ในเวลานี้ ฝูเอ๋อร์รออยู่ในกระโจมนานแล้ว ทว่ายังไม่เห็นคุณหนูของนางจะกลับมาเสียที
หัวใจของนางแขวนอยู่กลางลำคอ
ผ้าเช็ดหน้าปักใหม่ในมือถูกบิดเป็เกลียว
“ไม่ได้การ รอต่อไปไม่ได้แล้ว”
ฝูเอ๋อร์กัดฟัน โยนผ้าเช็ดหน้าในมือทิ้งแล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอก
เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย
จู่ๆ ก็มีเรียวแขนที่เนียนราวกับหยกข้างหนึ่งขวางทางของฝูเอ๋อร์ไว้
ฝูเอ๋อร์ค่อยๆ หยุดฝีเท้า ก่อนจะทำความเคารพคนตรงหน้าอย่างมีมารยาท
“บ่าวฝูเอ๋อร์ถวายบังคมอันหนิงจวิ้นจู่เพคะ”
โหยวพิงถิงเห็นสาวใช้ตรงหน้าดูคุ้นตาเล็กน้อย จึงมุ่นคิ้วงามอย่างอ่อนโยน
“เ้ารีบร้อนปานนี้ไปไย? ไม่กลัวจะชนคนหรือ?”
ฝูเอ๋อร์ร้อนใจเสียจนเบ้าตาแดงก่ำ ต้องโทษนางที่ใจอ่อน เกลี้ยกล่อมให้คุณหนูไปช่วยคน นี่ก็ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เดิมทีคุณหนูก็าเ็อยู่แล้ว ถ้าหาก...
นางไม่กล้าคิดต่อด้วยซ้ำ
“บ่าวคือสาวใช้คนสนิทของคุณหนูใหญ่แห่งจวนสกุลไป๋ จะมาขอเข้าเฝ้าเซ่อเจิ้งอ๋องด้วยเื่ด่วนเพคะ”
สาวใช้ของไป๋เซี่ยเหอหรือ?
สีหน้าของโหยวพิงถิงซับซ้อน ดูไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ใด
ความอัปยศอดสูในคืนนั้นผุดขึ้นมาในความคิดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“หากพี่สะใภ้้าตามหาท่านอ๋อง นางก็ควรมาด้วยตัวเอง จะให้เ้าที่เป็เพียงสาวใช้นางหนึ่งลุกล้ำไปทุกที่ได้อย่างไร?”
ใบหน้าของโหยวพิงถิงเต็มไปด้วยความสงสัย ฝีเท้าของนางไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย นางยืนตัวตรงอยู่หน้าฝูเอ๋อร์
ฝูเอ๋อร์จำต้องอธิบาย “คุณหนูของบ่าวอาจประสบอันตรายจนไม่อาจกลับมาด้วยตนเองเพคะ”
โหยวพิงถิงเลิกคิ้วด้วยความไม่เชื่อ “รอบๆ เขตล่าสัตว์แห่งนี้ล้วนมีราชองครักษ์คอยคุ้มกัน อันตรายจะมาจากที่ใด? หากมีอันตรายเกิดขึ้นจริง เหตุใดถึงมีเพียงนางที่ประสบอันตราย? เห็นได้ชัดว่าเ้าโกหก!”
“ผู้ใดก็ได้มานี่ที”
องครักษ์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “อันหนิงจวิ้นจู่มีรับสั่งใดพ่ะย่ะค่ะ?”
โหยวพิงถิงถอยไปข้างหลังอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไพเราะ “ข้าสงสัยว่าสาวใช้นางนี้คือมือสังหารที่ศัตรูส่งมา นางน่าจะตั้งใจแฝงตัวเข้าไปลอบปลงประชนม์ฝ่าา!”
“ไม่นะ ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า!”
ฝูเอ๋อร์ที่เป็เด็กสาวธรรมดานางหนึ่งจะเอาชนะองครักษ์ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดได้อย่างไร? นางแทบจะถูกกดดันอย่างง่ายดาย
“ไม่ใช่เ้าหรือ? ถ้อยคำนี้เก็บไปอธิบายกับท่านพญายมเถิด”
สาวใช้นางหนึ่งบุกมายังกระโจมของฮ่องเต้เพียงลำพัง หากไม่ได้้าลอบสังหารแล้วจะเป็อะไร?
