เฉินอ๋องส่ายหน้า เื่เล็กแค่นี้จำเป็ต้องก่อนเื่วุ่นวายถึงเพียงนี้เลยหรือ
“เหตุใดจึงบอกว่าพระชายาทำให้กูเหนียงของเ้าอับอายขายหน้า?นางพูดอะไร?” เฉินอ๋องถาม
ขณะสนทนา หลูไฉ่ซีถูกอวิ๋นฉางช่วยขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
“เตี้ยนเซี่ยโปรดอย่าตรัสถามอีกเลยเพคะหม่อมฉันไม่อยากกลายเป็ผู้หาเื่หาราวดังคำกล่าวหม่อมฉันไม่อยากให้เตี้ยนเซี่ยกับพระชายาบาดหมางกันเพราะการกระทำของหม่อมฉันเพคะ!หม่อมฉันรู้ ก่อนหน้านี้หม่อมฉันถูกบรรดาเจี่ยเม่ยไม่พอใจเพราะเป็ที่โปรดปรานของเตี้ยนเซี่ยยามนี้เหนียงเหนียงเข้ามาในจวน แน่นอนว่าต้องจัดการหม่อมฉันเพื่อเป็ตัวอย่างหม่อมฉันเป็เพียงอนุชายาที่ไม่มีตำแหน่งอะไรทั้งนั้นจะขัดเหนียงเหนียงได้อย่างไรเพคะ?”
หลูไฉ่ซีเอ่ยทั้งน้ำตาดูน่าสงสารทว่าเฉินอ๋องกลับใบหน้าเรียบนิ่ง รอจนนางพูดเสร็จจึงเอ่ย “แค่เื่เข้าใจผิดเท่านั้นในเมื่อเ้ามาช้า หากพระชายาไม่ลงโทษเ้า จะกลายเป็การไม่เคารพตามฐานะสูงต่ำงั้นรึ? เอาล่ะอย่าได้สร้างเื่วุ่นวายอีก ควรจะกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
“เตี้ยนเซี่ยทรงเป็ผู้รู้แจ้งพระชายาลงโทษหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ควรจะยอมรับโดยไม่กล่าวสิ่งใด ทว่าชิวเยี่ยนเป็หญิงรับใช้ที่รอบคอบมาโดยตลอดเหตุใดเมื่อวานถึงฟังผิดกัน? เื่หม่อมฉันถูกพระชายาลงโทษไม่ใช่เื่สำคัญอะไรเพคะทว่าเตี้ยนเซี่ยควรได้ทราบว่าหม่อมฉันถูกใส่ร้าย... ขอเพียงเตี้ยนเซี่ยเข้าใจหม่อมฉันต่อให้หม่อมฉันต้องได้รับความไม่เป็ธรรมมากเพียงใดก็ไม่เป็อะไรเพคะ....”หลูไฉ่ซีเอ่ยเสียงสะอื้น
เฉินอ๋องโบกมือและตอบกลับอย่างขอไปที“ได้ เปิ่นหวางรู้แล้ว และก็เห็นใจเ้ายิ่งนัก”
ขณะกล่าวเดินเอามือไพล่หลังออกไปเพราะไม่อยากได้ยินเสียงโวยวายของนาง
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวกลับชะงักฝีเท้า...
หันหลังกลับมาเอ่ยว่า “ครั้งแรกของการเข้าเฝ้าพระชายาเ้าก็สายเสียแล้วพระชายาคิดว่าเ้าไม่ให้เกียรตินาง หากจะหักเบี้ยเลี้ยงหนึ่งเดือนย่อมเป็เื่สมควรเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน...”
เฉินอ๋องหันไปหาอวิ๋นฉาง“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป บอกว่าเป็เจตจำนงของเปิ่นหวาง หลูกูเหนียงลบหลู่พระชายาจงหักเบี้ยเลี้ยงสามเดือน”
“เตี้ยนเซี่ย...”หลูไฉ่ซีมองเฉินอ๋องด้วยใบหน้าไม่อยากจะเชื่อ หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอไหลรินออกมาท่าทางน่าเวทนายิ่งนัก
“ตลอดเวลาครึ่งปีที่เ้าเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องทำให้เปิ่นหวางพอใจไม่น้อยนอกจากนั้นยังไม่ได้ทำผิดอะไร เปิ่นหวางเองที่สะเพร่าจนลืมแต่งตั้งตำแหน่งของเ้า...อวิ๋นฉาง บอกจิ้นหมัวหมั่วให้สั่งคนไปแจ้งเรือนหลังทุกเรือนว่าหลูกูเหนียงเลื่อนขั้นเป็หลูเหม่ยเหริน”
หลูไฉ่ซีนิ่งอึ้งครู่หนึ่งจากนั้นคำนับแนบศีรษะลงกับพื้น “หม่อมฉันขอบพระทัยในพระเมตตาอันล้นพ้นของเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
เฉินอ๋องพยักหน้า “เอาล่ะกลับไปเถิด....”
