แต่หากไม่ใช่อวี๋ฉี่เจ๋อ หรือว่าอวี๋ฝูหลิงเป็คนส่งนางกลับห้อง? อวี๋เจียวพลันหันไปมองอวี๋ฝูหลิงด้วยท่าทางคล้ายจะเอ่ยบางสิ่งแต่ไม่เอ่ยออกมา
อวี๋ฝูหลิงทำไร่ทำนาั้แ่เด็กจนคุ้นชิน มีเรี่ยวแรงมาก ครั้นอวี๋เจียวลองนึกดูแล้วยิ่งรู้สึกว่าคนที่ส่งตนกลับห้องน่าจะเป็นางเสียมากกว่า
อวี๋เจียวเอ่ยขอบคุณเสียงเบา อวี๋ฝูหลิงยิ้มหวานให้อวี๋เจียวเอ่ยว่า “ขอบคุณอะไรกัน อาหารเย็นชืดหมดแล้ว จะให้ข้าไปก่อไฟอุ่นสักหน่อยดีหรือไม่?”
ยามนี้นางรู้สึกว่าอวี๋เจียวเข้าตายิ่งนัก ครั้นเห็นอวี๋เจียวกับอวี๋ฉี่เจ๋อใกล้ชิดกันปีหน้านางก็จะต้องออกเรือนแล้ว เมื่อมีอวี๋เจียวคอยดูแลบิดามารดาและน้องเล็กนางก็รู้สึกวางใจอย่างยิ่ง
อวี๋เจียวส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้ว” ยามนี้คือหน้าร้อนต่อให้อาหารเย็นชืดแล้วก็ไม่เป็อะไร
อวี๋ฝูหลิงถือโคมไฟไปห้องหุงต้มกับอวี๋เจียวฝนข้างนอกเรือนยังคงตกลงมา เพียงแต่ไม่ได้ตกหนักเท่าสองวันก่อน
อวี๋เจียวกินข้าวในห้องหุงต้มอวี๋ฝูหลิงนั่งอยู่ด้านข้างคอยเป็เพื่อนนาง ซ้ำยังรินชาอุ่นให้อวี๋เจียว
อวี๋เจียวดื่มน้ำชา ภายในใจรู้สึกสงบถึงแม้ภายในสกุลอวี๋จะมีเื่ราวกวนใจไม่น้อย ทว่าหลังจากนั้นฟื้นขึ้นมาก็ได้รับความดูแลจากครอบครัวรองทำให้นางยังมีที่ซุกหัวนอน
หลังจากล้างจานเสร็จเรียบร้อย อวี๋เจียวไม่รู้สึกง่วง นางหยิบตำรา 《บันทึกไท่เยี่ยน》 ที่วางไว้บนหัวเตียงเมื่อก่อนหน้านี้แล้วเอนกายพิงหัวเตียงอ่านตำรา
อวี๋ฝูหลิงยังไม่นอนเช่นกัน นางหยิบตะกร้าเข็มและด้ายขึ้นมาปักชุดมงคลต่อไปชุดมงคลของนางปักเย็บเสร็จแล้ว เหลือเพียงปรับแต่งคอเสื้อเท่านั้น
หลังผ่านไปสองเค่อ อวี๋ฝูหลิงบิดเอวไล่ความเกียจคร้านใช้ข้อศอกกระทุ้งอวี๋เจียวแล้วเอ่ยด้วยสีหน้ายินดี “ในที่สุดก็ทำเสร็จแล้วข้าจะลองสวมดู เ้าช่วยดูทีว่างามหรือไม่”
อวี๋เจียวเงยหน้าขึ้น “ได้”
นางรู้ว่าอวี๋ฝูหลิงทำอาภรณ์ชุดนี้เป็เวลานานมากคล้ายกับนางเฝ้าฝันถึงงานแต่งงานของตนยิ่งนัก
