คิดไว้ว่าหากสามารถทำ‘จุ้ยเมิ่งฉาง’ ย่อมถือเป็การดี ภายหน้ายังสามารถใช้การได้ แต่หากทำไม่ได้ ก็ไม่ใช่เื่สำคัญอะไรเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทิ้งจดหมายไว้ให้หรงชิง ไม่จำเป็ต้องยึดติดกับสิ่งนี้
คาดไม่ถึงว่าซงซวี่กลับเอ่ยอย่างมีลับลมคมในว่า“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ขอไม่ปิดบังท่าน ข้าก็มี ‘จุ้ยเมิ่งฉาง’ที่ทำเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะความจริงแล้วของชิ้นนี้ไม่ใช่ของที่พวกคนกักขฬะชั้นต่ำนั่นทำขึ้นมาแต่ได้มาจากชายชราที่ท่องเที่ยวแคว้นเหลยแล้วซื้อไว้ใช้เป็จำนวนมากพ่ะย่ะค่ะถือว่าบังเอิญไม่น้อย วันนั้นพวกเขาทำการซื้อขายครั้งใหญ่ดังนั้นจึงนำของสิ่งนี้มาด้วยเป็จำนวนไม่น้อย ข้าจึงรับไว้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
แน่นอนว่าองค์รัชทายาทย่อมต้องดีพระทัย“อ้อ? จะแบ่งให้เปิ่นกงจำนวนหนึ่งได้หรือไม่?”
“ย่อมได้พ่ะย่ะค่ะเตี้ยนเซี่ยโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปเอามาเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” ซงซวี่เอ่ย
ไม่นานนักซงซวี่ถือขวดลายครามขนาดเล็กเท่ากับกำปั้นของบุรุษด้วยมือทั้งสองข้างและยกมือขึ้น“ถวายทั้งหมดแด่ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไอหยา ข้าไม่ใช้มากถึงเพียงนี้” องค์รัชทายาทตรัส“เปิ่นกงแค่รู้สึกแปลกใหม่ ใช้กระดาษห่อกลับจวนจำนวนหนึ่งเป็พอ”
“หากเก็บไว้กับข้าน้อยก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรพ่ะย่ะค่ะภายในจวนโหวไม่มีท่านหมอผู้มีชื่อเสียงที่เข้าใจเื่สมุนไพร ไม่อาจศึกษาวิธีการใช้ประโยชน์พ่ะย่ะค่ะ”ซงซวี่กล่าว
องค์รัชทายาทแย้มสรวล“ก็ดี ขอบน้ำใจคุณชายเป็อย่างยิ่ง เปิ่นกงจะมอบให้กับหมอในจวนอาจจะประโยชน์ไม่น้อย”
แท้จริงแล้วจุ้ยเมิ่งฉางที่อยู่ในมือซงซวี่ไม่ได้มีเพียงแค่ขวดเดียวแต่แน่นอนว่าเขาไม่มีทางให้องค์รัชทายาทรู้เื่นี้
ครั้นสนทนาเรื่อยเปื่อยอีกครู่หนึ่งองค์รัชทายาทอยากวางแผนเื่นี้จึงไม่มัวชักช้าและลุกขึ้นขอตัวกลับจวนองค์รัชทายาทผนังห้องทางทิศตะวันตกภายในห้องบรรทมขององค์รัชทายาทคือประตูลับหน้าประตูลับมีตู้สูงห้าฉื่อตั้งประดับตกแต่งภายในห้องบริเวณชั้นสี่ระหว่างแถวที่สี่และแถวที่ห้าของตู้มีกลไกเชื่อมโยงกับกระบี่ล้ำค่าบนผนังที่ถูกดันจนประตูลับค่อยๆเปิดออก
องค์รัชทายาทดันตู้ออกห่างเพื่อให้มีขนาดสำหรับคนหนึ่งคนเขาเดินเข้าไปในประตูลับและดันตู้กลับตำแหน่งเดิมเพื่อเป็การปิดกลไกภายในห้องบรรทมขององค์รัชทายาทเงียบสนิท ไม่มีความผิดปกติใดๆ
