หลังจากตบหน้าชิวเยี่ยนหลูกูเหนียงจึงเอ่ยด้วยความโกรธ “เ้าช่างโง่ไม่ต่างกับลา! ทั้งๆที่ต้องมาตำหนักจาวเต๋อในยามเฉินสองเค่อ แต่เหตุใดเ้าถึงบอกว่ายามเฉินสามเค่อ? เ้าโง่หรือตั้งใจจะใส่ร้ายข้ากันแน่?”
“กูเหนียง...”
“เพี้ยะ!”
“ยังกล้าพูดมากอีกรึ!”
ชิวเยี่ยนยังไม่ทันแก้ตัวแม้แต่นิดหลูเหม่ยเหรินลงมือตบหน้าหน้าชิวเยี่ยนอีกหน
“เอาล่ะ...”หรงหว่านซีเอ่ยอย่างราบเรียบ ใบหน้าเรียบนิ่งและไม่อาจสังเกตเห็นถึงความเคืองขุ่นแม้แต่นิด
ทว่าเอ่ยได้ยินคำกล่าวเสียงเรียบในยามนี้ของหรงหว่านซีทุกคนต่างพากันหันมามองนางพลางกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว
ปั๋วเหม่ยเหรินแอบคิดในใจ“แม่นางน้อยผู้นี้เก่งกาจไม่น้อย สีหน้าไม่ยินดียินร้ายเช่นนี้ ทำให้ผู้อื่นไม่อาจคาดเดาความคิดได้แม้แต่นิด”
ทันใดนั้นภายในห้องมีเพียงเสียงชิวเยี่ยนก้มหน้าร้องไห้
หรงหว่านซีเอ่ย “หลูกูเหนียงหญิงรับใช้ของเ้าประมาทเลินเล่อเสียแล้วนึกไม่ถึงว่าจะบอกว่ายามเฉินสองเค่อเป็ยามเฉินสามเค่อทำให้กูเหนียงต้องมาสายและเหลือเพียงที่นั่งสุดท้ายที่ไม่อยากนั่ง แต่การที่หนูฉายสะเพร่าก็เป็ความผิดของผู้เป็นายแสดงให้เห็นว่ากูเหนียงบกพร่องเื่การอบรมหนูฉายเปิ่นเฟยไม่อยากก้าวก่ายเื่ภายในเรือนของเ้าเพียงแต่ถึงอย่างไรภายในจวนอ๋องของพวกเราก็เคารพกันตามฐานะสูงต่ำ ในเมื่อเ้ามาสายไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็สมควรรับโทษ”
“เปิ่นเฟยลงโทษเ้าโดยหารหักเบี้ยเลี้ยงหนึ่งเดือนกูเหนียงมีความคิดเห็นอะไรหรือไม่?”
“เหนียงเหนียง ล้วนเป็เพราะ...”
“เอาล่ะ...”หรงหว่านซีหยัดกายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เอ่ยพลางยกยิ้มอ่อนโยน“เจี่ยเม่ยอยู่พูดคุยกันมาครึ่งค่อนวัน คาดว่าน่าจะเมื่อยล้ากันแล้ววันนี้พวกเราก็แยกย้ายกันแต่เพียงเท่านี้เถิด”
หรงหว่านซีกล่าวเพียงประโยคเดียวก่อนจะเดินเข้าไปข้างในเห็นได้ชัดว่าไม่ให้โอกาสหลูกูเหนียงโต้แย้ง
เหม่ยเหรินและกูเหนียงทุกนางต่างขานรับว่า“หม่อมฉันทูลลา” แล้วไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก
เมื่อหรงหว่านซีลงโทษหลูเหม่ยเหรินผู้เย่อหยิ่งถือดีแน่นอนว่าคนอื่นๆ ย่อมพากันยินดีที่ได้เห็นเื่น่าขบขัน
หลูเหม่ยเหรินมองตามแผ่นหลังของหรงหว่านซีอย่างไม่พอใจเป็อย่างมากทว่าท้ายที่สุดไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางเพียงแต่แค่นเสียงหัวเราะเย็นก่อนจะเดินเอื่อยเฉื่อยจากไป
หากเวลานี้นางยังดึงดันต่อ จะไม่ดูเอาแต่ใจจนเกินไปหรือ? ก็แค่เบี้ยเลี้ยงหนึ่งเดือนเท่านั้นนางไม่อาจปล่อยให้คนอื่นคิดว่าเรือนของนางอับจนถึงขั้นยอมเสียกระทั่งเบี้ยเลี้ยงแค่เดือนเดียวไม่ได้
เมื่อออกจากตำหนักจาวเต๋อนอกจากหลิวเหม่ยเหรินกับจ้าวกูเหนียงกูเหนียงและเหม่ยเหรินทุกคนต่างพาหญิงรับใช้จากไป นอกจากหลิวเหม่ยเหรินทุกคนต่างมีความคิดแตกต่างกันไปและขบคิดเื่การกระทำของหรงหว่านซี
ปั๋วเหม่ยเหรินพาหญิงรับใช้นางตงเซวี่ยกลับตำหนักอี๋หลานหลังปิดประตู ตงเซวี่ยจึงเอ่ยถามเสียงเบา“ฮูหยินคิดว่าพระชายาเหนียงเหนียงเป็อย่างไรบ้างเพคะ?”
