หลังจากที่ขายกุ้งย่างจนหมดแล้ววันนี้ใช้เวลานานกว่าทุกวันเล็กน้อยแต่ทุกคนต่างก็ยินดีเพราะกุ้งกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบจินขายหมดเกลี้ยง วันนี้เฉียวลู่ไม่รับคำสั่งจองกุ้งย่างเหมือนทุกทีทั้งยังบอกลูกค้าที่มาซื้อว่าพรุ่งนี้นางไม่ได้มาขาย ทำเอาแม่เฒ่าหลี่จางหย่งและหลิวหงไม่เข้าใจในสิ่งที่เฉียวลู่กำลังทำ
“เอาไว้เมื่อกลับไปถึงเรือนข้าจะอธิบายให้พวกท่านเข้าใจเองเ้าค่ะ วันนี้เราไปซื้อของกลับบ้านสักเล็กน้อยดีหรือไม่”
ถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่านางกำลังคิดทำอะไรแต่ทุกคนต่างก็เชื่อใจและทำตามที่เฉียวลู่พูดเป็อย่างดี เฉียวลู่พาทุกคนมาที่ร้านขายเสื้อผ้านางซื้อชุดผ้าฝ่ายสำเร็จรูปให้ทุกคนรวมทั้งฉินจื่อเฉินและท่านแม่ของเขาด้วย ความจริงเฉียวลู่อยากซื้อของกลับบ้านให้มากกว่านี้แต่กระท่อมของนางนั้นไม่เอื้ออำนวยในการเก็บสิ่งของมีค่า
เฉียวลู่ซื้อขนมดอกกุ้ยฮวาที่ร้านชื่อดังของอำเภอและอาหารที่จีหม่านโหรวกลับไปกินที่เรือนหลายอย่าง แม่เฒ่าหลี่ต้องคอยปรามเฉียวลู่ให้ประหยัดเงินเอาไว้หน่อย เพราะเงินที่เฉียวลู่ใช้นั้นล้วนเป็เงินที่มาจากค่าแรงของนาง ส่วนเงินที่ได้กำไรที่ขายกุ้งย่างทุกวันเป็แม่เฒ่าหลี่ที่เก็บเอาไว้ เพราะเรือนสกุลจางนั้นแข็งแรงมั่นคงมากกว่ากระท่อมน้อยของเฉียวลู่ ต่อให้เชื่อว่าคนในหมู่บ้านมู่โฉวนั้นมีแต่คนดีแต่เื่เงินทองนั้นไม่ควรไว้ใจใคร ยิ่ง่นี้พวกเขาค้าขายดีเช่นนี้ต้องมีคนนึกอิจฉาตาร้อนบ้างไม่มากก็น้อย
เมื่อเ้าวัวแก่หยุดที่หน้าเรือนสกุลจางทุกคนก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเช่นเดิมจนกระทั่งเมื่อถึงเวลารับประทานอาหารที่วันนี้เฉียวลู่เป็เ้ามือ ถึงแม้แม่เฒ่าหลี่บอกว่านางจะช่วยจ่ายค่าอาหารแต่เฉียวลู่ก็ไม่ยินยอม
หลังจากที่ประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเฉียวลู่ก็ได้เล่าเื่ที่นางไปพบเถ้าแก่ใหญ่ของจีหม่านโหรวให้ทุกคนฟัง ทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่ล้อมวงกันอยู่ต่างก็นั่งเงียบไม่มีใครปริพูดสิ่งใดออกมาเลย เฉียวลู่คิดไว้แล้วว่าเหตุการณ์จะต้องออกมาประมาณนี้ แต่ที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อทุกคน วันนี้เป็วันที่สิบพอดีที่พวกเขาขายกุ้งย่างสามารถแบ่งเงินกำไรที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้าได้แล้ว
