ไม่ถามก็ไม่รู้ แต่เมื่อถามไปก็ใ
อนุของหานฉงอันมีไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะหนีกันไปหมดแล้ว และเหลือเพียงฮูหยินสวี่ที่เป็ฮูหยินรอง อี๋เหนียงคนที่สามที่ชื่อหลี่ซื่อ และอี๋เหนียงคนที่เจ็ดที่ชื่อเฮ่อเหลียนเท่านั้น
ในความเป็จริง ถ้าพูดอย่างเคร่งครัดแล้ว ฮูหยินสวี่เองก็เป็อนุ และเรียกว่าอี๋เหนียง[1]ได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ฮูหยินสวี่มีสถานะพิเศษ นางเป็บุตรสาวคนแรกของรองเสนาบดีกระทรวงขุนนาง ในตอนนั้นนางยกย่องชื่นชมหานฉงอันและแต่งงานเข้าตระกูลหาน ด้วยเหตุเพราะฮูหยินเทียนซินเป็ผู้ช่วยชีวิตไท่เฮาเอาไว้ เช่นนั้นแม้ว่าฮูหยินเทียนซินตายไปแล้ว นางก็ไม่กล้าอยู่ในห้องหลัก อีกทั้งตอนนั้นเป็บุตรของรองเสนาบดีกระทรวงขุนนาง นางจะไปยอมเป็อนุได้อย่างไรกัน? หานฉงอันเรียกนางว่าฮูหยินรอง ทุกคนจึงเรียกนางว่าฮูหยินสวี่
อนุส่วนใหญ่ที่หนีไปได้เอาของมีค่าไปมากมาย และคนที่หลงเหลืออยู่ ล้วนแล้วแต่เป็คนฉลาดที่ดูถูกเงินเ่าั้ สิ่งที่พวกเขา้าต่อสู้เพื่อให้ได้มาคือวัตถุดิบยาล้ำค่าและตำราการแพทย์ตระกูลหานในห้องเก็บของของตระกูล
เมื่อได้ยินสิ่งที่คนรับใช้พูด หานอวิ๋นซีก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ คนเหล่านี้ที่เหลืออยู่จะทำอะไรเพื่อฟื้นฟูตระกูลหานขึ้นมาได้ล่ะ!
ในห้องฮูหยินสวี่มีคุณชายน้อยคนโตเพียงคนเดียว ในห้องของอี๋เหนียงคนที่สามมีลูกสาวหนึ่งคน และในห้องของเฮ่อเหลียนอี๋เหนียงก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่อายุเพียงแค่หกขวบเท่านั้น!
หากตระกูลหานตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา จะไม่ล่มสลายเร็วกว่านี้หรือ?
แน่นอนว่าหานอวิ๋นซีไม่มีความคิดและเวลามากพอที่จะจัดการดูแลในตอนนี้ เื่ของจวนแม่ทัพนั้นสำคัญที่สุด การแพ้มู่หลิวเยวี่ยแล้วขายหน้าถือเป็เื่เล็กน้อย แต่การถอดเสื้อผ้าแล้ววิ่งอย่างบ้าคลั่งนั่นต่างหากที่เป็เื่ใหญ่!
“อย่าเอะอะ แล้วพาข้าไปที่ห้องเก็บของ” หานอวิ๋นซีพูดเสียงเบา
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา คนใช้ก็ใ เป็ไปได้หรือไม่ว่าแม้แต่คุณหนูใหญ่ที่แต่งงานไปแล้วก็ยังอยากจะกลับมาแย่งชิงของในห้องเก็บของ? ต้องรู้ว่า สตรีสามคนที่เหลืออยู่ในจวนต่างกำลังต่อสู้กันจนตัวตายเพื่อแย่งชิงกุญแจห้องเก็บของ
แน่นอนว่าในใจใอยู่ แต่คนรับใช้ก็ไม่กล้าพูดออกมาและรีบเดินนำไป
ด้วยเพราะฮูหยินรองบอกว่า้าลดค่าใช้จ่าย นางจึงเลิกจ้างคนรับใช้หลายคน คนรับใช้พาหานอวิ๋นซีไปตามทางที่ห่างไกล ระหว่างทางก็ไม่พบใครเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อกำลังจะไปถึงห้องเก็บของ ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากข้างทางเดิน ราวกับว่ามีคนอยู่ไม่น้อย
หานอวิ๋นซีหยุดและเดินตามเสียงไป แต่ก็ถูกพุ่มไม้ไผ่ขวางไว้
“นั่นมันที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?” นางถามเบาๆ ตระกูลหานเป็แบบนี้ ยังมีคนหัวเราะอย่างมีความสุขอีกหรือ?
