หลิ่วจิ้งถอนหายใจยาวหนหนึ่ง ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นระยิบระยับบนหน้าผากลุกขึ้นมาแล้วนึกได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ข้างหลัง จึงรีบหันหน้ามาลงคุกเข่ากับพื้นคารวะ กล่าวว่า “ข้ากำลังจดจ่อกับการช่วยชีวิตคน มิได้หันไปต้อนรับฮูหยินผู้เฒ่าขอฮูหยินผู้เฒ่าโปรดอภัยด้วยเ้าค่ะ”
นางกวาดตาไปรอบๆ เห็นว่าบนใบหน้าขาวๆของอิ๋งเหอมีรอยฝ่ามีสีแดงเพิ่มขึ้นมา ความเสียใจก็ค่อยๆ วาบผ่านเข้ามาในดวงตารอยตบในวันนี้ ข้าหลิ่วจิ้งจำจดไว้ในใจแล้ว!
“ผู้เฒ่าเช่นข้าหรือจะกล้าถือโทษองค์หญิง! เพียงแต่ชีวิตคนสำคัญนักต่อให้เป็กษัตริย์ก็ไม่อาจเห็นชีวิตคนเป็ผักหญ้า!”ความดุดันในแววตาของฮูหยินผู้เฒ่ายังคงไม่สร่างซา ดังจะกลืนกินหลิ่วจิ้งลงท้องไปทั้งเป็เช่นนั้น
“ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดตรวจสอบให้ชัดแจ้ง ข้าหาได้ซ้ำเติมทำร้ายฮูหยินจ้าวหากแต่กำลังช่วยชีวิตนางเ้าค่ะ! เมื่อครู่นี้สถานการณ์คับขันฮูหยินจ้าวกำลังอยู่ในขั้นวิกฤตถึงชีวิต ข้าจึงร้อนใจและไม่ทันได้อธิบายเ้าค่ะ”
“หึ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังจะะเิอารมณ์ พอดีว่ามีบ่าวที่เชิญหมอมาได้แล้วเมื่อหมอเข้าไปในห้องก็คารวะฮูหยินผู้เฒ่า แล้วรีบไปตรวจดูอาการของนางจ้าวที่หน้าเตียงเมื่อเห็นว่าที่ตัวของนางจ้าวมีรอยเืไหลออกมา สีหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นมาแล้วจึงอดจะหันหน้ากลับมาอุทานอย่างใไม่ได้ว่า“ในจวนแม่ทัพกลับมีคนรู้ศาสตร์การช่วยชีวิตอยู่ก่อนแล้ว ทำเอาข้าอุตส่าห์ร้อนใจไปเสียเปล่าจริงๆ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินท่านหมอว่ามาดังนี้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลง ถามว่า“หมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าได้ยินอาการของฮูหยินจ้าวก็คาดเดาอยู่ในใจว่าต้องใจนหัวใจอุดตัน กลัวแต่จะหายใจได้ไม่สะดวก พอข้ามาถึงก็คงจะเสียชีวิตเสียแล้วขอรับ!ยามนี้เห็นว่าตัวของฮูหยินถูกคนใช้เข็มแทงให้เืลมหมุนเวียนสะดวกขึ้นสีหน้าก็แดงขึ้นมา จึงรู้ว่ามีคนใช้ศาสตร์ช่วยชีวิตคนไปแล้วขอรับ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าจึงเข้าใจขึ้นมาทันใดรู้อยู่ในใจว่าตนเข้าใจองค์หญิงต้าเหว่ยผู้นี้ผิดไปแล้ว จึงบอกว่า“ข้าเข้าใจท่านผิดไปแล้ว!”
“เป็ข้าวู่วามเองเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าตนเองไร้เหตุผลจึงไม่พูดจาให้มากความอีกพลันสอบถามถึงเื่ที่เกิดในวันนี้อย่างละเอียดในทันทีเหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นอาหนู จึงรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ ถามว่า “ในเวลาเช่นนี้เหตุใดจึงไม่เห็นอาหนูเล่า?”
หลิ่วจิ้งได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าถามพลันคิดในใจว่าเกรงว่าอาหนูเป็โจรรู้สึกผิด นางจึงไม่กล้ามาแล้ว
ยามนี้ ตะวันค่อยโผล่ขึ้นมาดอกไป๋จื่อริมน้ำเบ่งบานทั้งมีสีสันเข้มขึ้น บุปผางามแรกแย้มอยากเอื้อนเอ่ยแต่ยั้งคำ
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าก็เห็นอาหนูพาสาวใช้และบ่าวชราค่อยๆ เดินจากนอกห้องเข้ามาทางนี้ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ป้าจ้าวที่อยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ามองเห็นจากหางตารีบขยับเข้าไปกระซิบข้างหูฮูหยินผู้เฒ่า ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าโอดครวญขึ้นมาว่า“อาหนูผู้นี้ ปกติแล้วที่ใดมีเื่ครึกครื้นก็จะไปอยู่ที่นั้นวันนี้กลับเป็คนสุดท้ายที่มาถึง หรือว่าเป็โจรรู้สึกผิดกันนะ?”
