"ข้าเอาแต่ใจที่ไหน"
เซวียเสี่ยวหรั่นกัดฟันมองเขา ก่อนหันไปมองเงาดำเ่าั้ ขอบตาเริ่มแดง
"อีกครู่หนึ่งอาศัย่ชุลมุนหนีไปหลบใต้รถม้าของสำนักคุ้มภัย อย่าส่งเสียง รอขับไล่โจรป่าไปให้หมดก่อน เ้าค่อยออกมา"
เหลียนเซวียนกำชับนางอย่างจริงจัง
"ต้าเหนียงจื่อ ท่านไปหลบเถอะเ้าค่ะ รอพวกเราขับไล่โจรไปหมดแล้วค่อยออกมา" อูหลันฮวาชูกระบอกขวางไว้ที่หน้าอก สีหน้าปราศจากความหวั่นเกรง
อาการาเ็ของนางเพิ่งหายดี เซวียเสี่ยวหรั่นกัดริมฝีปากล่างจนเืซึม
เซวียเสี่ยวเหล่ยตบๆ ผงยาสองห่อใหญ่ที่ซุกอยู่ในอกเสื้อ
"ใช่ ของข้าก็มี" อูหลันฮวาซ่อนของไว้ในอกเสื้อเช่นกัน
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นใบหน้าจริงจังของคนทั้งสาม หัวใจก็สั่นสะท้านเหมือนจะหยุดหายใจเสียให้ได้ พวกเขาไม่ว่าใคราเ็ เธอไม่อาจรับได้ทั้งนั้น
ไม่ได้ จะนั่งรอความตายเช่นนี้ไม่ได้
เสียงเจรจาของผู้คุ้มกันหวงกับหัวหน้าโจรดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตกลงกันไม่ได้ก็เริ่มลงไม้ลงมือ
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นต้นไม้สองข้างทางอยู่ในความมืด ความคิดก็ผุดวาบขึ้นมาในสมอง ก่อนวิ่งตึงๆๆ ลงจากรถม้า เอื้อมมือไปอุ้มอาเหลยลงมาจากหลังคา
เหลียนเซวียนมองการกระทำของนาง หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน นางจะทำอะไร?
เซวียเสี่ยวหรั่นคุกเข่าลงที่พื้น เริ่มคุยกับอาเหลยซ้ำไปซ้ำมา พลางวาดมือวาดเท้าทำท่าทางให้ดู
เซวียเสี่ยวเหล่ยกับอูหลันฮวาวิ่งมา ได้ยินคำพูดของนางดวงตาก็สว่างวาบพร้อมกัน
เซวียเสี่ยวเหล่ยเข้าร่วมวงอธิบายความหมายจากท่าทาง
อาเหลยสนิทสนมกับสองพี่น้องเป็ที่สุด ย่อมเข้าใจความหมายของพวกเขา
ไม่ช้า อาเหลยก็หยิบห่อของเข้าไปพรางตัวในป่าข้างทาง
พวกเซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มมองไปยังต้นไม้ในความมืดด้วยความตื่นเต้น
เหลียนเซวียนได้ยินแผนการของพวกเขายังรู้สึกอึ้ง
เช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ?
สายตาของเขาดีเยี่ยม แม้ท้องฟ้าจะมืดสลัว แต่สามารถแยกแยะรายละเอียดได้ แม้แต่เงาของวานรตัวนั้นเขาก็ยังมองเห็น
อาเหลยะโจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง จนกระทั่งถึงต้นที่มีโจรป่ามากที่สุด มันใช้หางเกี่ยวลำต้นห้อยหัวลงมา แกะห่อผงสลายกำลังในมือแล้วโปรยออกไปทั้งซ้ายขวา
ผงละเอียดสีขาวฟุ้งไปในอากาศอย่างเงียบเชียบ
ไม่ช้าอาเหลยก็โปรดจนหมดห่อ หลังจากนั้นก็คว้ากิ่งไม้ะโกลับมาอย่างว่องไว
สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ
เหลียนเซวียนมองตาค้าง วานรตัวหนึ่งใช้งานได้ถึงเพียงนี้เชียว
"อาเหลย เรียบร้อยใช่หรือไม่?"