“ทูลหวังเฟย นั่นคือตำหนักหยุนสุ่ยของเฮ่อเหลียนอี๋เหนียง บางทีคุณชายใหญ่กับคนอื่นๆ อาจอยู่ที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ” คนรับใช้ตอบ
ตำหนักหยุนสุ่ยของเฮ่อเหลียนงั้นหรือ?
หานอวิ๋นซีมีความทรงจำเกี่ยวกับฮูหยินท่านนี้อย่างลึกซึ้ง ในบรรดาฮูหยินทั้งหมดของหานฉงอัน นางเป็คนสุดท้ายที่เข้ามา อายุน้อยที่สุดและแน่นอนว่าเป็คนที่โปรดปรานมากที่สุด นางให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งแก่หานฉงอัน ชื่อหานหยุนอี้ เรียงตามลำดับคือเหล่าชี และปีนี้มีอายุเพียงหกขวบเท่านั้น บุคคลที่หานฉงอันพูดกับนางในคุก ก็คือคุณชายน้อยคนนี้
หานอวิ๋นซีไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณชายน้อยคนนี้มากนัก เมื่อได้ยินว่าเสียงหัวเราะเป็เสียงของคนรับใช้ นางจึงคิดว่าคงกำลังหยอกเล่นกับคุณชายน้อย เด็กน้อยอายุเท่านั้นจะไปรู้เื่อะไรล่ะ?
วันนี้หานอวิ๋นซียุ่งอย่างมาก จึงเดินออกไปโดยไม่ถามคำถามใดๆ แต่ใครจะรู้ว่าในขณะเดียวกัน ก็มีเสียง “เพียะเพียะเพียะ” ดังขึ้นมาผสมกับเสียงหัวเราะราวกับว่ากำลังตีใครสักคน
หานอวิ๋นซีหยุดฝีเท้าลงทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
“เดาว่าคุณชายน้อยคงถูกตีอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” คนรับใช้พูดพร้อมถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “หวังเฟย ทันทีที่เกิดเื่ของนายท่าน คุณชายน้อยที่ได้รับความรักมากที่สุดเป็คนแรกที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ทุกคนต่างสงสัยว่ากุญแจห้องเก็บของอยู่ในมือของอี๋เหนียงเจ็ด! ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านั้นมีคนเกลี้ยกล่อมให้นางออกไปก่อน แต่นางก็ไม่ไป ครอบครัวนางไม่มีแม้แต่คนที่จะเป็หัวหน้าได้ แล้วจะไปสู้กับฮูหยินรองและอี๋เหนียงสามได้อย่างไร!”
เมื่อได้ยินเื่นี้ ใบหน้าของหานอวิ๋นซีก็มืดมน และพูดอย่างเ็าว่า “พาข้าไปที่นั่น!”
กุญแจห้องเก็บของอยู่ในมือนาง แล้วตระกูลเฮ่อเหลียนจะมีกุญแจได้อย่างไรกัน ตระกูลเฮ่อเหลียนเกิดมาพร้อมกับความยากจน พี่เขยของนางก็ไม่ได้เป็คนดี หากออกไปจากตระกูลหานแล้วก็เกรงว่าจะไม่มีที่ไป
คนรับใช้ตัวน้อยรีบนำทางไป ในไม่ช้า หานอวิ๋นซีก็เดินผ่านพุ่มไม้ไปตามทางเดิน จากระยะไกล หานอวิ๋นซีเห็นเด็กชายตัวเล็กเปลือยกายที่ถูกมัดมือทั้งสองนั่งยองอยู่บนพื้นหญ้า และข้างหลังเขาล้อมรอบไปด้วยกลุ่มผู้ใหญ่ ผู้นำคือคุณชายใหญ่ของตระกูลหาน นามว่าหานอวี้ฉี ซึ่งกำลังตีเขาที่หลังดังเพียะด้วยกระดานไม้ไผ่
ผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ทำร้ายเด็กน้อย คิดไม่ถึงว่ายังจะกล้าหัวเราะเสียงดังอีก
หานอวิ๋นซีตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เ้าของร่างคนเดิมถูกทุบตีเมื่อตอนยังเด็ก ตอนนั้นนางอายุสิบปีแล้ว แต่เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าอายุเพียงหกขวบเท่านั้น ทั้งยังถูกทุบตีรุนแรงกว่านางเสียอีก!