“หม่อมฉันส่งเสด็จเตี้ยนเซี่ยเพคะ...”หลูไฉ่ซีเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม
เฉินอ๋องก้าวเท้าเดินออกไปโดยไม่ชายตามองนางแม้แต่นิด
ไม่รู้ว่าคราวนี้หรงหว่านซีจะรับมืออย่างไร...มุมปากเฉินอ๋องหยักยิ้มและรู้สึกสนใจใคร่รู้ยิ่งนัก
เขาเดินมุ่งหน้ามายังตำหนักจาวเต๋อหรงหว่านซีอยู่ในลานพระตำหนักและกำลังถือก้อนด้ายเพื่อล่อให้เซวี่ยหรงวิ่งเล่น
“เ้าคิดว่ามันเป็แมวรึ? นี่คือสุนัขตัวหนึ่ง” เฉินอ๋องเตือน
“ตอนยังเล็กก็เหมือนกันหมดเพคะ”หรงหว่านซีส่งก้อนด้ายให้ชูเซี่ย จากนั้นถอนสายบัวทำความเคารพเฉินอ๋อง
เฉินอ๋องยกมือเป็สัญญาณบอกให้นางลุกขึ้น
เมื่อเข้ามาในห้องจึงสั่งให้ชูเซี่ยกับจือชิวออกไปส่วนตนนั้นไปหาอาภรณ์ในตู้เสื้อผ้ามาเปลี่ยนพร้อมกับเอ่ย“วันนี้เ้าได้พบพวกนางแล้ว รู้สึกเป็อย่างไรบ้าง?”
หรงหว่านซีเอ่ย “หม่อมฉันเดาออกแล้วเพคะ”
“อ้อ? ไหนเ้าลองบอกสิว่าเปิ่นหวางชอบผู้ใดมากที่สุดและไม่ชอบผู้ใดมากที่สุด”เฉินอ๋องเอ่ย
“หากหม่อมฉันบอกออกไปตอนนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมกับหม่อมฉันเพคะ” หรงหว่านซีเอ่ยพลางยิ้มแย้ม“ทว่าเตี้ยนเซี่ยก็ไม่ใช่คนชอบเอาเปรียบผู้อื่น จะดีหรือไม่หากพวกเราทำให้ยุติธรรมสักนิดโดยการเขียนคำตอบพร้อมกันถึงยามนั้นเอามาเทียบกันดูว่าสิ่งที่เตี้ยนเซี่ยกับหม่อมฉันเขียนเหมือนกันหรือไม่เช่นนี้ดีไหมเพคะ?”
“ความคิดดี!” เฉินอ๋องหันหลังและเดินผ่านห้องโถงไปยังห้องตำราขนาดเล็กอย่างสบายใจยิ่งนัก
หรงหว่านซีเดินตามไปเช่นกันหลังฝนหมึกเสร็จ คนทั้งสองหยิบกระดาษและพู่กัน ต่างคงต่างเขียนคำตอบพร้อมกัน
เฉินอ๋องเขียนเสร็จจึงพับกระดาษแผ่นนั้นและใช้มือปิดเอาไว้สายตาฉายแววลำพองใจ
เมื่อหรงหว่านซีเขียนเสร็จนางจึงกางกระดาษแผ่นนั้นให้เฉินอ๋องดูอย่างสบายใจ
พบว่าสายตาลำพองใจของเฉินอ๋องถึงกับเลือนหายไปในพริบตา
ตรงกันข้าม สายตาของหรงหว่านซีฉายแววลำพองใจเล็กน้อยแต่ยังเอ่ยนิ่งเรียบแฝงความหยอกล้อ “หม่อมฉันทายถูกหรือไม่เพคะ?”
เฉินอ๋องหัวเราะพลางส่ายหน้าขณะดูกระดาษคำตอบของหรงหว่านซี“หรงหว่านซี เ้าชนะแล้ว...”
