สุสานหลวงอันใหญ่โตแห่งนี้มิใช่สถานที่พำนักแห่งสุดท้ายของอดีตฮองเฮา แต่ด้วยสถานที่นี้ตั้งอยู่ใกล้วังหลวง ฮ่องเต้จึงตั้งใจเลือกที่แห่งนี้เป็อนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงอดีตฮองเฮา
เหยาเชียนเชียนคุกเข่าลงอย่างสง่างาม นางคารวะต่ออดีตฮองเฮาด้วยท่าทางจริงจังและจริงใจที่สุด
เป่ยเหลียนโม่ยืนอยู่ข้างหลังนางอย่างเงียบเชียบ สายตาวางอยู่บนร่างที่กำลังหมอบกราบร่างนั้น ปลายนิ้วขยับเล็กน้อย
“เสด็จแม่ หม่อมฉันชื่อเชียนเชียนเพคะ” เหยาเชียนเชียนกล่าวเบาๆ “หม่อมฉันเป็ชายาของชิงผิงอ๋อง พบกันครั้งแรกอาจจะล่วงเกินไปบ้าง โปรดพระองค์อย่าถือสา”
คำที่กล่าวออกมานั้นแปลกประหลาด เป่ยเหลียนโม่มองนางอย่างเมินเฉย ก่อนจะค่อยๆ คุกเข่าลงข้างนาง
“เสด็จแม่ ลูกแต่งงานแล้ว วันนี้จึงพานางมาพบเสด็จแม่”
เขาไม่กล่าวอะไรอีก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เหยาเชียนเชียนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากตามใจชอบเช่นกัน จึงทำได้เพียงพูดอยู่ในใจเท่านั้น
'ฮองเฮาเพคะ ที่จริงแล้วหม่อมฉันไม่ใช่คนของโลกนี้ และไม่ได้ตั้งใจจะติดตามบุตรชายของพระองค์มา หม่อมฉันไม่เคยมีเจตนาทำร้ายผู้ใดและจะดูแลอาเหยียนอย่างดี หากิญญาของพระองค์ที่อยู่บน์รับรู้ ได้โปรดคุ้มครองเขาและคุ้มครองหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ'
“อวี๋เฟยกล่าวอะไรกับเ้าหรือ”
เหยาเชียนเชียนยังคงพร่ำบ่นเื่ไร้สาระกับอดีตฮองเฮาอยู่ หญิงสาวได้ยินคำถามของเป่ยเหลียนโม่โดยไม่ทันตั้งตัว นางมองไปยังสุสานของฮองเฮาอย่างลังเลเล็กน้อย
“พูดเื่นี้ต่อพระพักตร์เสด็จแม่จะดีหรือเพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นกลับกลายเป็คาดเดาไม่ได้ดังเช่นแต่ก่อน
“เพราะว่าอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของเสด็จแม่ ดังนั้นเ้าจึงไม่กล้ากล่าวความเท็จ และข้าก็ไม่อนุญาตให้เ้าปิดบัง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหยาเชียนเชียนกลับรู้สึกประหลาดใจ แน่นอนว่านางจะพูดส่งเดชอย่างไรก็ได้ ทว่าการที่เป่ยเหลียนโม่พูดเช่นนี้ นั่นแสดงว่าเขาค่อยๆ เชื่อในตัวนางแล้วอย่างนั้นหรือ?
“อวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงยกเื่ของหม่อมฉันกับองค์ชายสามในอดีตขึ้นมาพูด หม่อมฉันไม่ได้กล่าวอันใด แต่เป็เพราะหม่อมฉันไม่พูด จึงทำให้นางคิดว่าใจของหม่อมฉันไม่เหมือนดังแต่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้บทเรียนแก่หม่อมฉันเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่มีสีหน้าเรียบเฉย เขาหัวเราะเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยอีกครั้ง
“เหตุใดเ้าถึงไม่มอบเทียบยาอาหารบำรุงแด่นางเล่า”
เื่นี้ทำให้เหยาเชียนเชียนนิ่วหน้า และถามเขากลับอย่างลังเลว่า “หากหม่อมฉันบอกว่าหม่อมฉันลืมไปแล้ว ท่านอ๋องจะเชื่อหรือไม่?”
ลืมไปแล้ว?
