เฉียวอวิ๋นซีรู้สึกปวดหัวเป็อย่างมาก นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นและเห็นหน้าผาตรงหน้านาง และตนเองกำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าใต้หน้าผา
นางนอนมองรอบๆ ด้านอยู่แบบนั้น เดาได้ไม่ยากว่าที่นี่คือหุบเขาที่แห้งแล้งที่หนึ่ง แต่เหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้?
นางจำได้ว่านางให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่งออกมา จากนั้นก็เกิดอาการตกเื ขณะที่นางกำลังใจลอยอยู่นั่นเอง ความเ็ปจากขาที่แล่นปราดขึ้นมาทำให้นางขมวดคิ้วน้อยๆ ขาของนางมีความรู้สึกแล้วงั้นหรือ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็กัดฟันและพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงคือนางลุกขึ้นยืนได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องพยายามเลย จึงไม่ต้องพูดถึงการลุกขึ้นนั่ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” นางรู้สึกปวดหัวอย่างยิ่งยวด มีภาพจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาในหัวของนางไม่หยุด
“ข้า...ข้าได้เกิดใหม่แล้ว” นางมองไปรอบๆ กาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่ตัวนางเองได้รับดูแล้ว ตอนนี้นางอยู่บนูเาใหญ่นอกนครหานโจว แคว้นหนานเย่า นางเป็บุตรสาวของเ้าของสำนักแพทย์แห่งหนึ่งในนครหานโจว นางแซ่อวิ๋น นามว่าซี[1] อายุสิบห้าปี ในครอบครัวของตนมีบิดาเฒ่าหนึ่งคน นางตามบิดาขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร และเห็นพืชสมุนไพรที่หาพบได้ยากบนหน้าผา จึงลอบหลบบิดาวิ่งไปเก็บขึ้นมา สุดท้ายก็พลัดตกลงมาจาก้า
เมื่อนึกถึงเื่ที่ตนเองประสบมาแล้ว ริมฝีปากของนางก็ค่อยๆ โค้งขึ้นน้อยๆ “โอวหยางเทียนหัว ลู่หลิงฉิง ์ไม่ทอดทิ้งข้า ข้าเฉียวอวิ๋นซีจะต้องเอาเืของพวกเ้ามาล้างด้วยเืให้ได้”
ถึงแม้ว่าสถานะของร่างนี้จะอ่อนด้อยมาก อยากจะแก้แค้นช่างยากนัก แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องล้างแค้นให้ท่านพ่อ ท่านพี่ และคนในจวนให้ได้แน่ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะมีความหวังเสมอ
ขาของนางได้รับาเ็เมื่อตอนพลัดตกลงมาจาก้า นางทำได้แต่เพียงค่อยๆ เดินช้าๆ ไปหยิบตะกร้าที่แบกขึ้นหลังซึ่งหล่นกระแทกจนยับเยินไปหมดแล้ว มือหยิบสมุนไพรที่อยู่ในตะกร้าออกมา ก่อนที่นางจะอาศัยความทรงจำเริ่มเดินไปตามทางเพื่อตามหาบิดาของตนเอง
เดินไปไม่ไกลนัก ก็ได้ยินเสียงะโเรียกของอวิ๋นซานผู้เป็ ‘บิดา’ แล้ว “อาซี เ้าอยู่ที่ใดกัน?”
