“โดนเท” ยืนอยู่ท่ามกลางตรอกมืด เซี่ยวอี๋หาว เธอรู้สึกเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูกแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เสิ่นิทิ้งเธอไว้ แต่อย่างไรเสียที่นี่ก็คือโตเกียว ญี่ปุ่น สถานที่แปลกถิ่นสำหรับเธอเซี่ยวอี๋ไม่รู้ว่าผู้คนที่นี่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้หรือไม่
เธอควรรอเสิ่นิอยู่ที่เดิมหรือไปหาโรงแรมพักดี? ในขณะที่เซี่ยวอี๋กำลังคิด โอบาตะทาเคชิผู้สวมแว่นตากรอบพลาสติกก็เดินเข้ามา
“สวัสดีครับ เราพบกันอีกแล้ว” โอบาตะทาเคชิกล่าวทักทายเธอเป็ภาษาจีนอย่างตะกุกตะกัก
“คุณพูดภาษาจีนได้หรือ?” เซี่ยวอี๋แปลกใจ
“ผมเคยเรียนภาษาจีนเป็วิชาโทในมหาวิทยาลัยเห็นว่าเมื่อครู่นี้คุณพูดภาษาจีน คิดว่าคุณน่าจะเป็ชาวจีน เลยลองใช้ภาษาจีนทักดูผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อโอบาตะ ทาเคชิ เป็ที่ปรึกษาแคมเปญของคุณคานาโกะ”โอบาตะ ทาเคชิเป็คนขี้อายและสุภาพมาก
“ฉันชื่อเซี่ยวอี๋ เป็ชาวจีน รองประธานบริษัทรักษาความปลอดภัยตระกูลเสิ่น...”เซี่ยวอี๋รู้สึกเคอะเขินเมื่อกล่าวประโยคนี้ ทั้งออฟฟิศมีกันแค่สองคนถ้วนแต่เสิ่นิก็ขอให้เธอแนะนำตัวเช่นนี้ มันดูแกรนด์ดี
“สวัสดี ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณในวันนี้ผมรู้ว่าคุณคานาโกะมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อพวกคุณแต่ได้โปรดเชื่อผมเถอะว่าเธอเป็คนดี เธอแค่เพียงอ่อนไหวต่อความรุนแรงไม่ทราบว่าตอนนี้คุณพอมีเวลาไหม? ผมรู้จักร้านราเม็งอร่อยๆอยู่ไม่ไกลมาก” โอบาตะ ทาเคชิจีบสาวไม่ได้เื่แม้แต่จะชวนสาวไปดินเนอร์ด้วยก็ยังเงอะงะ ราวกับมีตัวหนังสือเขียนอยู่บนหน้าผากว่า“ถ้าเธอปฏิเสธ ผมจะทำอย่างไร”
“ฉันว่างอยู่พอดี ถ้าคุณอยากเลี้ยง ฉันก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”เซี่ยวอี๋ยักไหล่ ถือว่าเป็การชดใช้ให้กับบรรพบุรุษที่ถูกทำร้ายในอดีตกินเพื่อล้างแค้นคืนให้กับประเทศชาติ
“จริงเหรอ? เยี่ยมไปเลย!” โอบาตะทาเคชิตื่นเต้นจนหน้าแดง ราวกับว่าหญิงสาวตอบตกลงว่าจะคบเขาเป็แฟน
ชายหญิงคู่หนึ่งเดินไปยังร้านราเม็งซึ่งอยู่ไม่ไกลนักในขณะที่ฝั่งชายมีท่าทางขวยเขิน แต่ฝั่งหญิงสาวกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง
