หลงเฟยเยี่ย!
คิดไม่ถึงว่าจะเป็หลงเฟยเยี่ย อี๋เหนียงสามที่ไม่เคยเจอหลงเฟยเยี่ยตัวเป็ๆ มาก่อน ทว่าก็กลับมีความบาดหมางกับเขามานานแล้ว!
ใน่สองเดือนที่ผ่านมา หลงเฟยเยี่ยฆ่าลูกน้องของนางไปมากมาย แม้แต่ศิษย์คนโตที่นางภูมิใจที่สุดที่สามารถควบคุมฝูงยุงพิษได้ก็เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขา
แล้วจะไม่ให้นางเกลียดได้อย่างไร?
อี๋เหนียงสามอยากจะพุ่งออกไปต่อสู้กับหลงเฟยเยี่ยเหลือเกิน แต่นางก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่านางไม่สามารถทำได้ นางไม่สามารถฆ่าชายผู้นี้ได้ หากนางถูกเปิดโปง ความพยายามอุตสาหะของเป่ยลี่เป็เวลาหลายปีก็จะไร้ผล
เมื่อครู่นางยังคงสงสัยว่าทำไมหานอวิ๋นซีถึงบุกเข้ามาได้ และทำไมองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ถึงไม่เคลื่อนไหวเลย แต่ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเป็หลงเฟยเยี่ยนั่นเองที่พามา!
ถูกต้องแล้วที่องครักษ์ไม่เคลื่อนไหว หากเคลื่อนไหว นางก็คงไม่มีทางรอดพ้นจากความสงสัยได้เลย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางไม่เข้าใจก็คือทำไมหลงเฟยเยี่ยถึงอยู่กับหานอวิ๋นซี เขาไม่ได้รังเกียจสตรีผู้นี้หรอกหรือ?
เป็ไปได้หรือไม่ว่าั้แ่หานอวิ๋นซีล้างพิษให้มู่ชิงอู่ นางก็ได้รับการยอมรับจากหลงเฟยเยี่ย?
แม้แต่หานอวิ๋นซีผู้คุ้นเคยกับยาพิษก็ยังช่วยหลงเฟยเยี่ยในการสืบสวนคนทรยศสินะ? ดังนั้นหลงเฟยเยี่ยผู้ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิชาพิษเลยสามารถฆ่าศิษย์ที่นางภาคภูมิใจที่สุดได้? เช่นนั้นแล้ว ตัวต้นเหตุก็คือหานอวิ๋นซี?
เมื่อคิดเช่นนี้ กริชในมือของอี๋เหนียงสามก็กำแน่นยิ่งขึ้น!
อาณาจักรเป่ยลี่ใช้เวลาหลายปีในการฝึกอบรมกลุ่มผู้ทรยศนี้เป็พิเศษเพื่อให้หลุดรอดจากหลงเฟยเยี่ย ไม่คาดคิดว่าพวกเขาที่แอบซุ่มอยู่มานานหลายปี ขณะที่กำลังจะเริ่มลงมือจัดการ จู่ๆ หานอวิ๋นซีก็เข้ามาก้าวก่ายและขัดขวางแผนการทั้งหมดของพวกเขา!
และตอนนี้ ยังมาตรวจสอบถึงถิ่นของนางอีก
หานอวิ๋นซี ถ้าข้าไม่ได้ฆ่าเ้า หลี่ิเยวี่ยผู้นี้สาบานเลยว่าจะไม่เป็คนอีกต่อไป!
ภายใต้ความกดดันของสถานการณ์ หลี่ิเยวี่ยที่เต็มไปด้วยความโกรธแต่ก็ต้องระงับมันไว้ทั้งหมด นางดึงกริชออกมาอย่างเงียบๆ และนอนตะแคง
“ใกล้เสร็จแล้ว!”