พวกเซวียเสี่ยวหรั่นเข้าไปล้อมตัวมัน เห็นเพียงกระดาษน้ำมันเปล่าๆ ในมือของมัน ต่างเลิกคิ้วด้วยความยินดี
"ยังมีอีกห่อ อาเหลยคนดี เอาไปโปรยตรงโน้นอีกห่อนะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ไปในป่าฝั่งตรงข้ามที่เห็นหัวคนตะคุ่มๆ เธออุ้มอาเหลยขึ้นเอวเพื่อหลบสายตาของโจรป่า แล้วย่องไปอีกทาง
อาเหลยเริ่มชำนาญแล้ว ไม่ช้าก็หายไปในความมืด
เหลียนเซวียนค่อยๆ เดินเข้าหาเซวียเสี่ยวหรั่น ลูกดอกซัวเปียวในมือพร้อมใช้ทุกเมื่อ
"ตุ้บ"
"ตุ้บ"
"อาซาน เ้าคนถ่อย นี่เ้าใช้ลูกไม้อันใด"
"หัวหน้าหวัง พวกเหล่าเฮยสลบกันไปหมดแล้ว ข้าเองก็เวียนหัว"
"บัดซบ มารดามันเถอะ นี่เล่นมอมยากันเลยรึ"
"หัวหน้าหวัง พี่น้องเราล้มลงมากมาย นี่... จะทำอย่างไรกันดี"
พวกโจรป่าเริ่มสังเกตเห็นความผิดปรกติของทางนี้ ทุกคนต่างมองหน้ากัน สีหน้าแฝงแววยินดี ก่อนเลื่อนมือไปกุมอาวุธ
ข่งจินกับข่งหยินสองพี่น้องถือมีดเล่มใหญ่ในมือ ทั้งสองต่างสบตากัน ก่อนหน้านี้เื่ที่สองพี่น้องสกุลเซวียกระซิบมอบหมายงานให้ลิงตัวหนึ่ง พวกเขาล้วนเห็นอยู่ในสายตา
ไม่นึกว่ามันจะทำสำเร็จจริงๆ
"เช้งๆๆ"
เสียงอาวุธกระทบกันดังมาจากด้านหน้า
ดวงตะวันเพิ่งลับหลังเขา ม่านราตรีแผ่คลุมไปทั่วบริเวณ
"ทุกคนไม่ต้องกลัว โจรป่าถูกมอมยาไปแล้วจะไม่ได้สติอยู่ครู่ใหญ่ ทุกคนบุกเข้าไป ร่วมแรงร่วมใจขับไล่โจรป่าไปให้หมด"
เนื่องจากโจรป่าทั้งสองด้านต่างล้มระเนระนาด ยามได้ยินพรรคพวกเป่าปากให้สัญญาณโจมตี โจรป่าที่เหลือจึงไม่กล้าลงมือ เซวียเสี่ยวหรั่นฉวยโอกาสนี้ปลุกระดมให้ทุกคนร่วมมือกันรับมือ
"ที่แท้ก็ต้องยามึนเมา"
"มิน่าถึงล้มกันเป็เบือ"
"ทุกคนจงร่วมมือกัน เก็บกวาดเ้าพวกสุนัขเหล่านี้ให้หมด"
"มารดามันเถอะ ทุกคราที่บิดาเดินทางไกล เป็ต้องถูกเ้าพวกลูกเต่าเหล่านี้ก่อกวนทุกที"
"นั่นสิ บิดาจะสังหารพวกบัดซบเหล่านี้ให้หมด"
ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างฮึกเหิมคว้าอาวุธของตนเองวิ่งไปข้างหน้า
ผู้คนที่กล้าออกจากบ้านทั้งที่รู้ว่าระหว่างทางมีโจรป่าส่วนใหญ่ล้วนเป็คนใจกล้าบ้าบิ่นกันทั้งสิ้น
โจรป่าล้มไม่ได้สติอยู่ที่พื้นประมาณแปดเก้าส่วน ความกล้าหาญจึงหดหายไปหลายส่วน ยิ่งเห็นความฮึกเหิมดุดันจากทางด้านนี้ โจรส่วนที่เหลือที่ยังยืนอยู่ได้ต่างวิ่งหนีกระเจิง
ด้านหนึ่งอ่อนแอขวัญหนีดีฝ่อ อีกด้านมีขวัญกำลังใจฮึกเหิม ใครได้เปรียบเสียเปรียบย่อมเห็นได้ชัด
อูหลันฮวาควงกระบองอย่างน่าเกรงขาม ตีจนโจรป่าหนีกระเจิงร้องหาบิดามารดาแทบไม่ทัน
