จ้าวฝูิรีบพุ่งทะยานเข้ามาและดึงร่างของไป๋มู่หลันออกมาจากจ้าวซือซือทันที ดวงตาคมจ้องมองแฝดน้องของตนเองด้วยสายตาเ็า จ้าวซือซือ เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอด้วยความหงุดหงิดใจ
"อย่ายุ่งกับอนุของข้า!!!"
"พี่รอง ข้าเพียงพาน้องไป๋ไปเที่ยวชมวังหลวงเพียงเท่านั้นเพคะ"
"หึ!!! เที่ยวชมวังหลวงหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ทันเ้า!"
"แล้วอย่างไร ข้าชอบนาง ข้าอยากอยู่ใกล้นาง หากเ้าไม่พอใจก็มาทุบตีข้าสิ!"
จ้าวฝูิลอบสบถด่าทอจ้าวซือซือในใจเป็พันครั้ง หากนางเป็บุรุษเขาคงได้ถีบนางกระเด็นออกไปนอกกำแพงวังหลวงเป็แน่
"งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เ้าอย่าคิดก่อเื่!"
"พูดมาก น่ารำคาญยิ่งนัก!!! น้องไป๋ ไว้เราค่อยมาพูดคุยกันอีกนะ"
"เพคะองค์หญิง"
ไป๋มู่หลันยิ้มให้จ้าวซือซืออย่างเป็มิตร ในใจรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดจ้าวฝูิต้องทำท่าทีไม่พอใจยามที่นางอยู่กับแฝดน้องของเขาเช่นนี้ด้วย
"อย่าเข้าใกล้นาง!!!"
"ทำไมเล่าเพคะ?"
"ไม่ต้องถาม!!!"
เช่นนั้นนางก็จะไม่ถามเขาอีก
ไป๋มู่หลันก้มหน้างุด ช่างเถิด ในเมื่อเขาไม่ให้นางถามนางเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างว่าง่าย คราวนี้จ้าวฝูิก็ตามมานั่งกับนางด้วย งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นอย่างครึกครื้น เหล่านางรำต่างร่ายรำตามจังหวะเสียงพิณที่บรรเลงขับขาน เหล่าขุนนางชั้นสูง รวมถึงคุณหนูจากตระกูลใหญ่ต่างเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย
แม้จะบอกว่าเป็งานเลี้ยง แต่ครานี้จ้าวฝูหรงอยากจะใช้งานเลี้ยงในครั้งนี้เป็การหาว่าที่พระชายาให้แก่จ้าวฝูิไปด้วย เขาจึงเชิญสตรีจากตระกูลสูงส่งเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ เผื่อว่าจะมีสตรีน้อยจากตระกูลใหญ่ที่ถูกตาต้องใจจ้าวฝูิบ้าง
ไทเฮาทรงชรามากแล้ว จึงของดเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ จ้าวฝูหรงเองก็เป็ห่วงเสด็จแม่ยิ่งนัก จึงยอมตามใจนาง
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ภายในงานปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง ดวงตาของนางกลมโตเป็ประกายเหมือนดวงจันทร์ ริมฝีปากแดงระเรื่อ ใบหน้างดงามราวนางฟ้านาง์ นางคือ หลิวหยวนเหนียง บุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมขุนนาง ปีนี้อายุได้สิบแปดปีแล้ว
ดวงตาคู่สวยจ้องมองจ้าวฝูิอย่างไม่ลดละ นางได้ยินชื่อเสียงของเขามานาน ได้ยินมาว่าเขาเก่งกาจเชี่ยวชาญในการรบ อีกทั้งยังโเี้ดุดันสมชายชาติทหาร นางชื่นชอบเขายิ่งนัก ยิ่งได้มีโอกาสมาพบเจอเขาเช่นนี้นางก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจเขาอยู่ไม่น้อย
ได้ยินมาว่าในจวนอ๋องมีนางบำเรออยู่มากมาย ไม่นานมานี้เขายังพาสตรีบ้านป่าคนหนึ่งกลับมาเป็อนุอีกด้วย แต่ช่างเถิด อย่างไรเสียสตรีเ่าั้ก็คงเป็ได้เพียงเท่านั้น จะมาเทียบกับนางที่เป็พระชายาได้เช่นไรกัน
นางจะต้องได้แต่งเป็พระชายาของเขาให้จงได้!!!