เป่ยเหลียนโม่หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวโดยที่ไม่หันหน้าไปมอง “เ้าคิดว่าเปิ่นหวังจะเชื่อหรือ?”
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว เหยาเชียนเชียนเม้มปาก แต่นอกจากวิธีนี้นางก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้วจริงๆ จะให้บอกอีกฝ่ายว่านางไม่รู้เื่เทียบยานั้นั้แ่แรกหรือ เช่นนั้นเขาก็จะยิ่งคิดว่านางพูดจาเหลวไหลน่ะสิ
“ไม่ว่าอย่างไร การที่เ้าไม่ได้มอบเทียบยาให้ก็สมควรแล้วที่จะทำให้อวี๋เฟยกริ้วอย่างถึงที่สุด”เป่ยเหลียนโม่ผินใบหน้าเล็กน้อย พอเห็นท่าทางสะใภ้ที่ว่านอนสอนง่ายของนางก็อยากหัวเราะออกมา
“หากเ้าเพียงแค่อยากทำให้เปิ่นหวังเห็น เช่นนั้นก็ทำให้เปิ่นหวังประหลาดใจอยู่ไม่น้อย”
“หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจแสดงละครให้ท่านอ๋องดูนะเพคะ” เหยาเชียนเชียนรีบกล่าวอย่างร้อนรน นางลืมเื่นี้ไปเสียสนิท “ต่อไปท่านอ๋องก็จะรู้เองว่าหม่อมฉันมิใช่คนเดิมเหมือนในอดีตอีกแล้ว”
“อย่างนั้นหรือ” เป่ยเหลียนโม่ตอบอย่างเ็า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตอบรับมากมาย แต่ก็ไม่ได้เยาะเย้ยถากถาง นั่นทำให้เหยาเชียนเชียนพอใจมากแล้ว
“หลายปีมานี้ เทียบยานั้นทำให้ร่างกายของเป่ยเซวียนเฉิงดีขึ้นไม่น้อย การที่เ้าไม่ยอมมอบแด่นางจึงกลายเป็การทรยศสำหรับอวี๋เฟยอย่างไม่ต้องสงสัย” เขาลุกขึ้นยืน กดสายตามองนางอย่างละเอียด
“ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะมาหาเื่เ้าจริงๆ หรือ?”
เหยาเชียนเชียนเงยหน้ามองเขา แววตาใสแจ๋วและแน่วแน่ “ไม่กลัวเพคะ มีท่านอ๋องอยู่ด้วย ท่านอ๋องต้องปกป้องหม่อมฉันอย่างแน่นอน”
“เปิ่นหวังเคยกล่าวเช่นนั้นด้วยหรือ” เขายิ้มเย็น
“เมื่อครู่ยามที่อยู่ในวังหลวง ท่านอ๋องกล่าวว่าต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีท่านอ๋องอยู่เพคะ”
เป่ยเหลียนโม่เอียงศีรษะราวกับกำลังครุ่นคิด เขากล่าวประโยคนี้จริง แต่เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มพลางกะพริบตาปริบๆ ของสตรีผู้นี้เขาก็รู้สึกอยากหยอกล้อนางอย่างอดไม่ได้
“เปิ่นหวังเพียงแค่พูดไปอย่างนั้น แม้จะช่วยเ้าหลีกเลี่ยงจากปัญหาได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเปิ่นหวังจะสามารถคุ้มกันความปลอดภัยให้เ้าได้ตลอดเวลา”
เมื่อเป่ยเหลียนโม่ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของเหยาเชียนเชียนจนพอใจแล้วก็หมุนตัวเดินกลับไป
“มีไหวพริบหน่อย หากยังมีครั้งต่อไปจริงๆ จะได้ไม่ต้องลงทุนลงแรงมากนัก”
เหยาเชียนเชียนเดินตามเขาไปอย่างเดือดดาล ก่อนออกไปก็ไม่ลืมโค้งคำนับต่อสุสานของอดีตฮองเฮา เมื่อออกมาไกลแล้วจึงกล้าบ่นชายหนุ่มผู้ชั่วร้ายผู้นั้นอยู่ในใจ
คำพูดของเขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอยู่เสมอ ความซาบซึ้งใจของนางเมื่อครู่ช่างเสียเปล่าโดยแท้
อาเหยียนน้อยรอพวกเขาอยู่ที่ประตูจวนอ๋องอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นรถม้าแล่นกลับมาจากที่ไกลๆ ก็รีบวิ่งเข้าไปทันทีจนคนขับรถม้าต้องรีบหยุดม้า ก่อนจะแจ้งให้ทั้งสองคนข้างในทราบว่าเสี่ยวซื่อจื่อมาหา
“ท่านแม่!”