ประตูลับบานนี้เชื่อมต่อกับทางลับสายยาวเส้นหนึ่งสามารถทะลุไปถึงด้านล่างูเาปลอมในหมู่บ้านแถบชานเมืองด้านล่างูเาปลอมคือสนามฝึกใต้ดินที่มีไว้สำหรับฝึกองครักษ์เงา ทุกๆปีจะมีเพียงหนึ่งคนที่สามารถรอดชีวิตออกมาจากที่แห่งนี้ผู้ที่สามารถรู้ว่า้าูเาปลอมคือที่ใดย่อมกลายเป็องครักษ์เงาที่ฟังคำสั่งโดยตรงจากเขาเท่านั้นั้แ่บัดนี้
องค์รัชทายาทสวมหน้ากากที่แขวนไว้ตรงประตูบานที่สองและเข้าไปข้างใน
“นายท่าน”เมื่อสตรีสวมอาภรณ์สีดำทะมัดทะแมงเห็นประตูถูกเปิดออกจึงรีบเข้ามาเอ่ยอย่างนอบน้อม
องค์รัชทายาทยกพระหัตถ์ขึ้นข้างหนึ่งและใช้พระสุรเสียงทุ้มต่ำตรัสว่า“ไม่ต้อง”
เขากวักมือเพื่อบอกให้นางตามไปยังนอกูเาปลอม
องครักษ์เงาก่อตั้งมาเป็เวลาสามปีจือซิงคือองครักษ์เงาคนแรกที่สามารถเดินออกมาจากที่แห่งนี้ตอนนี้นางเป็ผู้ฝึกฝนว่าที่องครักษ์เงาที่ถูกคัดเลือกมาใหม่จำนวนเหล่านี้
เมื่อออกจากูเาปลอมเดินอ้อมไปทางด้านหลังูเา เมื่อมาถึงป่าไม้เขียวชอุ่มมีเรือนงามหลังหนึ่งองค์รัชทายาทสร้างเรือนหลังนี้ขึ้นมาเบื้องหน้าเอาไว้สำหรับศึกษาตำราอย่างเงียบสงบทว่าเื้ักลับเป็สถานที่ใช้สั่งการองครักษ์เงา
“เ้าลงเลือกมาสามคน”หลังเข้ามาข้างในห้อง องค์รัชทายาทหันพระขนองให้จือซิงและตรัสด้วยพระสุรเสียงทุ้มต่ำ“วรยุทธ์ไม่จำเป็ต้องเก่งกาจมากนัก แต่จะต้องกำยำล่ำสันแลดูคล้ายคนแคว้นเหลยผงยาจำนวนนี้ของข้า เ้าจงเอาไปให้พวกเขา”
องค์รัชทายาทไม่ได้มอบผงยาให้กับจือซิงโดยตรงกลับวางห่อยาขนาดเล็กนี้ลงบนโต๊ะด้านหน้า
“ยังมีอีกเื่เ้าเขียนจดหมายฉบับหนึ่งต้องเขียนให้บิดเบี้ยวน่าเกลียดเช่นตัวหนังสือของคนป่าเถื่อนที่พึ่งหัดเขียนหนังสือ...”
ขณะองค์รัชทายาทออกคำสั่งจือซิงตั้งใจฟังอย่างละเอียดโดยไม่กล้าสะเพร่าแม้แต่นาทีเดียว
“คนทั้งสามคนนี้...หลังกลับมาจงกำจัดเสีย” องค์รัชทายาทตรัส
“เพคะ”จือซิงขานรับ
องค์รัชทายาทโบกพระหัตถ์“ไปเตรียมการเถิด อีกสามวันให้หลังจงลงมือในคืนวันที่ห้าเดือนห้าและหลังจากนี้อีกสามวันกลับมารายงานข้าที่นี่ในยามจื่อ*”
หากลงมือเร็วเกินไปก็เป็ปัญหาเช่นกันเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือการลงมือก่อนใกล้ถึงวันแต่งงาน หลังจากนั้นหนึ่งวันหรือหนึ่งคืนก่อนวันแต่งงานค่อยโยนนางกลับไปอย่างโจ่งแจ้งเพื่อแสดงให้เห็นว่า ‘เพลิดเพลินจนสมใจแล้ว’
เวลาสั้นๆเพียงสองวันเขาเชื่อว่าแม้ตระกูลหรงกับเ้าสามจะเก่งกาจมากเพียงใดก็ไม่มีทางหาตัวหรงหว่านซีพบ...
หรงหว่านซี เมื่อเ้าไร้เกียรติและกลายเป็หญิงที่ถูกทอดทิ้งหากเ้าไม่อ้อนวอนให้เปิ่นกงเ้า นั่นถึงจะเป็เื่แปลก...