ปั๋วเหม่ยเหรินส่ายหน้า “แม้อายุยังน้อย แต่การกระทำไม่เหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่ที่เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องมานานและพึ่งจะออกเรือนกลับช่ำชองและร้ายกาจเป็อย่างมาก...”
“ก็ใช่เพคะ” ตงเซวี่ยเอ่ย“หนูปี้ยืนฟังอยู่ข้างนอก พระชายาเหนียงเหนียงผู้นี้น้ำเสียงราบเรียบแต่เมื่อลงโทษผู้ใดขึ้นมากลับไม่ให้โอกาสได้โต้แย้งหากเป็คุณหนูตระกูลขุนนางทั่วไป พึ่งจะเข้ามาอยู่ในจวนเช่นนี้มีหรือจะกล้าลงโทษผู้อื่นเพคะ? ยิ่งไปกว่านั้นยังลงโทษหลูกูเหนียงที่ได้รับความโปรดปรานเช่นนั้น”
ปั๋วเหม่ยเหรินค่อยๆหมุนถ้วยน้ำชาในมืออย่างเชื่องช้า “เป็ผู้ที่รับมือได้ยาก... อีกทั้งเกิดในตระกูลสูงส่งหน้าตางดงามเป็เลิศถึงเพียงนี้ มิหนำซ้ำยังเป็คนรู้จักใช้ความคิด...”
“ผู้ใดจะรู้ว่าจู่ๆกลับมีคุณหนูตระกูลหรงโผล่ออกมาเพคะ?” ตงเซวี่ยบ่นเสียงเบา“หากเตี้ยนเซี่ยของพวกเรายังเ้าชู้เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่เกินสองถึงสามปี เมื่อไทเฮาทรงคิดจะเปลี่ยนนิสัยใจคอของเตี้ยนเซี่ยตำแหน่งพระชายาจะต้องเป็ของท่านอย่างแน่นอนเพคะ”
ปั๋วเหม่ยเหรินได้ยินเช่นนั้นจึงถอนหายใจ“ต่อให้ไทเฮาทรงให้ความสำคัญกับข้ามากเท่าใด นั้นเป็เพราะฐานะทางสังคมเท่านั้น...หากจะโทษก็โทษที่ข้าไม่ได้เกิดมาเป็คุณหนูลูกตระกูลขุนนางนั่น เป็แค่บุตรชาวบ้านธรรมดาทั่วไปหากไม่มีความชอบ ไม่มีทายาท จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งพระชายาได้อย่างไร?”
เมื่อไม่อาจนั่งบนตำแหน่งพระชายา หากอยู่ในจวนเฉินอ๋องตลอดไปเสียดีกว่าแต่ถ้าวันหนึ่งจะต้องไปอยู่ในพระราชวัง ถึงยามนั้นพระพันปีกับท่านย่าเป็อะไรไปภายในพระราชวังอันกว้างใหญ่เช่นนั้นจะยังมีที่ให้นางยืนอยู่หรือ?
