คนหยางเฉิงโปรดปรานการดื่มชายามเช้า [1]
ในอดีตการดื่มชายามเช้าคือการที่เหล่าคนอายุมากหิ้วกรงนกและดื่มชารับประทานติ่มซำพลางอวดโอ้นกสุดแสนรักที่ตนนำมาด้วยปัจจุบันมีคนเลี้ยงนกไม่มาก แต่ความเคยชินในการดื่มชายามเช้ายังคงรักษาไว้ทว่าวันทำงานมีคนหนุ่มสาวมาดื่มชายามเช้าน้อย ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงค่อนข้างสะดุดตาเธอสั่งชาและติ่มซำขึ้นชื่อหลายชนิดให้หลิวเฟินได้ลิ้มลองความอร่อย
หลิวเฟินใช้ชีวิตมานมนานขนาดนี้ ยังไม่เคยรับประทานอาหารในภัตตาคารมาก่อน
ขนาดตอนนั้นที่เธอแต่งงานกับเซี่ยต้าจวินก็ไม่ได้จัดงานเลี้ยงเธอจำได้ว่านั่นคือปี 63 สถานะทางการเงินของครอบครัวดำเนินต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆหลิวหย่งพี่ชายของเธอกังวลว่าจะเลี้ยงดูน้องสาวสองคนในบ้านไม่ไหว จึงไหวว้านแม่สื่อหาคู่หมายให้แก่หลิวเฟินแม่สื่อบอกว่าตระกูลเซี่ยมีบุตรชายสามคน ทั้งหมดล้วนเป็ชายหนุ่มกำยำแข็งแรงหลิวเฟินออกเรือนไปต้องอิ่มท้องแน่นอน
เวลานั้นเป็นารวม ทุกวันต้องทำงานเพื่อชิงแต้มงาน [2] ลูกชายคนโตตระกูลเซี่ยแต่งงานแล้ว ในตระกูลเซี่ยมีแรงงานแข็งขันอยู่ห้าคนมิใช่ว่าจะใช้ชีวิตสบายกว่าครอบครัวอื่นหรือ? แต่หลิวเฟินจดจำได้ชัดเจนกินอิ่มท้องที่ว่า แค่ได้รับประทานบะหมี่สองวันก่อนวันแต่งงานเท่านั้น วันที่สามก็เปลี่ยนเป็เมี่ยนเพี่ยนทัง [3] และข้าวต้มมันเทศ
ออกเรือนแล้วต้องย้ายจากหมู่บ้านชีจิ่งไปหมู่บ้านต้าเหอ
เซี่ยเสี่ยวหลานเกิดมาเป็เด็กผู้หญิง ย่าเซี่ยไม่พอใจเซี่ยต้าจวินก็ผิดหวัง ยิ่งไม่มีใครฉลองอายุครบหนึ่งเดือนให้
่อยู่ไฟไม่รู้หลิวหย่งไปเอาไก่หนึ่งตัวจากไหนส่งมาให้หลิวเฟินได้รับปีกไก่สองชิ้น ส่วนอื่นแบ่งลงท้องของใครไปแล้วจนถึงทุกวันนี้หลิวเฟินยังไม่รู้ด้วยซ้ำอยู่ตระกูลเซี่ยเธอไม่เคยได้รับประทานอาหารที่เป็ชิ้นเป็อันอะไรเลยหญิงชราเซี่ยบริหารครอบครัว ถึงมีของดีเล็กๆ น้อยๆก็จะไม่แบ่งให้ลูกสะใภ้ผู้ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายคนนี้รับประทาน
พูดแล้วเหมือนเสียดสีอาหารหรูหรามื้อหนึ่งที่หลิวเฟินได้รับประทานก็คือครั้งที่เธอหย่ากับเซี่ยต้าจวินหลิวหย่งปีติยินดี และเชิญชวนชาวบ้านมารับประทานอาหารไม่กี่โต๊ะ...อาหารหลายอย่างที่หลี่เฟิ่งเหมยทำ หลิวเฟินยังคงจำได้แจ่มแจ้ง นั่นเป็แค่งานเลี้ยงที่คนชนบทจัดกันเองการดื่มน้ำชาในห้องอาหารอย่างวันนี้ทำให้หลิวเฟินนั่งไม่ติด
ทั้งรับประทานบะหมี่ในเขตอันชิ่งและซุปเนื้อลาในซางตูล้วนเป็แผงลอยกับร้านอาหารเล็กๆ
ห้องอาหารที่เซี่ยเสี่ยวหลานพาเธอมาโอ่โถงเหลือเกินหลิวเฟินกลัวโดนคนหัวเราะเยาะ...เธอยิ่งรู้สึกยินดีว่าก่อนออกมาตอนเช้าเลือกสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ซึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานซื้อให้เมื่อคืนวานมิเช่นนั้นวันนี้คงทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานขายหน้าคนอื่นแล้ว
