เหยาเชียนเชียนเม้มปาก นางรู้สึกได้ว่าเป่ยเหลียนโม่กำลังกลัดกลุ้ม ทว่าเมื่อครู่ฮ่องเต้ไม่ได้รั้งเขาให้อยู่ด้วย คาดว่าคงไม่อยากให้เขาแทรกแซงในเื่นี้
“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ไตร่ตรองถึงหม่อมฉัน เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย เกรงว่าท่านอ๋องก็คงไม่อาจร้องขอให้เสด็จพ่อเห็นด้วยได้ เพราะฉะนั้นช่างมันเถิดเพคะ”
ช่างมัน?
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้วมองนาง การสังหารพระสนมและองค์ชายมีโทษปะาชีวิต แม้ว่าไม่อาจเกี่ยวพันมาถึงเขาและอาเหยียน ทว่าเหยาเชียนเชียนไม่รอดแน่ ดังนั้นจะให้ช่างมันได้อย่างไร?
“เ้าเชื่อใจเปิ่นหวังเถิด” เขากล่าว “แม้ว่าเสด็จพ่อจะเข้าพระทัยเ้าผิด แต่เปิ่นหวังก็ไม่อาจปล่อยให้เ้าต้องกล้ำกลืนยอมรับความไม่เป็ธรรมอย่างแน่นอน”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อเป่ยเหลียนโม่ เพียงแต่หากฮ่องเต้ปักใจเชื่อแล้วว่าเป็นาง เช่นนั้นไม่ว่าเป่ยเหลียนโม่จะหาหลักฐานใดมาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้
“ท่านอ๋อง เสด็จพ่อไม่ทรงโปรดหม่อมฉันั้แ่เมื่อครั้งที่ท่านอ๋องสู่ขอหม่อมฉันต่อเสด็จพ่อเลยหรือเพคะ?”
นางแย้มยิ้มอย่างไม่แยแส “รวมถึงครั้งที่แล้วด้วย ความจริงแล้วเสด็จพ่อก็ไม่ได้ทำไปเพื่อปกป้องหม่อมฉัน เพราะฉะนั้นถึงไม่ให้หม่อมฉันกล่าวถึงอวี๋เฟย ท่านอ๋องเพียงแค่ปลอบโยนหม่อมฉันเท่านั้น”
เป่ยเหลียนโม่กุมมือนางไว้ เช่นนั้นแล้วอย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อาจปล่อยให้นางจากไปได้ และยิ่งไม่อาจปล่อยให้นางถูกใส่ร้ายอยู่เช่นนี้ นางคือหวังเฟยที่เขาวอนขอมา เขาก็ควรจะรักนางอย่างดี ผู้ใดจะกล้าพูดอะไรเล่า
เมื่อได้ััความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขา เหยาเชียนเชียนก็พลันรู้สึกว่าความไม่สบายใจและความเศร้าเมื่อครู่สลายหายไปไม่น้อย
นางไม่ใช่คนที่ดูถูกตัวเอง ยามนี้ที่ไม่อยากให้เป่ยเหลียนโม่เข้าวังไม่ใช่เพราะนางอยากยอมแพ้กับตัวเอง แต่เพราะนางรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็ที่จะต้องให้เขาไปทำเื่ไร้ประโยชน์เ่าั้
หากสงสัยนางเพียงเพราะสิ่งของเ่าั้ ก็เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ทรงไม่โปรดนางมากนัก เหยาเชียนเชียนไม่อยากเป็ต้นเหตุให้เป่ยเหลียนโม่ต้องขัดแย้งกับฮ่องเต้
“หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องจะต้องช่วยหม่อมฉันอย่างแน่นอน ทว่าพระองค์เข้าวังไปก็เท่านั้น ดูท่าว่ายามนี้ฮ่องเต้คงไม่ยอมรับฟังสิ่งใดเช่นกัน ทั้งยังอาจคิดว่าท่านอ๋อง้าจะหลีกเลี่ยงข้อสงสัย หม่อมฉันจะอยู่ในจวนอย่างเชื่อฟังและไม่ไปที่ใดทั้งนั้น สถานการณ์ยามนี้ไม่แน่ชัด ทางที่ดีที่สุดคือการตรวจสอบอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้เกิดคลื่นลมเพคะ”
ทุกการเคลื่อนไหวของนางยามนี้ล้วนดึงดูดความสนใจของผู้คน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากเื่ไปถึงหูคนอื่นแล้ว ผู้คนล้วนมีข้อสงสัยซ่อนไว้เสมอ
เขาค้นเจอดอกยี่โถขาวจากตัวเป่าหวาต่อหน้าคนมากมายในสุสานหลวง ดังนั้นจึงไม่ได้มีดวงตาเพียงคู่เดียวที่จับจ้องมายังนาง นางจึงต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นอีก