เหยาเชียนเชียนรับตัวเด็กน้อยไว้ทันทีที่ลงจากรถม้า ไม่รู้ว่าเขาร้องไห้มานานเท่าใดแล้ว ดวงตาของอาเหยียนบวมช้ำไปหมด นางเห็นสถานการณ์เป็เช่นนี้ก็อดปวดใจไม่ได้ และกล่าวว่า
“ท่านอ๋องไม่ต้องบอกอาเหยียนน้อยเื่วันนี้นะเพคะ เขายังเด็ก จะรับเื่ที่ะเือารมณ์เช่นนี้ไหวได้อย่างไร”
ได้รู้ว่ามารดาของเขาถูกผู้คนข้างนอกรังแก และเขาไม่สามารถอยู่เคียงข้างได้ เด็กคนนี้จะไม่ร้องไห้ได้อย่างไร
เป่ยเหลียนโม่ตอบกลับไปประโยคหนึ่งว่า “เปิ่นหวังไม่ได้บอกเขา”
“เช่นนั้นเหตุใดอาเหยียนน้อยถึงรู้ได้ทุกครั้งเลยเล่าเพคะ ครั้งที่แล้วที่หม่อมฉันเกือบถูกมือสังหารลอบฆ่า เขาก็ร้องไห้อยู่นานมากเช่นกัน”
เป่ยเหลียนโม่ไม่ได้กล่าวอะไรอีก ความเงียบของเขาถูกเหยาเชียนเชียนคิดเอาเองว่าเป็การสำนึกผิดไปโดยปริยาย นางอุ้มเด็กน้อยขึ้นและกลับเข้าไปในจวนอย่างช้าๆ พลางเช็ดน้ำตาให้เขาไปพร้อมกับรับปากว่าต่อไปนางจะไม่ยอมให้ตัวเองาเ็อย่างง่ายดายอีกแล้ว
เมื่อมองจากมุมไกลๆ ทั้งคู่ก็เหมือนกับคู่แม่ลูกจริงๆ
เป่ยเหลียนโม่นึกไปถึงประโยคที่เหยาเชียนเชียนบอกว่านางไม่เหมือนดั่งในอดีตอีกแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจากก้นบึ้งของหัวใจมันง่ายเพียงนั้นเลยหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาแค่คุมขังนางไว้เพียงไม่กี่วัน และข่มขู่อีกไม่กี่ครั้ง เพียงเท่านี้นางก็สามารถกลับตัวกลับใจได้แล้ว เป็ถึงคนที่ยินยอมโจมตีจวนอ๋องเพื่อเป่ยเซวียนเฉิงมิใช่หรือ
“อาเหยียนเด็กดี แม่ไม่เป็อะไร ไม่เจ็บแล้ว”
เหยาเชียนเชียนยื่นมือออกไปให้อาเหยียนน้อยดูอย่างละเอียด นางทำแผลเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงมองไม่เห็นสภาพน่าสังเวชภายใน อาเหยียนน้อยใช้จมูกดมกลิ่นเล็กน้อย เขายังได้กลิ่นคาวเืเจือจางอยู่
“ท่านแม่เจ็บหนัก” เมื่อเขากะพริบตา หยาดน้ำตาก็รินไหลออกมาจนเหยาเชียนเชียนต้องรีบเข้าไปเช็ดไว้
“ไม่เจ็บแล้ว ท่านพ่อช่วยใส่ยาให้แม่แล้ว อีกสักสองวันแม่ก็หายแล้ว” นางลูบศีรษะของอาเหยียนน้อยแ่เบา “ต่อไปแม่จะรักษาตัวเองให้ดี จะไม่ให้อาเหยียนเป็ห่วงอีก ดีหรือไม่?”
“ขอรับ!”
อาเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง เขาเอนซบอยู่ข้างเตียงสื่อเป็นัยว่าให้เหยาเชียนเชียนพักผ่อนสักเล็กน้อย เดิมทีนางยังอยากพูดคุยกับเขาอีกสักหน่อย แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดสุดท้ายนางก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่รับปากกับอาเหยียนแล้ว เช่นนั้นอาเหยียนก็จะทำสัญญากับท่านแม่”
อาเหยียนกัดปลายนิ้ว เืสีแดงสดกว่าปกติค่อยๆ เกาะตัวอยู่บนปลายนิ้วของเขา จากนั้นอาเหยียนน้อยก็บรรจงป้อนให้ที่มุมปากของเหยาเชียนเชียนอย่างระมัดระวัง เมื่อเขาเห็นว่าหยดเืนั้นหายไปแล้วจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ั้แ่นี้ไป ความสุขของท่านแม่ก็คือความสุขของอาเหยียน ความทุกข์ของท่านแม่ก็คือความทุกข์ของอาเหยียนเช่นกัน ไม่ว่าจะห่างกันไกลเพียงใด ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็จะััถึงท่านแม่ได้”
เหนื่อยเกินไปแล้ว อาเหยียนน้อยหาวหวอด นี่เป็ครั้งแรกที่เขาทำพันธสัญญากับมนุษย์ แม้กระทั่งกับท่านพ่อก็ไม่เคยทำเช่นนี้
เขาเหนื่อยจนไม่สามารถรักษาร่างมนุษย์ไว้ได้ พยายามดิ้นรนปีนไปข้างกายเหยาเชียนเชียน แสงสีขาวสว่างวาบขึ้น ลูกแมวน้อยหาที่สบายอยู่ข้างตัวนางและหลับไปในเวลาไม่นาน
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเมื่อครู่ภายในห้องนี้เกิดอะไรขึ้น เมื่อดวงตะวันค่อยๆ ลาลับ ในยามจุดตะเกียงเหยาเชียนเชียนก็ตื่นขึ้นมาเต็มตา
“ข้าหลับไปจริงๆ หรือนี่” นางขยี้ตาเบาๆ รู้สึกใเล็กน้อยเมื่อเห็นเ้าเด็กน้อยนอนก้นเปลือยเปล่าอยู่ข้างตัว “อาเหยียน?”
แปลงร่างเป็แมวไม่สมบูรณ์หรือ?
นางรีบใช้ผ้าห่มคลุมร่างอาเหยียน ในใจคิดว่าโชคดีที่ระหว่างนี้ไม่มีคนเข้ามา มิเช่นนั้นอาจมีคนเห็นร่างแมวของอาเหยียนได้
“จริงสิ ยังต้องไปคุยกับชิงผิงอ๋อง อาเหยียนยังเด็ก คงไม่อาจคุยกับเขาได้ทุกเื่ สำหรับเขาในจวนแห่งนี้มีเพียงข้าและชิงผิงอ๋องเป็ญาติใกล้ชิด หากเกิดเื่ขึ้นแล้วไม่มีทั้งสองคนอยู่ข้างกาย เขาต้องรู้สึกสับสนเป็แน่”
นางคิดเช่นนี้ แต่เมื่อรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบากเพื่อไปหาเป่ยเหลียนโม่ได้แล้วภายในห้องกลับไม่มีคนอยู่
นี่ก็ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เช่นนั้นคนไปไหนแล้วเล่า?
ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘กุกกัก’ ดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างอยู่ข้างตู้
เหยาเชียนเชียนตื่นตัว ชิงผิงอ๋องไม่อยู่ หากเป็บ่าวรับใช้ที่ทำความสะอาดก็น่าจะออกมากล่าวสำนึกผิดไปแล้ว แต่ยามนี้ยังเงียบสนิท เช่นนั้นยิ่งเป็ไปได้ว่าไม่ใช่คนของจวนอ๋อง
มือสังหาร?
เมื่อนางคิดถึงตรงนี้ขนอ่อนทั้งร่างก็ลุกชันขึ้นมา ความรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อคราวที่หนีจากความตายครั้งที่แล้วยังคงไม่เลือนหายไปหมดสิ้น เหยาเชียนเชียนไม่กล้าส่งเสียง นางกลัวกระทั่งว่านางจะเป็ฝ่ายยั่วยุให้อีกฝั่งโมโห และกลายเป็การปามีดปลิดชีวิตนางไปเสียก่อน
ทว่าในห้องของชิงผิงอ๋องจะมีมือสังหารอยู่ได้อย่างไร!