เฉียวอวิ๋นซีเมื่อได้ยินเสียงร้อนรนนั่น จมูกของนางก็ค่อยๆ กลายเป็สีแดง นี่คือบิดาของอวิ๋นซีที่เป็เ้าของร่างนี้ ไม่ใช่ท่านพ่อของเฉียวอวิ๋นซีในชาติก่อน ท่านพ่อของนางถูกชายชู้หญิงชู้ใส่ร้ายจนศีรษะหลุดจากบ่าร่วงลงพื้นไปแล้ว
มือของนางกำแน่นอย่างรุนแรง จากนั้นจึงมองดูท้องฟ้าสีกระจ่าง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ ท่านน้า ท่านลุงทั้งหลาย อวิ๋นซีจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี และจะล้างแค้นให้พวกท่านให้จงได้”
เมื่อได้ยินเสียงะโเรียกที่ยิ่งกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ ของอวิ๋นซาน นางก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป “ท่านพ่อ ข้าอยู่นี่”
จากวินาทีนี้เป็ต้นไป นางก็คืออวิ๋นซีที่มีแซ่อวิ๋น นามว่าซี ก่อนที่นางจะล้างแค้นครั้งใหญ่จนสำเร็จ นางจะไม่เอ่ยนามของเฉียวอวิ๋นซีขึ้นมาอีกเด็ดขาด เื่ที่ประสบในอดีตเ่าั้จะกลายเป็ขอบแหลมคมที่คอยทิ่มแทงนามของสกุลเฉียวและเฉียวอวิ๋นซีให้ฝังลึกลงไปในใจนาง
อวิ๋นซานเป็ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปี สวมชุดสีเขียวอ่อนปักเลื่อมไหมสีทองทั้งตัว ท่าทางที่อ่อนโยนและสง่างามแลดูคล้ายกับท่านชายในสำนักบัณฑิต
“อาซี พ่อบอกให้เ้าอย่าซี้ซั้ววิ่งไม่ใช่หรือ เหตุใดเ้าถึงไม่ฟังเล่า?” อวิ๋นซานเดินมาพินิจมองบุตรสาวของตนเองรอบหนึ่ง จนในที่สุดก็พบว่ามือของนางได้รับาเ็ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถามไถ่ด้วยความเป็ห่วง “ทำอีท่าไหนมือของเ้าถึงกลายเป็เช่นนี้ไปได้?”
เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของอวิ๋นซาน อวิ๋นซีก็กล่าวเสียงอ่อนว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่เป็ไร เพียงแค่ตอนเก็บสมุนไพรขึ้นมา ข้าไม่ระวังเลยล้มลงไป แต่ตะกร้าที่แบกขึ้นหลังถูกข้าทับจนพังหมดแล้ว”
“ตัวคนไม่เป็ไรก็ดีแล้ว ตะกร้าแบกขึ้นหลังนั่นจะพังก็พังไปเถิด ข้าจะทายาให้เ้าก่อน จากนั้นพวกเราค่อยกลับกัน” หลังจากอวิ๋นซานกล่าวจบก็ดึงบุตรสาวของตนเดินไปนั่งข้างๆ หินก้อนใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ทำความสะอาดาแบนมือของบุตรสาวอย่างระมัดระวัง เขากะแรงตนเองไม่ให้มากเกินไป ด้วยกังวลว่าอาจจะทำร้ายบุตรสาวของตนเองเอาได้
อวิ๋นซีทนความเจ็บด้วยไม่กล้าบอกเขาว่าตนเองยังาเ็ที่ขาด้วย ยามที่ทั้งสองคนลงจากูเาก็เจอเข้ากับพายุฝนกระหน่ำจนได้ จึงต้องไปเพียงหลบฝนอยู่ในวัดสภาพเก่าใกล้พังตรงตีนเขาอย่างช่วยไม่ได้