เหล่าขุนนางต่างร่ำสุราและพูดคุยสนทนาพาทีกันอย่างออกรสออกชาติ จ้าวฝูหรงปรายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะหยุดสายตาเอาไว้ที่ หลิวหยวนเหนียง
สตรีนางนั้นได้ยินมาว่าเป็สตรีที่งดงามเพียบพร้อม เก่งทั้งงานเย็บปัก วาดภาพ บรรเลงพิณ และคัดอักษร อีกทั้งยังเป็บุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของท่านเสนาบดีกรมขุนนางอีกด้วย
ช่างเหมาะสมกับจ้าวฝูิยิ่งนัก!
คนอย่างน้องรองหากไม่มัดมือชกเห็นทีคงจะไม่ยอมง่าย ๆ เป็แน่
ก่อนหน้านี้เขาเองได้ลองเอ่ยหยั่งเชิงท่านเสนาบดีกรมขุนนางมาก่อนแล้ว ตาเฒ่าผู้นั้นไม่คิดจะทัดทานใด ๆ ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเห็นดีเห็นงามกับเขาด้วย หากน้องรองได้แต่งพระชายาที่ดีพร้อม มาจากตระกูลสูงส่งคอยเกื้อหนุน ย่อมต้องดีเป็อย่างยิ่ง
เขาหันไปพยักหน้าให้ขันทีคนสนิทหนึ่งครั้ง ขันทีผู้นั้นย่อมรู้หน้าที่เป็อย่างดี
"เรียนทุกท่าน ยามนี้ฝ่าาทรงมีพระราชโองการทรงถวายสมรสพระราชทานให้แก่ชินอ๋องจ้าวฝูิและคุณหนูหลิวหยวนเหนียง ขอให้ทั้งสองออกมารับราชโองการด้วย"
จ้าวฝูิที่กำลังยกจอกสุราพลันชะงักไปเล็กน้อย ไป๋มู่หลันเองก็รู้สึกตกตะลึงไม่ต่างกัน
สมรสพระราชทาน? เขากำลังจะแต่งพระชายาเช่นนั้นหรือ?
ด้านหลิวหยวนเหนียงนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด นางลอบมองจ้าวฝูิด้วยแววตาที่เป็ประกาย ไม่อยากจะเชื่อเลย นางยังมิได้เอ่ยสิ่งใดด้วยซ้ำ ตำแหน่งพระชายาก็ตกเป็ของนางเสียแล้ว
จ้าวฝูิสบถด่าทอจ้าวฝูหรงในใจเป็หมื่นครั้ง บัดซบ!!! พี่ใหญ่ไม่คิดจะปรึกษาเขาสักคำ
จ้าวฝูิเดินออกมารับราชโองการพร้อมกับหลิวหยวนเหนียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาปรายตามองสตรีที่ยืนอยู่ด้านข้างตนเองด้วยแววตาเรียบเฉย เอาเถิด!!! อย่างน้อยนางก็งดงาม ข้าเองก็เลี้ยงสตรีเอาไว้ในจวนมากมาย เพิ่มนางมาอีกสักคนจะเป็ไรไป
หลิวหยวนเหนียงที่ถูกเขาจ้องมองก็รู้สึกเขินอายเป็อย่างมาก ยิ่งได้มองเขาใกล้ ๆ เช่นนี้ ก็ยิ่งถูกใบหน้าหล่อเหลาของเขากลืนกินหัวใจนางไปจนหมดสิ้น
ไป๋มู่หลันรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก นางรู้สึกราวกับว่าโลกนี้ช่างหม่นหมองและน่าหดหู่กว่าที่ผ่านมา