หานอวิ๋นซีตอบหลงเฟยเยี่ย เมื่อเปิดม่านขึ้น นางก็ตรวจดูเตียงและเข้าไปใกล้อี๋เหนียงสามเพื่อตรวจสอบมือของนาง แต่ระบบการล้างพิษยังคงไม่เตือน
“ฮู่ว…”
เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกดังขึ้น ในที่สุดหัวใจของหานอวิ๋นซีที่สับสนมาทั้งคืนก็สงบลง “ไม่มี เยี่ยมไปเลย”
นางแตะหลี่ิเยวี่ยเบาๆ ผ่านผ้าห่มและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อี๋เหนียงสาม ล่วงเกินท่านแล้วล่ะ”
หลังจากพูดจบ ก็ค่อยๆ ห่มผ้าให้หลี่ิเยวี่ย ลดม่านลงแล้วจึงจะออกไป
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตู หลี่ิเยวี่ยก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมืดมน “เยี่ยมไปเลย? ฮ่าฮ่า หานอวิ๋นซี ข้าจะทำให้เ้ารู้เองว่าอะไรที่เรียกว่าเยี่ยมไปเลยจริงๆ!”
ทันทีที่หานอวิ๋นซีออกมา หลงเฟยเยี่ยเห็นสีหน้านางแล้วก็พอจะเดาบางอย่างได้ แต่เขาก็ยังถามว่า “เป็อย่างไรบ้าง?”
“ไม่พบอะไรเลย ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าเราคงเข้าใจผิด” หานอวิ๋นซียิ้มและพูดอย่างอารมณ์ดี
“ไม่พบร่องรอยอย่างอื่น ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีสิ่งที่น่าสงสัยเลย” น้ำเสียงของหลงเฟยเยี่ยทุ้มลึกขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“พิษงูสามชนิดนั้นในกระท่อมไม้สามารถพบได้ทั่วไป ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มันจะมีอยู่ที่นี่” หานอวิ๋นซีรีบพูดแก้ต่างทันที และพูดเสริมว่า “แน่นอนว่าถ้าท่านอ๋องยังสงสัยอยู่ ก็คงต้องไปถามอี๋เหนียงสามว่าได้ปล่อยพิษงูหรือไม่ แล้วทำไปทำไม!”
ก่อนหน้านี้ตอนที่มาดื่มชา หานอวิ๋นซีก็อยากจะถามอี๋เหนียงสามตรงๆ แต่คิดไปแล้วอาจจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นนางจึงตัดสินใจมาตรวจดูก่อน
ตอนนี้ตรวจไม่พบอะไร เลยไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
ขณะที่หลงเฟยเยี่ยกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงของน้ำดังอยู่ไม่ไกลราวกับว่าคนรับใช้ตื่นแล้ว
“ไปกัน!”
หลงเฟยเยี่ยคว้าหานอวิ๋นซีอย่างรวดเร็วและะโขึ้นไปบนหลังคาโดยไม่พูดไม่จา หลังจากนั้น ร่างของทั้งคู่ก็หายไปในท้องฟ้าอันมืดมิดโดยไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ
ขณะที่หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีกลับมาถึงจวนฉินอ๋อง ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว
แม้ว่าหลงเฟยเยี่ยจะไม่มีความสุขมากในระหว่างทาง แต่ก็ยังจำอาการาเ็ที่เท้าของหานอวิ๋นซีได้ เขาเลยไปส่งหานอวิ๋นซีถึงตำหนักหยุนเซี่ยน วางนางไว้ในห้องนั่งเล่นและปล่อยให้นางนั่งบนโต๊ะ
ในขณะนี้ แม่นมจ้าวเอาน้ำเข้ามา เมื่อเห็นฉากนี้ก็ถอยกลับไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางยังคงเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มและโค้งคำนับ “ถวายบังคมท่านอ๋อง หวังเฟยเพคะ”
หลงเฟยเยี่ยพยักหน้า ส่งสัญญาณให้นางทำตัวตามสบาย
แม่นมจ้าวลุกขึ้น ชงชาสองถ้วยอย่างรวดเร็ว สายตาก็เหลือบมองไปและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอ๋องและหวังเฟยตื่นเช้าจังเลยนะเพคะ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวิ๋นซีแทบจะพ่นชาในปากออกมา คำพูดพวกนี้ของแม่นมจ้าวหมายถึงอะไรกัน?
อย่าบอกว่านางเข้าใจผิดว่าเมื่อคืนนี้หลงเฟยเยี่ยอยู่ที่นี่นะ?
