ในเมื่อถูกซูอินเห็นแล้ว หลิงเมิ่งจึงไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป แต่ออกมาอย่างเปิดเผย
“พี่คะ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
แววตาของหลิงเมิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่วินาทีต่อมากลับเปลี่ยนเป็มีความสุขที่ได้เห็นความทุกข์ของผู้อื่น “ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินแล้วใช่ไหมคะ แต่ก็คงใช่ เพราะถูกคุณแม่ไล่ออกจากบ้าน ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เธอไม่ใช่ลูกของตระกูลหลิงล่ะ”
ลูกสมุนด้านหลังของเธอรีบสมทบด้วยคำพูดเยาะเย้ยถากถาง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ลูกค้าที่ต่อคิวใ มองซ้ายมองขวาจนลืมสั่งออร์เดอร์
แต่ซูอินไม่ยอมให้พวกเขาได้พูดต่อ เธอหันไปชงเครื่องดื่มแก้วถัดไป ใส่น้ำตาล นม น้ำแข็ง และส่วนผสม เทลงในเครื่องชง ต่อมาก็หันไปหยิบแก้วที่มีหูจับซึ่งเธอใส่น้ำแข็งจนเต็ม
“เธอสั่งให้เพื่อนมาสาดน้ำใส่ฉันสินะ”
“พี่คะ เครื่องดื่มที่พี่ทำรสชาติแปลกๆ ในร้านมีหมาด้วย แบบนี้จะทำให้วัตถุดิบเสียหรือเปล่า เพราะหมาชอบฉี่ไปทั่วด้วยสิ ไม่แน่มันอาจฉี่ใส่ข้างในก็ได้”
หลิงเมิ่งเบะปากด้วยท่าทีรังเกียจ “คิดแล้วก็อี๋ชะมัด”
ปากนั่น…ไม่สร้างสรรค์เหมือนกับชาติก่อนเปี๊ยบ
ชาติก่อนเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น หลิงเมิ่งคือเทพธิดาแห่งความโอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้คน เป็ตัวแทนของตระกูลหลิงบริจาคเงินช่วยเหลือนักเรียนยากจน เด็กกำพร้า สถานสงเคราะห์ แม้ว่าโครงการส่วนใหญ่จะทำไปเพื่อเลี่ยงภาษีและเอาหน้า แต่การบริจาคก็ทำให้หลิงเมิ่งกลายเป็ที่รักของทุกคน ภายนอกแสดงออกอย่างชาญฉลาด แต่เวลาที่อยู่กับเธอตามลำพังจะรู้ว่าอีกฝ่ายน่ารังเกียจมากขนาดไหน
สิ่งที่หลิงเมิ่งพูดในวันนี้เป็เพียงฝนโปรยปรายเบาๆ ไม่สามารถทำอะไรซูอิน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมให้มีคนมาทิ้งอึบนตัวของเธอส่งเดชเช่นนี้
“อ้อ”
เธอพ่นลมออกจากจมูก ก่อนจะหยิบแก้วที่มีหูจับขึ้นมาสาดไปทางหลิงเมิ่ง
น้ำที่เต็มแก้วสาดโดนหลิงเมิ่งเต็มๆ ผมหน้าม้าเปียกจนแนบหน้าผาก น้ำไหลลงคางจนถึงเสื้อผ้า ความหนาวทำให้เธอตัวสั่น
“เธอ…ทำแบบนี้กับเมิ่งเมิ่งได้ยังไง”
เด็กผู้หญิงที่ถือแก้วชานมก้าวขึ้นมาข้างหน้า ยกมือเท้าเอวเหมือน้าตั้งคำถามกับเธอ
ซูอินยิ้มเย็น “ก่อนจะพูดคำนั้น ได้คิดไหมว่าเธอทำอะไรฉันก่อน”
“เื่นั้นไม่เกี่ยวกับเมิ่งเมิ่ง มีอะไรเธอก็มาลงที่ฉันสิ”
เป็สุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์จริงๆ ซูอินมองถุงพลาสติกในมืออีกข้างของอีกฝ่าย ในนั้นเต็มไปด้วยของกิน