ที่แท้ อาหนูเชื่อคำยั่วยุของหลิ่วจิ้งจนสนิทใจ รอจนหลิ่วจิ้งจากไปแล้วไม่นานก็เข้าไปทะเลาะกับนางจ้าวในสวนดอกไม้ และถูกบ่าวไพร่ในลานบ้านพบเห็นเข้าไม่รู้ว่าเป็ผู้ใดที่ปากมากไปฟ้องป้าจ้าว
ป้าจ้าวติดตามอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ามานานปีมีเื่ใดบ้างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน? เมื่อไตร่ตรองเื่นี้ในใจ แม้จะไม่ได้ทำให้ถึงแก่ชีวิตแต่ก็อาจทำให้เป็เื่ใหญ่โตได้ จึงนำเื่ที่ทั้งสองคนขัดแย้งกันบอกเล่าให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังเพื่อมิให้วันหน้าวันหลังมีคนที่มีเจตนาอื่นใด มายุยงใส่ความต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าแล้วตนเองก็ต้องโทษ ฐานไม่นำความมาแจ้ง ฮูหยินผู้เฒ่าเป็คนฉลาดและเด็ดขาดจะต้องตัดสินเื่นี้ได้แน่นอน
ฮูหยินผู้เฒ่าทำทีพูดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ทุกคนในห้องล้วนรู้เื่ดีอยู่แก่ใจไม่มีใครกล้าตอบความสักคน เอาแต่นิ่งเงียบคอยดูเื่สนุก
แต่หารู้ไม่ว่าอาหนูยังไม่ทันเข้ามาถึงในห้องก็ได้ยินท่านหมอคุกเข่าลงกับพื้นแจ้งข่าวดีว่า “ยินดีด้วยขอรับฮูหยินผู้เฒ่ายินดียิ่งขอรับ ฮูหยินมีข่าวดีแล้วขอรับ!”
พอฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังคำยังจะจำเื่ที่ป้าจ้าวนำมาฟ้องได้อีกที่ใดกันคิ้วนางเลิกขึ้นด้วยความยินดี พนมมือกราบไหว้ กล่าวว่า “์ทรงโปรดในที่สุดสกุลหั่วของเราก็จะมีผู้สืบสกุลแล้ว!”
“เพียงแค่ฮูหยินตื่นใจนไปกระทบกับปราณในครรภ์เข้าข้าจะสั่งยาบำรุงครรภ์ให้สองชุด ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดวางใจขอรับ!” เมื่อท่านหมอพูดจบก็เดินตามบ่าวออกไป
อาหนูยืนอยู่ตรงประตูได้ยินคำของท่านหมอแจ่มชัด ดวงตางดงามชะงักนิ่งรู้ว่าคราวนี้ตนเองก่อความผิดใหญ่หลวงเข้าให้แล้วเดิมทีแค่คิดว่าจะสั่งสอนนางจ้าวสักหน่อย แกล้งนางพอให้ได้ระบายความแค้นคิดไม่ถึงว่านางกลับขวัญอ่อนถึงเพียงนี้ หนำซ้ำตอนนี้ก็ยังมาชิงตั้งท้องไปก่อนอีกแล้วชีวิตของตนในวันข้างหน้าจะเป็อย่างไร?
คิดได้ดังนี้ อาหนูจึงยืนชะงักอยู่ที่ประตูตัดสินใจไม่ได้สักทีจะเข้าไปก็ไม่ใช่ ไม่เข้าไปก็ไม่ได้
“หึ เ้ายืนอยู่ที่ประตูไม่เข้ามาก็เพราะเป็โจรรู้สึกผิดใช่หรือไม่?” เมื่อจัดแจงทุกสิ่งเสร็จสรรพฮูหยินผู้เฒ่าจึงเพิ่งนึกออกว่าอาหนูยังคงไม่เข้ามาในห้องเสียทีคิดว่าเื่นี้จะต้องเกี่ยวข้องกับนางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนเดิมทีนึกว่านางแค่เป็คนใจร้อนไม่ค่อยรู้กาลเทศะ แต่ยามนี้ดูไปแล้ว กลัวแต่ว่านางคิดชั่วจงใจทำร้ายหลานของตนให้ชีวิตหาไม่เสียมากกว่ากระมัง?
อาหนูได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเรียกตน จึงรีบตั้งสติ ยิ้มหวานเดินเข้ามาทำเป็ไม่รู้เื่บอกว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยสิ่งใดเ้าคะ? ข้าเพียงเกรงว่าหากบุ่มบ่ามเข้ามาจะขัดจังหวะฮูหยินผู้เฒ่าผู้กำลังดีใจที่จะได้หลานต่างหากเ้าค่ะ!”พูดจบ ดวงตาหงส์ก็เหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าอย่างระมัดระวังคราวหนึ่ง
เห็นท่าทีเสแสร้งของอาหนูใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าจะหลงเหลือความยินดีแม้เพียงสักนิดได้อย่างไรสองตาดังตาเหยี่ยว แววตาดังคมมีด จ้องเขม็งไปที่อาหนูอย่างดุดันดังเอานางกินลงท้องไปทั้งเป็ ฮูหยินผู้เฒ่าตบโต๊ะเสียงดังขึ้นว่า “ปกติแล้วข้าเห็นว่าแต่เล็กมาเ้าทำตามอำเภอใจจนเคยตัวก่อเื่วิวาทน้อยบ้างใหญ่บ้างข้าก็ไม่อยากจะถือสาเ้า แต่เ้ากลับดีนักนับวันยิ่งไร้กฎไร้ระเบียบเข้าไปทุกวันยามนี้ยิ่งบังอาจล้นฟ้ากล้าลงมือกับเืเนื้อเชื้อไขของสกุลหั่วของข้า!”