อีกฟากหนึ่งเสิ่นิใช้เวลาไปทั้งสิ้น 4 นาที 57 วินาที แม้แต่คนขับแท็กซี่ผู้มีความช่ำชองก็ยังใช้เวลาถึง 15 นาทีเพื่อไปยังสถานที่ดังกล่าว คานาโกะแทบจะะโลงจากรถเธอไม่ได้แสดงความขอบคุณอันใดเลยหญิงสาวเกาะเสาโทรศัพท์ข้างถนนและอาเจียนออกมาเหมือนกับกำลังจะตายแซนด์วิชที่เธอทานเป็อาหารเย็นนั้นแทบจะออกมาทั้งหมด
“สมรรถภาพทางร่างกายไม่ค่อยดี ต้องเสริมด้วยการออกกำลัง”เสิ่นิเริ่มร่างแผนการคุ้มครอง
คานาโกะอาเจียนกระทั่งไม่มีอะไรให้อาเจียนเธอยืนหน้าซีด เธอเห็นว่าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล มีรถพยาบาลเปิดไซเรนอยู่เ้าหน้าที่ทางการแพทย์กำลังหามชายร่างเปลือยออกมาเพื่อนบ้านที่อยู่โดยรอบไม่น้อยถูกเสียงรบกวนปลุกให้ตื่นพวกเขาออกมามุงกันอย่างตื่นเต้น
คานาโกะรีบวิ่งไปหญิงสาวผมสั้นปากบวมราวกับไส้กรอกในชุดนอนคนหนึ่งกำลังดุด่าโลลิตัวน้อยผมลอน
“อาโออิ!” คานาโกะฝ่าฝูงชนเข้าไปเธอรีบสวมกอดลูกสาวไว้ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่ง “พูดมา ทำไมถึงเป็เด็กไม่ดี? ทำไมถึงทำให้คุณป้าเคียวโกะโมโห?”
“แม่!” อาโออิไม่ได้มีทีท่าสำนึกผิดหรือว่าหวาดกลัวเลยเธอกอดคอแม่ด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา
“เป็เพราะลูกสาวตัวดีของเธอ! ดูปากฉันสิ!”เมื่อเคียวโกะเห็นคานาโกะก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง“ฉันไม่เคยเห็นเด็กคนไหนซนขนาดนี้มาก่อน! เด็กบ้านี่เอายาพิษใส่ในน้ำมันหล่อลื่นของฉัน!ตอนนี้แฟนฉันลุกไม่ขึ้นแล้ว ไอ้นั่นบวมอย่างกับลูกระนาด!”
คำบรรยายของเคียวโกะทำเอาเพื่อนบ้านที่มามุงดูต่างพากันหัวเราะคิกคักเธอทั้งโกรธทั้งขายหน้า
“ไม่ใช่ยาพิษเสียหน่อย ก็แค่น้ำมันมัสตาร์ดรสเผ็ดพิเศษที่ปราศจากกลิ่นหาซื้อได้ใน Taobao ของญี่ปุ่น ราคาไม่กี่เยนแถมยังส่งฟรีอีก ตอนนี้พวกผู้ชายในโรงเรียนชอบซื้อเอามาเล่นแผลงๆ กัน!”อาโออิพูดพลางทำปากจู๋ แม้เด็กชายคนอื่นจะซื้อมัน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็จะเอามันใส่ไปในอาหารแต่เธอกลับเอามาใส่แทนน้ำมันหล่อลื่น...ดูเหมือนว่าเธอเถียงข้างๆ คูๆ อย่างไรก็ไม่รอดแล้ว
“ไอ้ตัวแสบนรกส่งมาเกิด! แก...” แฟนหนุ่มยันเปลลุกขึ้นนั่งด้วยความโกรธเขาคิดอยากจะสาปแช่งแม่หนูน้อยคนนี้ แต่แขนข้างหนึ่งก็ถูกบีบและกดกลับลงไปในเปล