“พวกท่านโกรธที่ข้าขายสูตรกุ้งย่างหม่าล่าให้จีหม่านโหรวหรือไม่เ้าค่ะ”
เฉียวลู่หันไปมองทีละคนเพื่อดูการแสดงออกของพวกเขา แต่ไม่มีใครต่อว่าเฉียวลู่เลยสักคนนั่นหมายความว่าทุกคนที่นี่สามารถเชื่อใจได้ พวกเขาไม่เห็นแก่เงินทองมากกว่ามิตรภาพที่มีให้กัน
“สูตรเป็ของเ้าที่พวกเรามีวันนี้ก็เพราะเ้าเราจะกล้าต่อว่าเ้าได้อย่างไรอาลู่”
แม่เฒ่าหลี่ลูบผมที่นุ่มสลวยและดำขลับของนางที่ถูกบำรุงเป็อย่างดีทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่เฒ่าหลี่ แม้แต่เ้าหัวไชเท้าน้อยทั้งสองของนางก็พยักหน้าตามทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่คุยเื่อะไรกัน พวกเขาต่างถอนหายใจออกมาพร้อมกันจะบอกว่าไม่ผิดหวังเลยก็ไม่ใช่แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเฉียวลู่ขายสูตรไปแล้วเช่นนั้นก็แค่หาอย่างอื่นทำต่อไป เงินที่พวกเขาได้หลายวันมานี้นั้นมากกว่าที่พวกเขาหามาทั้งปีเสียอีกต้องขอบคุณนางถึงจะถูก
“พวกท่านอย่าพึ่งคิดว่าตนเองจะว่างงานนะเ้าคะ ข้ายังมีงานให้พวกท่านทำอยู่ พวกท่านจะยุ่งจนแทบไม่มีเวลากินข้าวเลยล่ะเ้าค่ะ”
เฉียวลู่ยิ้มตาหยีให้พวกเขา ทุกคนต่างนึกสงสัยในคำพูดของนางแต่พวกเขาก็รอฟังอธิบายอย่างตั้งใจ ก่อนที่นางจะมอบหมายงานอย่างอื่นให้พวกเขาทำเฉียวลู่แบ่งกำไรของการขายกุ้งย่างให้ทุกคนก่อน
“กุ้งย่างที่ขายมาทั้งหมดสิบวันหากไม่นับรวมเงินที่ขายวันแรกห้าตำลึงจะได้ทั้งหมดคือหนึ่งร้อยสี่สิบสามตำลึงกับอีกเจ็ดร้อยเหวินหักค่าแรงของพวกเราห้าคนวันละสามร้อยเหวินเก้าวันเป็เงินสองตำลึงกับอีกเจ็ดร้อยเหวินดังนั้นกำไรทั้งหมดอยู่ที่หนึ่งร้อยสี่สิบเอ็ดตำลึงเ้าค่ะ”
ทุกคนตกตะลึงยกเว้นเฉียวลู่ที่เป็คนทำบัญชีและแม่เฒ่าหลี่ที่เป็คนเก็บเงิน เฉียวลู่แบ่งตั๋วเงินออกเป็สองส่วนให้บ้านสกุลจางเจ็ดสิบตำลึงกับห้าร้อยเหวินนางและฉินจื่อเฉินคนละสามสิบห้ากับอีกสองร้อยห้าสิบเหวิน ฉินจื่อเฉินไม่กล้ารับเงินที่มากมายเช่นนี้จากเฉียวลู่ เขาทำงานแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นในแต่ละวันได้รับเงินค่าแรงเท่าผู้ใหญ่แล้วยังมากินข้าวที่บ้านสกุลจางอีกด้วยเช่นนี้แล้วเขาจะกล้ารับมาได้อย่างไร เฉียวลู่มองออกในความคิดของฉินจื่อเฉินนางยัดตั๋วเงินใส่ในมือของเด็กชายส่วนอีกสองร้อยห้าสิบเหวินนางดันมันไปทางแม่เฒ่าหลี่พร้อมกับเงินของนาง