อาหารอันประณีตจัดวางเต็มโต๊ะอย่างว่องไว
“แม่ ลองชิมซาลาเปามันปูนี่ดูสิ”
“นี่ ซี่โครงหมูซีอิ๊ว”
เซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆ แนะนำ โจ๊กเนื้อวัว ฮะเก๋า ปอเปี๊ยะทอดซาลาเปาหมูแดง ทาร์ตไข่กรอบร่วน รังผึ้งเงินทอง [4] ... เคียงด้วยเถี่ยกวนอิน [5] หนึ่งกาทั้งสองคนสั่งอาหารมากมายขนาดนี้ในปี 83 ถือเป็แขกผู้ฟุ่มเฟือยยิ่งนัก
ชายชราสองคนด้านข้างกำลังซุบซิบว่าพวกเธอมีเงินพวกเขาคุยกันด้วยภาษาหยางเฉิง หลิวเฟินจึงฟังไม่รู้เื่ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตอบอย่างไม่หวาดหวั่น
“พาแม่ของฉันมากินของอร่อยเสียหน่อย”
คนหยางเฉิงไม่ชอบพูดภาษาจีนกลาง ผู้ที่พูดภาษาจีนกลางมีแต่คนต่างถิ่นและคนต่างถิ่นล้วนยากจน
เซี่ยเสี่ยวหลานคนต่างถิ่นผู้นี้อวดร่ำอวดรวยอย่างสง่าผ่าเผยทำเอาชายชราสองคนไร้ซึ่งคำพูดใดจะเอื้อนเอ่ย คนเขาไม่ใช้กำลังอวดความมั่งคั่งแต่เป็จิตใจเคารพกตัญญูต่อมารดา ลูกชายหลานชายในครอบครัวพวกเขาอาจไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อผู้ใหญ่ในบ้านมากมายเช่นนี้ได้
“เยอะไปแล้ว เยอะไปแล้ว...”
หลิวเฟินพูดมากที่สุดก็คือสามคำนี้ ย้ำซ้ำไปซ้ำมา
เซี่ยเสี่ยวหลานรับมือเธอได้อย่างมีประสบการณ์มาก บอกเพียงแค่อาหารมาแล้วไม่รับประทานก็คืนเงินไม่ได้ เต็มโต๊ะไปหมด หลิวเฟินจึงไม่พูดพร่ำอีกตอนนี้ทุกคนล้วนมีความอยากอาหารมาก ความจริงจะรับประทานไม่หมดได้อย่างไรกันแต่เพราะสถานะทางการเงินรับไม่ไหว คนส่วนใหญ่จึงสั่งน้ำชาหนึ่งกากับติ่มซำสักสองอย่างสนทนาเพลิดเพลินได้ถึงสองสามชั่วโมง
เซี่ยเสี่ยวหลานพามารดามาเพื่อรับประทานอาหารไม่มีเื่ให้สนทนาเพลิดเพลินมากมายขนาดนั้น
รสชาติอร่อยหรือไม่?
ย่อมอร่อยอยู่แล้ว
ร้านที่เธอเลือกเป็เ้าดั้งเดิม ทั้งยังเลือกวัตถุดิบได้อย่างประณีต ชาและติ่มซำทุกชนิดล้วนอยู่เหนือมาตรฐานทั่วไปร้านดั้งเดิมบางเ้าในอนาคตกลายเป็ร้านสาขาย่อย ปริมาณลูกค้าหมุนเวียนของทุกวันมีจำนวนมหาศาลเมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานลิ้มลองติ่มซำจึงรู้สึกว่าดาษดื่น
ตอนนี้น่ะหรือ ยังไม่ถูกแปรเปลี่ยนด้วยกระแสของยุคสมัยเมื่อมีโอกาสเพลิดเพลินหลายหน ย่อมต้องไขว่คว้าเวลาไว้
หลิวเฟินฟังภาษาหยางเฉิงไม่เข้าใจ เหล่าแขกน้ำชาซ้ายขวากำลังพึมพำอะไรกันเธอก็ไม่ทราบแต่เธอััได้ว่าคนเ่าั้กำลังอิจฉาเธอ อิจฉาอะไรน่ะหรือ? ก็อิจฉาที่เธอมีลูกสาวแสนดีหนึ่งคนพอหลิวเฟินตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ อาหารในปากยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก
เธอดันซี่โครงหมูมาตรงหน้าเซี่ยเสี่ยวหลาน
“เสี่ยวหลาน ลูกก็กินสิ”
