ผ่านมาเป็ระยะเวลาหลายวันแล้วที่เซี่ยฉางเจิงได้รับาเ็จนต้องตัดอวัยวะ
าแของเขาไม่มีการติดเชื้อ แม้ต้องตัดมือออกหนึ่งข้าง อย่างน้อยเขาก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้
มืออีกข้างหนึ่งกระดูกหักขยับไม่ได้เช่นเดียวกัน ทุกวันนี้เซี่ยฉางเจิงกลายเป็คนไร้ประโยชน์ที่้าคนคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ ถ้าปราศจากความช่วยเหลือจากจางชุ่ย เขาคงต้องปัสสาวะบนเตียงด้วยซ้ำ คราวนี้เขาไม่จำเป็ต้องตื่นเช้ามานวดแป้งแล้ว แต่เซี่ยฉางเจิงจะดีใจได้หรือ เขาเพิ่งอายุสี่สิบต้นๆ เท่านั้น ชายวัยผู้ใหญ่เต็มตัวต้องมากลายเป็บุคคลทุพพลภาพ แถมความสัมพันธ์ของเขากับภรรยาก่อนเกิดเื่ก็ไม่ดีเหมือนเก่า ตอนนี้กลายเป็คนพิการ จางชุ่ยคงอยากสลัดเขาทิ้งเต็มแก่สินะ?
อันที่จริงเซี่ยฉางเจิงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่สภาพแวดล้อมของบ้านที่เช่าอยู่ย่ำแย่ยิ่งนัก เขายินดีพักในโรงพยาบาลต่อไป จางชุ่ยเองก็ไม่ว่าอะไร อย่างไรเสียสองสามวันนี้ก็ไม่สามารถตั้งร้านได้ อยู่ที่ไหนย่อมเหมือนกัน สองสามีภรรยากำลังรอให้เซี่ยจื่ออวี้กลับมา ชีวิตประสบพบเจอกับอุปสรรคไม่หยุดหย่อน เซี่ยจื่ออวี้กลายเป็ที่พึ่งพิงหลักของพวกเขาทั้งสองแล้ว
ลูกชายย่อมประเสริฐเป็ธรรมดา เพียงแต่อายุยังน้อยเกินไป ตอนนี้จึงช่วยอะไรไม่ได้
เื่ที่เซี่ยฉางเจิงต้องตัดแขนและพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล ครอบครัวฝ่ายแม่ของจางชุ่ยรับทราบเป็อย่างดี จางหม่านฝูมาโรงพยาบาลเป็คนแรก หลังจากนั้นแม่ยายของเซี่ยฉางเจิงยังเคยพาเซี่ยจวิ้นเป่ามาเยี่ยมที่โรงพยาบาลอีกด้วย จางชุ่ยทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดในการสอนทักษะการทำอาหารว่างแก่จางหม่านฝูและภรรยา เพราะนางจางรับปากว่าจะช่วยเลี้ยงดูหลานชายให้ พอจางชุ่ยกับเซี่ยฉางเจิงตั้งตัวในเมืองได้ ค่อยรับเซี่ยจวิ้นเป่ากลับเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน... ตอนนั้นพวกเขามีความตั้งใจเช่นนี้ ปัจจุบันเซี่ยฉางเจิงกลายเป็คนพิการ ไม่รู้แล้วว่าเมื่อไรถึงจะสามารถรับเซี่ยจวิ้นเป่ามาอยู่ใกล้ตัวได้
สองสามวันที่ผ่านมาจางชุ่ยคร่ำครวญกับเซี่ยจื่ออวี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใจความสำคัญก็คือขอให้เซี่ยจื่ออวี้รับผิดชอบดูแลเซี่ยจวิ้นเป่าต่อหลังจากนี้
“ลูกจะไม่สนใจพ่อเขาก็ได้ แต่น้องของลูกคงเรียนหนังสืออยู่ในชนบทไปตลอดไม่ได้ใช่ไหม?”
