แต่ใครจะหลงเชื่อว่าเสด็จพ่อหมายความว่าเช่นนี้จริง? การที่เสด็จพ่อให้เ้าสามเข้าร่วมหารือในราชสำนักมีนัยะแฝงว่าในราชสำนักแห่งนี้ยังมีขั้วอำนาจอื่นอยู่ด้วย
ดังนั้นขอเพียงเ้าสามเข้าร่วมหารือในท้องพระโรง ต่อให้เขาไม่พูดอะไรก็ยังมีขุนนางที่รู้จักเอาตัวรอดยินยอมจะยืนอยู่ข้างเขา
ยกตัวอย่างเช่นวันนี้เขาแค่เสนอเพียงคำเดียวก็มีขุนนางใหญ่กว่าสิบคนให้การสนับสนุน...ผลตอบรับเช่นนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด
สิ่งที่ต้องดูในตอนนี้คือพระทัยของเสด็จพ่อ ดูว่าเสด็จพ่อจะถือโอกาสนี้มอบหน้าที่สำคัญให้เ้าสามหรือไม่และเหล่าขุนนางที่ลอบยืนอยู่ฝั่งเ้าสามจะฉวยโอกาสนี้แสดงไมตรีและให้ความช่วยเหลือเขาอย่างโจ่งแจ้งหรือไม่
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็พระทัยของเสด็จพ่อ...
“เตี้ยนเซี่ย...”
ขณะเขากำลังปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าอยู่ภายในสวนดอกไม้ทันใดนั้นพบว่าด้านหน้ามีสตรีร่างอรชรถอนสายบัวคำนับเขาอยู่ไม่ไกลน้ำเสียงออดอ้อนจนทำให้ผู้ฟังอดหัวใจสั่นไหวไม่ได้
“ช่างบังเอิญนัก กำลังจะไปหาเ้าพอดี” องค์รัชทายาทคลี่ยิ้ม
หลังจากหรงหว่านซีแต่งงานกับเฉินอ๋องเขาก็ไม่ได้ไปหาฉินอิ่งเยว่เป็เวลาหลายวันเมื่อเดินมาถึงสวนดอกไม้จึงนึกขึ้นได้ว่านางอยู่ที่นี่พานให้นึกถึงเล่ห์เหลี่ยมของนาง จึงอยากจะฟังความคิดเห็นจากนางไม่น้อย
เพียงแต่เื่ในราชสำนักเช่นนี้จะเล่าให้นางฟังอย่างรอบคอบ
เพราะอัครเสนาบดีฉินยืนอยู่ฝ่ายใด ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนนัก
“อาจเป็เพราะหม่อมฉันรับรู้ได้ว่าเตี้ยนเซี่ยจะเสด็จมาเพคะเดิมทีนั่งเล่นอยู่ในห้อง เมื่อเห็นอากาศกำลังดีจึงนึกอยากจะออกมาเดินเล่นเพคะ”ฉินอิ่งเยว่เดินเข้ามาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
องค์รัชทายาทพยักหน้าจับจูงมือของนางให้มาเดินขนาบข้างเขาโดยไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเศร้าสลด
“เตี้ยนเซี่ยมีเื่อะไรในพระทัยหรือเพคะ?” ฉินอิ่งเยว่เอ่ยถามเสียงเบา
องค์รัชทายาทเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวยาวใต้ร่มไม้ข้างหน้าหลังสั่งให้ข้ารับใช้รอบกายออกไปจนหมดจึงเอ่ยกับฉินอิ่งเยว่ว่า“เ้าสามกับหรงหว่านซีแลดูรักใคร่สนิทสนมกันยิ่งนัก วันนี้หลังเลิกหารือในท้องพระโรงเดิมทีเปิ่นกงคิดจะช่วยเ้าสามไปดื่มสุราที่หอเทียนเซียงแต่ผู้ใดจะรู้ว่าเ้าสามกลับรีบร้อนกลับจวนเสียได้ เขาแย่งคนของเปิ่นกงไม่พอยามนี้ยังรักใคร่กันถึงเพียงนี้ หัวใจดวงนี้ของเปิ่นกงยังคงรู้สึกไม่ดีนัก...”