เป่ยเหลียนโม่ไม่คาดคิดเลยว่าจนถึงยามนี้แล้วนางจะยังใจเย็นได้ถึงเพียงนี้ กระทั่งที่ยังสามารถพูดถ้อยคำที่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจได้อีกด้วย เพียงแต่ยิ่งนางเก็บงำความรู้สึกไว้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งปวดใจมากขึ้นเท่านั้น นี่ไม่ใช่ความคับข้องใจที่นางสมควรได้รับั้แ่แรก สุดท้ายก็เป็เพราะเขาประมาทเกินไป
“หม่อมฉันขอตัวกลับไปที่ห้องก่อน” เหยาเชียนเชียนกล่าว “ท่านอ๋องอย่าร้อนใจไปเลยเพคะ ยามนี้มีเพียงคนที่จิตใจสงบเท่านั้นที่จะเป็ผู้ชนะในยามท้าย”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า เขามองส่งนางผ่านทางสายตาและกลับไปที่โต๊ะ ก่อนจะสั่งให้องครักษ์เงาไปสืบเื่บ่าวที่รับใช้ข้างกายอวี๋เฟยทันที วันนี้แม่นมผู้นั้นรีบร้อนะโออกมาทันทีที่เกิดเื่ และในถ้อยคำที่กล่าวออกมาล้วนผลักความสงสัยมาที่เหยาเชียนเชียน
“ไปสืบมาให้ละเอียด เบาะแสเล็กน้อยก็ห้ามปล่อยผ่านไปเด็ดขาด”
เหยาเชียนเชียนกลับมาที่ห้องของตัวเองโดยที่เงียบมาตลอดทาง นางสั่งให้คนนำอาหารเล็กน้อยเข้ามาให้ จากนั้นจึงปิดประตู เมื่อแน่ใจแล้วว่าสามารถผ่อนคลายได้แล้วก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด
“ลูกของอวี๋เฟยไม่อยู่แล้ว” นางกุมศีรษะ “แต่เื่นี้เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยเล่า”
ใต้หล้าแห่งนี้ยังมีผู้ใดที่โชคร้ายกว่านางอีกหรือไม่ ฮือๆๆๆ!
“อย่างมากที่สุดข้าก็ทำได้เพียงแค่ฆ่าไก่เท่านั้น แล้วจะไปฆ่าเด็กคนหนึ่งได้อย่างไร ตกลงแล้วในสายตาของฮ่องเต้ข้ามันน่ารังเกียจเพียงใด ถึงจะได้ทำเื่เช่นนั้นหน้าตายได้ นี่มันบ้าไปแล้ว!”
จะเสียดายก็ตรงที่นางไม่สามารถกอดเป่ยเหลียนโม่และร้องไห้อย่างเ็ปได้ อาเหยียนน้อยก็ยังเด็ก เื่นี้ต้องทำให้เขาใมากเป็แน่ ์ได้โปรดคุ้มครองให้นางสามารถรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัยด้วยเถิด
เหยาเชียนเชียนฉีกปีกไก่ด้วยความโกรธเคือง นางคิดไว้แล้วว่าเื่หนีตายเป็เื่ที่รอช้าไม่ได้ ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเป่ยเหลียนโม่ได้คลี่คลายลงไปแล้ว นางเองก็ผ่อนคลายไปไม่น้อย ทว่าเวลาผ่านมาจนถึงยามนี้ก็ยังไม่ได้จากไปที่ใด
แต่ครั้งนี้จบสิ้นแล้ว เหยาเชียนเชียนแหงนหน้าขึ้นและถอนหายใจยาว “ถึงอยากไปก็ไปไม่ได้แล้ว”
หวังว่าองครักษ์ของเป่ยเหลียนโม่จะแข็งแกร่งมากกว่านี้สักหน่อย เป่าหวายังคงถูกคุมตัวไว้ และยามนี้อาจจะกำลังทุกข์ทรมานอยู่ เป็เพราะนางที่ทำให้หญิงสาวผู้นั้นต้องลำบากไปด้วย
“ฮ่องเต้สงสัยข้าถึงเพียงนี้ทั้งที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด คงไม่ใช่เพราะเขาสั่งให้อวี๋เฟยทำเื่นี้หรอกกระมัง” เหยาเชียนเชียนคิดไปต่างๆ นานา “หรือว่าอวี๋เฟยจะไม่ได้ตั้งครรภ์ั้แ่แรก แต่ทั้งหมดเป็เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น”
นั่นก็เป็ไปได้เช่นกัน หากฮ่องเต้้ากำจัดนางเพื่อความสะใจ เช่นนั้นอวี๋เฟยจะต้องช่วยเหลือด้วยความยินดีอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรนางก็เป็พระชายาของชิงผิงอ๋อง ดูเหมือนว่าฮ่องเต้ก็รักชิงผิงอ๋อง แล้วเหตุใดถึงไม่ยอมผ่อนปรนให้นางบ้างเล่า?