นางคือผู้ที่พระพันปีพระราชทานให้เฉินอ๋องเดิมทีไม่อาจมองข้ามฐานะในจวนอ๋องของนางแต่เมื่อไร้ที่พึ่งพาก็คงกลายเป็ตะปูในตาและหนามตำใจทุกคนต่างเหยียบย่ำผู้อื่นเพื่อก้าวสู่ที่สูง หากไม่อาจก้าวขึ้นจุดสูงสุดไม่อาจเหยียบลงบนจุดที่มั่นคงสูงที่สุดคงมีแต่ต้องหกล้มและถูกผู้อื่นเหยียบย่ำเท่านั้น...
ยามนี้พระญาติฝ่ายนอกตระกูลโจวกุมอำนาจฝ่าาทรงคิดจะขุดรากถอดโคตรตระกูลโจวมาั้แ่ต้นถึงยามนั้นเป็ไปได้สูงที่องค์รัชทายาทจะถูกปลดลงจากตำแหน่ง และนอกจากองค์รัชทายาทองค์ชายที่ฝ่าาทรงรักใคร่และชาติกำเนิดสูงส่งที่สุดคงหนีไม่พ้นเฉินอ๋อง
นางเฝ้าสังเกตถี่ถ้วนมาหลายปี เฉินอ๋องเป็ผู้มีปณิธานอันยิ่งใหญ่นอกจากนั้นยังเป็เ้าจอมแผนการนางไม่เชื่อว่าพระโอรสของหงส์และัผู้นี้จะไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอันสูงส่ง
หนทางข้างหน้าอันตราย...หรงหว่านซีผู้นี้ก็ยากรับมือ นางจำเป็ต้องรีบกำจัดให้พ้นทาง
นางไม่ได้ทำเพื่อสิ่งอื่นใด นอกเสียจากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใช้ชีวิตมั่นคงปลอดภัยจนยามแก่เฒ่าเท่านั้น...
หลังเฉินอ๋องเสร็จกิจจากการเข้าเฝ้าในท้องพระโรงเขาคิดว่าหรงหว่านซีคงพบเหล่าอนุชายาของเขาแล้วด้วยเหตุนี้จึงปฏิเสธคำชวนไปหอเทียนเซียงขององค์รัชทายาทจากนั้นขึ้นรถม้ามุ่งหน้ากลับจวนนึกไม่ถึงว่าเขาจะสนใจใคร่รู้คำตอบของนางจนไม่อาจหาสิ่งใดเปรียบ....
ครั้นองค์รัชทายาทเห็นเฉินอ๋องขึ้นรถม้าใบหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็เคร่งขรึม ลอบคิดในใจว่า “หรงหว่านซีผู้นี้มีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ...”
ภายในเรือนเซียงหลาย หลูกูเหนียงเดินช้าวนอยู่ภายในเรือนกลับเดินออกไปข้างกะทันหัน
“กูเหนียง...” ชิวเยี่ยนเดินตามไป
แก้มของนางยังบวมเป่งนางจะไม่รู้สึกน้อยใจได้อย่างไร? ในฐานะของข้ารับใช้จะทำอะไรได้นอกจากกล้ำกลืนฝืนทนและระวังไม่ให้ตนทำผิดพลาด? แม้ภายในใจบอกว่านางไม่อยากใส่ใจความเป็ความตายของหลูไฉ่ซีแต่ถ้านางไม่ตามมาแล้วเกิดอะไรขึ้น ผู้ที่ต้องตายอาจจะเป็นางก็ได้
“กูเหนียงจะไปที่ใดเ้าคะ?”ชิวเยี่ยนเอ่ยถามเสียงเบาขณะเดินตามหลูไฉ่ซี
น้ำเสียงของนางก็เหมือนกันบุคลิกของนางราบเรียบไร้ความประหลาดใจ ไม่โดดเด่นแต่ก็ไม่ธรรมดาจนเกินไป ความธรรมดาเช่นนี้ เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้อื่นจึงไม่เป็ที่ดึงดูดความสนใจ
“อารมณ์ไม่ดีอยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย” หลูไฉ่ซีเอ่ยและเดินไปทางสระเหลียนถาง