เห็นได้ชัดว่าหลงเฟยเยี่ยเข้าใจความหมายของคำเหล่านี้เช่นกัน เขากระแอมออกมาสองสามครั้ง ก้มหน้าลงและดื่มชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ท่านอ๋อง หวังเฟยโปรดรอสักครู่นะเพคะ หม่อมฉันจะไปเตรียมอาหารเช้าให้” แม่นมจ้าวรีบพูดและกำลังจะเดินออกไป
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันหลงเฟยเยี่ยก็พูดว่า “ไม่จำเป็ ข้ายังมีเื่ที่ต้องทำ”
“ไม่ว่าท่านอ๋องจะยุ่งแค่ไหน ก็ต้องเสวยอาหารเช้านะเพคะ จะปล่อยให้ร่างกายหิวไม่ได้” แม่นมจ้าวเกลี้ยกล่อม
ทว่าหลงเฟยเยี่ยกลับลุกขึ้น เมินเฉยต่อแม่นมจ้าวและพูดกับหานอวิ๋นซีว่า “เื่นั้น เ้าอย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่นล่ะ ข้าจะจัดการเอง เข้าใจหรือไม่?”
“อันที่จริง...” อันที่จริงหานอวิ๋นซีพยายามเกลี้ยกล่อมมาตลอดทาง แต่หลงเฟยเยี่ยยังคง้าตรวจสอบ
“เ้า พอได้แล้ว” หลงเฟยเยี่ยพูดด้วยน้ำเสี่ยงทุ้มต่ำ ตลอดทางที่แบกสตรีผู้นี้กลับมา ได้แต่ฟังนางบ่นอยู่ข้างหู ความอดทนของเขาจึงหมดลง
หานอวิ๋นซีเบะริมฝีปาก ทำได้เพียงสงบนิ่ง
หลงเฟยเยี่ยดูเหมือนกลัวว่านางจะโวยวาย จึงมองนางอย่างลึกล้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะหันหลังและออกไป
ทันทีที่เขาออกไป หานอวิ๋นซีก็กลอกตาสองสามครั้ง แม้ว่าจะไม่ยอมรับการตัดสินใจของหลงเฟยเยี่ย ทว่าทั้งในด้านอารมณ์และสติปัญญา นางก็ยังตกลงที่จะทำตามอย่างมีเหตุผล ท้ายที่สุดคนทรยศก็ซ่อนตัวอยู่อย่างลึกลับ ต่อให้จะเป็ความสงสัยเพียงเล็กน้อยก็ปล่อยไปไม่ได้
ตระกูลหานนะตระกูลหาน...เฮ้อ นางเองก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมของตระกูลหานจะเป็อย่างไร!
“หวังเฟย ทำไมท่านไม่รั้งท่านอ๋องให้เสวยอาหารก่อนล่ะเพคะ?” แม่นมจ้าวถาม
เช่นนั้นหานอวิ๋นซีจึงจะได้สติกลับคืนมา และตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “จะรั้งเขาไว้ทำไม?”
เอ่อ…
จู่ๆ แม่นมจ้าวก็พูดอะไรไม่ออก และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่...ไม่มีอะไรหรอกเพคะ หม่อมฉันไปเตรียมอาหารเช้าก่อนนะเพคะ” แม่นมจ้าวพูดจบก็รีบถอยหนี นางรู้สึกลึกๆ ว่าความคิดของเ้านายทั้งสองคนนี้ยากเกินกว่าจะเข้าใจ!
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของแม่นมจ้าว ท้องของหานอวิ๋นซีก็ร้องโครกครากขึ้นมาทันที เื่ความหิวมันไม่สามารถเตือนกันได้ การที่ท้องร้องก็คือหิว เป็เื่ที่ถึงไม่ทดสอบก็ต้องเป็เช่นนั้นอย่างแน่นอน
หานอวิ๋นซีะโลงจากโต๊ะอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เท้าแตะพื้น นางจึงจะนึกได้ว่ารองเท้าและถุงเท้าของนางยังอยู่ที่กูหยวน
นางเดินกะโผลกกะเผลกไปทางตั่งอุ่น นอนลงอย่างเกียจคร้านและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อคืนดูเหมือนจะทำอะไรไปหลายอย่าง แต่ก็ยังรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ต้องบอกว่าตอนนี้นางยังรู้สึกหนักใจอยู่นิดหน่อย
ไม่รู้ว่าชายผู้นั้นจะหิวหรือไม่ เช้าขนาดนี้ ยังมีเื่ต้องทำด้วยหรือ? ไปปกป้องคนในรายชื่อเมื่อคืนหรือไม่? เท่าที่นางจำได้ เมื่อคืนยังมีอีกหลายคนอในรายชื่อที่ยังมีชีวิตอยู่
ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน การทานอาหารก็ไม่ได้ใช้เวลานานมากมายขนาดนั้น ความรู้สึกหดหู่แวบเข้ามาในแววตาของหานอวิ๋นซีโดยที่ตนเองก็ไม่ทันจะสังเกต นางเบะปาก ี้เีเกินกว่าจะคิดถึงชายผู้นั้น
ใครคือผู้นำคนทรยศของอาณาจักรเป่ยลี่ เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะเป็คนรู้จักของพวกเขา และเป็คนที่ซ่อนตัวอยู่ข้างกายพวกเขา?