“อาซี เ้าเปียกหรือเปล่า?” อวิ๋นซานวางตะกร้าที่แบกขึ้นหลังลงพลางถามบุตรสาว อีกมือก็จุดไฟไปพลาง ทุกคำพูดของเขาล้วนเต็มไปด้วยความห่วงใยอันหนักแน่น
“ข้าไม่เป็ไร” อวิ๋นซีกล่าวเบาๆ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก ความคิดของนางย้อนกลับไปยังวันนั้นที่ตัวนางสิ้นชีพไป ไม่รู้ว่าตอนนี้บุตรสาวของนางเป็อย่างไรบ้างแล้ว ระหว่าง่ที่นางคลอดบุตร นางกังวลว่าจะผ่าน่เวลานี้ไปไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้หลานจือพาบุตรหนีไป ไม่รู้ว่าหลานจือสามารถหลบหนีจากทหารรักษาการณ์อันแ่าของจวนไท่จื่อไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่
“วันนี้เ้าลูกคนนี้เป็อะไรไปล่ะเนี่ย? ปกติวันๆ ก็พูดจาเจื้อยแจ้วเยอะแยะ ไม่ใช่ว่ามีาแตรงอื่นอีกหรอกนะ” อวิ๋นซานเมื่อเห็นบุตรสาวเงียบเชียบ ในใจก็กังวลเป็อย่างมาก ปกติวันๆ บุตรสาวของตนจะชีวิตชีวามาก พูดจาเจื้อยแจ้ว แต่ตอนนี้กลายเป็ตนเองถามคำหนึ่ง นางก็ตอบคำหนึ่ง
อวิ๋นซีเมื่อได้ยินก็กังวลว่าจะโดนอวิ๋นซานจับได้ว่ามีอะไรผิดวิสัย จึงเงยหน้าขึ้นยิ้มบางๆ “ท่านพ่อ ข้าไม่เป็ไร” ดูเหมือนว่าตัวนางเองจะต้องระวังให้มากหน่อย และจะต้องพยายามทำตัวมีชีวิตชีวาและร่าเริงให้เหมือนดั่งเช่นอวิ๋นซีในยามปกติ มิฉะนั้นจะทำให้อวิ๋นซานเกิดสงสัยเอาได้
เพิ่งจะกล่าวจบ ก็มีชายสวมชุดดำทั้งตัวกุมหน้าอกแน่นพุ่งตัวเข้ามา มือของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยเื ทั้งร่างก็มีแต่เืที่หยดลงมา
อวิ๋นซานเพิ่งจะจุดไฟติด เมื่อเห็นชายที่บุกเข้ามาก็พลันนิ่งตะลึงงันไปในทันที ก่อนที่เขาจะรีบรุดไปข้างหน้าเพื่อที่จะได้ช่วยวินิจฉัยาแให้ชายผู้นั้น แต่ก่อนที่ตัวคนจะได้เข้าไปใกล้ ก็ถูกฝ่ายตรงข้ามถีบออกไปอีกด้านข้างแล้ว
อวิ๋นซีเห็นดังนั้นก็บันดาลโทสะขึ้นมาในใจ นางรีบเดินไปช่วยพยุงอวิ๋นซานขึ้นมา จากนั้นค่อยมองไปที่ชายผู้นั้นและเอ่ยเสียงดังว่า “เ้าเป็อะไรของเ้ากันหา? ท่านพ่อของข้าเห็นว่าเ้าได้รับาเ็ เลยอยากจะช่วยรักษาาแให้ ถ้าเ้าจะไม่รับน้ำใจก็ช่างปะไร เหตุใดถึงต้องมาถีบท่านพ่อของข้าด้วย”
ช่างเป็คนผู้ไร้ต้นสายปลายเหตุคนหนึ่งจริงๆ แถมยังไม่มีเหตุผลเอามากเสียด้วย “ท่านพ่อ เราอย่าไปยุ่งกับคนเช่นนี้เลย ให้เขาเสียเืจนตายก็ช่างปะไร”
หลังจากอวิ๋นซีกล่าวจบ นางก็พยุงอวิ๋นซานและเดินไปทางด้านข้างกองไฟ ชายผู้สวมชุดดำเพียงแค่กวาดตามองพ่อลูกคู่นั้นรอบหนึ่งอย่างเ็า จากนั้นจึงเดินไปยังอีกฟากหนึ่งแล้วนั่งลง ไหล่ของเขาถูกดาบยาวแทง จึงมีเืออกมาก