“นี่ถือว่าเป็ค่าอาหารของพวกข้าที่มากินที่นี่ทุกวันท่านยายท่านรับไปเถอะ”
จากนั้นเฉียวลู่จึงหันมาหาฉินจื่อเฉินอีกครั้ง
“เป็อย่างไรเช่นนี้เ้าคงไม่รู้สึกติดค้างบ้านสกุลจางแล้วใช่หรือไม่ ตัวเ้าเองก็ทำงานเช่นเดียวกับพวกเราทุกคนเงินนี้เ้าสมควรได้รับ เอาล่ะเลิกปฏิเสธแล้วเรามาคุยเื่งานกันต่อ”
ฉินจื่อเฉินพยักหน้ารับเบาๆ แม่เฒ่าหลี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเงินห้าร้อยเหวินที่เฉียวลู่ยื่นให้นาง ต่อให้นางปฏิเสธไปเ้าเด็กนี่ก็คงหาทางนำมันมาให้นางอยู่ดีรับๆ ไปจะได้จบเื่แม่เฒ่าหลี่คิดในใจ
“เื่งานที่ข้าบอกให้พวกท่านทำคือ รับซื้อกุ้งเ้าค่ะจากนี้ท่านอาจางจะต้องนำกุ้งไปส่งให้จีหม่านโหรวสามร้อยจินทุกวันในตอนเช้ามืด พวกท่านทำหน้าที่รับซื้อกุ้งในราคาจินละยี่สิบเหวินแล้วนำไปขายให้จีหม่านโหรวจินละสี่สิบเหวินพวกท่านจะได้รับส่วนต่างหกตำลึงทุกวัน หากที่หมู่บ้านของเราไม่สามารถจับกุ้งได้วันละสามร้อยจินท่านอาจางท่านก็ต้องไปที่หมู่บ้านข้างๆ บอกให้พวกเขาจับกุ้งมาขายให้ท่าน จินละยี่สิบเหวินข้าคิดว่าราคานี้จะต้องมีแต่คนแย่งกันเอามาขายให้ท่าน เป็อย่างไรไม่ต้องลำบากไปขายกุ้งย่างให้เหนื่อยท่านก็แค่ขับเกวียนไปรับเท่านั้น อีกอย่างถึงอย่างไรหน้าหนาวพวกเราก็ต้องหยุดขายกุ้งย่างหม่าล่าอยู่แล้วกว่าจะถึงตอนนั้นข้าคิดว่าคงเก็บเงินได้เยอะอยู่”
คนบ้านสกุลจางพยักหน้ารัวทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเฉียวลู่จึงต้องหยุดขายกุ้งย่างหม่าล่า ที่นางทำเช่นนี้เพื่อพวกเขานั่นเอง
“ยังไม่หมดนะเ้าคะ”
เฉียวลู่หยิบตั๋วเงินใบละสิบตำลึงสิบใบออกมาจากแขนเสื้อแล้วแบ่งออกเป็สามส่วน
“นี่เป็เงินที่ขายสูตรกุ้งย่างหม่าล่าเ้าค่ะเราจะแบ่งออกเป็สามส่วนพวกท่านคิดว่าอย่างไร”
แม่เฒ่าหลี่ส่ายหน้า
“อาลู่เ้าทำเพื่อพวกเรามากมายเพียงนี้เงินขายสูตรนี้เ้าก็เก็บเอาไว้เองเถอะอย่าเอามาแบ่งให้พวกเราเลย เ้าอยากสร้างเรือนเป็ของตนเองไม่ใช่หรือเก็บเอาไว้เถอะเ้าจำเป็ต้องใช้มัน”
ฉินจื่อเฉินเองก็ดันตั๋วเงินส่วนของตนมาที่เฉียวลู่
“ข้าก็ไม่ขอรับไว้ขอรับ”