ฉินอิ่งเยว่ยืนอยู่ข้างกายองค์รัชทายาท เมื่อได้ยินองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้จึงจงใจเอ่ยถามอย่างเศร้าสลดว่า“พระทัยของเตี้ยนเซี่ยยังไม่อาจปล่อยวางจากคุณหนูหรงหรือเพคะ?”
“ไม่ถึงขั้นปล่อยวางไม่ได้..” มีหรือที่องค์รัชทายาทจะยอมรับ? เอ่ยเพียงแค่ว่า “เพียงแต่เ้าสามแย่งคนผู้นี้ไปจากเปิ่นกงถึงอย่างไรเปิ่นกงก็ยังรู้สึกไม่ดีนัก ตอนนั้นยังไม่ผ่าน่สำคัญไปหากพวกเขาไม่รักกันยังไม่เท่าใด เปิ่นกงจะได้เก็บเอามาหัวเราะเยาะเย้ยแต่วันนี้พวกเขากลับรักกันเช่นนี้...หึๆ...”
ระหว่างเข้าเฝ้าในท้องพระโรงของวันนี้ เสด็จพ่อทรงชมเชยว่าหลังเ้าสามแต่งงานก็ไม่เอาแต่เที่ยวสนุกและสุขุมมากขึ้นทีเดียว
แต่หากตำหนักหลังของเ้าสามลุกเป็ไฟและกลายเป็เื่ใหญ่สักหน่อยเป็ที่กล่าวขานจนผู้คนทั่วทั้งเมืองต่างรับรู้เมื่อไปถึงพระกรรณของเสด็จพ่อและพระพันปี ครั้นเสด็จพ่อทรงพระพิโรธก็ต้องตำหนิเ้าสามอย่างแน่นอนพึ่งจะชมเขาก็ถูกเขาตบหน้า เสด็จพ่อจะต้องไม่พอพระทัย ด้วยเหตุนี้ทำให้ตำแหน่งผู้ตรวจการต้องเปลี่ยนคน
ฉินอิ่งเยว่ผู้นี้ถนัดเื่การวางแผนกลั่นแกล้งผู้อื่นอยู่บ้างมิสู้ถามนางว่าพอจะมีวิธีทำให้จวนเ้าสามไร้คืนวันอันสงบสุขและเกิดเื่น่าอับอายครั้งใหญ่หรือไม่
ผ่านไปครู่หนึ่งได้ยินหรงหว่านซีเอ่ย“หากเตี้ยนเซี่ยจะรู้สึกไม่ดีนักก็ถือเป็เื่ปกติพูดคนต่างบอกว่าคนทำชั่วจะต้องได้รับกรรม ทว่ายามนี้เฉินอ๋องทำเื่ไม่ดีนอกจากจะไม่ได้รับบทลงโทษที่สมควร กลับได้รับผลดีมากมายถึงเพียงนี้ เป็เื่ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ยุติธรรมยิ่งนักเพคะ...”
“ใช่แล้ว..” องค์รัชทายาทเอ่ย “แต่ยังจะทำอะไรได้? เปิ่นกงแค่อยากระบายให้เ้าฟังก็เท่านั้นหากยามนี้ภายในจวนเฉินอ๋องมีข่าวลือเสียๆ หายๆ จนกลายเป็ที่กล่าวขานโดยทั่วหรือเกิดเื่เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของเฉินอ๋อง ทำลายความรักใคร่ปรองดองของสามีภรรยาที่ผู้คนต่างพากันชื่นชมเปิ่นกงคงจะพอได้ดูได้ชมเื่น่าสนุกและไม่ต้องมานั่งไม่พอใจอยู่ตรงนี้...”