ไม่สิ เพราะเป็ชิงผิงอ๋องผู้นั้นถึงได้มีมือสังหาร ถึงอย่างไรเสียสาวใช้ทั่วไปคงไม่มีผู้ใดสนใจจะสังหารหรอก
นางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ค่อยๆ คว้าคอแจกันอันหนึ่งมาไว้ในมือ แม้จะรู้ดีว่าสู้ไม่ได้ แต่ขอหยิบมาเป็ที่พึ่งทางใจไว้ย่อมดีกว่า
รออยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว นางคงไม่ได้หูแว่วไปเองหรอกกระมัง?
นางมองไปทางประตูแวบหนึ่ง กระทั่งไม่กล้าหันหลัง ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งสับสนและแปลกใจนี้คล้ายกับมีอันตรายนับไม่ถ้วนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังนาง เป็เหตุผลเดียวกันกับที่นางกลัวการหันหลังยามที่อยู่ในห้องน้ำหลังจากที่เพิ่งดูหนังสยองขวัญมา
แม้อยากรอจนกว่าชิงผิงอ๋องจะกลับมา แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความอดทนนั้นหรือไม่ เหยาเชียนเชียนกอดแจกันไว้แน่นพยายามเคลื่อนตัวไปทางนั้น ก้าวเล็กๆ ขยับอยู่เนิ่นนาน เมื่อนางแข็งใจชะโงกไปดูกลับพบว่าหลังตู้นั้นว่างเปล่า
“ผีหลอก” นางเอ่ยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เมื่อครู่ยังได้ยิน...”
วัตถุบางอย่างซึ่งเย็นเยียบและแหลมคมจ่ออยู่ที่หลังคอของนางพอดิบพอดี
เหยาเชียนเชียนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา นางเสียใจอย่างยิ่งที่พาตัวเองมาหาความตายถึงที่
“ท่านวีรบุรุษผู้นี้ ท่านมีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันเถิด ข้าคือชายาของชิงผิงอ๋อง หากท่าน้าสิ่งใดสามารถบอกข้าได้ อยากให้ข้าพาท่านออกไปก็ย่อมได้ ขอเพียงท่านไม่ฆ่า...ไม่ฆ่าข้า พวกเรามาตกลงกันดีๆ เถิด”
นางรออยู่ครู่หนึ่งทั้งที่เนื้อตัวสั่นระริก ทันใดนั้นบางอย่างก็ตกลงบนไหล่ มันมีน้ำหนักอยู่บ้าง และดูเหมือนว่า...จะนุ่มนิ่มเล็กน้อย?
นุ่มนิ่ม?
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ นางพยายามหันศีรษะกลับไปมอง จากมุมนี้นางสบเข้ากับั์ตาสีมรกตเข้าพอดี
“กรี๊ด!”
นางเขวี้ยงแจกันออกไปด้วยความใ องครักษ์ที่อยู่หน้าประตูได้ยินก็พุ่งเข้ามา เห็นเพียงบนไหล่ของหวังเฟยนั้นมีแมวดำตัวหนึ่งนั่งอยู่ มันกำลังเลียอุ้งเท้าอย่างสบายใจ บนพื้นคือเศษแจกันที่แตกละเอียด
“หวังเฟยมีรับสั่งอันใดหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนทั้งโกรธทั้งขำ เมื่อถูกถามเช่นนี้ก็รู้สึกอับอายอยู่ไม่น้อย นางโบกมือและกล่าวว่า “แค่ตื่นตูมไปเอง ไม่มีอะไร ออกไปเถิด”
เมื่อองครักษ์ถอยออกไปและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว นางก็จับแมวดำที่นั่งอยู่บนไหล่ลงมาทันที และอุ้มมันขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาอย่างโกรธเคือง
“ที่แท้ก็เป็เ้าตัวแสบนี่เอง ข้าก็หลงคิดว่าเป็มือสังหารเสียอีก ใหมด”
แมวดำมองนางอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว นางจะกลัวอะไร เมื่อครู่ยังเจรจากับมือสังหารอย่างราบรื่นอยู่เลยมิใช่หรือ ทั้งยังบอกอีกว่า้าสิ่งใดจะมอบให้ทั้งหมด
ั์ตาสีมรกตหยุดลงอย่างเนิบช้า สายตาตกอยู่ที่ท่าทางเย่อหยิ่งของเหยาเชียนเชียน นางจะให้ทุกอย่างจริงหรือ?