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ! อาหนูถูกปรักปรำเ้าค่ะ!”อาหนูเคยเห็นฮูหยินผู้เฒ่าบันดาลโทสะมากมายถึงเพียงนี้มาก่อนที่ใดกันนางใจนสั่นไปทั้งตัว รีบแก้ต่างไปเสียงเบา ไม่มีท่าทีมั่นอกมั่นใจอย่างเมื่อครู่นี้อีกแล้ว
“ปรักปรำเ้ารึ? ดี! ดี! ดี!ข้าปรักปรำเ้า! แต่คนทั้งจวน ตาตั้งหลายคู่ล้วนเห็นว่าวานนี้เ้าไปทะเลาะกับนางจ้าวอยู่ในสวนหรือว่าคนเหล่านี้ล้วนมีความแค้นเคืองกับเ้า? จึงต้องมาปรักปรำใส่ความเ้าให้จงได้?” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนสองมือสั่นสะท้าน พลางชี้นิ้วด่าทออาหนูยกใหญ่
“ข้า…” อาหนูใบ้กินไปทันใด เหมือนมะเขือเทศถูกน้ำค้างแข็งจับ แห้งเหี่ยวลงไปทันใดเื่ก็มาจนถึงขั้นนี้ แม้ตนเองจะมีปากก็ยากจะแก้ต่างชิงชังก็แต่พวกบ่าวสุนัขปากมาก กล้าไปฟ้องความผิดตนหลับหลัง!แต่โทษฐานวางแผนทำร้ายผู้สืบสกุลนี้ ตนเองไม่อาจแบกรับไว้ได้จริงๆ !
คิดไปดังนี้ อาหนูก็คุกเข่าเสียงดัง ‘ฟุ่บ’ ลงกับพื้น“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ อาหนูก็เพียงคิดจะทำให้พี่หญิงใสักเล็กน้อยเท่านั้นหาได้มีเจตนาจะทำร้ายเด็กในครรภ์ ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดพิจารณาด้วยเ้าค่ะ!”
“อาหนูแห่งสกุลหั่ววางอำนาจบาตรใหญ่ ลากออกไปตียี่สิบไม้ใหญ่!”
คำของฮูหยินผู้เฒ่าดังสายฟ้าฟาดยามกลางวันแสกๆ ทำเอาอาหนูใจนแทบสิ้นสตินางวิงวอนว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดเมตตา! อาหนูไม่กล้าละเมิดกฎตระกูลอีกแล้วเ้าค่ะ!วันหน้าจะยึดมั่นอยู่ในกฎของภรรยา ตั้งตนเป็คนดีเ้าค่ะ!”
บ่าวไพร่ในจวนไม่เคยพบเห็นฮูหยินผู้เฒ่ามีโทสะดังนี้มาก่อนเมื่อคิดว่าเื่นี้ใหญ่โตนักจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาขอความเห็นใจให้อาหนู
หลิ่วจิ้งนิ่งเงียบไม่พูดอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด แต่เวลานี้ก็อดจะเหงื่อไหลซึมเพราะอาหนูไม่ได้ยี่สิบไม้ใหญ่! กลัวแต่ว่ายังไม่ทันตีจนครบอาหนูก็คงจะสิ้นใจไปเสียก่อนแล้วน่ะสิ!คิดไปเื่วานนี้ก็เป็ตนเองก่อขึ้น แต่หากเื่บานปลายให้โทษถึงแก่ชีวิตก็หาใช่เจตนาของตนไม่ จึงเกิดความคิดขึ้นในใจ
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ข้าอยากพูดสักคำ ไม่ทราบว่าสมควรหรือไม่? ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง หลิ่วจิ้งก็ลงไปคุกเข่าอยู่กลางห้องแล้ว
อาหนูไม่คิดมาก่อนว่าหลิ่วจิ้งจะก้าวออกมาช่วยตนรู้สึกราวกับได้เกาะฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้น้ำตาเอ่อนองสองตาขณะจับจ้องไปยังหลิ่วจิ้ง
“หึ หรือท่านจะช่วยนางร้องขอความเมตตาจากข้าให้จงได้?”
หลิ่วจิ้งรู้ดีว่าเวลานี้ตนเองขี่หลังเสือยากจะลงมาได้หาก้าจะช่วยคนและช่วยตนเอง ก็ต้องสรรหาถ้อยคำที่หลักแหลมมาเอ่ย
_____________________________