องค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้ย่อมต้องมีความหมายแฝง นั้นก็คือให้ฉินอิ่งเยว่คิดหาวิธีอย่างที่เขา้า
ฉินอิ่งเยว่คือคนฉลาด ไม่จำเป็ต้องอธิบายให้มากความนางก็เข้าใจความหมาย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อาจคิดหาวิธี เขาเป็ถึงองค์รัชทายาทหากคิดเล็กคิดน้อยกับเื่เหล่านี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเท่าใดมิสู้ให้หญิงฉลาดนางนี้เป็ผู้ออกความคิด เขาจะได้อยู่นิ่งเฉยและรักษาเกียรติของตำแหน่งตนไว้
แน่นอนว่าฉินอิ่งเยว่รู้ถึงเจนตาขององค์รัชทายาทความจริงแล้วนางรู้ั้แ่องค์รัชทายาทระบายเื่นี้ให้นางฟังองค์รัชทายาทอยากให้นางคิดหาวิธี ด้วยเหตุนี้นางถึงพูดประโยคชักนำองค์รัชทายาท
นางรู้ว่าองค์รัชทายาทเสด็จมาเพราะอยากให้นางคิดแผนการภายในใจของนางไร้ซึ่งความรู้สึกหดหู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังไร้ซึ่งความรู้สึกไม่พอใจนางกลับรู้สึกดีใจยิ่งนัก เพราะนางบรรลุเป้าหมายที่นาง้าแล้ว
องค์รัชทายาทจะไม่โปรดปรานหรือไม่เอ็นดูนางก็ได้แต่เขาจำเป็ต้องมีนาง เมื่อเป็เช่นนี้ นางถึงจะไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆในจวนองค์รัชทายาท ถึงจะสามารถเข้าไปอยู่ในใจของเขา ถึงจะสามารถอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจสั่นคลอน
“แท้จริงแล้ว...จากความเ้าชู้ของเฉินอ๋องการทำให้ตำหนักหลังของจวนเฉินอ๋องลุกเป็ไฟ หรือเกิดเื่น่าขบขันเพราะตัวของเฉินอ๋องเองล้วนเป็เื่ที่สามารถเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเพคะ...”ฉินอิ่งเยว่กล่าวเนิบนาบ
“อ้อ? จริงหรือ? ไหนเ้าลองบอกมาว่าจะเป็เื่น่าขบขันเช่นไร? องค์รัชทายาทเอ่ยทั้งรอยยิ้ม”
ฉินอิ่งเยว่เรียบเรียงคำพูดภายในใจ เอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า“เพียงแต่เฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยลบหลู่องค์รัชทายาทเช่นนี้ถ้าหากเตี้ยนเซี่ยยังจะรอให้เกิดเื่กับเฉินอ๋องเอง.... แม้เตี้ยนเซี่ยจะเป็ผู้มีคุณธรรมสูงส่งและจิตใจกว้างขวางไม่อยากจะถือสาหาความเฉินอ๋อง ทว่าหม่อมฉันกลับอดคิดไม่ได้ว่าเตี้ยนเซี่ยได้รับความไม่เป็ธรรมมากจนเกินไป”
“จะดีหรือไม่หากพวกเราจะมอบของขวัญให้เฉินอ๋องหากเป็ฝ่ายสร้างเื่น่าอับอายขึ้นมาน่าจะดีสักหน่อยหม่อมฉันรู้ว่าเตี้ยนเซี่ยไม่อยากถือสาหาความเฉินอ๋องแต่จะปล่อยเฉินอ๋องทำตามใจเช่นนี้หรือเพคะ? ควรจะทำการตักเตือนเขาเสียบ้างเพคะ”
องค์รัชทายาทรู้สึกพอใจหลังได้ฟังคำกล่าวของฉินอิ่งเยว่สตรีนางนี้ฉลาดยิ่งนัก ทั้งฉลาดแกมโกงและฉลาดพูดจาไม่น้อย
คำกล่าวเช่นนี้ไม่เพียงแต่เกริ่นนำแผนการ ยังทำเป็การตบตาว่าเขาไม่อยากจะเอาคืนเ้าสาม
ด้วยเหตุนี้จึงดึงฉินอิ่งเยว่ให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวด้วยกัน“เ้าลองพูดมา พวกเราจะช่วยเ้าสามทำเื่ขบขันเพื่อหยอกล้อเขาได้อย่างไร?”