สิ่งที่หรงหว่านซีเขียนก็คือไม่มีผู้ใดที่ชอบมากที่สุด และก็ไม่มีผู้ใดที่ไม่ชอบมากที่สุด
สิ่งที่เฉินอ๋องเขียนก็คือ ไม่มีทั้งสอง
“เหตุใดเ้าถึงเดาถูก?” เฉินอ๋องค่อนข้างอยากรู้ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้สบายอารมณ์ขณะเอ่ยถาม
หรงหว่านซีเอ่ยพลางเก็บกระดาษทั้งสองแผ่นทิ้งลงในตะกร้าสำหรับใส่ขยะ“ไม่ต้องเดา แต่ต้องดูเพคะ การเล่นเกมกับเตี้ยนเซี่ยหากไม่ใช้สมองจะชนะได้อย่างไรกัน?”
“ดูท่าเ้าจะฉลาดไม่น้อย”เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม
หรงหว่านซีเอ่ยอย่างราบเรียบ “ในบางคราทุกคนบนโลกใบนี้ไม่ได้โง่ เพียงแต่มีบางคนที่กำหนด”
“เ้ามีความรู้เช่นไรต่อบรรดาอนุชายาของเปิ่นหวาง?ลองพูดให้เปิ่นหวางฟัง” เฉินอ๋องเอ่ย
หรงหว่านซีนั่งลงบนเก้าอี้ริมหน้าต่างในห้องตำราขนาดเล็กเอ่ยอย่างราบเรียบ “ถือว่าใช้ได้เพคะ สายตาของท่านอ๋องช่างเฉียบแหลมจริงๆ”
“ตบตาข้า...” เฉินอ๋องบิดี้เี“หากเ้าคิดว่าดีทั้งหมด แล้วเหตุใดถึงคิดว่าเปิ่นหวางไม่ชอบพวกนางนัก?”
“ภายในใจของเตี้ยนเซี่ยมีเพียงผู้เดียวดังนั้นต่อให้สตรีเหล่านี้จะดีมากเพียงใด สำหรับเตี้ยนเซี่ย คงเรียกได้ว่าสนใจชั่วคราวเท่านั้นเพคะเพียงแค่เข้าตา แต่ไม่อาจเข้าไปอยู่ในใจ เพราะฉะนั้นจะเอ่ยถึงเื่ชอบมากที่สุดหรือไม่ชอบมากที่สุดได้อย่างไร?”หรงหว่านซีเอ่ย
เฉินอ๋องพิงพนักเก้าอี้มองนางครู่หนึ่งหยัดกายลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน “เ้านี่นะ...ครั้งนี้เ้าชนะอย่างขาดลอย”
“อยากจะให้เปิ่นหวางทำอะไรให้เ้า?คิดไว้แล้วหรือยัง?” เฉินอ๋องเดินไปทางห้องบรรทม
หรงหว่านซีเดินตามไป เอ่ยทั้งรอยยิ้ม“หม่อมฉันคิดไว้แล้วเพคะ”
“อ้อ? ไหนลองพูดมา”
“หม่อมฉันคิดว่าตลอดหลายวันมานี้พวกเราแสดงละครได้สมจริงพอสมควรแล้วเพคะจะดีกว่าหรือไม่หากนับแต่วันนี้ไปไม่ต้องมาค้างแรมที่ตำหนักจาวเต๋อ? พวกเราจะได้สบายใจอยู่อย่างอิสระเพคะ” แม้จะกล่าววาจาขับไล่ทว่าน้ำเสียงของหรงหว่านซีกลับราบเรียบยิ่งนัก
เฉินอ๋องหัวเราะหญิงนางนี้ช่างฉลาดเสียจริง ถึงแม้ว่าจะไล่เขาและยังบอกว่าหลายวันมานี้เขากำลังแสดงละครทว่าน้ำเสียงสุขุมเ็าเช่นนี้กลับทำให้ผู้อื่นไม่รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด
ในเมื่อแพ้เกมครั้งนี้แล้วคงจะไม่รักษาคำพูดไม่ได้
เฉินอ๋องจึงยกยิ้มและรับปาก“ก็ได้...แต่วันนี้ยังไม่ได้”
หรงหว่านซีไม่เข้าใจ “เพราะอะไรเพคะ?”
