เหลียนเซวียนซัดลูกดอกซัวเปียวออกไปสองดอก
ดอกหนึ่งจัดการกับโจรป่าที่กำลังลอบโจมตีข่งจิน ส่วนอีกดอกพุ่งเข้าใส่โจรที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังของเซวียเสี่ยวเหล่ย
ดอกเดียวปลิดิญญา ไม่พลาดเป้า
เซวียเสี่ยวหรั่นกลั้นใจตีโจรให้สลบไปแปดเก้าคนจนมือหมดแรง คนสุดท้ายตีอยู่เป็ครึ่งค่อนวันก็ไม่สลบเสียที ใบหน้าของเขาเหยเกอยากหมดสติไปให้รู้แล้วรู้รอด
คนร่วมทางทนดูต่อไปไม่ไหว คว้าไม้มาจากมือของนาง แล้วฟาดโจรป่าเปรี้ยงเดียวสลบ
พอรู้ว่าฤทธิ์ยาจะคงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ทุกคนจึงเริ่มทุบโจรที่ล้มอยู่ที่พื้นให้สลบ
สถานการณ์ของทางนี้สิ้นสุดแล้ว ส่วนด้านหน้ายังคงสู้กันอยู่ประปราย
ข่งจินกับข่งหยินสองพี่น้องพาผู้ช่วยหน่วยก้านดีอีกสองคนไปช่วยเหลือด้านหน้า
รอจนสถานการณ์ด้านหน้าสงบเรียบร้อยดีแล้ว หวงอี้ซานก็วิ่งมา ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยโลหิต
"ชีหลางจวิน โชคดีที่พวกท่านควบคุมสถานการณ์ด้านหลังไว้ได้ มิเช่นนั้นพวกเราถูกโจมตีขนาบหน้าหลัง ไม่เพียงแต่ยากจะเอาชนะ ยังอาจเสียหายอย่างหนัก
ใบหน้าของเขาแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ
"ไม่ใช่ผลงานของข้า" เหลียนเซวียนสั่นศีรษะ
"ผู้สกุลหวงทราบ ลิงที่ฮูหยินผู้ทรงเกียรติของท่านเลี้ยงไว้สร้างผลงานใหญ่ พวกท่านสองสามีภรรยาเป็เ้าของ แน่นอนว่าย่อมเป็ความดีความชอบของพวกท่าน" หวงอี้ซานรู้สถานการณ์คร่าวๆ มาบ้างจากปากของผู้อื่น
หวงอี้ซานเรียกฮูหยินผู้ทรงเกียรติมาเต็มปากเต็มคำ ทำให้สีหน้าของเหลียนเซวียนฉายแววกระอักกระอ่วน
โชคดี เซวียเสี่ยวหรั่นไปช่วยทำแผลให้อูหลันฮวา ไม่ได้อยู่ข้างกายเขา
"ผู้คุ้มกันหวง เื่หลังจากนี้จะจัดการอย่างไร" เหลียนเซวียนเปลี่ยนหัวข้อ
"โจรป่าถูกจับหมดแล้ว ทิ้งคนไว้เฝ้าจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นพวกเราค่อยออกเดินทาง พรุ่งนี้เช้าไปแจ้งที่ว่าการที่อยู่ใกล้ที่สุดให้เ้าหน้าที่มาจัดการ" หวงอี้ซานชี้แจง
"เช่นนั้นก็เร่งมือหน่อย ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน" เหลียนเซวียนเตือนสติประโยคหนึ่ง
หวงอี้ซานผงกศีรษะ โบกมือเรียกลูกน้องให้รีบไปจัดการ
ครานี้ประสบกับโจรป่า สำนักคุ้มภัยเสียคนไปห้าคน าเ็สิบกว่าคน งานคุ้มกันเป็การค้าที่แลกมาด้วยโลหิต แม้เสียใจกับการาเ็ล้มตาย แต่คนในสำนักคุ้มภัยก็ชาชินกันแล้ว
แต่ด้านหลังกลับไม่มีคนล้มตาย มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับาเ็ แต่ไม่รุนแรงมาก
นี่นับได้ว่าเป็ผลลัพธ์ที่ดีมาก
ขบวนรถม้าเดินทางต่อไปในความมืด จนกระทั่งไปถึงเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดกลางดึกถึงหยุดพัก
พวกเขาพักค้างคืนไม่ไกลจากประตูเมือง