หานอวิ๋นซีคิดไปคิดมา ก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
แม่นมจ้าวนำอาหารเช้ามาให้นาง เมื่อเห็นท่าทางเหนื่อยล้าเช่นนั้นของนาง ก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวน เช่นนั้นหานอวิ๋นซีจึงนอนหลับไปจนถึงบ่าย จนกระทั่งมู่ชิงอู่มาหานาง
ประสิทธิภาพในการทำงานของมู่ชิงอู่ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ภายในไม่กี่วัน เขาได้ตรวจสอบและจัดเรียงรายงานการสอบสวนโดยละเอียด ซึ่งในนั้นบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับผู้คนที่ติดต่อกับเขาบ่อยครั้งใน่สามปีที่ผ่านมา
หานอวิ๋นซีที่ได้หลับเต็มตื่นก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า นางดูรายงานการสอบสวนอย่างเงียบๆ ไม่พลาดข้อมูลสักบรรทัด มีคนไม่กี่คนที่บันทึกไว้ในรายงานนี้ โดยมีสหายของมู่ชิงอู่ห้าคน ลูกพี่ลูกน้องที่เป็ชายหนุ่มของมู่ชิงอู่สี่คน ลูกพี่ลูกน้องที่เป็สตรีสองคน และคนสุดท้ายที่โดดเด่นที่สุดคือมู่หลิวเยวี่ย!
แม้ว่าหานอวิ๋นซีไม่เคยคิดที่จะตัดมู่หลิวเยวี่ยออกไป แต่เมื่อเห็นชื่อนี้ นางก็อดยิ้มไม่ได้และต้องบอกว่ามู่ชิงอู่เป็คนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
“น้องสาวของท่าน ท่านก็เขียนลงไปด้วยหรือ?” หานอวิ๋นซีถามอย่างติดตลก
“หวังเฟยเคยพูดว่า ผู้ที่วางยาพิษมีแนวโน้มที่จะยืมมือของคนอื่น อย่าว่าแต่น้องสาวของข้าเลย หากมันจำเป็ ข้าก็สามารถเขียนชื่อท่านพ่อของข้าลงไปบนนั้นเช่นกัน” มู่ชิงอู่ที่คิ้วหนาตาโตพร้อมกับแววตาเสียดแทง พูดออกมาอย่างจริงจัง
หานอวิ๋นซีชื่นชมอยู่ในใจ พยักหน้าและอ่านต่อ
ในรายงาน มีข้อมูลโดยละเอียดหลังชื่อของแต่ละคน ซึ่งบันทึกความถี่ในการติดต่อกับมู่ชิงอู่ สถานที่นัดพบและเหตุการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้น
หลังจากอ่านรายชื่อจนหมดแล้ว หานอวิ๋นซีก็เริ่มจากชื่อแรกและอ่านรายละเอียดแต่ละชื่อทีละบรรทัด ขณะที่อ่าน นางก็ถามติดตลกว่า “แม่ทัพใหญ่ นี่มันความลับของท่านเลยนะ”
“ตราบใดที่มันสามารถช่วยตามหาคนทรยศได้ แม้ว่าหวังเฟย้าเห็นความลับของทางทหาร ก็สามารถเข้าพบฮ่องเต้เพื่อสอบถามได้” มู่ชิงอู่ยังคงจริงจัง
“อย่าเลย! ข้าไม่อยากรู้” หานอวิ๋นซีรีบปฏิเสธ ยิ่งรู้มากเท่าไรก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