“เคยเห็นหน้าสามีในอนาคตมาก่อนหรือไม่?” อวี๋เจียวเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าของอวี๋ฝูหลิงแดงระเรื่อ เอ่ยถามด้วยความเขินอาย“ยังไม่เคยพบหน้ามาก่อน”
“เช่นนั้นก็หมายความว่าพี่ฝูหลิงไม่รู้กระทั่งว่าเขาอ้วนหรือผอมงั้นหรือ?” อวี๋เจียวนึกว่าแม้กฎระเบียบจะมากมาย แต่ก่อนแต่งงานอย่างน้อยทั้งสองฝ่ายยังได้พบกันสักครั้ง
อวี๋ฝูหลิงเอ่ยพลางก้มหน้าแดงระเรื่อ “ก็ไม่ถึงขั้นนั้นท่านพ่อท่านแม่เคยเห็นหน้าเขา บอกว่าเป็ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ถึงแม้ภายในจวนจะยากจนสักหน่อย ทว่าพ่อและแม่สามีล้วนแต่นิสัยใจคอดี”
ขณะเอ่ย นางเปลี่ยนไปสวมชุดแต่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้วก้าวลงเตียงไปสวมรองเท้าแล้วเดินวนหนึ่งรอบ เอ่ยกับอวี๋เจียวทั้งรอยยิ้ม“ข้าทำชุดแต่งงานตามแบบที่สตรีในตำบลสวมใส่ยามแต่งงาน งามหรือไม่?”
อาภรณ์สีแดงคล้ำทำจากผ้าป่าน แม้จะไม่อาจเทียบชุดแต่งงานอันหรูหราของคุณหนูสกุลใหญ่ทว่าอวี๋ฝูหลิงเย็บปักด้วยตนเองทีละเข็ม อวี๋เจียวเอ่ยออกมาจากใจจริงว่า “งดงามคนงามเพริศพริ้งเสียยิ่งกว่าบุปผา สามีในอนาคตของพี่จะต้องชอบแน่นอน”
อวี๋ฝูหลิงเม้มปากหัวเราะด้วยความขวยเขิน “อย่าพูดจาซี้ซั้วหากเ้าคิดว่างาม วันหน้าข้าจะทำให้เ้าอีกชุด”
อวี๋เจียวส่ายหน้า เอ่ยพลางแย้มยิ้ม “ไม่ต้องข้าไม่ได้จะแต่งงานสักหน่อย”
อวี๋ฝูหลิงถอดชุดแต่งงานบนกายออกพับให้เป็ระเบียบเรียบร้อยอย่างระแวดระวังก่อนจะเอาไปวางไว้ในลิ้นชัก“จะว่าไปแล้ว เ้ากับน้องเล็กก็ยังไม่ได้จัดงานแต่งงานรอกระทั่งร่างกายของน้องเล็กดีขึ้นแล้ว ข้าจะให้ท่านแม่จัดงานให้พวกเ้า”
“ไม่อาจรบกวนเป็อย่างยิ่ง” อวี๋เจียวเอ่ยหยอกล้อ“พี่ฝูหลิงอยากให้อาโหรวในสกุลเฉินเป็น้องสะใภ้มาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? รอกระทั่งอวี๋ฉี่เจ๋อหายจากอาการป่วยภายหน้าก็จะขอไปหมั้นหมายได้แล้ว”