“คิดว่าฉันโง่หรือ นั่นคือสิ่งที่ซื้อใจเธองั้นหรือ”
ชาติก่อนหลิงเมิ่งใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อใจคน แต่ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาเช่นนี้ ตอนนั้นเธอมีทั้งกระเป๋าราคาแพง โทรศัพท์ยี่ห้อผลไม้ ซึ่งสำหรับเธอมันเป็เพียงเื่เล็กน้อย
“ในเมื่อเธอขอด้วยความจริงใจ ฉันก็จะทำให้ตามคำขอ”
เธอหันไปหยิบแก้วอีกใบที่เติมน้ำเย็นไว้ ประโยคหลังของเธอยังพูดไม่จบก็สาดน้ำใส่หน้าเด็กสาวที่ยืนเท้าเอวคนนั้น
“เธอ…”
เมิ่งเวยที่ถูกสาดน้ำใส่เป็ลูกหมาตกน้ำในตอนนี้โกรธจนพูดไม่ออก เด็กสาวที่ถูกอุ้มผิดตัวคนนี้ ไร้เหตุผลและใจดำเหมือนที่เมิ่งเมิ่งบอกจริงๆ
“เธอขอเองนี่”
ซูอินเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ มาหยุดยืนตรงหน้าเมิ่งเวย คว้าแก้วชานมจากในมือของอีกฝ่ายมา
แม้ว่าเครื่องดื่มในแก้วจะถูกเมิ่งเวยสาดทิ้งแล้ว แต่ยังเหลืออยู่ก้นแก้ว เธอดมดูก็ได้กลิ่นหอมหวานของชานม
“กลิ่นก็ปกตินี่ ไม่ต่างอะไรกับกลิ่นชานมที่ฉันชงประจำทุกวัน”
เธอหมุนตัว เดินไปหาลูกค้าที่เข้าแถวอยู่และกำลังตกตะลึง ก่อนจะยื่นแก้วให้ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น
“พี่ชาย รบกวนดมดูได้ไหมคะ ว่าชานมแก้วนี้มีอะไรผิดปกติไหม”
เ้าหย่วนเป็นักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนละแวกนี้ เมื่อได้ข่าวว่าซูอินมาทำงานที่ร้านชานม เขาก็กลายเป็ลูกค้าประจำ
เด็กหนุ่มอายุยังไม่ครบสิบแปดปีบริบูรณ์ ปกติอยู่บ้านและโรงเรียนมักจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด แม้แต่หนัง AV ก็ไม่เคยดู เ้าหย่วนไม่ได้มีจุดประสงค์แอบแฝง เขามาเพราะแค่้าเห็นหน้าสาวน้อยคนสวย
เมื่อครู่ที่สาดน้ำออกไปสองแก้ว ทำให้ภาพเทพธิดาผู้งดงามในใจเขาพังทลายทันที…
ทว่าในเวลานี้สาวน้อยคนนั้นใช้ดวงตากลมที่แบ่งั์ตาสีขาวและสีดำอย่างชัดเจนมองมาที่เขา เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “พี่ชาย” เ้าหย่วนก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นรัว สมองแหลกสลายเป็ผุยผงเพราะเทพธิดาสาวโดยไม่รู้ตัว
เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารับแก้วมาอย่างไร และได้กลิ่นลอยมาโดยไม่รู้ตัว กลิ่นหอมหวานของชา เหมือนความรู้สึกอันดีที่สาวน้อยคนนี้มอบให้
“กลิ่นหอมมาก”
เขากล่าวเสียงเฉียบขาด และอดไม่ได้ที่จะลากเพื่อนร่วมชั้นที่ต่อคิวอยู่ด้านหลังมาร่วมเป็พยาน
ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกในใจของเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเ้าหย่วน อิจฉาในความโชคดีของอีกฝ่าย ความในใจบางอย่างของผู้ชายมักจะไม่พูดออกมา แต่ในตอนนี้สาวสวย้าความช่วยเหลือ หัวใจที่กล้าหาญของเด็กชายบอกว่าเขาจำเป็ต้องช่วย
“กลิ่นก็เหมือนกับทุกๆ วัน ตอนที่ฉันต่อแถว ฉันเห็นเธอดื่มมันอย่างมีความสุขไปตั้งเกือบครึ่งแก้ว”
เ้าหย่วนรีบพูดเสริม “ใช่ ฉันก็เห็น ถ้ารสชาติผิดปกติ ดื่มคำแรกก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังดื่มต่อล่ะ”
เมิ่งเวยที่เปียกปอนในตอนนี้ตะลึงงัน
เธอเป็เพียงเด็กสาวชนบททั่วไป ปกติไม่มีโอกาสเข้าเมืองบ่อยนัก ต่อให้เข้ามาก็ไม่มีทางยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อชานมเด็ดขาด นี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้ชิมเครื่องดื่มที่มีรสชาติแบบนี้ อร่อยจนยากจะตัดใจ โดยไม่รู้ตัวเธอจึงดูดเพิ่มอีกสองอึกจนหมดไปครึ่งแก้ว
ไม่คิดว่าจะถูกคนอื่นเห็น
เมื่อมองไปทางชายหนุ่มหน้าตาดี เมิ่งเวยก็หน้าแดงก่ำเหมือนกุ้งที่ถูกนึ่งจนสุก
ซูอินก้มลงไปอุ้มหรงหรง จูบขนนุ่มนิ่มบนศีรษะของมันและมองไปทางหลิงเมิ่ง
“หรงหรงของเราอาบน้ำทุกวัน สะอาดกว่าเธอเสียอีก เครื่องดื่มทั้งหมดก็ชงที่หน้าร้าน วัตถุดิบวางอยู่ในจุดที่สุนัขเข้าไม่ถึง วางใจได้ แต่เธอเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังเหมือนหนูที่ซ่อนตัวในรางน้ำ ใช้ของอร่อยล่อหลอกเด็กสาวที่อ่อนต่อโลกเพื่อให้ออกหน้าแทน ไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรือ”
เธออุ้มหรงหรงเดินเข้าไปใกล้หลิงเมิ่ง “ครั้งหน้าหากจะมาหาเื่รบกวนใช้สมองหน่อย และหาหลักฐานที่มันเป็ความจริงด้วย”
พูดจบเธอเหยียบรองเท้าแตะของเมิ่งเมิ่งอย่างแรง แถมยังขยี้หลายครั้ง
“ฉันจะเอาคืนเป็สองเท่า นี่เป็การสั่งสอน”
เธอไม่สนใจหลิงเมิ่งที่ร้องอย่างเ็ป ซูอินตรงกลับไปที่เคาน์เตอร์ ทำความสะอาดคราบจนหมด เมื่อถึงคิวของนักเรียนชายสองคนเมื่อครู่ ใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้ม
“ไม่ทราบว่าพี่ชายทั้งสองจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”
หลิงเมิ่งและพรรคพวกเดินออกมาจากสายตาดูแคลนของคนที่ต่อคิวอยู่ จากนั้นกิจการร้านชานมก็ดำเนินต่อไปจนกระทั่งปิดร้าน
แต่เื่นี้กลับทำให้ซูอินรู้สึกฝังใจมาก มีเงินก็สามารถซื้อใจคนให้ทำหรือพูดสิ่งที่คุณ้าโดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักการใดๆ
หลิงเมิ่งเพียงคนเดียว เกือบทำให้เธอต้องอับอายในวันนี้
แล้วอู๋อู๋กับหลิงจื้อเฉิงล่ะ
เธอจำเป็ต้องรีบหาเงิน
ดังนั้นวันต่อมา เมื่อเธอลงมาชั้นล่างและพบหลินเฉวียนที่ห้องอาหาร จึงเอ่ยอีกครั้งถึงเื่ที่้าหาเงินเพิ่ม