“พระชายาผู้ฉลาดหลักแหลมและเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเช่นนี้เปิ่นหวางไม่อาจซ้ำเติม... ตอนนี้เ้าอาจจะยังไม่เข้าใจคำพูดนี้แต่อีกครู่เ้าก็จะรู้เอง”
เฉินอ๋องถอดรองเท้าแล้วขึ้นไปนอนแผ่หลาบนเตียง“เปิ่นหวางจะงีบหลับสักหน่อย หากใกล้เวลาอาหารกลางวันค่อยปลุกเปิ่นหวาง”
“เพคะ” หรงหว่านซีขานรับ
แม้จะเอ่ยเสียงเรียบทว่านางยังช่วยไปปิดหน้าต่างของห้องบรรทมที่เปิดอ้าอยู่ให้เขา
เมื่อได้ยินเสียงปิดบานหน้าต่างมุมปากของเฉินอ๋องจึงแฝงรอยยิ้ม ยิ่งรู้สึกว่าสตรีนางนี้น่าสนใจมากกว่าเดิม...
จวนองค์รัชทายาท
ภายในห้องบรรทมขององค์รัชทายาทเต็มไปด้วยหญิงงามล้อมรอบทว่าองค์รัชทายาทกลับนึกรำคาญใจยิ่งนัก ก่อนจะโบกมือไล่ “ออกไปให้หมดเถิดให้เปิ่นหวางอยู่เงียบๆ สักหน่อย”
เดิมทีเขาคิดจะเรียกบรรดาเหม่ยเหรินมาปรนนิบัติอาจทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแต่เมื่อเห็นหน้าสตรีที่ถือว่างามเลิศเหล่านี้ทุกวัน เขากลับรู้สึกว่าพวกนางขี้เหร่ยิ่งนักหญิงธรรมดาเช่นนี้ช่างไม่เข้าตาเขาจริงๆ
หลังจากไล่บรรดาเหม่ยเหรินออกไปจนหมดองค์รัชทายาทไปนั่งกลัดกลุ้มอยู่ภายในห้องแต่เพียงผู้เดียวและมุ่งหน้าเดินไปทางสวนดอกไม้
วันนี้ระหว่างการเข้าเฝ้าในท้องพระโรงเ้าสามเสนอแิในการซ่อมแซมแม่น้ำหวย[1] ทั้งสามสายทันทีทันใดนั้นเหล่าขุนนางใหญ่หลายคนพากันเห็นดีเห็นงามด้วยเสด็จพ่อยังไม่ตัดสินพระทัย แต่มีรับสั่งให้กรมโยธาธิการคิดแผนการพัฒนาระยะยาวเป็ที่เรียบร้อยแล้วคาดว่าไม่เกินสามถึงห้าวัน เื่นี้ก็คงจะมีขอสรุป เื่นี้เ้าสามเป็คนออกความคิดเห็นแน่นอนว่าเสด็จพ่อจะต้องให้เ้าสามเป็ผู้ไปตรวจการ
ทว่านี่คือหน้าที่ที่มีทั้งรายได้และผลงานเมื่อเป็เช่นนี้เ้าสามก็จะถือโอกาสแสวงหาผลประโยชน์จากพื้นที่อุดมสมบูรณ์อย่างแม่น้ำหวยทั้งสามสายนอกจากนั้นยังชนะใจประชาชนจนกลายเป็ที่กล่าวสรรเสริญเยินยอได้ทั้งชื่อเสียงอันดีงามและถุงเงินที่นูนขึ้น
ครั้นออกจากตำหนักอี้เจิ้งขณะเหล่าขุนนางยังไม่ออกไปข้างนอกและยังไม่ทันสังเกต ท่านลุงใหญ่เดินมาอยู่ข้างกายเขาพร้อมกับส่งสายตาเป็สัญญาณเมื่ออยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนาง แน่นอนว่าท่านลุงใหญ่ไม่อาจกล่าวสิ่งใดมากนักจึงทำได้เพียงส่งสายตาบอกให้เขายื่นมือเข้าแทรกเื่นี้
หากจะทำให้เื่นี้ไม่สำเร็จถือว่าง่ายมากขอแค่ฎีกาแผนพัฒนาระยะยาวของกรมโยธาธิการทำอย่างขอไปที เมื่อเสด็จพ่อทอดพระเนตรแล้วพิโรธเื่นี้ก็จะไม่สำเร็จไปเอง
ท่านเ้ากรมจิงของกรมโยธาธิการตั้งตนเป็กลางมาโดยตลอดแต่ไหนแต่ไรมาไม่ข้องเกี่ยวเื่ขั้วอำนาจแต่เมื่อเป็เช่นนี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแท้จริงแล้วเขายืนอยู่ฝั่งเ้าสามเพียงแต่มีผลกระทบจากเื่นี้ไม่ใหญ่มากนัก
