ด้วยความช่วยเหลือของหลินเฉวียน ทำให้ซูอินมีเงินค่าเรียนชั้นมัธยมปลายในสามปีถัดไป
แต่เธอรู้สึกว่ายังไม่พอ
ตระกูลหลิงจ้องตะครุบเธอดั่งพญาเสือ เธอ้าเงินมากกว่านี้เพื่อความปลอดภัย
คิดไปคิดมา เธอก็ยังจะอาศัยเื่ฟุตบอลโลก
เธอจึงโน้มน้าวหลินเฉวียน
“คุณเชื่อฉัน ทีมเกาหลีใต้ไม่ใช่ม้ามืดในรอบนี้”
และท้ายที่สุดซูอินก็โน้มน้าวหลินเฉวียนสำเร็จ แต่เขายังจำได้ถึงสิ่งที่ฉินหล่างมอบหมาย เขาได้รับคำสั่งอย่างเคร่งครัดว่าไม่ควรให้ซูอินเข้าร่วมกิจกรรมผิดกฎหมาย หากมีอะไรให้ฉินหล่างจัดการ
ซูอินรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องนัก แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือแผนการที่ดีที่สุด เธอได้แค่ยินยอม
หลังจากตกลงแล้ว เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาทำงานที่ร้านชานม เธอจึงกล่าวลาหลินเฉวียน
“ขอโทษค่ะ ฉันต้องไปทำงานที่ร้านชานม จะสายแล้ว”
“ตกลง เธอไปเถอะ”
หลินเฉวียนพยักหน้า สุดท้ายอดไม่ได้ที่จะกล่าวคำพูดชวนซาบซึ้ง “ใกล้สอบเข้ามัธยมปลายแล้ว ตอนนี้เป็่เวลาสำคัญที่สุดของเธอ”
“ทราบแล้วค่ะ”
ซูอินรู้ว่าเขาหวังดี เมื่อเห็นว่าเหลือเวลาไม่ถึงห้านาที ก็โบกมือลาก่อนจะรีบวิ่งไปที่ร้านชานม
ร้านชานมอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก เธอจึงมาทันเวลา และเอาเสื้อผ้ามาด้วย ทำให้ไม่เสียเวลา
พี่หงยังคงมีธุระยุ่งเหมือนเดิม เมื่อเห็นเธอมาถึงก็รีบร้อนออกไป
ซูอินเปลี่ยนเสื้อผ้าและเริ่มทำงานตามปกติ
อันที่จริงเมื่อได้รับเงินเก้าพันหกร้อยหยวน เธอก็มีเงินทุนแล้ว ไม่จำเป็ต้องมาทำงานที่ได้เงินวันละสิบหยวนแบบนี้อีก แต่ในตอนแรกที่เพิ่งกลับชาติมาเกิด ่เวลายากลำบากที่สุด พี่หงไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือเธอ
แม้ว่าพี่หงจะไม่พูด แต่หลายวันมานี้หล่อนยุ่งตลอด น่าจะเจอปัญญาที่ยากจะแก้ไข
ส่วนตัวเธอมีเวลา หากจะมาที่นี่ก็ไม่เป็อะไร
เมื่อคิดได้แล้ว ซูอินก็เริ่มทำงานอย่างสบายใจ
เมื่อวานฝนตกหนักจึงไม่ได้เปิดร้าน แต่ความเหน็ดเหนื่อยจากธุระต่างๆ ได้สะสมมาจนถึงวันนี้อย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
หน้าประตูมีคนต่อคิวยาว แต่ซูอินยังคงทำงานโดยไม่รีบร้อนและไม่โอ้เอ้ เครื่องชงมีประสิทธิภาพแค่นั้น รีบขนาดไหนก็ไม่สามารถเร่งได้ คงจะดีกว่าหากระวังไม่ให้ทำพลาด
ตรงข้ามเคาน์เตอร์มีสาวน้อยดวงตาสดใส ฟันขาว มัดผมหางม้า รับออร์เดอร์แล้วหันไปที่เครื่องชง ่เวลาวุ่นวาย ผมสีดำขลับที่เหมือนหางม้าก็สะบัดไปมา บวกกับลำคอเรียวขาวทำให้ไม่ว่าชายหรือหญิงที่มองมาต่างรู้สึกสบายตา