อวี๋ฝูหลิงรีบอธิบาย “อาโหรวหมั้นหมายไปแล้วคือผู้ที่มีรายชื่อสอบผ่านขุนนางในตำบล นางกับน้องเล็กไร้ซึ่งวาสนาต่อกันแล้วเ้าอย่าได้ใส่ใจคำกล่าวที่ข้าเคยพูดไปเมื่อก่อนหน้านี้ นับั้แ่เ้าเข้ามาอยู่ในสกุลอวี๋ท่านพ่อท่านแม่ของข้าก็เห็นเ้าเป็เช่นลูกสะใภ้มาโดยตลอดฉี่เจ๋อก็บอกข้าอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าเขากับอาโหรวไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้วเ้าอย่าได้เกิดรอยร้าวภายในใจเพราะวาจาไม่ดีในก่อนหน้านี้ของข้าเลย”
อวี๋เจียวหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางร้อนใจของนางเอ่ยอย่างไม่เก็บมาใส่ใจว่า “ไม่เป็อันใด คนเรามีชีวิตอยู่ย่อมต้องหาสามีที่ดีถึงจะสามารถอยู่ร่วมกันจนผมขาวชีวิตที่เหลือยังยาวไกลนัก หากหาคนที่ไม่ตรงกับใจ ต่างฝ่ายต่างนึกรังเกียจกันมิสู้พเนจรสี่ทิศเพียงลำพังเสียยังดีกว่า”
อวี๋ฝูหลิงไม่เห็นด้วยกับวาจาแปลกประหลาดเช่นนี้ยิ่งนัก นางเอ่ยว่า“นับแต่โบราณมา บุรุษกับสตรีแต่งงานกันล้วนแต่เป็คำสั่งของบิดามารดาปฏิบัติตามคำแนะนำของแม่สื่อ หากไม่มีบุรุษเป็ที่พึ่งพิงชั่วชีวิตก็ไม่ต่างกับจอกแหนไร้ที่ยึดเหนี่ยว ชีวิตจะต้องลำบากอย่างยิ่งเ้าจงวางใจ น้องเล็กของข้าเป็บุรุษที่พึ่งพิงได้ภายหน้าจะต้องดีต่อเ้ามากแน่นอน”
อวี๋เจียวยกยิ้มบาง นางไม่เอ่ยสิ่งใดต่อไปรัชสมัยที่นางอาศัยอยู่ในยามนี้ต่างออกไปความคิดทั้งสองไม่อาจประสานเป็หนึ่งเดียวเมื่อชาติก่อนนางไม่ยอมแต่งงานมาโดยตลอดก็เพราะจะรอคนผู้นั้น รอเพียงคนที่ทำให้นางคิดอยากอยู่รวมกับเขาไปชั่วชีวิต
“ดึกแล้ว รีบนอนเถิด” อวี๋เจียวเอ่ยพลางเอนกายนอนลง
อวี๋ฝูหลิงขึ้นเตียงแล้วดับตะเกียงบนหัวนอนเอนกายนอนลงครู่หนึ่งก็เอ่ยเสียงเบาท่ามกลางความมืด “ปีหน้าข้าก็จะออกเรือนแล้วภายหน้ายามข้าไม่อยู่ข้ายังต้องรบกวนเ้าให้ช่วยดูแลท่านพ่อท่านแม่และน้องเล็กให้มากสักหน่อย อวี๋เจียวเ้าจะดีต่อท่านพ่อท่านแม่และน้องเล็กของข้าตลอดไปใช่หรือไม่?”