“เธอเป็แค่เด็ก พูดจาว่าร้ายแบบนี้ ระวังผมจะจับคุณตอนจริงๆ”เสิ่นิใช้สายตาถมึงทึงจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้นหมอนั่นขวัญเสียจนกระทั่งหุบปากไปลง
“อาโออิ! ทำไมลูกซนอย่างนี้ คุณป้าเคียวโกะเป็เพื่อนของแม่คุณป้าใจดีเลี้ยงดูหนูมา หนูทำแบบนี้อีกหน่อยจะอยู่ร่วมกับคุณป้าต่อไปได้ยังไง?”คานาโกะนั่งลงตรงหน้าอาโออิผู้เป็แม่โอบไหล่ของแม่โลลิน้อยเอาไว้แน่นพร้อมกับว่ากล่าวอย่างจริงจัง
“เธอยังคิดที่จะเอาลูกมาฝากไว้กับฉันอีกเหรอ? ถ้าฉันอยู่กับไอ้ปีศาจน้อยตัวนี้อีกฉันก็คงเป็บ้า ฉันบอกแล้วว่าเธอจะไปวุ่นวายลงเลือกตั้งทำไม? สมองเธอยังดีอยู่หรือเปล่า? อย่างไรเสียฉันก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเด็กที่แม่คลอดออกมาแต่ไม่มีพ่อคอยอบรมสั่งสอนแบบนี้อีกแล้วต่อไปนี้ อย่ามาข้องแวะกับฉันอีก!”ปากไส้กรอกของเคียวโกะลุกเป็เปลวเพลิงด้วยความโมโห
“ปากคุณป้ากลายเป็น้ำตกแล้ว” เสิ่นิยื่นทิชชูให้เคียวโกะปากของเธอชาจนไร้ความรู้สึกแล้ว เธอพูดมากเกินไปน้ำลายย้อยเหมือนกับไม่มีประตูกั้นน้ำ
เคียวโกะรับเอาทิชชูไปเช็ดน้ำลายอย่างขวยเขินเพื่อนบ้านพากันหัวเราะร่าอีกรอบ
“คุราชินะ อาโออิใช่ไหม?” เสิ่นิยิ้มแล้วเดินเข้าหาอาโออิ
“สู่สู เป็ใคร? ทำไมถึงรู้จักชื่ออาโออิด้วย?”เด็กน้อยมีความสามารถพิเศษเธอสามารถแยกแยะคนดีออกจากคนเลวได้อย่างง่ายดาย คุณลุงที่อยู่ตรงหน้าเธอดูแข็งแรงมากดุเล็กน้อย แต่ก็ปฏิบัติกับผู้คนด้วยความอ่อนโยนและยังช่วยเหลือเธอตลอด
“ลุงเป็บอดี้การ์ดคนใหม่ของแม่เธอ ชื่อเสิ่นิ ยินดีที่ได้รู้จัก”เสิ่นิยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ
"แหม! เธอมีเงินจ้างบอดี้การ์ด แต่กลับเอาลูกสาวมาฝากไว้เพื่อก่อกวนฉันค่ารักษาพยาบาลจะเอาอย่างไร?!” เคียวโกะยังไม่ยอมจบ
“เคียวโกะ เธอฟังฉันอธิบายก่อน” คานาโกะลุกขึ้นกล่าวขอโทษ
“หนูเก็บกระเป๋าเสร็จหรือยัง? เรากลับบ้านกันเถอะ”เสิ่นิไม่สนใจความพัวพันระหว่างผู้หญิงทั้งสองเขาเพียงแค่ถามหนูน้อยโลลิที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วยความอ่อนโยน
“อยู่ในนี้หมดแล้วค่ะ!” อาโออิถือกระเป๋าเดินทางที่มีรูปเป็ดไว้พร้อมด้วยรอยยิ้มซึ่งไม่รู้ว่าเ้าเล่ห์หรือไร้เดียงสากันแน่
“ไปกันเถอะ รถอยู่ทางโน้น” เสิ่นิพาหนูน้อยอาโออิไปทางเ้า SMARTน้อย
“เฮ้ คุณทำอะไรน่ะ” คานาโกะกล่าวด้วยความงุนงง