หลิวเฟินไม่รู้ว่าการทำซาลาเปามันปูและทาร์ตไข่กรอบร่วนมีความยุ่งยากมากเพียงใดเธอคิดเพียงว่าเนื้อสัตว์เป็ของดี จึงเก็บซี่โครงไว้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานรับประทาน
เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่อธิบาย รับจิตใจหวังดีของหลิวเฟินไว้อย่างปลื้มปริ่ม
ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังรับประทานกันด้วยความรื่นเริงเบิกบานห้องอาหารยังมีห้องส่วนตัวบางส่วนซึ่งถูกกั้นโดยบานประตูฉลุลาย
ชายวันกลางคนสองคนนั่งตรงนั้น บนโต๊ะมีติ่มซำสองสามจาน ทว่ายังสามารถนั่งห้องส่วนตัวชั้นหนึ่งได้เมื่อเห็นสหายมองแม่ลูกที่ดื่มน้ำชาอยู่ในโถงใหญ่หลายครั้ง อีกคนหนึ่งก็ทอดถอนใจ
“สองปีมานี้คนต่างถิ่นในหยางเฉิงมีจำนวนเพิ่มขึ้น”
ชายกลางคนสวมแว่นตาพยักหน้ารับ “ความมั่งคั่งร่ำรวยของหยางเฉิงคือสิ่งที่เมืองในแผ่นดินใหญ่ไม่อาจเทียบเทียมยิ่งมีการนำร่องของเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงอีก ความเหลื่อมล้ำของหยางเฉิงและเมืองในแผ่นดินใหญ่จะยิ่งมากขึ้นไม่กี่ปีข้างหน้า พลเมืองจากแผ่นดินใหญ่จะแห่แหนกันมาที่นี่”
“นายคิดว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงมีหวังมากหรือ?”
ขณะนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงยังอยู่ในระหว่างการก่อตั้งห่างชั้นจากหยางเฉิงที่รุ่งโรจน์ไกลโข เดิมทีที่นั่นเป็ตลาดซึ่งเกิดขึ้นตามวิสัยต่อให้เปลี่ยนเป็เขตพิเศษ จะล้ำหน้าหยางเฉิงได้หรือ?
หยางเฉิงเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสูงใหญ่ทุกหนแห่งเปรียบกับปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ด้อยอะไร
เขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงสามารถก้าวล้ำหยางเฉิง?
ชายสวมแว่นไม่ถกเถียงกับสหาย หญิงสาวที่รับประทานติ่มซำอยู่ด้านนอกนั่นเขาเคยพบบนรถไฟคราวก่อน จากมณฑลอวี้หนาน แต่หมู่บ้านไหนนั้นเขากลับลืมไปแล้วตอนนั้นเธอไม่ได้เอื้อเฟื้อฟู่ฟ่าเช่นนี้ แค่เวลาหนึ่งเดือนสั้นๆดูเหมือนเธอจะขุดทองคำถังแรกได้จากหยางเฉิงแล้ว
พลเมืองแผ่นดินใหญ่ที่มาขุดทองเหมือนเธอมีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
เขตพิเศษจะก่อสร้างก็้าแรงงานร่วมจำนวนมหาศาลจะจัดการประชากรภายนอกอย่างไร จาก ‘เป้ยจือเจี่ยว [6]’ ของอ่าวต้าเผิงทางตะวันออก จนกระทั่งถึง ‘หมู่บ้านอันเล่อ’ บริเวณปากแม่น้ำจู ‘แนวป้องกันรอง’ ความยาวรวม 86 กิโลเมตรสามารถป้องกันทุนนิยมที่แทรกซึมเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ได้จริงหรือ?
่เดือนเมษายนปีกลาย รั้วตะแกรงเหล็กสูง 2.8 เมตรก็ริเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วตราบจนวันนี้ยังคงอยู่ในระหว่างการสร้าง
แค่ตะแกรงเหล็ก จะสามารถป้องกันการแทรกซึมของทุนนิยม?