อวี๋เจียวไม่เปล่งเสียงใดในทันทีนางลืมตามองอากาศว่างเปล่าท่ามกลางความมืดมิด ผ่านไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยว่า“ท่านอาซ่งและท่านอาเมิ่งซานดีต่อข้ามาก หากข้ายังอยู่ในสกุลอวี๋หนึ่งวันจะต้องทำดีกับพวกเขาอีกหนึ่งวันอย่างแน่นอน”
อวี๋ฝูหลิงวางใจไม่น้อยหลังได้ฟังเพียงแต่เมื่อเห็นว่าอวี๋เจียวไม่เอ่ยถึงอวี๋ฉี่เจ๋อนางรู้สึกกังวลใจอย่างอดไม่ได้ “เ้าอย่าได้ถือสาที่น้องเล็กนิสัยเ็าทั้งหมดเป็เพราะอาการป่วย ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะพูดน้อยแต่ก็ยิ้มเก่งทว่าตลอดหลายปีมานี้ไม่คึกคักยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว”
อวี๋ฝูหลิงถอนหายใจท่ามกลางความมืดอีกครั้งอวี๋เจียวขานรับหนึ่งเสียง ปิดเปลือกตาลงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
เช้าตรู่วันต่อมา สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุดหลังจากอวี๋เจียวต้มยาให้อวี๋ฉี่เจ๋ออยู่ในห้องหุงต้มเสร็จเรียบร้อยจึงนำมาส่งในห้อง
ขณะอวี๋ฉี่เจ๋อดื่มยา อวี๋เจียวนั่งลงด้านข้างสายตาหันไปเห็นกระดาษคัดอักษรที่ตนยังคัดไม่เสร็จวางอยู่บนโต๊ะและเปรอะเปื้อนน้ำหมึกจนอักษรเลอะเลือนไปหลายตัวยามนี้กลายเป็กระดาษไร้ประโยชน์ไปแล้ว นางเอื้อมมือไปหยิบกระดาษขึ้นมาครั้นโยนลงในถังขยะเรียบร้อยแล้วจึงหันไปเอ่ยกับอวี๋ฉี่เจ๋อว่า
“หากครั้งหน้าข้าหลับไปตอนคัดอักษร ท่านแค่ปลุกข้าเป็พอไม่ต้องให้ฝูหลิงพาข้าไปส่งที่ห้องอีกแล้ว”
อวี๋ฉี่เจ๋อที่กำลังดื่มยาชะงักเล็กน้อยเขากลืนยาขมลงคอแล้วเงยหน้ามองอวี๋เจียว กระแอมไอเสียงเบาก่อนจะส่งเสียงขานรับ
อวี๋เจียวเอ่ย “อีกประเดี๋ยวข้าจะขึ้นเขาไปหาสมุนไพรชนิดหนึ่งวันนี้จะไม่ฝึกคัดอักษรแล้ว”
อวี๋ฉี่เจ๋อวางถ้วยยาที่ถูกดื่มจนว่างเปล่าลงถึงแม่น้ำเสียงจะเ็า ทว่าในวาจากลับเจือด้วยความเป็ห่วง “ข้างนอกฝนยังตกลงมารอกระทั่งฟ้ากระจ่างแล้วค่อยไป”
อวี๋เจียวเดินไปข้างโต๊ะเล็ก หยิบถ้วยยาขึ้นมาแล้วเดินไปทางด้านนอก“หากฝนหยุด สมุนไพรชนิดนั้นก็จะหายไป”
“ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่สักหน่อย ให้เขาไปกับเ้า”อวี๋ฉี่เจ๋อหยัดกายลุกขึ้น เอ่ยไปทางแผ่นหลังของอวี๋เจียว
“ได้” อวี๋เจียวหันกลับมาแย้มยิ้มให้เขา
ครั้นใบหน้าเรียวเล็กขาวสะอาดอยู่ท่ามกลางแสงสว่างยามรุ่งอรุณขนยาวดุจขนนกขยับเล็กน้อย ขับให้ดวงตาดุจผลซิ่งคู่นั้นของนางเป็ประกายสดใสภายในใจของอวี๋ฉี่เจ๋อเต้นระส่ำ เขาผินหน้าหนีไป ไม่กล้ามองโดยตรง
ครั้นได้ยินว่าอวี๋เจียวจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรอวี๋หรูไห่กลับไม่เอ่ยสิ่งใด เขายอมให้อวี๋จือหางติดตามไปด้วย อวี๋ฝูหลิงอยากตามไปด้วยเช่นกันทว่าอวี๋เจียวไม่ยอม
นางมุ่งเป้าไปยังหญ้าเหยาเฉ่า ยามนี้บนเขามีฝนตกมาหลายวันแล้วดินโคลนบนูเาอ่อนตัว เป็อันตรายอย่างยิ่ง
หลังจากอวี๋เจียวกับอวี๋จือหางขึ้นเขาไปไม่นานมีรถม้าคันหนึ่งฝ่าสายฝนเข้ามาในหมู่บ้านชิงอวี่ ตามด้วยหยุดลงหน้าจวนสกุลอวี๋