เขาเป็คนที่พูดไม่เก่งแต่ทุกอย่างในตอนนี้นั้นเขาอยากจะขอบคุณเฉียวลู่อีกเป็พันเป็หมื่นครั้งที่นางฉุดดึงเขาขึ้นมาจากความยากจนข้นแค้น เงินที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้ไม่รู้ว่าถ้าหากให้เขาหาเองไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้มา
“ได้เ้าค่ะเช่นนั้นข้าก็จะขอรับมันเอาไว้ด้วยความเต็มใจ”
ความจริงแล้วที่เฉียวลู่ทำเช่นนี้จุดประสงค์หลักของนางคือไม่อยากอยู่หน้าเตาย่างกุ้งทุกวันนั่นเอง จากนี้นางก็ไม่ต้องเอาหน้างามๆ ของนางไปอังอยู่บนเตาย่างตลอดเวลาแล้ว ดีไม่ดีหากยังต้องย่างกุ้งเช่นนี้ต่อไปทุกวัน ใบหน้าของนางเกิดมีฝ้ากระขึ้นมานางจะทำอย่างไร เฉียวลู่ที่รักสวยรักงามนั้นไม่ชอบที่สุดคือใบหน้าของตนมีตำหนิแม้แต่จุดเล็กๆ ก็ไม่ได้
หลังจากที่แยกย้ายกันไปเถ้าแก่จางที่ใครๆ ในหมู่บ้านต่างก็เรียกเขาเช่นนั้นขับเกวียนไปที่หมู่บ้านสกุลหลิวพร้อมกับหลิวหงภรรยาของเขาเพื่อไปบอกข่าวเื่การรับซื้อกุ้งแก่บ้านพ่อตาก่อนใคร เมื่อเกวียนวัวของจางหย่งจอดลงที่หน้าเรือนที่ทรุดโทรมของบ้านเดิมของหลิวหง ทั้งสองคนก็ะโเรียกคนในบ้านสักพัก เด็กชายอายุราวสิบขวบเดินมาเปิดประตูให้พวกเขาทั้งสองคน
“เสี่ยวซานท่านปู่ท่านย่าไม่อยู่หรือเหตุใดที่เรือนถึงได้เงียบเพียงนี้”
หลิวซานส่ายหน้า
“ที่เรือนมีเพียงท่านย่าและข้าขอรับท่านปู่ท่านพ่อท่านแม่พี่ใหญ่พี่รองไปรับจ้างทำงานหมู่บ้านข้างๆ”
หลิวหงพยักหน้าจากนั้นจึงหันไปมองสามี จางหย่งไม่คิดอยู่ที่นี่นานเพราะเขาจะต้องรีบไปที่หมู่บ้านอื่นด้วยดังนั้นจึงเดินไปหาแม่ยายที่นั่งสานตะกร้าอยู่ในเรือน
“อ้าวอาหงอาหย่งพวกเ้ามาได้อย่างไร มาๆ นั่งก่อนเสี่ยวซานไปหาน้ำมาให้ท่านน้ากับน้าเขยของเ้าหน่อยเร็ว”
จางหย่งไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้เขาจึงพูดเข้าเื่เลย
“ท่านแม่ยายขอรับเอาไว้ครั้งหน้าเถอะ ตอนนี้ข้ากับอาหงกำลังรีบที่ข้ามาวันนี้ข้าจะมาบอกพวกท่านว่าที่บ้านของข้ารับซื้อกุ้งจึงอยากให้ท่านไปตามท่านพ่อตากับพี่ใหญ่มาช่วยขอรับท่านช่วยให้คนไปตามพวกขามาได้หรือไม่ ข้าอยากให้ท่านรับซื้อกุ้งจากชาวบ้านจินละยี่สิบเหวินท่านนำไปขายให้ข้าสามสิบเหวินท่านทำได้หรือไม่ นี่เงินห้าตำลึงท่านเก็บเอาไว้เป็ทุนสำหรับรับซื้อกุ้งจากชาวบ้าน ท่านแม่ต้องเลือกซื้อกุ้งที่ตัวใหญ่ขนาดนี้เท่านั้นนะขอรับเล็กกว่านี้ไม่รับซื้อ เอาไว้ตอนเย็นข้าจะแวะมาดูอีกครั้ง”