เกินไปแล้ว!
ทันใดนั้น ความโกรธก็พุ่งเข้ามาในหัวใจของหานอวิ๋นซี นางพุ่งเข้าไปด้วยความโกรธ “หานอวี้ฉี หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินเสียงของหานอวิ๋นซี ต่างก็มองมาที่นาง แม้ว่าใบหน้าของนางจะไม่มีแผลเป็แล้ว แต่ทุกคนก็จำนางได้ทันที และหลายคนก็เคยเห็นนางในวันอภิเษก
“หานอวิ๋นซี!” หานอวี้ฉีโพล่งออกมา ประหลาดใจมากที่หานอวิ๋นซีมา
หานอวิ๋นซีเดินเข้าไป เห็นเด็กน้อยตัวสั่นจากความหนาวเย็น ทั่วแผ่นหลังบางก็มีรอยแผลเป็เืสีแดงราวกับว่าถูกเฆี่ยนตีอยู่บ่อยๆ เห็นแล้วน่าใไม่น้อย
“เฉินเซียง เร็วเข้า เสื้อผ้า!” หานอวิ๋นซีอุทานด้วยความใ
เสี่ยวเฉินเซียงจะไปหาเสื้อผ้าได้จากที่ไหน นางที่กระวนกระวายมากจนขอให้คนเฝ้าประตูถอดเสื้อคลุมออกทันที
หานอวิ๋นซีหยิบเสื้อผ้ามา เมื่อกำลังจะช่วยเด็กน้อยตรงหน้า หานอวี้ฉีก็ขยิบตาให้คนรับใช้สองสามคนที่อยู่รอบๆ หานหยุนอี้หยุดลง
เขาเข้าไปใกล้พร้อมกับกอดอก มองหานอวิ๋นซีั้แ่หัวจรดเท้าและพูดอย่างเ็าว่า “หานอวิ๋นซี ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน ปีกกล้าขาแข็งขึ้นเยอะเลยนี่! อยู่ที่จวนอ๋องดีๆ ไม่ชอบ กล้าที่จะวิ่งมาถิ่นของข้าแล้วแส่หาเื่อีกหรือ?”
“บังอาจนัก เจอฉินหวังเฟยแล้วไม่คุกเข่า พวกท่านคิดจะฏหรือไร?” เสี่ยวเฉินเซียงตำหนิอย่างเ็า
ทันใดนั้น หานอวี้ฉีก็ะเิเสียงหัวเราะออกมา “ฉินหวังเฟย? ฉินอ๋องอภิเษกกับนางแล้วหรือ? ฉินอ๋องรู้จักนางหรือไม่? เขาได้เตะคานเกี้ยวของนางหรือไม่? ไม่ใช่ว่าเป็สตรีไร้ยางอายที่ส่งตัวเองไปถึงหน้าประตูหรอกหรือ ยังจะมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าฉินหวังเฟย!”
เดิมทีคนรับใช้ที่อยู่รอบๆ ต่างกลัวสถานะของหานอวิ๋นซีและข่าวลือภายนอก แต่ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีของคุณชายใหญ่แล้ว พวกเขาต่างก็เงยหน้าขึ้นมองหานอวิ๋นซีอย่างดูถูกเหยียดหยาม
ลองนึกย้อนกลับไป ไม่ใช่ว่าสตรีผู้นี้ถูกคุณชายใหญ่คนนี้รังแกั้แ่เด็กจนโตหรอกหรือ? ก่อนที่คุณหนูใหญ่จะอภิเษก คุณชายใหญ่แทบจะฉีกชุดอภิเษกของนางให้ขาด นางเองก็ไม่กล้าที่จะตอบโต้กลับ
ต้องรู้ว่าคุณชายใหญ่เป็บุตรชายคนเดียวของฮูหยินสวี่และเป็หลานชายของรองเสนาบดีกระทรวงขุนนาง ข่าวเกี่ยวกับเขาเป็ความจริงมากกว่าข่าวลือข้างนอก
คุณชายใหญ่ที่มีทัศนคติเช่นนี้ คิดว่าฉินหวังเฟยคนนี้เป็เพียงแค่ชื่อในนามเท่านั้น
“หานอวี้ฉี ถ้าท่านกล้าที่จะสร้างปัญหา ท่านจะ...” เสี่ยวเฉินเซียงที่โกรธเกรี้ยว ทว่าหานอวิ๋นซีกลับห้ามนางไว้ พลางจ้องมองไปที่หานอวี้ฉีอย่างเ็า
เดิมทีหานอวี้ฉีไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นแสงพราวในแววตาของหานอวิ๋นซี เขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อยโดยไม่มีเหตุผล และความไม่ปลอดภัยนี้ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก
เขาจะกลัวหานอวิ๋นซีได้อย่างไร? หานอวิ๋นซีเป็เพียงหวังเฟยในนามเท่านั้น อี้ไท่เฟยกับฉินอ๋องไม่สนใจนาง ทั้งยังไม่ได้รับความรักจากไท่เฮาอีก ส่วนเขา ยังมีท่านตาที่คอยหนุนหลัง ตอนที่หานฉงอันถูกคุมขัง ไม่มีใครในตระกูลหานที่แข็งแกร่งเท่าเขาอีกแล้ว
เขาจะไปกลัวใครได้อย่างไรกัน?
