือเปล่า?”
“ครับ ผมกรีน โนเอล บ้านเลขที่ 227 ครับ”
“สักครู่นะครับ”
“ครับ” กรีนตอบรับเ้าหน้าที่ในการตรวจเช็คข้อมูลของผู้แจ้งเื่ ซึ่งเป็ปกติของเมือง No Land ลูกบ้านในเขตจะต้องแจ้งเื่ภายในเขตที่เกิดเหตุเท่านั้น และต้องระบุชื่อของผู้แจ้งเท่านั้น เพื่อป้องกันการแจ้งเื่เท็จ
“โอเคครับ คุณกรีน โนเอล”
“ครับ พอดีผมเจอแมวสีขาว ปลายหางที่เข้มแถว ๆ บ้านผม คือผมคิดไว้ว่าเป็ครึ่งทาง เพราะวันก่อนผมจะโทรแจ้ง แล้วเขาก็วิ่งออกไป เหมือนว่าฟังภาษามนุษย์เข้าใจ ผมไม่รู้ว่าเป็แมวของบ้านไหน เพราะผมเห็นเขานั่งตรงเสานั้นแทบจะทุกวัน”
“แมวสีขาว ปลายหางเข้ม พอจะทราบสีตาไหมครับ?”
“น่าจะสีเทามั้งครับ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะไม่ได้เข้าใกล้”
“ครับ ทางศูนย์บันทึกข้อมูลไว้แล้วนะครับ เดี๋ยวจะลงพื้นที่เพิ่มเติมอีกที”
“เพิ่มเติม?”
“อ้อ ครับคุณโนเอล มีคนเคยมาแจ้งเื่ประมาณนี้แล้ว แต่ว่าสีตาไม่เหมือนกับที่คุณโนเอลแจ้งมา ลูกบ้านอีกท่านแจ้งมาตาเขาสีฟ้า”
ตาสีฟ้า?
ทำไมรู้สึกคุ้นกว่าเดิมแบบนี้อีกวะ
แมวสีขาว ปลายหางเข้ม ตาสีฟ้า
“ไว้ถ้าทางศูนย์ได้ข้อมูลเพิ่มเติมยังไง จะแจ้งไปทางประกาศของเขตนะครับ ่นี้ก็ขอให้คุณโนเอลระวังไปก่อน เป็ไปได้ว่าอาจจะมีอะไรไม่ดี”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณที่มาแจ้งข้อมูลครับ คุณโนเอลอยากได้คนจากศูนย์ไปส่งที่บ้านไหมครับ?”
“ไม่เป็ไรครับ ขอบคุณมาก”
พอบอกลาเ้าหน้าที่ กรีนก็เดินกลับบ้านตามปกติ ใจเขาอยากจะเดินไปดูตรงเสามาก ๆ แมวตัวนั้นยังอยู่ไหม แต่ก็ต้องตัดใจไปเพราะเขาก็ห่วงความปลอดภัยของตัวเองเช่นกัน
“คุณกรีน” กรีนหันหลังไปตามเสียงเรียก พอรู้ว่าเป็ใครก็ยกยิ้มให้ก่อนทักทายกลับ
“สวัสดีครับคุณเพิร์ธ”
“สวัสดีค่ะ เพิ่งกลับจากร้านเหรอคะ?”
“ใช่ครับ” คุณเพิร์ธคือหญิงสูงอายุที่กรีนรู้จักมาค่อนข้างหลายปีแล้ว เพราะั้แ่ที่กรีนย้ายมาอยู่ที่นี่กับพี่ชาย คุณเพิร์ธก็เป็เพื่อนบ้านที่คอยช่วยเหลือเขาตลอด
“คุณเพิร์ธล่ะครับ ออกไปไหนมา?”
“อ้อ ไปซื้อขนมให้เ้าแมวเหมียวนั่นแหละ อยากจะกินดึกดื่น ของที่บ้านหมดพอดี”
“แบ่งที่บ้านผมไปได้นะครับ”
“คุณกรีนซื้อตุนไว้ทำไมนักล่ะคะ? ป้อนพวกมันก็ไม่ได้อีก”
“งั้นก็วานให้คุณเพิร์ธป้อนแทนผมแล้วกันนะครับ” กรีนตอบกลับไปยิ้ม ๆ
“อ้อ คุณกรีน พอรู้ข่าวเื่ที่มีแมวมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ในเขตเราไหมคะ?”
“ผมเพิ่มกลับจากศูนย์เพราะไปแจ้งเื่นี้มาเองครับ”
“อ้าว คุณกรีนก็เห็นมันเหรอ?”