จางหย่งเอากุ้งตัวอย่างจากที่หลืออยู่ในเรือนของเขาใส่ถังไม้มาด้วย เสี่ยวซานเอาถังไม้ใส่น้ำมาเล็กน้อยใส่กุ้งตัวนั้นเอาไว้ จากนั้นจางหย่งและหลิวหงจึงขับเกวียนจากไป
“เสี่ยวซานไปตามท่านปู่กับท่านพ่อของเ้ากลับมาเร็วเข้า”
แม่ยายของจางหย่งพึ่งจะได้สติกลับมาหลังจากที่จางหย่งและหลิวหงจากไปแล้ว จางหย่งขับเกวียนไปหาสหายที่เขาไว้ใจและเคยทำงานร่วมกันที่หมู่บ้านข้างๆ อีกสองสามหมู่บ้านและได้บอกข่าวเื่รับซื้อกุ้งเช่นเดียวกับที่เขาบอกแม่ยายก่อนหน้านี้และได้ทิ้งเงินทุนเอาไว้ให้เช่นเดียวกันแต่สำหรับคนอื่นจางหย่งรับซื้อในราคายี่สิบห้าเหวินต่อหนึ่งจิน ที่เขาทำเช่นนั้นเพราะ้าช่วยเหลือครอบครัวบ้านเดิมของภรรยาของตน
เมื่อถึงตอนเย็นจางหย่งให้แม่เฒ่าหลี่กับฉินจื่อเฉินทำหน้าที่รับซื้อกุ้งอยู่ที่หมู่บ้านมู่โฉวเหมือนเช่นทุกวัน เขาและหลิวหงขับเกวียนวัวไปรับกุ้งที่ฝากให้บ้านแม่ยายรับซื้อเอาไว้ เมื่อมาถึงหมู่บ้านสกุลหลิวกุ้งเป็ๆ สองร้อยจินได้ถูกเตรียมเอาไว้ให้จางหย่งเรียบร้อยแล้ว
กุ้งสดสองร้อยจิน จินละสามสิบเหวินเป็เงินหกตำลึง จางหย่งจ่ายเงินให้บ้านสกุลหลิวห้าตำลึงห้าร้อยเหวินหักต้นทุนที่เขาให้ไปห้าร้อยเหวิน และครั้งต่อไปเขาก็จะทำเช่นนี้จนกว่าจะครบห้าตำลึง เขาได้อธิบายให้พ่อตาเข้าใจ ทุกคนบ้านสกุลหลิวต่างก็ขอบคุณลูกเขยคนนี้เพราะต่อให้คนทั้งบ้านทำงานช่วยกันทั้งวันก็ไม่มีทางหาเงินห้าร้อยเหวินมาได้แน่
จางหย่งไปรับกุ้งจากอีกสองหมู่บ้านจากนั้นจึงขับเกวียนกลับมาที่หมู่บ้านมู่โฉวอีกครั้ง เขากลับมาถึงหน้าเรือนก็เป็เวลาพลบค่ำแล้ว แม่เฒ่าหลี่ยืนอยู่กับเฉียวลู่ที่หน้าเรือนเพื่อรอคนทั้งสอง
“มาแล้วเ้าค่ะท่านยาย”
เฉียวลู่ชี้ให้แม่เฒ่าหลี่ดู เมื่อวัวแก่หยุดอยู่ที่หน้าเรือนทุกคนช่วยกันขนถังใส่กุ้งเข้าไปในเรือนคนละไม้คนละมือจากนั้นจึงกลับไปพักผ่อนที่เรือนของตน ฉินจื่อเฉินกลับเรือนของเขาที่อยู่ติดกับเรือนสกุลจาง พบว่าท่านแม่ที่นอนป่วยอยู่ตลอดได้ออกมานั่งเขาที่ใต้ต้นอู๋ถงหน้าเรือน
“ท่านแม่มืดแล้วอากาศเย็นนักท่านออกมาตากลมทำไมเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะขอรับ”