องค์รัชทายาทเอ่ยอย่างสบายอกสบายใจและเปลี่ยนเื่นี้ให้กลายเป็เื่พี่น้องหยอกล้อกัน
ฉินอิ่งเยว่เบี่ยงกายไปด้านหนึ่ง เอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า“หม่อมฉันคิดว่า วันพระราชสมภพของเตี้ยนเซี่ยใกล้จะมาถึงแล้วเตี้ยนเซี่ยลืมไปแล้วหรือเพคะ?”
“หือ...” เมื่อฉินอิ่งเยว่เอ่ยเตือนองค์รัชทายาทพลันนึกขึ้นได้... หากนับวันนี้อีกห้าวันให้หลังก็คือวันเกิดของเขาแล้ว!
ระยะหลังมานี้เขาปวดหัวกับเื่ของหรงหว่านซีจนทำให้ตัวเขาเองยังหลงลืมพิธีเฉลิมฉลองปีก่อนแม้จะบอกว่าไม่จัดอย่างยิ่งใหญ่ทว่าบรรดาขุนนางและคุณชายที่สนิทชิดเชื้อกันต่างมาร่วมฉลองในจวนทว่าก่อนหน้านี้ทุกคนต่างรู้ว่าเขาพลาดท่าเสียทีให้เ้าสามเพราะหรงหว่านซีแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงเื่นี้
ซ่งหมัวหมั่วหัวหน้านางกำนัลเอ่ยถามว่าปีนี้จะมีแขกร่วมงานจำนวนเท่าใดสุราอาหารควรจะเตรียมเท่าใด เขาแค่ตอบอย่างขอไปทีว่า “ไม่ฉลอง” เื่นี้จึงผ่านไปเขาไม่ออกคำสั่งอะไรอีก ซ่งหมัวหมั่วก็ไม่กล้าถามอีกเช่นกัน
“เตี้ยนเซี่ยทรงยุ่งเพราะเื่งานบริหารบ้านเมืองคาดว่าคงจะลืมเสียแล้วเพคะ” ฉินอิ่งเยว่เอ่ยหยอกเย้า“พิธีเฉลิมฉลองวันประสูติขององค์รัชทายาทในทุกปีแม้จะบอกว่าจัดอย่างเรียบง่ายไม่เอิกเกริกแต่เหล่าขุนนางที่สนิทชิดเชื้อมักจะมาพบปะกันที่จวนเสมอเมื่อปีก่อนเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ย จิ้งอ๋องเตี้ยนเซี่ยองค์หญิงหกและองค์หญิงเจ็ดก็เสด็จมาร่วมด้วยไม่ใช่หรือเพคะ? ทุกคนร่วมดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะคนเ้าชู้เช่นเฉินอ๋องหากประพฤติตนออกนอกลู่นอกทางหรือทำเื่เลอะเลือนก็คงเป็เื่ปกติใช่หรือไม่เพคะ?”
องค์รัชทายาทหันมามองฉินอิ่งเยว่ “เ้าหมายความว่า...”