เมื่อคิดเช่นนี้ หานอวี้ฉีก็พูดอย่างเ็าว่า “หานอวิ๋นซี ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ก็ไสหัวออกไปเสีย ไม่อย่างนั้นข้าจะทุบตีเ้าเอง!”
หานอวิ๋นซีไม่สนใจเขา และพูดอย่างเ็าว่า “เฉินเซียง ไปรายงานที่ศาลต้าหลี่ บอกว่าหานอวี้ฉีจากตระกูลหาน ก่ออาชญากรรมและดูถูกข้าด้วยคำพูดที่รุนแรง!”
“เพคะ!” เสี่ยงเฉินเซียงรีบออกไปทันที
พวกคนกลุ่มนี้ช่างตาต่ำเสียจริง รอให้ผู้คนจากศาลต้าหลี่มา ข้าจะทำให้พวกเขาได้เห็นเองว่าหวังเฟยอย่างข้าทรงพลังแค่ไหน!
ศาลต้าหลี่?
หานอวี้ฉีหัวเราะออกมาทันที “ศาลต้าหลี่ โอ๊ย ข้ากลัวเหลือเกิน! ข้าควรทำอย่างไรดี!”
น้ำเสียงเสแสร้งนั้นทำให้ทุกคนต่างหัวเราะออกมา
ในไม่ช้า หานอวี้ฉีก็จริงจังขึ้นมา และมองหานอวิ๋นซีด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
เขาไม่กลัวศาลต้าหลี่ เขาไม่รู้ว่าทำความผิดอะไรถึงต้องไปศาลต้าหลี่ ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินคนของจวนรองเสนาบดีพูดว่า ท่านตาของเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็คนตัดสิน และเ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่คนใหม่ ใต้เท้าโอวหยางก็เป็คนที่ท่านตาของเขาแนะนำเช่นกัน
เ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่และรองเสนาบดีขุนนางอยู่ในขั้นที่สาม และท่านตาของเขามีชื่อเสียงมาก
ปล่อยให้เสี่ยวเฉินเซียงออกไป หานอวี้ฉีนั่งลงอย่างใจเย็นและมองไปที่หานอวิ๋นซีอย่างเ็าพร้อมกับเลิกคิ้ว “วันนี้ข้าอารมณ์ดี รอให้คนของเ้ามาก็แล้วกัน!”
หานอวิ๋นซีไม่สนใจเขา เมื่อมองไปยังแผ่นหลังที่สั่นไหวของเด็กน้อย นางก็รู้สึกเ็ปแทนเขา เมื่อกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่คนรับใช้สองสามคนกลับมาหยุดนางไว้ ผู้เฝ้าประตูที่พาหานอวิ๋นซีมาก็ไม่กล้าพูดอะไร ถอยไปด้านข้างอย่างเงียบๆ
ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เมื่อเห็นเด็กน้อยขดตัวกลมจนราวกับลูกบอล หานอวิ๋นซีก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น เด็กน้อยยังเด็กขนาดนี้ หากเป็เช่นนี้ต่อไป ไม่หนาวตายก็คงเจ็บจนตาย
พยายามอยู่หลายครั้ง ทว่าพวกคนรับใช้ก็ขวางเป็กำแพงคน ไม่ยอมให้เข้าใกล้แม้แต่นิ้วเดียว
หานอวิ๋นซีไม่สามารถผลักพวกเขาออกไปได้ นางโมโหและเตือนด้วยความโกรธว่า “หานอวี้ฉี เ้าอย่ามาเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”
“เสียใจ? ฮ่าฮ่า หานอวิ๋นซี เ้าต่างหากที่จะเป็คนเสียใจ!” หานอวี้ฉีหัวเราะเสียงดัง เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับการล้างพิษของแม่ทัพใหญ่เท่านั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อ แล้วจะไปรู้เื่ที่เฉพาะเจาะจงกว่านั้นได้อย่างไร เขาตั้งตารอคอยคนที่ศาลต้าหลี่จะส่งมาอย่างมาก
ดวงตาเหยี่ยวของหานอวิ๋ซีหรี่เป็เส้นตรง สถานที่นี้อยู่ไม่ไกลจากศาลต้าหลี่ นางเองก็รอคอยเช่นกัน!