หลังจากงานเลี้ยงจบสิ้นลง จ้าวฝูิก็พานางกลับจวนชินอ๋องทันที ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้เอ่ยพูดจาใดใดต่อกันเลยแม้แต่ครึ่งคำ
รถม้าเคลื่อนมาจนถึงหน้าประตูจวนอ๋อง ไป๋มู่หลันเดินตามเขาเข้ามาในเรือนอย่างไม่รีบไม่ร้อน จ้าวฝูิรู้สึกมึนเมาสุราอยู่บ้าง จึงให้นางกลับไปพักผ่อนเสีย
รุ่งเช้ามีเหล่าทหารในวังมาแจ้งแก่จ้าวฝูิ ว่าชาวเผ่าตงหูที่อาศัยอยู่ทางทิศเหนือ สมคบคิดกับแคว้นจ้าวก่อความวุ่นวาย ลงมือเข่นฆ่าทหารทางชายแดนทิศเหนืออย่างโเี้ เพื่อหวังทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ฉีอ๋อง
จ้าวฝูินำทหารร่วมแสนนายเดินทางไปที่ชายแดนทางเหนือทันที ก่อนจะออกจากจวนอ๋อง เขาสั่งให้ไป๋มู่หลันดูแลจวนให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ไป๋มู่หลันพยักหน้ารับคำเขาอย่างว่าง่าย
จ้าวฝูิเดินทางร่วมครึ่งเดือนก็มาถึงที่ชายแดนทางทิศเหนือ ภาพที่เห็นทำเอาเขาถึงกับโมโหเืขึ้นหน้า
ท่านอาของเขานามว่า จ้าวเฟยหรง คือท่านอ๋องผู้ปกครองแคว้นจ้าวในขณะนี้ เขาเป็น้องชายต่างมารดาของเสด็จพ่อ ด้วยเพราะเสด็จพ่อรักใคร่น้องชายผู้นี้เป็อย่างมาก จึงมอบแคว้นจ้าวให้เขาปกครองเสีย แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับคิดทรยศต่อเสียนหยางเช่นนี้
เผ่าตงหูเป็ชนเผ่าป่าเถื่อนและบ้าอำนาจเป็อย่างยิ่ง มีผู้นำนามว่า ข่านมู่เจี่ย เขาเป็คนบ้าเืและเข่นฆ่าผู้คนไม่เลือกหน้า
เสด็จอาช่างโง่เขลายิ่งนักที่คิดก่อฏเช่นนี้
ไฟาทางเหนือปะทุอย่างต่อเนื่อง แม้จะสามารถกวาดล้างเหล่าทหารของแคว้นจ้าวได้สำเร็จ แต่ทว่าจ้าวเฟยหรง และข่านมู่เจี่ย กลับหนีรอดเงื้อมมือของเขาไปได้
จ้าวฝูิตัดสินใจทิ้งทหารไว้เฝ้าเขตชายแดนไม่กี่หมื่นนาย ส่วนเขาพาทหารที่เหลือกลับเมืองหลวงเสียนหยางเสียก่อน หากมีเหตุการณ์ใดไม่น่าไว้วางใจ ให้ส่งม้าเร็วมาแจ้งแก่เขาที่เสียนหยางทันที
จ้าวฝูิตัดสินใจเดินทางกลับเมืองเสียนหยางทันที เขาเดินทางอย่างไม่รีบไม่ร้อนมีหยุดพักบ้างระหว่างทางเพียงเท่านั้น
ด้านไป๋มู่หลันนั้น เช้าวันหนึ่งที่นางกำลังตื่นนอน กลับพบว่าบนเตียงนอนของตนมีเืไหลซึมออกมาตามเรียวขาจนเปรอะเปื้อนเตียงนอนไปหมด
รอบเดือนของนางมาแล้ว!!!