“ว่ากันว่าจิตใจของผู้เป็ปราชญ์นั้นยากจะคาดเดา ยามนี้ดูเหมือนจะเป็เช่นนั้นจริงๆ” นางเบ้ปาก “หากครั้งนี้รอดชีวิตกลับมาได้ ข้าจะต้องหนีไปให้ไกล ตำแหน่งหวังเฟยนี้ผู้ใดอยากได้ก็มาเอาไปเถิด ข้าคงไม่มีวาสนานั้นแล้ว”
เหยาเชียนเชียนใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายไปกับการครุ่นคิดว่าหากนางรอดชีวิตกลับมาได้แล้วจะหอบเงินวิ่งหนีไปอย่างไร และแน่นอนว่ายังต้องบอกลาอาเหยียนอย่างจริงจังด้วย
แต่หากไม่รอดแล้ว เช่นนั้นก็...เช่นนั้นก็ค่อยไปคว้าโอกาสในชาติหน้าแล้วกัน ฮือๆๆ!
แมวดำผลักหน้าต่างให้เปิดออกเบาๆ มันได้ยินบ่าวไพร่พูดกันว่าเหยาเชียนเชียนไม่ออกมาตลอดทั้งบ่าย แม้แต่สำรับเย็นก็ไม่กิน ทั้งยังขังตัวเองอยู่ในห้องเพียงลำพังโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร
นางถูกใส่ร้าย อีกทั้งยังเป็เื่ที่ร้ายแรงถึงชีวิต เมื่อคิดดูแล้วเวลานี้จิตใจของนางคงสับสนวุ่นวายมากเป็แน่ แม้ว่าเมื่อยามกลางวันนางจะกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน และพูดโน้มน้าวเขาได้อย่างเป็ปกติ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่อาจวางใจให้เหยาเชียนเชียนอยู่คนเดียวได้อยู่ดี
หากเขากลายร่างเป็แมว บางทีถ้านางเห็นเขาก็อาจจะไม่ระมัดระวังมากขนาดนั้นแล้ว
“อึก”
เหยาเชียนเชียนวางชามพะโล้ในมือลงและดื่มน้ำชาจนหมดจอก นางกินมาตลอดทั้ง่บ่าย จนในที่สุดก็อารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว
ไม่รู้ว่านางจะได้ออกไปเมื่อใด รสชาติของการรอคอยไม่ได้ดีนักอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคืออาจเป็การรอความตายมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
“หืม? เสี่ยวไกวไกว” เมื่อเหยาเชียนเชียนเห็นแมวดำจากทางหางตาก็ยิ้มจนตาหยีและยื่นมือออกไปหามันทันที “มากอดหน่อย วันนี้ข้าใแทบแย่”
ในคราแรกแมวดำยังคงลังเล แต่เมื่อได้ยินครึ่งประโยคหลังก็รู้สึกสงสารนางจับใจ มันะโเข้าสู่อ้อมแขนของนาง ก่อนที่ลิ้นสีชมพูจะเลียลงบนปลายนิ้วของนางเบาๆ ไม่ต้องกลัว เปิ่นหวังจะปกป้องเ้าเอง
อย่างที่นางกล่าวไว้ เขาจะสืบสวนเื่ทั้งหมดให้ชัดเจน นางเชื่อใจเขา เขาก็จะไม่มีทางทำให้นางผิดหวังเช่นกัน
“่นี้ข้าโชคไม่ดีเอาเสียเลย” เหยาเชียนเชียนฉีกเนื้อไก่สองสามชิ้นป้อนให้แมวดำ
“ไม่คิดเลยว่าเื่เช่นนี้ก็ยังสามารถโยนมาให้ข้าได้ โชคดีที่วันนี้เ้าไม่ได้ไปด้วย เพราะข้าก็คงไม่มีแก่ใจไปดูแลเ้าได้จริงๆ ยามที่ฮ่องเต้เอ่ยถามข้าใแทบตาย แต่ก็รู้สึกว่าหากข้าแสดงออกเช่นนั้นจะดูเหมือนกินปูนร้อนท้องมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงฝืนทนไป”