เซี่ยจื่ออวี้อยากแย้งเหลือเกิน เธอเองก็เรียนหนังสืออยู่ในชนบทมาโดยตลอดไม่ใช่รึ? แค่ตอนมัธยมปลายเธอสามารถสอบเข้าเรียนที่เขตอันชิ่งได้ จึงย้ายจากโรงเรียนมัธยมต้นของชุมชนมาอยู่ในเขตอันชิ่ง ขอเพียงเต็มใจมุมานะกับการเรียน เรียนที่ไหนล้วนไม่ต่างกันหรอก! ในตอนนั้นพ่อแม่ก็ไม่เคยพูดว่าจะพยายามหาเงินเพื่อส่งเธอเข้ามาเรียนในเมืองเลยนี่นา
เซี่ยจื่ออวี้รู้ว่านี่มันไม่ยุติธรรม และเธอเกลียดสิ่งนี้มากที่สุด
ทว่ามิใช่ทุกคนบนโลกใบนี้ที่จะแสดงความสามารถโดดเด่นเต็มที่ได้ในสภาพแวดล้อมการศึกษาที่ไม่ดี หากเซี่ยจวิ้นเป่าไม่เพียรพยายาม อีกหน่อยคนที่จะถูกถ่วงท้ายก็คือตัวเธอเอง
ทว่าทุกวันนี้เธอยังไม่อาจไม่แยแสเซี่ยจวิ้นเป่าได้ ไม่ว่าเรียนที่ไหน อย่างไรเสียเซี่ยจวิ้นเป่าก็กำลังจะเข้าเรียนมัธยมต้นในเร็วๆ นี้แล้ว จำเป็ต้องจัดการเลือกโรงเรียนให้เรียบร้อย การย้ายโรงเรียนบ่อยครั้งไม่ใช่เื่ดีสำหรับเซี่ยจวิ้นเป่า
เมื่อเซี่ยจื่ออวี้กลับมาจากอันชิ่ง จางชุ่ยถามเธอว่าสถานการณ์เป็อย่างไร เซี่ยจื่ออวี้ส่ายหน้าตอบกลับไป
“เธอได้รับาเ็ก็จริง แต่อาการน่าจะไม่หนักมากนัก เข้าสอบเกาเข่าเหมือนปกติ”
อีกทั้งยังระมัดระวังตัวมากขึ้น เมื่อก่อนอะไรนิดอะไรหน่อยก็ะเิอารมณ์ ทว่าตอนนี้ไม่ได้หลอกง่ายแล้ว เซี่ยจื่ออวี้จงใจพกเครื่องอัดเสียงติดตัวไว้ เพราะ้าจับจุดอ่อนของเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับรอบคอบไม่มีรั่วไหล นี่ยังเป็เซี่ยเสี่ยวหลานคนเดิมอยู่หรือ? เซี่ยจื่ออวี้รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานพอจะมีความฉลาดเฉลียวเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง ถึงกระนั้นเธอก็จากบ้านไปศึกษาเล่าเรียนมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งเพียงครึ่งปี เซี่ยเสี่ยวหลานพัฒนาจากความฉลาดน้อยนิดมาถึงขั้นที่เซี่ยจื่ออวี้เดาทางไม่ถูกเสียแล้ว
ความคิดยุ่งเหยิงภายในใจของเซี่ยจื่ออวี้ไม่มีที่ให้ไประบาย และเธอก็โทษว่าบิดามารดาพึ่งพาไม่ได้ ควรบอกเล่าเื่ราวกับเธอั้แ่เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งเข้ามาเรียนหนังสือในเซี่ยนอีจงด้วยซ้ำ
กลับปล่อยให้ยืดเยื้อจนถึงตอนตรุษจีนเสียได้
กลับกลายเป็ว่าการขอให้โรงเรียนไล่เซี่ยเสี่ยวหลานออกคือวิธีที่ดีที่สุด ควรจะใจเด็ดั้แ่เริ่ม อย่าใช้วิธีขัดขวางกระจุกกระจิก ต้องโจมตีให้เข้าเป้าในคราวเดียวก็พอแล้ว
พอเื่ราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้ จะให้เซี่ยจื่ออวี้จ้างฆาตรกรมาฆ่าคนนั้นเธอเองก็ไม่มีความกล้า แต่เล่ห์กลกระจอกทั่วไปไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง—เธอกลับมาอันชิ่งคราวนี้ยังได้ข่าวคราวอีกอย่างหนึ่งด้วย จ้าวกังบุกรุกลักทรัพย์เพราะมัวเมาในการพนันจนเป็หนี้ ถูกคนจับได้ในที่เกิดเหตุ โดนตัดสินโทษจำคุกหลายปี และถูกเซี่ยนอีจงไล่ออก จ้าวกังเป็คนประเภทไหน เซี่ยจื่ออวี้เองก็ค่อนข้างรู้จักพอสมควร เล่นการพนันกับติดหนี้อาจเป็จริง แต่จะให้เขาย่องเบา จ้าวกังไม่น่าทำเช่นนั้น
ไม่ใช่ว่าคุณธรรมสูงส่ง ทว่าเป็เพราะเขาขี้ขลาดต่างหาก!