ในเมื่อท่านเ้ากรมจิงมีใจคิดจะยืนอยู่ฝั่งเ้าสาวแต่ตอนนี้ยังไม่แสดงตัวแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน ต่อให้เกิดเื่อะไรกับเขาเ้าสามก็คงไม่ยื่นมือช่วยเหลือ ดังนั้นพอเพียงตนหรือฮู้กั๋วกงออกหน้าจากนั้นให้เขาเขียนฎีกาหละหลวม เขาก็ต้องไม่กล้าปฏิเสธอย่างแน่นอน
เมื่อเป็เช่นนี้ เื่นี้ก็จบสิ้นเพียงเท่านี้กล่าวตามความเป็จริงวิธีซ่อมแซมแม่น้ำหวยทั้งสามสายที่เ้าสามเสมอช่างยอดเยี่ยมยิ่งนักในเมื่อเ้าสามเสนอมาเช่นนี้ เขาจะไม่หยิบยืมมาใช้ได้อย่างไร?
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่การทำให้เื่นี้ไม่อาจดำเนินการแต่เป็การทำให้เื่นี้สำเร็จลุล่วงด้วยดีต่างหากแต่จะต้องเอาอำนาจของผู้ตรวจการมาไว้ในมือให้ได้เสียก่อนหากเป็เช่นนั้นก็แค่รอให้เ้าสามปักชุดวิวาห์ให้ผู้อื่น[2]ถึงยามนั้นไม่รู้ว่าในใจเ้าสามจะอึดอัดกลัดกลุ้มมากเพียงใด
เมื่อแผนการที่ยอดเยี่ยมลอยมาตามสายลมแผนการที่รอบคอบและรัดกุม ถึงจะสามารถหยุดสายลมระลอกนี้
แต่ถ้าอยากจะทำให้แผนการยอดเยี่ยมสำเร็จช่างไม่ง่ายนัก...
และหนึ่งในนั้นไม่รู้ว่าขุนนางจำนวนหนึ่งและเสด็จพ่อกำลังคิดอะไร นี่คือเื่คลุมเครือที่ยากจะเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งยิ่งนัก
อำนาจในราชสำนักของเ้าสามไม่ชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นเขาเอ่ยถึงขุนนางใหญ่เ่าั้อีกทั้งยังไม่เคยเห็นเขาสนิทสนมกับขุนนางใหญ่เ่าั้ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เคยเห็นเขาใส่ใจเื่ในราชสำนักมาก่อน... แน่นอนว่ายกเว้นวันนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เ้าสามเหมือนเป็เพียงท่านอ๋องผู้เอ้อระเหยที่มานั่งเล่นอยู่ภายในท้องพระโรงเท่านั้น
และเหตุผลที่เสด็จพ่อให้เ้าสามร่วมเข้าเฝ้าในท้องพระโรงยังฟังดูน่าขบขัน—
พระประสงค์ของเสด็จพ่อคือ เ้าสามเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปวันๆเกรงว่าเขาจะไม่อาจควบคุมความประพฤติของตน ด้วยเหตุนี้จึงให้มาร่วมเข้าเฝ้าในท้องพระโรงทุกเช้าถือเสียว่าเป็การขานชื่อเหมือนเมื่อครั้งยังร่ำเรียนอยู่ในสำนักไท่เฉวจะได้วางแผนเวลาชีวิตของตนเองในทุกๆ วันและมานั่งฟังว่าใต้หล้าเกิดเื่อะไรขึ้นบ้างจะปล่อยให้เขาเอาตัวเองไปคลุกอยู่กับเหล่าหญิงงามจนเสียนิสัยไม่ได้
[1]แม่น้ำหวยคือแม่น้ำในเขตมณฑลเจียงซูครอบคลุมหวยอัน ฉู่โจว และหวยหยาง
[2]ปักชุดวิวาห์ให้ผู้อื่นหมายถึงลำบากแทบตายแต่ผลประโยชน์กลับเป็ของผู้อื่น