วันนี้คือวันแรกที่หรงหว่านซีพบหน้ากับบรรดาอนุชายาหลังเตี้ยนเซี่ยกลับจากเข้าเฝ้าในท้องพระโรงจะต้องมุ่งหน้าไปหานางที่ตำหนักจาวเต๋อเพื่อถามสถานการณ์อย่างแน่นอนจากประตูจวนมาถึงตำหนักหลังไม่ว่าจะเดินมาทางสวนดอกไม้ฝั่งสระฝูฉวีหรือลำธารจิงเว่ยฝั่งเรือนเวิ่นหลิวจายต่างต้องเดินผ่านสระเหลียนถาง
หลูไฉ่ซีเร่งฝีเท้าเดินไปทางสระเหลียนถางนางนั่งอยู่ข้างราวกั้นทำจากหินอ่อนของสระเหลียนถางเพื่อสงบสติอารมณ์
จากนั้นชำเลืองมองชิวเยี่ยนที่อยู่ข้างกายหนหนึ่ง“ข้ารู้สึกผิดที่ต้องตบเ้าในตำหนักจาวเต๋อแต่เ้าก็ต้องรู้ไว้ว่าข้าไม่มีทางเลือกอื่น พวกเราทั้งสองถูกผูกติดไว้ด้วยกัน หากจุดยืนอยู่ในจวนอ๋องของข้าไม่มั่นคงเ้าจะถูกย้ายให้ไปอยู่ที่อื่น ผู้ใดจะให้เ้าทำหน้าที่สำคัญ? อย่างมากก็เป็แค่เพียงหญิงรับใช้ทำงานหยาบทั่วไป”
“เ้าค่ะการได้ติดตามรับใช้กูเหนียงถือเป็วาสนาของหนูปี้เ้าค่ะ” ชิวเยี่ยนเอ่ย
ภายในใจกลับคิดว่า เมื่อก่อนนางเป็เพียงหญิงรับใช้ทำงานหยาบทว่าแต่ละวันใช้ชีวิตอย่างสบายอกสบายใจมากกว่าตอนนี้ยิ่งนักนางหวังว่าตอนนั้นจิ้นหมัวหมั่วจะไม่สั่งให้นางมารับใช้หลูกูเหนียงหน้าที่เช่นนี้ผู้ใดอยากทำก็ทำไปเถิด
ทุกวันต้องคอยระแวดระวังเพราะเกรงว่าตนจะทำอะไรผิดแต่แม้จะทำเช่นนี้กลับไม่อาจหนีพ้นการดุด่าทุบตีหากอารมณ์ดีและใช้งานได้ดังใจก็จะเผยสีหน้าท่าทีพอใช้กับเ้า แต่หากอารมณ์ร้ายและไม่ได้ดังใจกลับเทียบไม่ได้แม้แต่สุกรหรือสุนัข
หลูไฉ่ซีเดินไปดูหน้าประตูครู่หนึ่ง “หากอีกครู่เตี้ยนเซี่ยมาถึงแล้วเ้าต้องฉลาดสักหน่อย เข้าใจไหม?”
“เ้าค่ะกูเหนียง”ชิวเยี่ยนตอบรับอย่างระแวดระวัง
หลูไฉ่ซีหยักหน้าและไม่เอ่ยสิ่งใดอีกในใจนึกถึงเื่น่าน้อยใจและเื่ที่ทำให้เสียใจเพื่อเริ่มเรียกความรู้สึก
ไม่นานนัก ดวงตาเป็ประกายทั้งสองข้างจึงเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา
นางสะอึกสะอื้นครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองประตูทางเข้าจากนั้นก้มหน้าลงด้วยท่าทางน่าสงสารยิ่งนัก
ไม่นานนักเมื่อปรายตาขึ้นมองูเาปลอมตรงหน้าจึงเห็นว่ามีคนเดินมา นางรีบหันหน้าไปร้องไห้กับสระเหลียนถางไม่ยอมหยุด
“กูเหนียง ท่านไม่ต้องแล้วเ้าค่ะหนูปี้เห็นแล้วรู้สึกปวดใจเ้าค่ะ...” ชิวเยี่ยนโน้มน้าวเสียงอ่อน
“เป็เพราะเ้าทำอะไรไม่รอบคอบทำให้ข้าถูกพระชายาเหนียงเหนียงคาดโทษ ยามนี้นางพึ่งจะเข้ามาในจวนก็ไม่พอใจข้าเช่นนี้ภายหน้าชีวิตแต่ละวันในจวนอ๋องของข้าจะผ่านพ้นไปอย่างไร? ข้าคิดว่าข้าตายเสียยังดีกว่า...”