เซวียเสี่ยวเหล่ยตามอยู่ข้างกายนาง สบโอกาสค่อยลอบโจมตี ล้มโจรป่าไปได้สองสามคน
ข่งจินกับข่งหยินสองพี่น้องยิ่งเหมือนพยัคฆ์หลุดออกจากกรง พวกเขาทำมาหาเลี้ยงชีพกับเส้นทางนี้มาหลายปี จงเกลียดจงชังโจรป่าเหล่านี้เป็ที่สุด
แม้ทั้งสองจะไม่เคยฝึกยุทธ์จากสำนักไหนมาก่อน แต่พวกเขาล้วนเป็ผู้กล้าอยู่ท่ามกลางเงากระบี่มานาน มิเช่นนั้นเมิ่งเฉิงเจ๋อคงไม่ส่งพวกเขาสองพี่น้องมา
ดาบของทั้งคู่ไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย ดาบหนึ่งจ้วงแทงออกไปโลหิตสาดกระจาย ไม่ช้าตัวของพวกเขาก็อาบย้อมไปด้วยโลหิตของโจรป่า
เซวียเสี่ยวหรั่นอุ้มอาเหลยกลับขึ้นไปบนหลังคารถ ขณะคิดจะวิ่งเข้าไปหาพวกโจรเ่าั้ ก็ถูกเหลียนเซวียนคว้าตัวไว้ "เ้าจะไปไหน"
"ก็ไปตีโจรป่าเ่าั้ให้สลบไงล่ะ ท่านบอกเองมิใช่หรือว่ายาเ่าั้ออกฤทธิ์เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ อีกไม่ช้าพวกเขาก็ลุกขึ้นมาได้แล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นคิดจะดิ้นให้หลุดจากมือเขา
"ไม่เร็วเพียงนั้นหรอก เ้าอย่าไปเลย พวกนั้นบางคนก็แกล้งตาย เ้าเข้าไปจะเป็อันตรายมาก" เหลียนเซวียนไม่ยอมปล่อยมือ
"แต่ว่า... ข้าอยากไปช่วยบ้างนี่นา" เซวียเสี่ยวหรั่นกุมสเปรย์พริกในมือไว้แน่น
"ไม่ได้ เ้ารออยู่เฉยๆ ข้าจะไปดูเอง" เหลียนเซวียนถลึงตาดุใส่นาง
เซวียเสี่ยวหรั่นหดคอ ดวงตากลอกไปมา "หรือไม่ท่านให้ข้าตามไปด้วย ข้ารับหน้าที่ตี ท่านรับหน้าที่ดูทิศทาง อืม... แบบนี้เข้าขากันได้พอดี"
นางยิ้มร่าแกะมือเขาออก วิ่งไปข้างทางหยิบท่อนไม้มาท่อนหนึ่ง
เหลียนเซวียนหน้าดำทะมึน เดินตามอยู่ด้านหลัง
นางดื้อรั้นขนาดนี้ เขาได้แต่ต้องตามหลัง
โจรป่าที่อยู่ทางด้านหลังที่ล้มก็ล้มไป ที่หนีก็หนีไป ยังมีบางส่วนถูกปราบปรามนอนร้องโอดครวญเสียงดังระงม สถานการณ์ควบคุมได้แล้ว
อูหลันฮวาห้าวหาญดุดันเป็ที่สุด นางกวัดแกว่งกระบองแต่ละครั้ง โจรป่าไม่กระดูกหักก็กระอักเื นางเองได้รับาเ็อยู่บ้าง แต่ยังปกป้องเซวียเสี่ยวเหล่ยเป็อย่างดี
สองพี่น้องข่งจินกับข่งหยินนับว่าโเี้ที่สุด โจรป่านับไม่ถ้วนต้องจบชีวิตที่มือของพวกเขา
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งสาดผงสลายกำลังไว้ เล็งไปที่ลำคอของโจรป่าแล้วฟาดกระบองใส่ทันที
แต่เรี่ยวแรงของนางไม่พอ ตีอยู่หลายทียังไม่อาจทำให้ผู้อื่นสลบ จึงได้ยินเสียงโจรป่าแขนขาอ่อนแรงแต่ยังมีสติดีร้องครวญครางอย่างสิ้นหวัง
เหลียนเซวียนเห็นแล้วก็รู้สึกปวดคอแทน