“กลับบ้านสิแม่!” อาโออิก้มหน้าอมยิ้ม
“เดี๋ยวก่อน ค่าหมอ...” เคียวโกะพูดยังไม่ทันจบเสิ่นิซึ่งเดินอยู่ข้างเด็กน้อยก็หยิบปึกธนบัตรใบละหมื่นเยนยัดใส่ปากคุณป้าไปทั้งหมดอย่างน้อยๆ ก็น่าจะสัก 200,000 เยนเมื่อเทียบเป็เงินหยวนก็อยู่ที่ราวๆ 10,000 หยวน
“รีบเอาไปรักษาปากบวมกับไอ้นั่นของแฟนซะ ถ้าไปช้า ระวังจะถูกตัดทิ้ง”เสิ่นิถอนหายใจ ว่ากันตามจริงแล้ว ไม่ใช่เสิ่นิดูถูก ปากที่บวมเจ่อของยายป้าในชุดนอนนั้นช่างเหมาะกับการยัดเงินใส่กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเคล็ดลับในการปิดปากด้วยเงิน เขาได้เรียนรู้มาจากฟางหยวนอย่าบอกใครล่ะว่าวิธีนี้มันเจ๋งโคตรๆ
ระหว่างทางกลับบ้านอาโออินั่งจ้ออยู่บนตักแม่ สุขใจเหมือนเช่นเด็กๆ ใน่เทศกาลปีใหม่ นอกจากนั้นยังรายงานเื่ขี้หมูขี้หมาต่างๆในโรงเรียนทีละเื่ให้เธอฟัง ่นี้คานาโกะยุ่งมากหลังจากฝากอาโออิไว้กับเพื่อนแล้ว เธอก็ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนลูกอีกเลยเป็เวลา 4 วัน อาโออิทั้งโกรธทั้งน้อยใจ
คุราชินะอาโออิไม่มีพ่อั้แ่เล็ก แต่เธอเป็เด็กแกร่ง อายุไม่ถึง 6 ขวบดีก็สามารถเข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เหมือนกับผู้ใหญ่ตัวน้อยได้แล้ว เธอช่วยเหลือตัวเองได้ในหลายๆ เื่เธอไม่้าให้แม่เป็ห่วง ผลการศึกษาจึงออกมายอดเยี่ยมเสมอ
แต่่นี้เธอเริ่มซนหนักข้อขึ้นคานาโกะรู้ว่าเื่นี้เกี่ยวโยงถึงการที่เธอจะลงสมัครเลือกตั้งดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะต่อว่าลูกได้อย่างไร
“ลุงเสิ่นิ? ลุงเป็คนเกาหลีเหรอคะ?” อาโออิเห็นแม่ไม่ค่อยพูดเธอจึงอ้อล้อกับเสิ่นิผู้เป็ทั้งบอดี้การ์ดและคนขับรถ
“ไม่ใช่ ลุงเป็คนจีน” เสิ่นิตอบ
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ดี อาโออิไม่ชอบคนเกาหลี คนเกาหลีหยิ่ง อาโออิชอบสามก๊ก ไซอิ๋ว และเทพเ้าในห้องสิน เมืองจีนมีเื่เล่าสนุกๆ แสนวิเศษมากมาย!”อาโออิยิ้มอย่างสุขใจอีกครั้ง
“หนูเพิ่งจะหกขวบ ทำไมรู้จักนิยายเยอะขนาดนี้?” เสิ่นิแปลกใจ
“อ๋อ อาโออิชอบอ่านหนังสือ ตอนแม่ไม่อยู่ อาโออิก็อ่านหนังสือคนเดียวอาโออิรู้เื่หมดนะ อย่าเห็นว่าอาโออิเป็เด็ก พวกผู้ใหญ่ก็เหลือเกินเอาความคิดของตัวเองมาตัดสินว่าพวกเราว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร แม่ก็เป็แบบนั้นแต่ก็ไม่เห็นจะดูแลตัวเองได้เหมือนที่อาโออิทำ ทำงานดึกดื่นตลอดไม่รู้จักทานข้าวให้เป็เวลา หน้าแม่ก็โทรมมาก” อาโออิกอดอกเธอทำท่าทำทางเหมือนผู้ใหญ่ เอ็ดแม่ทุกประโยคอย่างอ่อนโยน