ฝูเอ๋อร์เพิ่งรู้ว่าข้างๆ กระโจมของฮั่วเยี่ยนไหวคือกระโจมของฮ่องเต้
เมื่อครู่นางอธิบายได้ไม่ชัดเจนเสียแล้ว
“ข้าไม่ใช่มือสังหารจริงๆ เ้าค่ะ ข้าเพียง้าเข้าเฝ้าเซ่อเจิ้งอ๋องเท่านั้น พวกท่านได้โปรดปล่อยข้าเถิด”
พบท่านอ๋องหรือ? เช่นนั้นก็ยิ่งปล่อยไปไม่ได้
“เฮอะ คนน่ารังเกียจอย่างเ้าคิดจะทำตัวเป็กระต่ายหมายจันทร์ ไม่อยากมีชีวิตยืนยาวหรือไร?”
อีกฝ่ายไม่ฟังคำอธิบายของนางเลย
โหยวพิงถิงยืนมองสถานการณ์อยู่ด้านข้าง จู่ๆ หัวใจก็เต้นรัว
“พี่ใหญ่องครักษ์ ข้าว่าพวกท่านอย่าเพิ่งฆ่านางเลย ถึงอย่างไรข้าก็เพียงสงสัยในตัวนางเท่านั้น”
เมื่อองครักษ์ได้ยินโหยวพิงถิงเรียกตนเองว่าพี่ใหญ่ ไม่ต้องพูดเลยว่าเขามีความสุขเพียงใด ทว่ายังคงเอ่ยอย่างถ่อมตน “อันหนิงจวิ้นจู่ทรงทำให้พวกกระหม่อมรับไม่ไหวเสียแล้ว อันหนิงจวิ้นจู่คือสตรีที่บอบบางและจิตใจดี ย่อมไม่เข้าใจเื่การหลอกใช้และการลอบทำร้าย ท่านวางใจเถิด พวกกระหม่อมจะต้องจัดการ ‘มือสังหาร’ ที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้นี้เป็อย่างดีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เฮอะ แม้ว่าสาวน้อยนางนี้จะไม่ใช่มือสังหาร ทว่าตอนนี้ก็ต้องเป็แล้ว
ไม่อย่างนั้นจะไม่ทำให้พวกเขาหลายคนเสียหน้าต่อหน้าอันหนิงจวิ้นจู่หรือ?
“จัดการอะไร? มือสังหารที่ใดกัน?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของโหยวพิงถิง นางตัวแข็งทื่อทันที เกิดความรู้สึกกินปูนร้อนท้องขึ้นมา
“ใต้เท้าอิ๋ง ช่วยข้าด้วย ข้าคือสาวใช้ของคุณหนูใหญ่จวนสกุลไป๋เ้าค่ะ”
เมื่ออิ๋งเฟิงเดินมาก็พบว่าฝูเอ๋อร์ถูกองครักษ์สามสี่คนตรึงร่างไว้กับพื้น คิ้วของเขาขมวดมุ่นอย่างหนัก “ปล่อยมือ!”
ทุกคนรู้ว่าอิ๋งเฟิงคือผู้ช่วยคนสนิทของเซ่อเจิ้งอ๋อง คำพูดของเขาราวกับเป็คำพูดของเซ่อเจิ้งอ๋อง
“แต่ว่าใต้เท้าอิ๋ง นางคือมือสังหารนะพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ที่ถูกโหยวพิงถิงเรียกว่าพี่ใหญ่เมื่อครู่ยังคงไม่ถอดใจ
“ข้าว่าเ้าต่างหากที่ดูเหมือนมือสังหาร”
อิ๋งเฟิงจำฝูเอ๋อร์ได้ในแวบเดียว เพราะวันนั้นเขาบังเอิญแอบมองอยู่ใต้เงาร่มไม้พอดิบพอดี
โอ้ ไม่สิ
เขามองอย่างเปิดเผยต่างหาก
เป็สาวใช้นางนั้นที่หวังเฟยใส่ยาให้ด้วยตนเอง
อิ๋งเฟิงถีบองครักษ์ไปหนึ่งที “มีปัญหาอะไรก็เรียกหัวหน้าของพวกเ้ามาคุยกับข้า”
เมื่อฝูเอ๋อร์หลุดพ้นจากการควบคุมตัว นางก็รีบลุกขึ้นยืนและคว้ามือของอิ๋งเฟิงเอาไว้ทันที โดยไม่สนใจเื่ที่บุรุษและสตรีห้ามใกล้ชิดกัน “ใต้เท้าอิ๋ง เซ่อเจิ้งอ๋อง...ท่านอ๋องอยู่ที่ใดหรือเ้าคะ? คุณหนูเกิดเื่แล้วเ้าค่ะ”
“เ้าตามข้ามา”
อิ๋งเฟิงพาฝูเอ๋อร์ตรงไปที่กระโจมของเซ่อเจิ้งอ๋อง
จู่ๆ เขาก็หันกลับมามองโหยวพิงถิงด้วยสีหน้าที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้
โหยวพิงถิงหน้าซีด นางยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางสายลมราวกับได้รับความใจนถึงขีดสุด ดวงตาแดงก่ำราวกับกระต่ายก็ไม่ปาน นางจวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ขออภัย ข้าไม่รู้ ข้าคิดว่า...”