“กูเหนียง!”ชิวเยี่ยนรีบฉุดดึงหลูไฉ่ซีเอาไว้ด้วยท่าทางใเกินจริงนางคุกเข่าลงบนพื้นแล้วเอ่ย “เป็ความผิดของหนูปี้ทั้งหมดเ้าค่ะหากกูเหนียงไม่สบายใจ จะดุด่าทุบตีหนูปี้อย่างไรก็ได้แต่อย่าได้โทษตัวเองเลยนะเ้าคะ! กูเหนียงต้องคิดให้ดีนะเ้าคะอย่าได้คิดทำเื่โง่ๆ นะเ้าคะ!”
“เ้าปล่อยข้า....”หลูไฉ่ซีขัดขืน “หากข้าไม่ตาย อยู่ไปจะยังมีความหมายอะไร? เตี้ยนเซี่ยไม่เสด็จมายังเรือนของข้านานเพียงใดแล้ว?เมื่อครั้งยังเป็ที่โปรดปราน ทุกคนต่างอิจฉาริษยาข้ายามนี้เตี้ยนเซี่ยไม่เสด็จมาแล้ว นอกจากนั้นนายหญิงเหนียงเหนียงที่จะเข้ามาใหม่ในจวนก็ไม่ชอบหน้าข้าหากยังมีชีวิตอยู่ในมุมคับแคบเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกผู้อื่นรังแกจนตายอยู่ดี!มิสู้ให้ข้าตายเสียั้แ่ตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังเหลือศักดิ์ศรีอยู่บ้าง!”
ขณะกล่าวขืนกายออกจากการเหนี่ยวรั้งของชิวเยี่ยนอย่างสุดกำลังจากนั้นปีนขึ้นไปบนราวจับเพื่อจะะโลงไป!
“เกิดอะไรขึ้น?” ทันใดนั้นมีเสียงราบเรียบติดแหบพร่าดังขึ้น
หลูไฉ่ซีได้ยินและรู้ว่าเขาค่อนข้างไม่พอใจ
“ฮือๆ...เตี้ยนเซี่ยท่านโปรดคิดเสียว่าหม่อมฉันไม่รู้ความเถิดเพคะ!หม่อมฉันไม่อาจอยู่ปรนนิบัติเตี้ยนเซี่ยอีกแล้วเพคะ!” จากนั้นได้ยินเสียงดัง“ตู้ม” หลังจากนางะโลงไปในสระ
เฉินอ๋องส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“อวิ๋นฉาง เ้าไปช่วยนางขึ้นมา”แต่ก็ยังสั่งอวิ๋นฉางเช่นนี้
สิ่งที่เขาเหนื่อยหน่ายมากที่สุดก็คือการที่บรรดาอนุชายาในจวนสร้างเื่วุ่นวายนึกไม่ถึงว่าทันทีที่กลับถึงจวนก็ต้องเจอเื่แบบนี้
แท้จริงแล้วหรงหว่านซีผู้นี้คิดจะช่วยเขาหรือเพิ่มปัญหาให้เขากันแน่?
“เกิดอะไรขึ้น?” ขณะอวิ๋นฉางะโลงไปช่วยหลูไฉ่ซี เฉินอ๋องจึงถามชิวเยี่ยน
“ล้วนเป็ความผิดของหนูปี้เพคะวันนี้พระชายาเหนียงเหนียงรับสั่งให้บรรดาเหม่ยเหรินและกูเหนียงไปฉิ่งอานเมื่อวานมีคนมาบอกเวลา ทว่าหนูปี้เลอะเลือนจึงฟังเวลาผิดคิดว่าคือยามเฉินสามเค่อถึงได้บอกกูเหนียงไปอย่างนั้นเพคะแต่เมื่อพวกเราไปถึงตำหนักจาวเต๋อถึงรู้ว่าเวลานัดหมายคือยามเฉินสองเค่อ พระชายาเหนียงเหนียงตำหนิที่กูเหนียงมาช้าและทำให้กูเหนียงอับอายต่อหน้าทุกคนเป็อย่างมากนอกจากนั้นยังหักเบี้ยเลี้ยงกูเหนียงจำนวนหนึ่งเดือนเพคะ”