“แม่ยังไม่ทันได้อบรมลูกเลย ลูกก็มาอบรมแม่ซะอย่างนั้นแกล้งกันแบบนี้มันอันตรายนะ ถ้าคุณป้าเคียวโกะเกิดตายขึ้นมาจะทำยังไง?” จากนั้นคานาโกะก็ใช้กำปั้นเขกศีรษะของอาโออิเบาๆ
“ก็ใครใช้ให้คุณป้าชอบเรียกอาโออิว่าลูกไม่มีพ่อสั่งสอนอยู่เรื่อยล่ะสมควรถูกฟ้าดินลงโทษ!” อาโออิเสียงแข็งขึ้นมาเธอลูบไปที่บริเวณที่ถูกแม่เขกแต่ก็ยังไม่สำนึกผิด
“ยังจะเถียงอีก! วางยาก็ผิดแล้ว!” คานาโกะโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้ว
“เอาล่ะ เรามาถึงแล้ว” ในขณะที่เสิ่นิกำลังจะเกลี้ยกล่อมรถก็หยุดลงตรงหน้าประตูบ้านของคานาโกะ ทางเข้าอาคารอะพาร์ตเมนต์เก่าสองชั้นนี่คือบ้านเช่าชั้นแย่ในตัวเมือง เทียบได้กับห้องชั้นใต้ดินในเมืองจีนคานาโกะไม่ได้อยู่ในสถานที่แบบนี้เสมอไป แต่เพื่อเข้าร่วมการเลือกตั้งเธอจึงได้ขายบ้านหลังเดิมทิ้งและนำเงินมาเป็ทุนในการเลือกตั้งและเงินทุนตั้งต้นก็ได้มาด้วยวิธีนี้
ด้วยเหตุนี้เธอจึงสามารถเช่าได้แค่เพียงสถานที่แบบนี้เท่านั้นเป็เวลาร่วม 2 เดือนแล้วที่ดาราโฟโต้บุ๊คคัพ K ก้าวเข้าสู่วงการการเมือง ความเป็จริงมันยากเหนือที่คนจะจินตนาการได้
“ถึงบ้านแล้ว! ถึงบ้านแล้ว! ลาลาลา!”อาโออิร้องเพลงเด็กน้อยและวิ่งไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น เธอไปถึงที่ประตูก่อนใครเธอไม่ได้รังเกียจที่ต้องเปลี่ยนจากการอยู่อะพาร์ตเมนต์สองชั้นมาเป็ห้องที่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกันแบบสตูดิโอเธอแค่ไม่ชอบใจที่แม่ไม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้ก็เท่านั้น
“อาโออิ อย่าส่งเสียงดัง ดึกมากแล้ว เพื่อนบ้านหลับกันหมดแล้ว”คานาโกะเตือนด้วยความตระหนกประสิทธิภาพของฉากกันเสียงของบ้านประเภทนี้ก็เหมือนกับคั่นไว้ด้วยกระดาษเท่านั้นและตอนนี้ก็เป็เวลาห้าทุ่มแล้ว
“ผมเอง” เสิ่นิรับกุญแจมาจากคานาโกะ เขาก้าวเข้าประตูไปก่อนเมื่ออาโออิจะเข้าไป เขาก็บังอาโออิไว้ที่ด้านหลังเขาเริ่มกลับมาระมัดระวังอย่างจริงจัง เขาเริ่มงานแล้วโชคดีที่ไม่มีวี่แววว่าบ้านหลังนี้จะถูกงัด เขาจึงยกเลิกการเตือนภัยชั่วคราว