สองวันมานี้ขุนนางสื่อราชสำนักแซ่หงแวะเวียนมายังจวนเพื่อหารือเื่พิธีมงคลกับท่านพ่ออยู่บ่อยครั้งภายในจวนก็ตระเตรียมทุกสิ่งอย่างจนพร้อมหมดแล้วชั่วพริบตาเดียววันเวลาได้เดินมาถึงวันที่ห้าเดือนห้าชุดแต่งงานที่ช่างปักผ้าในจวนเร่งรีบลงมือถูกส่งมาั้แ่เช้าตรู่
หรงหว่านซีสวมแล้วรู้สึกพอดีตัวยิ่งนักแต่ไม่อาจกล่าวได้ว่าพึงพอใจเสียทั้งหมด
“คุณหนูสวมแล้วงามจริงๆเ้าค่ะ” ข้ารับใช้มีอายุนามจ้าวเซิ่นเอ๋อร์เอ่ย
“หลายวันมานี้ทุกคนต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะเร่งตัดชุดแต่งงานเสียแล้ว...”หรงหว่านซีเอ่ย พลางส่งสัญญาณบอกให้ชูเซี่ยมอบรางวัล“พวกเ้าจะเอาไปหาของอร่อยกินก็ได้ ถือเป็การหาความสุขสักหน่อย ไม่ต้องปฏิเสธ”
จ้าวเซิ่นเอ๋อร์เห็นหรงหว่านซีตั้งใจให้รางวัลเช่นนี้จึงคิดว่านางพึงพอใจชุดแต่งงานไม่น้อย หลังกล่าวขอบคุณจึงถอยออกไปอย่างมีความสุข
“คุณหนูหนูปี้ดูแล้วชุดแต่งงานนี้ยังไม่งามเท่าใดเลยเ้าค่ะ แลดูล้าหลังไปสักหน่อยไม่ต่างจากชุดที่คุณหนูตระกูลมั่งคั่งทั่วไปสวมใส่สักนิด ช่วยขับความสง่าและใบหน้าอันงดงามของคุณหนูได้เสียเมื่อใดกัน?”
“ภายในระยะเวลาสั้นๆสามารถทำได้ประณีตถึงเพียงนี้ก็ดีมากแล้ว สวมใส่แค่เพียงวันเดียว จะงามหรือไม่นั้นไม่ใช่เื่สำคัญ”หรงหว่านซีเอ่ยเสียงเรียบ “เอาไปเก็บเถิด”
“เดิมทีคุณหนูควรจะได้สวมชุดแต่งงานตัวงามที่คุณหนูเย็บเอง...”ชูเซี่ยยังกล่าวไม่ทันจบก็หุบปากฉับทันที
กลับทำให้หรงหว่านซีเกิดความคิดหนึ่งนางเดินตามชูเซี่ยไปยังตู้ใบนั้นและเอาชุดแต่งงานที่พึ่งเย็บได้ครึ่งตัวออกมา
ผ้าไหมสีแดงละลานตาปักด้ายสีทองเป็มงคล...
นี่คือชุดที่นางเย็บปักด้วยตนเองและรอสวมใส่ยามออกเรือนกับพี่หลิงทว่าตอนนี้กลับไม่อาจสวมใส่เสียแล้ว
“คุณหนู...”ชูเซี่ยก้มหน้า รู้ว่าตนพลั้งปากพูดออกไป “หนูปี้ปากมากไปแล้วเ้าค่ะ...”
“ไม่ใช่ความผิดเ้า”หรงหว่านซีเอ่ย “ชุดแต่งงานชุดนี้จงหาอาภรณ์ตัวอื่นมาปกปิดไว้วันหน้าพวกเราจะไม่อยู่ในจวนอีกนาน อย่าให้มันถูกฝุ่นเกาะ”
“เ้าค่ะ”ชูเซี่ยขานรับ
แต่...เก็บไว้แล้วจะมีประโยชน์อะไร? จดหมายเ่าั้ก็เช่นกันมีแต่จะเพิ่มความโศกเศร้ายามได้เห็น คุณหนูรักมั่นต่อหลิงอ๋องเตี้ยนเซี่ยยิ่งนักหากพยายามรักษาความสัมพันธ์เอาไว้เช่นนี้กลับจะยิ่งทำให้นางไม่อาจก้าวผ่านไปได้...
ครั้นพึ่งจะเก็บชุดแต่งงานเสร็จทันใดนั้นได้ยินเสียงเด็กรับใช้เข้ามาเรียนว่า “คุณหนูเ้าคะจวนเฉินอ๋องส่งคนมาเ้าค่ะ”
หรงหว่านซีออกไปต้อนรับเพราะไม่รู้ว่าเฉินอ๋องส่งคนมาด้วยเื่อะไร
ผู้ที่มาคือหญิงรับใช้สามนางผู้ที่ยืนอยู่ข้างหน้าคล้ายจะเป็ผู้ดูแลสั่งการอีกสองนางที่เหลือในมือถือถาดสีทองสองใบ
“หนูปี้นามอวิ๋นฉางคำนับคุณหนูเ้าค่ะ...”หญิงรับใช้ผู้เป็หัวหน้าเอ่ย
หรงหว่านซีมองดวงหน้าเรียวเล็กรูปไข่ช่างน่าเอ็นดูและใบหน้าสวยพริ้มเพราของนางเมื่อเห็นนางวางตัวอย่างเหมาะสมจึงรู้ได้ทันทีว่านางคือหัวหน้าหญิงรับใช้ผู้ดูแลงานของเฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “เชิญกูเหนียงเข้ามาพูดคุยกันข้างในเถิด”
*ยามจื่อ : เวลา23.00 – 24.59 น.