วันต่อมาเมื่อประตูเมืองเปิด หวงอี้ซานก็เข้าไปศาลาว่าการด้วยตนเอง แล้วตามเหล่ามือปราบไปยังสถานที่เกิดเหตุ ไม่ถึงครึ่งวันย่อมกลับมาไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นเมื่อยล้าไปทั้งตัว ฉวยโอกาส่ที่มีเวลาว่างพาอูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยเข้าเมืองไปซื้อของมาเพิ่ม
ครั้งนี้อูหลันฮวาาเ็เล็กน้อย หลังและแขนมีแผลมาเพิ่มสามแผล เสื้อผ้าก็ขาดอีกแล้ว
เซวียเสี่ยวเหล่ยก็าเ็เพียงเบาๆ แม้ไม่มีแผลจากมีดดาบ แต่เสื้อผ้าก็ขาดวิ่นหลายแห่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นไปจัดยาให้พวกเขาสองคน ซื้อผ้าให้พวกเขาคนละสองชุด ซื้ออาหารและของใช้ในชีวิตประจำวันจนเต็มกระเป๋าน้อยใหญ่ถึงออกจากประตูเมือง
ขณะเดินผ่านขบวนรถของสำนักคุ้มภัย คนไม่น้อยต่างเข้ามาทักทายพูดคุยกับพวกเขา
ผ่านคืนเดือดมาได้ พวกเซวียเสี่ยวหรั่นก็ตกเป็เป้าสายตาของทุกคน
พวกเขาต่างรู้ว่า ลิงที่นางเลี้ยงสร้างผลงานใหญ่ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาควบคุมด้านหลังไว้ได้ สถานการณ์ต่อสู้ด้านหน้าก็คงไม่ราบรื่นเช่นนี้
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางทักทายกับทุกคน
ยังไม่ทันไปถึงรถม้าของตนเอง ก็เห็นอาเหลยถูกผู้คนมุงล้อม
มันยังคงนั่งอยู่บนหลังคารถ มือซ้ายคว้าพุทราเขียวมากัดกิน มือขวาถือถั่วลิสงสองสามเม็ด
เซวียเสี่ยวหรั่นมองอย่างพินิจ ก็เห็นบนหลังคารถม้ามีของกินเล็กๆ น้อยๆ กระจัดกระจาย ทั้งถั่วลิสง เมล็ดแตง เกาลัด ผลไม้ กระทั่งซาลาเปาก็ยังมี
ปากของอาเหลยเคี้ยวหมุบหมับไม่หยุด อาจเป็เพราะมีของกิน มันจึงไม่ตื่นกลัวเมื่อมีคนมาห้อมล้อม
ยามเห็นพวกเขากลับมา มันก็ยืนขึ้นร้องเรียกเจี๊ยกๆ สองสามครั้ง
"แม่นางอูหลัน าแของเ้าไม่เป็ไรกระมัง"
ภาพอูหลันฮวาใช้กระบองหวดใส่โจรป่าจนหนีกระเจิดกระเจิงเมื่อคืนยังคงประทับในความทรงจำของทุกคนอย่างล้ำลึก
"ไม่เป็ไร ข้าสบายดี" อูหลันฮวายิ้มกว้าง
"ฝีมือการรำกระบองของแม่นางอูหลันยอดเยี่ยมยิ่งนัก"
"ไม่หรอกๆ ข้าแค่มีแรงมากเท่านั้นเอง" อูหลันฮวารีบโบกมือ พูดช้าๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำ
นางใช้กระบองเป็เสียที่ไหน เพิ่งจะได้รับคำชี้แนะจากหลางจวิน่สองสามวันมานี้เอง
"แม่นางอูหลัน นั่นคือพร์แต่กำเนิด พวกข้ารู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก"
ทุกคนต่างยกยอปอปั้นคนละคำสองคำ ทำเอาเ้าตัวยิ้มไม่หุบ
"เหลียนต้าเหนียงจื่อ เมื่อคืนต้องขอบคุณปฏิภาณไหวพริบของท่าน"
หลังยกยออูหลันฮวาจบ พวกเขาก็หันมาชื่นชมเซวียเสี่ยวหรั่น
"ใช่แล้วๆ ถ้าไม่ใช่เพราะแผนการอันแยบยลของต้าเหนียงจื่อ เมื่อคืนพวกเราต้องแย่แน่ๆ"
"นั่นสิ โจรป่ามากมายเพียงนั้น ต้องขอบคุณต้าเหนียงจื่อกับอาเหลยแล้ว"
"เ้านายปราดเปรื่องเรืองปัญญา ลิงที่เลี้ยงย่อมหัวไวเฉลียวฉลาด"
ตอนเริ่มออกเดินทาง ทุกคนเห็นนางเลี้ยงลิงเป็สัตว์เลี้ยงต่างรู้สึกแปลกใจ
สัตว์เลี้ยงของสตรีบ้านไหนๆ หากไม่ใช่แมวก็เป็สุนัข หรือไม่ก็สัตว์เล็กจำพวกนก สตรีที่เลี้ยงลิงเป็สัตว์เลี้ยง พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็ครั้งแรก