เขาหันหลังเพื่อจะรักษาาแด้วยตัวเอง แต่าแนั้นใหญ่เกินไป และผงยาที่เขามักจะพกติดตัวไว้ก็หล่นหายไปแล้ว เขากัดฟัน ก่อนจะใช้ฟันฉีกเสื้อของตนเองมาพันแผลอย่างลวกๆ
อวิ๋นซีและอวิ๋นซานต่างมองไปยังเงาแผ่นหลังของเขา อวิ๋นซานเป็หมอคนหนึ่ง และเนื้อแท้เป็คนจิตใจดี เื่นี้จึงยากที่จะมองแล้วอยู่เฉยได้ เขายืนขึ้นอยากจะเดินไปหา สุดท้ายก็โดนอวิ๋นซีรั้งไว้กับที่ “ท่านพ่อ ให้ข้าไปแทนดีกว่า”
อวิ๋นซานเป็คนซื่อสัตย์ เนื่องจากตอนนี้เขาเป็บิดาของนางแล้ว นางจึงไม่อยากเห็นเขาถูกคนรังแกอีก นางเดินไปยังข้างกายของชายผู้นั้น ก่อนจะมองดูาแที่ยังมีเืออกอยู่ของเขา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่ามาจ้องข้าแบบนี้ ข้าเองก็ไม่อยากช่วยเ้านักหรอก แต่ท่านพ่อข้าซื่อตรงเกินไป ทนเห็นเ้าตายที่นี่ไม่ลง”
จวินหยานมองไปยังเด็กสาวที่อายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีตรงหน้าตน เขายังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปฏิเสธ ก็เห็นว่านางลงนั่งยองๆ และคลายผ้าที่ตนพันแผลเรียบร้อยแล้วออก
“แบบนี้ไม่นับว่าเป็ผ้าพันแผลด้วยซ้ำ ดูท่าว่าท่านคงไม่อยากอายุยืนสินะ” เมื่อเห็นาแของเขา อวิ๋นซีก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “อีกฝ่ายก็โเี้เสียจริง ถ้าใบมีดเล่มใหญ่นี้แทงเข้าไปอีกนิด ไหล่ของเ้าไม่รอดแน่ๆ”
เป็ดาบที่แทงตรงเข้าไปยังไหล่จริงๆ ด้วย าแเช่นนี้ยุ่งยากในการรักษามาก แต่โชคดีที่เ้าของร่างเดิมรู้วิชาแพทย์อย่างดี ตามตัวจึงพกยารักษาแผลและชุดเย็บผ้าติดตัวไว้ด้วย
จวินหยานมองหญิงสาวที่ตั้งอกตั้งใจพันผ้าพันแผลให้ตน แถมฝีมือยังดูเชี่ยวชาญ มองแวบแรกก็รู้ว่านางเป็คนที่มักจะรักษาาแอยู่บ่อยๆ เป็ครั้งแรกในรอบสิบปีที่เขาได้เข้าใกล้แนบชิดกับหญิงสาวคนหนึ่งเช่นนี้ จมูกรับรู้ได้ถึงกลิ่นยาจางๆ ที่โชยออกมาจากกายของนาง และาแของเขาดูเหมือนจะไม่ได้เ็ปขนาดนั้นแล้ว
“มองอะไรของเ้า มองอีกข้าจะควักลูกตาเ้าออกมาแน่” แม้ว่านางจะกำลังรักษาาแอยู่ แต่ดวงตาของอีกฝ่ายที่จ้องมายังตัวนางนั้นจับเจ่าจนเกินไป ทำให้นางรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ
****************************
[1] ชื่อของนางเอกทั้งชาติก่อนและชาตินี้อ่านออกเสียงเหมือนกัน แต่คำว่า “ซี” เขียนด้วยตัวอักษรจีนคนละตัวกัน ชาติก่อนแซ่เฉียว นามว่าอวิ๋นซี (云溪) ชาติที่เกิดใหม่แซ่อวิ๋น (云) นามว่าซี (曦)