ความปรารถนาตามวิสัยของมนุษย์ต่อชีวิตที่ดีมิใช่สิ่งที่รั้วตะแกรงเหล็กจะสกัดกั้นได้การล้อมเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงไว้อาจไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ขึ้น
ชายวัยกลางคนไม่มีความคิดจะรำลึกความหลังกับเซี่ยเสี่ยวหลาน
หาเวลาว่างดื่มชายามเช้าได้สักหนโดยปกติชีวิตของเขากับหญิงสาวชนบทเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นไม่มีทางวนมาเจอกันอีกแม้ทั้งสองจะถูกกำหนดให้เคยนั่งรถไฟขบวนเดียวกัน พักในตู้นอนเดียวกันเวลานี้ก็ได้พานพบกันอีกครั้งในห้องอาหารของหยางเฉิง...นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องคบค้าสมาคมอะไรกับเซี่ยเสี่ยวหลาน
โอ้ เขาจำได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีไหวพริบทีเดียว
ไม่เพียงแต่ฉลาดเฉลียว ดูแล้วยังกตัญญูอีกด้วย
ส่วนหลิวเฟินเขานั้นกวาดสายตาผ่านไปเลยนั่นก็เป็หญิงชนบทผู้ธรรมดาสามัญกว่านี้ไม่มีอีกแล้วในปัจจุบัน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เลยว่าตนเองคลาดกับชายวัยกลางคนที่ได้พบโดยบังเอิญบนรถไฟ
เธอพาหลิวเฟินเที่ยวเล่นในหยางเฉิงทั้งวัน ไม่จำกัดแค่ใกล้เคียงสถานีรถไฟสภาพเศรษฐกิจของหยางเฉิงเจริญรุ่งเรืองกว่าซางตูรวมทั้งปีนี้เพิ่งสร้างโรงแรมหยางเฉิงไป๋เทียนเอ๋อเสร็จสิ้น มันมีอีกชื่อคือ ’32 ชั้น’ ตั้งอยู่ ณ เกาะซาเมี่ยนใกล้ทะเลสาบไป๋เอ๋อซึ่งเป็ทะเลสาบที่แม่น้ำสามสายไหลมากัน... หลิวเฟินไม่เคยพบอาคารสูง 32 ชั้นมาก่อน
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยกล่าวว่าอีกสักสองปีมาหยางเฉิงอีกรอบมุ่งมั่นมีฐานะพอจะพาหลิวเฟินไปพักที่โรงแรมไป๋เทียนเอ๋อ ชื่นชมสามแม่น้ำทิวทัศน์ชวนลุ่มหลง
หลิวเฟินสวดอามิตตาพุทธอยู่ในใจ เธอจะมีความสุขกับของแบบนี้ได้อย่างไร? ไม่กล้าคิด ไม่กล้าจินตนาการ
ถึงเวลาบ่าย เซี่ยเสี่ยวหลานมายังแผงค้าส่งตามสัญญาเถ้าแก่คนนั้นหาเสื้อกันหนาวมาได้จริงๆ เทียบกับท่าทางที่เขาสะบัดเสื้อผ้าอื่นออกมาจากถุงกระสอบแล้วเสื้อกันหนาวที่เขาถืออยู่เรียกได้ว่าบางเบาและอ่อนนุ่ม
เสื้อกันหนาวพวกนี้เกินความคาดหมายของเซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งนัก “เสื้อกันลม?!”
เชิงอรรถ
[1]早茶 ชายามเช้า คือ วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเภทหนึ่งนิยมแพร่หลายในตอนใต้ของประเทศจีนโดยเป็การดื่มชาพร้อมรับประทานติ่มซำและพูดคุยเรื่อยเปื่อยเวลาในการดื่มชายามเช้ามักจะอยู่ระหว่างหลังมื้อเช้าและก่อนมื้อเที่ยง
[2]工分 แต้มงาน คือ หน่วยของค่าแรง ใช้ในยุคก่อนจะแบ่งสรรที่ดินไปยังครัวเรือนเนื่องจากผู้คนทำนารวม ทุกวันจึงออกไปทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งแต้มงานเมื่อถึงสิ้นปี ก็จะนับแต้มงานจากจำนวนวันที่ทำงาน และจ่ายเป็ค่าแรง
[3]面片汤 เมี่ยนเพี่ยนทัง คือ อาหารชนิดหนึ่งทำจากแป้งและผักเป็หลักโดยตัวแป้งจะขึ้นรูปเส้นเป็แผ่น มีลักษณะคล้ายคลึงกับราดหน้า
[4]金钱肚 รังผึ้งเงินทอง คือ อาหารชนิดหนึ่งทำจากกระเพาะที่สองของวัวนำไปตุ๋นพะโล้เนื่องจากมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง ในภาษาจีนจึงมีการเรียกว่า กระเพาะรังผึ้ง
[5]铁观音 เถี่ยกวนอิน คือ ชาชนิดหนึ่ง อยู่ในกลุ่มชาอู่หลง หมักอ่อน กลิ่นหอมเย็นมีต้นกำเนิดจากมณฑลฝูเจี้ยน เป็หนึ่งในสิบยอดชาของจีน
[6]背仔角 เป้ยจือเจี่ยว คือ ชื่อชายหาดในเซินเจิ้น