ลูกค้าที่เข้าคิวไม่รู้สึกว่าการรอนี้น่าเบื่อ พวกเขารอเครื่องดื่มของตัวเองอย่างใจเย็น
แน่นอนว่าภาพบรรยากาศเช่นนี้ดึงดูดผู้คนบนถนนให้หันมามอง
หลิงเมิ่งทนแรงกดดันในบ้านมาหลายวัน เมื่อกลับถึงบ้าน เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำให้พ่อแม่ประทับใจ จึงไม่กล้าอารมณ์เสีย แต่ทำตัวเป็เด็กดีมากกว่าเดิม
การที่ต้องอดทนมาหลายวันทำให้เธอทรมานมาก
วันนี้หลังเลิกเรียน เธอจึงชวนเพื่อนนักเรียนมาเดินเล่นในเมือง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเพื่ออวดรวย
วันนี้ต่างจากทุกวัน แม้ว่าบรรยากาศในบ้านจะกดดัน แต่อู๋อู๋ให้เงินเธอไม่ขาด เมื่อกลับถึงบ้านก็ยกสมุดบัญชีที่ซูอินได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้ ตัวเลขในบัญชีมากชนิดที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
นอกจากนี้ยังมีกล่องสวยหรูวางอยู่บนตู้รองเท้า ในนั้นมีเงินไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน อู๋อู๋บอกว่าหากเงินไม่พอใช้ก็หยิบไปได้ตามสบาย
ตอนแรกหลิงเมิ่งไม่กล้าหยิบมาเยอะ โดยเอามาไม่เกินสิบหยวน นำมาที่โรงเรียนซื้อขนมและให้เพื่อนนักเรียนที่สนิทกัน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็รู้สึกถึงความสำเร็จที่ได้รับผ่านสายตาเคารพนับถือจากคนเ่าั้ เธอจึงหยิบเงินออกมาใช้บ่อยขึ้น จำนวนก็มากขึ้นด้วย
วันนี้เธอกลั้นใจหยิบเงินมาห้าร้อยหยวน เลิกเรียนก็นัดเพื่อนมาเดินเล่นในเมือง
ทั้งสี่คนเรียกรถแท็กซี่ ในรถอีกสามคนชื่นชมหลิงเมิ่งกันใหญ่ คลายความหดหู่ในใจเธอไปได้มาก เมื่ออารมณ์ดีขึ้น ลงจากรถแล้วเธอก็มือเติบ จับจ่ายซื้อของกินมากมาย เข้าไปในร้านซื้อต่างหูใหม่ให้ทุกคน แน่นอนว่าเธอไม่ได้ซื้อต่างหูที่มีราคามากนัก เป็แค่พลาสติกธรรมดา กำไลข้อมือหลากสีสัน
แต่ก็ถือว่าไม่เลวนักสำหรับเด็กสาวมัธยมต้น พวกเธอสวมกำไลข้อมือหลากสี
“ฟ้า แดง ขาว ธงชาติเยอรมัน เมิ่งเมิ่งเธอนี่ตาถึงจริงๆ”
“ธงเยอรมันมีสีเหลือง ของเมิ่งเมิ่งเหมือนจะเป็ธงฝรั่งเศสนะ”
“ฝรั่งเศสเป็ประเทศที่สวยสดใส อย่างไรก็ตามเมิ่งเมิ่งจับคู่สีได้ดีที่สุดใช่ไหม เมิ่งเมิ่ง ดูอะไรอยู่เหรอ”
นักเรียนสามคนมองตามสายตาของเมิ่งเมิ่ง พบว่าเธอมองไปที่ร้านชานมตรงหัวมุม และทำท่าเหมือนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ข้างหน้านั่นคือคนที่ฉันเคยเล่าให้พวกเธอฟัง ตอนแรกฉันควรได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมทดลอง แต่ถูกคนใส่ร้ายทำให้ไม่ได้ย้ายไป”