หานอวิ๋นซีอ่านไปอ่านมา ก็ค่อยๆ จริงจังขึ้น มู่ชิงอู่คอยอยู่ข้างๆ ไม่กล้าส่งเสียง เมื่อเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นท่าทางที่จริงจังของหานอวิ๋นซี เขาก็ไม่อาจละสายตาได้
ั้แ่ครั้งแรกที่เขาเห็นสตรีผู้นี้ที่ประตูจวนฉินอ๋อง เขาก็รู้ได้ว่าสตรีผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีความเกี่ยวข้องกันมากมายขนาดนี้ เขาคิดอยู่เสมอว่าถ้านางไม่อภิเษกเข้าจวนฉินอ๋อง บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้พบกันด้วยซ้ำ
หานอวิ๋นซีจดจ่อกับรายงานเป็อย่างมาก จะไปรู้ได้อย่างไรว่ามู่ชิงอู่กำลังจ้องมองนางจากด้านข้าง
นางอ่านบันทึกทั้งหมดทีละบรรทัดและส่วนใหญ่ไม่มีอะไรน่าสงสัย สหายส่วนใหญ่ชวนดื่มสุรา แน่นอนว่าพิษงูหมื่นตัวไม่สามารถใส่ลงไปในสุราได้ ในจุดนี้นางมั่นใจและความถี่ในการดื่มก็ไม่มากเกินไป
ส่วนการไปมาหาสู่กันระหว่างลูกพี่ลูกน้องแม้จะมาบ่อย แต่กลับไม่ได้ทำอะไรผิดแปลก ส่วนใหญ่แค่มาเยี่ยมเยียนเท่านั้น
สุดท้ายแล้ว สายตาของหานอวิ๋นซีก็ตกลงไปที่ข้อมูลของมู่หลิวเยวี่ย ต้องบอกว่ามู่หลิวเยวี่ยและมู่ชิงอู่ติดต่อพูดคุยกันบ่อยที่สุด โดยพื้นฐานแล้วมู่ชิงอู่จะพบน้องสาวเมื่อกลับไปที่จวนแม่ทัพ ทั้งหมดนี้เป็เื่ปกติ
อย่างไรก็ตาม มีบันทึกบรรทัดหนึ่งที่กระตุ้นความสงสัยของหานอวิ๋นซี
ชา!
มู่หลิวเยวี่ยจะเชิญมู่ชิงอู่ไปดื่มชาที่โรงน้ำชาเทียนเซียงในชานเมืองเป็ครั้งคราว!
หานอวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงอู่อย่างรวดเร็ว และมู่ชิงอู่ที่กำลังจ้องมองนางอยู่ในขณะนี้ ทันใดนั้นสองสายตาประสานกันและสบกัน
มู่ชิงอู่ราวกับขโมยที่ถูกจับได้ เขารู้สึกผิดมากจนก้มศีรษะลงทันที แต่หานอวิ๋นซีที่กำลังใ จะไปสังเกตเห็นความแปลกประหลาดของเขาได้อย่างไร นางถามอย่างเร่งรีบว่า “แม่ทัพใหญ่ น้องสาวของท่านชวนไปดื่มชาบ่อยหรือ?”
หูของมู่ชิงอู่รู้สึกร้อนเล็กน้อย เขาไม่เคยอายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็อะไรไป
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เต็มใจและตอบว่า “ใช่ ข้าไปที่นั่นเดือนละครั้งหรือสองครั้ง หลิวเยวี่ยเป็แขกประจำของโรงน้ำชาเทียนเซียงแถบชานเมืองเลยล่ะ”
“เดือนละครั้งสองครั้งหรือ?” หานอวิ๋นซีสงสัย หนึ่งหรือสองครั้งต่อเดือน ความถี่นี้ไม่เหมือนกับความถี่ของการวางพิษ มันห่างกันมาก
“พวกท่านซื้อชามาจากที่ไหน?” หานอวิ๋นซีถามอีกครั้ง คนส่วนใหญ่ที่ไปโรงน้ำชาก็จะซื้อชากลับมาและเื่นี้นางยังพอเข้าใจได้