เด็กชายรีบวิ่งมาหามารดาของตนด้วยความเป็ห่วง ฉินอี้เหยาได้ยินเสียงจอแจของชาวบ้านที่มาขายกุ้งทุกวันตัวนางเองถ้าหากแข็งแรงกว่านี้สักนิดก็อยากจะทำงานหาเงินช่วยบุตรชายเช่นกัน มีใจอยากทำงานแต่ร่างกายของนางไม่เอื้ออำนวย ั้แ่ที่บุตรชายของนางไปทำงานกับเฉียวลู่เขาก็มีเงินซื้อยาและอาหารมาให้นางทำให้อาการป่วยนานปีของฉินอี้เหยาดีวันดีคืน วันนี้นางจึงอยากออกมารอฉินจื่อเฉินที่หน้าเรือนบ้าง
“เด็กโง่ดูไม่ออกหรือว่าแม่นั้นอาการดีขึ้นมากเพียงไรดูสิเมื่อก่อนแม่มีแรงเดินเช่นนี้หรือไม่ เ้าไม่ต้องห่วงแม่มากมายเพียงนั้นก็ได้”
ฉินอี้เหยาลูบผมบุตรชายของนางด้วยความรักใคร่ สายตาที่แสนอ่อนโยนของนางทำให้ฉินจื่อเฉินรู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ สายตาของท่านแม่เหมือนสายตาของพี่เฉียวลู่ที่มองไปที่เ้าหัวไชเท้าน้อยทั้งสองเลย เช่นนั้นก็หมายความว่าท่านแม่ก็รักเขาเหมือนที่พี่เฉียวลู่รักเ้าแฝดใช่หรือไม่ มิน่าเล่าเ้าแฝดถึงได้เอาแต่คอยวนเวียนอยู่รอบกายพี่เฉียวลู่ไม่ห่างเพราะเขารู้ว่าพี่เฉียวลู่รักพวกเขามากเพียงใด ดั่งเช่นที่ท่านแม่ก็รักเขามากเช่นกันฉินจื่อเฉินคิดในใจ
ท่านแม่ขอรับพี่เฉียวลู่ซื้อเสื้อผ้าให้ท่านกับข้าคนละหนึ่งชุดด้วยนะขอรับ”
ฉินจื่อเฉินรีบนำชุดผ้าฝ้ายสีน้ำทะเลส่งให้ฉินอี้เหยาดู นางลูบเนื้อผ้าที่หยาบเล็กน้อยแต่นุ่มนวลเมื่อใส่ในหน้าหนาวสามารถให้ความอบอุ่นเป็อย่างดี แม้ไม่ใช่ชุดผ้าไหมชั้นดีเหมือนที่นางเคยสวมใส่เมื่อก่อน แต่มันกลับทำให้หัวใจของฉินอี้เหยารู้สึกดีและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เฉียวลู่สตรีนางนี้ถึงแม้ไม่เคยพบกันสักครั้งนางกลับให้ความช่วยเหลือพวกเขาแม่ลูกโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ คนที่ดีเช่นนี้ยังมีหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้อีกหรือ นางจะสามารถกลับมาเชื่อใจผู้คนได้อีกหรือไม่นะ ฉินอี้เหยามองไปที่ชุดผ้าฝ้ายสีน้ำทะเลด้วยสายตาโศกเศร้า เฉียวลู่สักวันข้าจะต้องตอบแทนน้ำใจของเ้าที่ช่วยเหลือข้าแม่ลูกในวันนี้แน่นอน
เฉียวลู่ที่กลับไปที่เรือนของนางแล้วนั้นทำอาหารง่ายๆ ให้เ้าแฝดของนางทานจากนั้นจึงอาบน้ำพาลูกๆ ของนางเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะพรุ่งนี้นางมีงานสำคัญที่ต้องทำรออยู่