เื่ของจ้าวกังทำให้เซี่ยจื่ออวี้นึกถึงจางเสเพล
เมื่อปีก่อนจางเสเพลถูกปราบปรามอย่างไร เหมือนจะเป็ข้อกล่าวหาว่า ‘ย่องเบาลักทรัพย์ จำนวนเงินมหาศาล’ เช่นกัน?
เดิมทีจางเสเพลก็เป็พวกลักเล็กขโมยน้อยอยู่แล้ว เซี่ยจื่ออวี้แค่นึกว่าอีกฝ่ายโชคร้ายเท่านั้น ทว่าตอนนี้พอรวมเข้ากับเื่ของจ้าวกัง ไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน! คนสองคนจะทำมิดีมิร้ายต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน กลับมีความผิดฐาน ‘ย่องเบาลักทรัพย์’ ทั้งคู่ เซี่ยเสี่ยวหลานร้ายกาจขนาดนี้ได้อย่างไร? เซี่ยจื่ออวี้ไม่เชื่อ เธอคิดว่ามีคนกำลังคอยช่วยเหลือเซี่ยเสี่ยวหลาน!
พูดถึงผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างเซี่ยเสี่ยวหลานในวันนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังคุ้มครองเซี่ยเสี่ยวหลาน
ตัวแปรทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานออกจากตระกูลเซี่ย เซี่ยจื่ออวี้จึงไม่อาจควบคุมทิศทางการเคลื่อนไหวของเซี่ยเสี่ยวหลานได้อีกต่อไป และเธอก็ไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักกับคนแบบไหนมาบ้าง...
“อ้าว จบแค่นี้รึ?! แล้วมือของพ่อลูก...”
จางชุ่ยไม่ลดละ และเธอก็หวาดกลัว เธอคาดหวังว่าหลังจากเซี่ยจื่ออวี้กลับมา เธอจะจัดการเซี่ยเสี่ยวหลานได้ อุตส่าห์ไปอันชิ่งแล้ว ทว่ากลับไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เกิดขึ้นเลย
เธอไม่สามารถเข้าใจความกังวลที่เซี่ยจื่ออวี้เก็บเอาไว้ได้ เซี่ยจื่ออวี้ก็คิดว่าจางชุ่ยไม่มีทางเข้าใจเหมือนกัน เธอจึงตอบปัดไปอย่างติดรำคาญ
“แล้วแม่ว่าฉันควรทำอย่างไร ไปตีมือของเซี่ยเสี่ยวหลานจนหักอย่างนั้นหรือ? ฉันบอกให้แม่กับพ่อทำงานระวังหน่อย... ช่างเถอะ ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเื่นี้อีกต่อไป รออีกสองวันก็รู้คะแนนเกาเข่าของเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว!”
จางชุ่ยรู้สึกผิดหวัง เซี่ยฉางเจิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยผิดหวังยิ่งกว่า ต่อให้ลูกสาวเก่งกาจเพียงใดก็พึ่งพาไม่ได้ อย่าถือโทษที่คนชนบทอยากได้ลูกชายกันเลย
----------------------------------------
ไม่ใช่แค่เซี่ยจื่ออวี้ที่กำลังรอคอยคะแนนสอบของเซี่ยเสี่ยวหลาน คืนวันที่ประเมินคะแนนและกรอกความประสงค์นั้น โจวเฉิงก็ต่อสายมาหาเซี่ยเสี่ยวหลาน
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานประเมินได้ ‘584 คะแนน’ มุมปากของโจวเฉิงก็ยกขึ้นสูงลิ่ว
เนื่องจากภรรยาของตัวเองจะสอบเกาเข่า โจวเฉิงจึงตั้งใจทำความรู้จักกับสถานการณ์ต่างๆ ของเกาเข่าโดยเฉพาะ ถ้าการประเมินคะแนนนี้มีความคลาดเคลื่อนไม่มาก การสอบเข้าหัวชิงก็ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย โจวเฉิงเชื่อว่าภรรยาของเขามีความเป็เลิศ สมองต้องปราดเปรื่องถึงสามารถทำธุรกิจพร้อมสอบได้คะแนนสูงขนาดนี้ได้ ใช่ไหมเล่า?
“เสี่ยวหลาน อีกไม่กี่วันก็เป็วันเกิดของเธอสินะ ฉันให้ของขวัญวันเกิดเธอสักอย่างดีหรือไม่?”