อิ๋งเฟิงจากไปทันทีโดยไม่สนใจ
องครักษ์ที่ถูกถีบเมื่อครู่เอามือลูบต้นขาที่ปวดระบม เมื่อเขาหันไปเห็นท่าทางที่ดูน่าสงสารของโหยวพิงถิง ก็เกิดปวดใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
“อันหนิงจวิ้นจู่ ท่านอย่าได้เป็กังวล ท่านเป็ห่วงความปลอดภัยของฝ่าา ไม่มีผู้ใดโทษท่านหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
โหยวพิงถิงผงกศีรษะอย่างขอไปที ก่อนจะเดินตามหลังพวกอิ๋งเฟิงไปอย่างใจลอย
หลังเดินไปได้สองสามก้าว นางก็หยุดชะงักทันที
ไม่นานนางก็หดขากลับมา
พื้นที่ฝั่งนั้นไม่ใช่ที่ที่จวิ้นจู่อย่างนางจะเข้าไปได้
เว้นเสียแต่จะได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ ฮองเฮา หรือเซ่อเจิ้งอ๋อง
ทว่านางไม่ได้รับอนุญาต!
เมื่อเห็นร่างเล็กของฝูเอ๋อร์ผลุบเข้าไปในกระโจมที่นางคะนึงหาทั้งวันทั้งคืน แววตาก็เผยความอิจฉาริษยาอย่างไม่อาจปิดบัง
นึกไม่ถึงว่านางจะสู้สาวใช้นางหนึ่งของไป๋เซี่ยเหอไม่ได้
การชมชอบใครสักคนเป็เื่ผิดจริงๆ หรือ?
เห็นๆ กันอยู่ว่านางรู้จักพี่เยี่ยนไหวก่อน...
นางไม่้าจริงๆ ไม่้าเป็เพียงน้องสาวไปชั่วชีวิต
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งถ้วยชา เงาร่างสายหนึ่งก็โผล่ออกมาจากกระโจมอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือบุรุษผู้นั้นที่นางคะนึงหาทั้งวันคืน
“พี่เยี่ยนไหว”
โหยวพิงถิงก้าวเท้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่คิดว่าเขากลับไม่แม้แต่จะปรายตามองนางสักแวบ ร่างของเขาเฉียดผ่านตัวนางไป เขาใช้วิชาตัวเบาเต็มสิบส่วน ร่างวูบไหวจนกลายเป็เพียงเงาสายหนึ่งที่พุ่งตรงไปยังทิศทางใดก็ไม่อาจรู้ได้
ฮั่วเยี่ยนไหวพาคนและม้าเข้าไปในป่า กลิ่นของยากระดูกระทวยถูกลมพัดโชยออกไปถึงนอกเขตป่า
บุรุษในชุดจิ้นจวงสีดำมีสีหน้าทะมึนเสียจนแทบคั้นน้ำได้
ยากระดูกระทวย!
ผู้ใดกล้าหาญชาญชัยปานนี้ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าใช้สิ่งของต่ำช้าพรรค์นี้ในเขตล่าสัตว์ของราชวงศ์
ไป๋เซี่ยเหอ เ้าต้องรอข้านะ!
ฮั่วเยี่ยนไหวพุ่งไปยังต้นตอของกลิ่นโดยไม่กล้าชะลอฝีเท้า อินทรีโลหิตที่อยู่เื้ัต้องไล่ตามอย่างสุดชีวิต ถึงจะไม่ถูกเ้านายของตนทิ้งห่าง
“ถึงแล้ว”
เสียงการต่อสู้ดังเข้ามาในหู พายุฝนค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในดวงตาของฮั่วเยี่ยนไหว สีหน้าของเขามืดมนลงเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกราวกับลมฝนกำลังจะมา
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้