“ใช่ครับ เห็นบ่อยเลย พอดีเวย์บอกให้ห่าง ๆ มา เผื่อเป็พวกที่คิดร้าย”
“ก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนี้ถึงเดินทางนี้”
“คุณเพิร์ธเคยเห็นมันบ้างไหมครับ?”
“คุณเพิร์ธไม่รู้ว่าเป็ตัวไหนนี่สิคะ”
“มันจะชอบนั่งอยู่ที่เสาที่วางลังกระดาษเยอะ ๆ ก่อนถึงบ้านผมจากทางโน้นน่ะครับ” กรีนชี้ไปที่ทางปกติที่เขาใช้เดินกลับบ้าน
“ตรงนั้นพวกแมวในซอยชอบมาเล่นกันด้วยสิ แต่คุณเพิร์ธได้ยินมาว่าเขาจะตาสีฟ้า ตัวสีขาว ปลายหางเข้ม ๆ”
“ใช่ครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตาสีอะไร ไม่เคยเข้าใกล้มันเท่าไหร่”
“ถ้าแมวแบบนั้นในเขตเราหายากมากเลยนะคะ ส่วนใหญ่จะอยู่ทางเหนือ แต่ว่าคุณเพิร์ธเคยเห็นตัวนึงที่สวนสาธารณะ”
“เหรอครับ? แล้วเขาลักษณะเป็ยังไงนะครับ?”
“เป็แมวสีขาว ขนปุย ๆ ปลายหางเข้ม ตาสีฟ้า เหมือนจะมีเ้าของ คุณเพิร์ธเคยป้อนขนมเขาไป ขอบคุณใหญ่เลยนะ ทำอะไรน่ารัก ๆ ให้คุณเพิร์ธดูด้วย เก่งมาก ๆ เลย คุณเพิร์ธหวังว่าจะไม่ใช่ตัวนั้นนะคะ”
“แมวตัวนั้นทำไมเหรอครับ?”
“ก็เขาดูจะเหนื่อยง่ายน่ะค่ะ หายใจแรงนิดหน่อย วิ่งไปแปปนึงก็หยุด ถ้าไม่มีเ้าของจริง ๆ คงจะลำบากแย่เลย” กรีนฟังแล้วใจหาย ถ้าเกิดว่าใช่จริง ๆ ล่ะ ทำไมถึงไม่มีเ้าของกัน จากที่คุณเพิร์ธเล่า แมวตัวนั้นน่าจะเก่งน่าดูเลย เ้าของคงจะเอ็นดูและหวงเอามาก ๆ
“งั้นเหรอครับ?”
“คุณเพิร์ธอยากจะเลี้ยงเองมาก ๆ เลยค่ะ เขาดูชอบขนมที่คุณเพิร์ธให้มาก พอกินเสร็จเขามาย่ำเท้าขอบคุณคุณเพิร์ธด้วยนะ เป็แมวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีเลย”
อ่า
ใช่แน่ ๆ
วันก่อนที่วางอาหารไว้ให้ก็ย่ำที่พื้น
มองอยู่ตั้งนานว่าย่ำทำไม
จะจำไว้ว่ามันแปลว่าขอบคุณนะแมวน้อย
เห้อ
แล้วคิดถูกไหมวะเนี่ยที่ไปแจ้งศูนย์
“คุณเพิร์ธเข้าบ้านได้แล้วล่ะครับ เริ่มเย็น ๆ แล้ว ฝากทักทายตัวเล็กที่บ้านด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ หลับสนิท ๆ นะคะคุณกรีน”
“เช่นกันครับ”
กรีนบอกลาคุณเพิร์ธและเดินกลับบ้านมา ในหัวเขาก็เอาแต่คิดว่าถ้าคุณเพิร์ธรู้ข่าวแล้ว ก็แปลว่าลูกบ้านในเขตก็คงรู้กันเยอะ ถ้าเป็แบบนั้น เ้าแมวน้อยตัวนั้นจะไปอยู่ที่ไหน คงถูกจับตามองอยู่ตลอด ถึงเขาจะพยายามคิดว่าที่ไปแจ้งที่ศูนย์มันถูกแล้ว แต่ทำไมลึก ๆ มันคิดว่าเขาไม่ได้มาร้าย ยิ่งได้ฟังที่คุณเพิร์ธเล่า เขาก็ยิ่งทวีคูณความเอ็นดูเข้าไปใหญ่
ทำไงดีวะ?
อยู่ ๆ ก็เป็ห่วงขึ้นมาซะงั้น
ตอนนี้จะไปนอนอยู่ที่ไหนวะเนี่ย