แต่พอผ่านเหตุการณ์เมื่อคืน ทุกคนถึงพบว่าที่แท้ลิงยังมีความสามารถพิเศษเช่นนี้
"มิกล้ารับ มิกล้ารับ ความสำเร็จของเมื่อวานล้วนมาจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกคน" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่กล้ารับความดีความชอบ
ทุกคนต่างชื่นชมในความถ่อมตัวของนาง เซวียเสี่ยวหรั่นจำต้องพูดคุยกับพวกเขาตามมารยาท
คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป
เซวียเสี่ยวหรั่นเอาของไปเก็บในรถม้า อูหลันฮวาอุ้มอาเหลยลงมาจากหลังคารถ เซวียเสี่ยวเหล่ยพามันไปทำธุระละแวกใกล้ๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นมองซ้ายมองขวา พบว่าเหลียนเซวียนอยู่ไม่ไกลนัก กำลังพูดคุยกับผู้คุ้มกันจากสำนักคุ้มภัย
เงยหน้ามองฟ้า เที่ยงวันล่วงเลยมาแล้ว หวงอี้ซานก็ยังไม่กลับมา
วันนี้จะได้เดินทางหรือไม่ก็ยังมิอาจรู้ได้
แต่เธอไม่รีบร้อน ดึงอูหลันฮวาขึ้นมาบนรถม้าเพื่อตัดเย็บอาภรณ์
"น่าโมโหจริงๆ เลย เจอโจรป่าทีไร ทำเสื้อผ้าข้าขาดทุกที น่าโมโหยิ่งนัก"
อูหลันฮวาตัดผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีชมพูกลีบบัวอย่างระมัดระวัง
"ไม่เป็ไร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ของนอกกาย สำคัญที่สุดคือคนไม่าเ็ต่างหากเล่า" เซวียเสี่ยวหรั่นช่วยนางดึงผ้าให้ตึง
"เ้าค่ะ แต่ว่าต้าเหนียงจื่อ ผ้าผืนนี้สีอ่อนนุ่มนวลเกินไป ข้ารู้สึกว่าไม่เหมาะกับข้าเลย"
แม้อูหลันฮวาจะชอบสีนี้ แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับตนเองเท่าไร
"มีอะไรไม่เหมาะ เ้าอายุน้อยกว่าข้า ต้องสวมสีอ่อนหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกล่าว นี่คือสีที่นางเลือกมาเป็พิเศษ "เ้าดู เสื้อคลุมสีชมพูที่ข้าสวมอยู่นี้ อ่อนกว่าสีกลีบบัวนี้อีก ข้ายังใส่เลย"
"จะเหมือนกันได้อย่างไร ต้าเหนียงจื่อรูปโฉมงดงาม รูปร่างเล็กกะทัดรัด สวมใส่แลดูเหมาะสม ข้ามันคนหยาบกระด้าง เทียบกับต้าเหนียงจื่อไม่ได้อยู่แล้ว"
อูหลันฮวามองเสื้อคลุมปักลายดอกหลันฮวาสีชมพูอ่อน ซึ่งขับเน้นให้ดวงหน้าเล็กจ้อยขาวผ่องยิ่งผุดผาดน่ามอง
"ต้าเหนียงจื่อควรสวมอาภรณ์สีอ่อนจะยิ่งงามมากเ้าค่ะ"
"เ้าก็เหมาะกับสีอ่อน เ้าทั้งสูงทั้งผอมเพรียว สวมชุดสีไหนก็ดูเข้าที"
ใช่ว่าเซวียเสี่ยวหรั่นยกยอส่งเดช อูหลันฮวาสูงราวหนึ่งเมตรหกสิบแปด นับว่าสูงยาวเข่าดี สวมชุดกระโปรงยาวย่อมดูมีทรวดทรงกว่าคนตัวเตี้ยอย่างเธอ
อูหลันฮวาถูกชมจนหน้าแดง "ต้าเหนียงจื่อผิวขาว สวมสีไหนก็งามเ้าค่ะ"
"ฮ่าๆ พอแล้ว พวกเราอย่ามัวแต่ชมกันไปชมกันมาอยู่เลยนะ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้า คงน่าอายไม่น้อย" เซวียเสี่ยวหรั่นเม้มริมฝีปากอมยิ้ม
อูหลันฮวาหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
เหลียนเซวียนยืนอยู่ไม่ไกล ตวัดสายตาไปที่ประตูรถม้าซึ่งเปิดอยู่
พวกเ้ารู้จักอายกันด้วยรึ