หลิงเมิ่งหันกลับไปมองเพื่อนสามคน
เธอไม่เคยปล่อยซูอิน อีกฝ่ายแย่งชีวิตอันมั่งคั่งของเธอไปสิบหกปี ตอนนี้กลับคิดจะโบกมือลาง่ายๆ ไม่มีทาง! มิหนำซ้ำพ่อกับแม่ยังคิดเื่ที่จะพาซูอินกลับมาอยู่บ้าน
ในความคิดของเธอ การช่วยชีวิตเด็กเป็แค่เื่ตลก ความโชคดีตลอดทั้งชีวิตของซูอินมีอยู่เื่เดียวคือ การที่พ่อแม่ของเธออุ้มผิดตัวมาที่ตระกูลหลิง การช่วยเด็กจะทำให้ชะตาชีวิตของซูอินดีขึ้นได้อย่างไร
แต่เธอก็ไม่กล้าขัดความ้าของพ่อแม่ ทำได้แค่แอบทำเื่เล็กๆ น้อยๆ ในส่วนของตนเอง เพื่อนนักเรียนสองในสามคนของเธอมาจากหมู่บ้านเดียวกัน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็ลูกพี่ลูกน้องของซูอิน หากซูอินได้กลับไปอยู่ที่ชนบทก็คงได้เจอกันแน่นอน
เงินของเธอไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศ ในทางกลับกันพวกเธอเคยชินกับชีวิตยากจนในชนบท และรู้ดีว่ากว่าจะหาเงินมาได้ไม่ใช่เื่ง่าย สาเหตุที่ทุกวันนี้เธอใจกว้างจึงไม่ใช่เพราะความฟุ้งเฟ้อของตนเองเท่านั้น แต่เพื่อซื้อใจคนอื่นด้วย
และตอนนี้ก็ได้เวลาทดสอบ
“คนนั้นน่ะเหรอ”
“ใช่ ช่วยฉันสั่งสอนหน่อยได้ไหม”
ทั้งสามคนมองไปทางเด็กสาวหน้าตาดีที่กำลังง่วนอยู่ในร้านชานม ดูไปแล้วไม่มีท่าทีน่ารังเกียจเหมือนที่เมิ่งเมิ่งกล่าวเลยสักนิด
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เธอเป็คนเสแสร้งเก่ง”
หลิงเมิ่งยกข้อมือที่สวมกำไลวงใหญ่ขึ้นมา เหลือบมองไปทางขนมมากมายที่เธอเป็คนซื้อ ทำให้อีกฝ่ายละอายใจ
สายตามุ่งร้ายมองซูอินที่ไม่รู้เื่รู้ราว เธอเก็บเงิน ทอนเงิน ชงเครื่องดื่ม ยุ่งจนตอนนี้เหมือนลูกข่าง เหงื่อบางๆ ปรากฏบนหน้าผาก
ดังนั้นขณะที่ซูอินกำลังก้มหน้าก้มตาชงเครื่องดื่ม เธอจึงไม่ได้ระวัง
“กลิ่นอะไรแปลกๆ นี่เอาให้คนกินจริงๆ หรือ มีแต่กลิ่นเหม็นหืน!”
ซูอินไม่ทันตั้งตัวจนเกือบถูกสาดน้ำใส่ โชคดีที่หรงหรงเ้าปอมเมอเรเนียนตัวน้อยอยู่ด้วย มันขึ้นไปบนโต๊ะ อุ้งเท้าน้อยๆ ตะปบแขนคนคนนั้นทำให้น้ำหกไปทางอื่น ไม่โดนเธอ
“โอ๊ย หมาบ้ากัดคน!”
ซูอินหันไปมองต้นเสียงก็เห็นเด็กสาวถือแก้วชานมเปล่า พร้อมมองหรงหรงด้วยแววตาหวาดกลัว
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่เด็กคนนี้หน้าตาค่อนข้างคล้ายเธอ
ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น ซูอินรู้สึกว่ามีสายตามุ่งร้ายมองมาจากมุมมืด เมื่อเธอหันไปก็เห็นหลิงเมิ่งกับเด็กผู้หญิงอีกสองคนยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังเด็กคนนั้นและยิ้มอย่างมีความสุข
“เธอเองหรือ”