แมวดำยันขาหน้าขึ้นมามองนาง ดูเหมือนกับอยากจะปลอบใจนางสักสองสามประโยค แต่ก็จนใจเพราะมันไม่สามารถส่งเสียงพูดได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงมองไปอย่างดื้อรั้น ด้วยหวังจะใช้สายตาส่งกำลังใจให้นาง
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะทำให้ท่านอ๋องต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่ คราแรกเขาแต่งงานกับข้าเพื่อแสดงอำนาจต่อองค์ชายสาม ทว่ายามนี้เขากลับถูกข้าดึงให้เข้ามาเกี่ยวพันกับเื่วุ่นวายนี้ ครั้งนี้ข้าก็ทำผิดต่อเขาเช่นกัน”
เื่นี้จะกล่าวโทษเ้าได้อย่างไร แมวดำย่ำเท้าลงบนหน้าอกของนางอย่างร้อนใจ เป็เพราะในยามนั้นเปิ่นหวังอยากจะขอราชโองการจากเสด็จพ่อ ยามนี้ที่เ้าถูกคนลอบทำร้ายก็ไม่ใช่เพราะเ้าเคยทำความผิด เราสองสามีภรรยาเป็หนึ่งเดียวกัน เช่นนั้นจะเป็การทำให้เดือดร้อนได้อย่างไร?
“เป็อะไรไปหรือ” เหยาเชียนเชียนลูบแมวดำเบาๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เหมือนว่าเ้าจะฟังรู้เื่นะ ข้าเองก็คิดมาตลอดว่าเ้าฉลาด เมื่อยามนั้นก็เป็เ้าที่พาข้าไปดูความผิดปกติของอวี่เหลียนเอ๋อร์”
ทว่าเื่ครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างครั้งที่แล้ว อวี๋เฟยสูญเสียบุตรไป และยังเป็บุตรที่ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่งคนหนึ่ง
เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน เื่นี้ไม่เป็ผลดีต่อนางอย่างยิ่ง ด้วยเพราะเดิมทีฮ่องเต้ก็มีอคติต่อนางอยู่ก่อนแล้ว หากเขากริ้วมากจนไม่สนใจอะไรแล้วจริงๆ และยอมสังหารผิดคน ผลลัพธ์นั้นก็อาจจะตกมาอยู่ที่นาง
“ข้ากลัวมากจริงๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว...”
เหยาเชียนเชียนกอดแมวดำและลูบมันเบาๆ พลางทอดถอนใจ จากนั้นก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น นางถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นร่างกายอันแข็งทื่อของแมวดำเลยแม้แต่น้อย
แท้จริงแล้วที่นางกล่าวต่อเขาอย่างเ็าเมื่อยามกลางวันนั้นเป็การแสร้งทำออกมาจริงๆ มีเพียงยามที่อยู่ต่อหน้าแมวตัวนี้เท่านั้นนางถึงจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้โดยไม่ต้องพะว้าพะวังอย่างนั้นหรือ?
นั่นก็ใช่ ผู้ใดจะไประแวดระวังแมวกันเล่า
“หากครั้งนี้ข้ามีส่วนพัวพันกับเื่นี้จริงๆ แล้วอาเหยียนจะทำอย่างไร เ้าจะทำอย่างไร และท่านอ๋องจะทำอย่างไร?”
แมวดำมองนางอย่างไม่พอใจ เหตุใดเขาจึงอยู่ลำดับสุดท้าย กระทั่งที่อยู่อันดับหลังจากแมวอีกด้วย
เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำไว้ตรงหน้าตัวเอง ก่อนจะก้มศีรษะแนบลงบนหน้าผากของมันและสบตากัน
“เ้าคิดว่า ข้าเพียงแค่คาดเดานะ เป็ไปได้หรือไม่ว่าอวี๋เฟยไม่ได้ตั้งครรภ์จริงๆ และละครฉากนี้เป็การร่วมมือกันระหว่างฮ่องเต้และนางเพื่อจัดการข้า?”