“อนุชายาภายในจวนมีมากมายถึงเพียงนี้เฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยคงรู้จักไม่หมดเพคะ”ฉินอิ่งเยว่เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลราวกับกำลังเล่านิทาน“ไม่แน่ว่าปีนี้เฉินอ๋องอาจดื่มสุราไปมากจนนึกว่าจวนองค์รัชทายาทคือจวนของตนเห็นเหม่ยเหรินสักคนเป็เหม่ยเหรินของเขา....แต่...หม่อมฉันเกรงว่า...ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยอาจจะเสียเกียรติ แต่ความจริงแล้วเมื่อดูให้ดีก็ไม่ใช่เห็นจะเป็อะไรเพคะเพราะเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยเมาสุราจนเสียมารยาท เกี่ยวอะไรกับเตี้ยนเซี่ยกัน? นอกจากนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของเหม่ยเหรินเช่นกันเพคะ”
องค์รัชทายาทฟังสิ่งที่ฉินอิ่งเยว่กล่าวหลังครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงเบนสายตาไปหาฉินอิ่งเยว่อีกครั้งแล้วเอ่ยถาม“แต่เ้าสามเป็คนมาตรฐานสูงและเื่มากเื่หญิงงามยิ่งไปกว่านั้นสตรีทุกนางก็ไม่ได้ฉลาดอย่างเ้าคาดว่าเื่นี้ยังไม่ทันสำเร็จคงลุกลี้ลุกลนไปก่อน เหม่ยเหรินผู้นี้...จะต้องเลือกให้ดี”
ตอนเสนอความคิดนี้ออกมา ฉินอิ่งเยว่คิดไว้แล้วว่าองค์รัชทายาทจะต้องให้นางเป็คนทำ
เพราะถึงอย่างไรเฉินอ๋องก็รักมั่นต่อนางเมื่อครั้งยังอยู่ในสำนักไท่เฉว บรรดาคุณชายทั้งหมดต่างพากันดูออกนอกจากนั้นเฉินอ๋องยังไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง ดังนั้นผู้ที่จะลงมือทำเื่นอกจากนางก็ไม่มีผู้อื่นเหมาะสมอีกแล้ว
หากเื่นี้สำเร็จ ประการแรกหากเื่นี้ใหญ่โตจนไปถึงพระกรรณของฝ่าากับพระพันปีนางสามารถสร้างชื่อเสียงและตำแหน่งของตนให้มั่นคงยิ่งขึ้น ประการที่สองขอเพียงนางไม่เสียตัว แค่ถูกเฉินอ๋องโอบกอดและฉุดกระชากลากถูเท่านั้นองค์รัชทายาทคงไม่ถือสาแต่อย่างใด เมื่อเื่นี้สำเร็จองค์รัชทายาทจะต้องซาบซึ้งในน้ำใจของนางจะต้องให้ความสำคัญกับนางมากยิ่งขึ้นแน่นอน
ดังนั้นนางจึงปฏิเสธการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายทว่ายามอยู่ต่อหน้าองค์รัชทายาท นางจะตอบรับเร็วเช่นนี้ไม่ได้หากปล่อยให้องค์รัชทายาททำเื่นี้สำเร็จโดยง่ายเขาคงคิดว่านางไม่ได้ลำบากแต่อย่างใด และคงไม่สนใจความเสียสละของนาง
ด้วยเหตุนี้นางจึงเอ่ยทั้งรอยยิ้ม“ดวงพระเนตรขององค์รัชทายาทเฉียบแหลมบรรดาเจี่ยเม่ยที่ถูกเลือกเข้ามาล้วนฉลาดหลักแหลมและหน้าตางดงามหากจะเลือกสักนางหนึ่งมาทำเื่นี้คงไม่ใช่เื่ยากเพคะ”
“จิ๊...” องค์รัชทายาทส่ายหน้า “น้องสามของข้ารสนิยมสูงเื่นี้เ้าก็รู้ เมื่อครั้งพวกเราร่วมร่ำเรียนด้วยกัน ตลอดหลายปีมานี้นอกจากเขาถูกใจเ้า มีผู้ใดที่ยังเข้าตาเขาจริงจังบ้าง? หากไม่ใช่สตรีที่ทั้งงดงามและฉลาดเป็กรดเช่นเ้าการจะทำให้เขาลืมเนื้อลืมตัวขณะอยู่ในจวนองค์รัชทายาทคงจะเป็ไปไม่ได้”
ฉินอิ่งเยว่ไม่แกล้งโง่อีกต่อไป แต่เอ่ยด้วยความลังเลว่า“เตี้ยนเซี่ยหมายความว่า...”
“เปิ่นกงหมายความว่าหน้าที่สำคัญนี้ มีเพียงเ้าที่จะทำมันได้สำเร็จ”องค์รัชทายาทกอบกุมมือนางด้วยท่าทางจริงใจยิ่งนัก
ทว่าฉินอิ่งเยว่กลับรีบคุกเข่าและโขกศีรษะลงบนพื้นหลายหน“เตี้ยนเซี่ยได้โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ..”