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองฝ่ายจนมุม จู่ๆ ก็มีเสียงร้องดังขึ้น “อี้เอ๋อร์! อี้เอ๋อร์!"
ตามเสียงไป ก็จะเห็นหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ วิ่งเข้ามาด้วยความหวาดกลัว คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแม่ของเด็ก เฮ่อเหลียนอี๋เหนียง อี๋เหนียงคนที่เจ็ดของตระกูลหาน
ทันทีที่นางเข้ามา ก็ไม่สนใจใครทั้งสิ้น เมื่อเห็นสภาพของบุตรชายก็ร้องไห้เสียงดังและรีบวิ่งพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
“หยุดนางไว้!” หานอวี้ฉีพูดเสียงดังและยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
เฮ่อเหลียนเป็เพียงหญิงสาวอ่อนแอเท่านั้น คนรับใช้คนหนึ่งหยุดนางไว้และผลักนางลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม นางรีบลุกขึ้นและดุหานอวี้ฉีด้วยความโกรธ “หานอวี้ฉี เ้ายังเป็มนุษย์อยู่หรือไม่? มีเื่อะไรก็มาลงกับข้าสิ ไปรังแกเด็กทำไม เ้าเป็ผู้ชายประสาอะไรกัน?”
“ฮ่าๆ ไปลงที่ท่านหรือ? ได้สิ หากท่านเอากุญแจห้องเก็บของมาให้ข้าดีๆ ข้าจะปล่อยท่านไปทันที” หานอวี้ฉีพูดอย่างเย้ยหยัน
ทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้ หานอวิ๋นซีก็เข้าใจ
“ข้าไม่มี! ข้าบอกไปกี่ครั้งแล้วว่าข้าไม่มีกุญแจ นายท่านจะให้กุญแจกับข้าได้อย่างไรกัน! มีเื่เกิดขึ้นกับนายท่านกะทันหันเช่นนั้น กุญแจก็ต้องอยู่กับนายท่านสิ!” เฮ่อเหลียนอี๋เหนียงพูดอย่างจริงจัง
“ฮ่าๆ คิดว่าข้าจะเชื่อเื่ไร้สาระของเ้าหรือไร? ั้แ่เ้าเข้ามา ท่านพ่อของข้าก็ไปนอนในห้องของเ้าทุกวัน ทั้งยังสอนทักษะทางการแพทย์ให้เด็กนั่นทุกวันอีก เ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือไร? แม้ว่าท่านพ่อจะไม่ให้กุญแจห้องเก็บของแก่ท่าน แต่ท่านก็ต้องรู้ว่าเขาซ่อนกุญแจไว้ที่ไหน!” หานอวี้ฉีตะคอกอย่างเ็า
“ข้าไม่รู้! ที่นายท่านมาหาทุกวันก็เป็เพราะหยุนอี้กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ นายท่านจึงมาสอนเขาด้วยตัวเองทุกวัน” เฮ่อเหลียนอี๋เหนียงรีบอธิบาย ในขณะที่พูด นางก็หาโอกาสที่จะเข้าไปหาบุตรชายอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกคนรับใช้ผลักกลับมาและล้มลงกับพื้น
ครั้งนี้ เฮ่อเหลียนอี๋เหนียงไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกต่อไป นางที่พุ่งเข้าไปหาบุตรชาย เมื่อเห็นแผ่นหลังที่ตื่นตระหนกของเด็กน้อยก็ร้องไห้ออกมา “บุตรชาย เ้าเป็อย่างไรบ้าง? เ้าพูดกับแม่หน่อยสิ!”
“ลูก เ้าอย่ากลัวแม่ไปเลย เ้าพูดกับแม่หน่อยสิ มาหาแม่นะ!”
“ลูก ลูก เ้าไม่ต้องกลัวนะ แม่อยู่ตรงนี้!”
…
[1] อี๋เหนียง (姨娘) เป็คำที่ลูกหลานใช้เรียกอนุภรรยาของพ่อ