แมวดำหลุบตาลง เป็ความจริงที่เสด็จพ่อไม่โปรดปรานนางนัก แต่หากจะทำสิ่งเหล่านี้เพียงเพื่อเอาชีวิตนาง นั่นก็ไม่น่าจะเป็ไปได้
ทว่านางที่นึกถึงความเป็ไปได้ประเภทนี้ขึ้นมา ในใจนางคงจะผิดหวังในตัวเสด็จพ่ออย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาออกไปแล้ว เสด็จพ่อตรัสอะไรกับนางบ้าง
“จริงๆ ข้าลองคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าเื่เช่นนี้คงไม่น่าเป็ไปได้” เหยาเชียนเชียนเม้มปาก “ถึงอย่างไรเขาก็เป็ถึงฮ่องเต้ เป็โอรส์ คนที่สูงส่งเพียงนั้น หาก้าจะสังหารข้าจริงก็ไม่จำเป็ต้องสิ้นเปลืองแรงมากมายถึงเพียงนี้”
แต่จะว่าไปแล้วนางก็เป็ชายาที่ถูกต้องของชิงผิงอ๋องเช่นกัน จึงไม่อาจตายไปโดยไม่ทราบสาเหตุได้ หาก้าลบการมีอยู่ของนาง ย่อมต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง
เมื่อคิดเช่นนี้ เหยาเชียนเชียนก็รู้สึกอีกครั้งว่าสิ่งที่นางคิดก็อาจเป็ไปได้
แมวดำใช้หัวถูไถกับตัวนางไปมา เสด็จพ่อไม่อาจใช้ลูกชายของตัวเองไปสร้างสถานการณ์ได้ บุคคลที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดคือเหล่าองค์ชายและองค์หญิง ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะทำร้ายลูกของตัวเองเพื่อเหยาเชียนเชียนอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นปัญหานี้อาจไม่ได้เกิดจากเสด็จพ่อ ทว่าเป็อวี๋เฟยต่างหากที่เป็ตัวละครสำคัญมาั้แ่ต้นจนถึงเวลานี้
“หาก้าจะแก้ไขเื่นี้ก็ยากเกินไป ยามนี้อวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยงเ็ปจากการเสียบุตรอันเป็ที่รักไป ทุกคนรู้สึกเสียใจและเสียดายกับนาง และเมื่อรวมเข้ากับฮ่องเต้แล้วก็มีแต่จะทำให้รู้สึกไม่สบายใจเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว สถานการณ์ของข้าก็จะยิ่งทวีความลำบากไปด้วย”
ยามนี้นางเพียงหวังว่าทุกอย่างจะพลิกผัน แต่น่าเสียดายที่นางออกไปข้างนอกไม่ได้ แม้แต่โอกาสที่จะจัดการเื่นี้เพื่อช่วยยืนยันความถูกต้องให้ตัวเองก็ยังไม่มี นางจึงทำได้เพียงขลุกตัวอยู่ในจวนและรอคอยข่าวสารเพียงเท่านั้น
แมวดำมองนางอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าร่างนี้ของเขาจะทำให้ได้ฟังความในใจของนาง แต่เขาก็ไม่สามารถกอดนางได้ กระทั่งเอ่ยคำปลอบโยนก็ยังทำไม่ได้เลย
แมวดำหันตัวะโออกจากห้องไปโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเหยาเชียนเชียนจากข้างหลัง เขาจะตรวจสอบเื่นี้ให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด โชคดีที่เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เสด็จพ่อยังไม่ได้ตัดสินว่านางเป็ผู้กระทำโดยสมบูรณ์ เขายังพอมีเวลาอยู่อีกเล็กน้อย
ทว่าในวันรุ่งขึ้น เป่ยเหลียนโม่ก็ได้รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่ของเขานั้นมันเหลือไม่มากแล้วจริงๆ
เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยใบหน้ามืดครึ้มพลางฟังรายงานขององครักษ์เงา น้ำเสียงกลัดกลุ้มชวนให้หายใจไม่ออก
“เ้าบอกว่า เป่าหวาสารภาพผิดแล้วหรือ?”