วันเกิดของเซี่ยเสี่ยวหลานคือวันที่ 24 เดือนกรกฎาคม แต่ปกติชนบทจะนับโดยยึดปฏิทินจันทรคติ ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเกิดวันที่ 23 เดือนหกทางจันทรคติ วันนั้นเป็ ‘วันต้าสู่ [1]’ ตอนเซี่ยเสี่ยวหลานเกิดอากาศร้อนมาก ขณะที่หลิวเฟินตั้งครรภ์ เธอได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หลังให้กำเนิดลูกจึงไม่มีน้ำนม หลิวหย่งรู้สึกสงสารน้องสาว ไม่รู้ว่าหาไก่หนึ่งตัวจากไหนส่งมายังบ้านเซี่ย ปรากฏว่าหลิวเฟินได้ดื่มแค่น้ำแกงชามเดียวกับกินปีกไก่หนึ่งชิ้นเท่านั้น ส่วนที่เหลือถูกคนตระกูลเซี่ยรับประทานจนหมดเกลี้ยง ปากบอกว่าอากาศร้อนจัด ถ้าพวกเขาไม่กินไก่ก็จะเน่าเสียอยู่ดี
โจวเฉิงไม่รับรู้เื่ราวในอดีตพวกนี้ และหลิวเฟินคงไม่เล่าให้ฟัง เป็หลี่เฟิ่งเหมยที่เล่าให้เซี่ยเสี่ยวหลานฟังทั้งนั้น แน่นอนว่าหลี่เฟิ่งเหมยเองก็ฟังมาจากหลิวหย่งอีกทอดหนึ่งหลังจากแต่งงาน
เซี่ยเสี่ยวหลานเกิดอาการใจลอยเล็กน้อย วันเกิดครั้งนี้ คือวันเกิดครั้งแรกหลังจากเธอ ‘เกิดใหม่’
“เสี่ยวหลาน เธอยังอยู่ไหม?”
“อืม กำลังฟังอยู่ เธอบอกว่าจะให้ของขวัญฉันอย่างหนึ่งสินะ? บอกไว้ก่อนเลย อย่าให้ของที่แพงเกินไป ขอแค่เป็ของที่เธอเลือกฉันก็ชอบทั้งนั้น”
โจวเฉิงตั้งใจว่าจะให้ของราคาแพงจริงๆ ทว่าพอเซี่ยเสี่ยวหลานบอกเช่นนี้ เขาก็ลังเลขึ้นมา
เซี่ยเสี่ยวหลานฉลองวันเกิดครั้งแรกหลังจากคบกัน เขาควรให้อะไรดีนะ วันเกิด 18 ปีของเซี่ยเสี่ยวหลานที่ผ่านมา เขาดันพลาดโอกาสที่จะให้ของขวัญไปเสียแล้ว
----------------------------------------
“อีกสองวันก็จะประกาศคะแนนเกาเข่าแล้ว ไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะสอบได้เท่าไร”
หลายวันที่ผ่านมาเหลียงฮวนเอาแต่คิดถึงเื่นี้ เธออาจ้ารับรู้คะแนนโดยเร็วมากกว่าตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเองด้วยซ้ำ
หลิวเฟินเองก็อยากรู้ไม่แพ้กัน “ถ้าอย่างนั้น ถึงเวลาพวกเราไปลองถามดูดีไหม?”
การคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบได้ไม่ดีคืออีกเื่หนึ่ง แต่หากไม่เห็นผลคะแนนด้วยตาของตนเอง จิตใจของหลิวฟางคงไม่สามารถหลุดพ้นจากอาการกระสับกระส่ายนี้ไปได้
เชิงอรรถ
[1]大暑 วันต้าสู่ คือ หนึ่งในฤดูลักษณ์ทั้ง 24 ของปฏิทินจีน นอกจากสี่ฤดูกาลหลักแล้ว ในแต่ละฤดูกาลยังแบ่งแยกย่อยเป็ 24 ฤดูลักษณ์ อ้างอิงจากการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลก ส่งผลให้สภาพอากาศในฤดูลักษณ์ทั้ง 24 นี้แตกต่างกัน เป็ประโยชน์ต่อการทำเกษตรกรรมของเหล่าเกษตรกรในสมัยก่อน วันต้าสู่จะอยู่ใน่วันที่ 22-23 เดือนกรกฎาคม เป็วันที่แสงอาทิตย์แรงที่สุด และอากาศร้อนมากที่สุด