ตอนที่ 5
หักแล้วจะใช้อะไร
หลายวันต่อมา
“พี่โอ๋ฮะ”
“อื้อ ว่ายังไง”
เ้าของชื่อชะงักมือที่กำลังล้างผักอยู่ ก่อนจะหันไปหาน้องชายที่แอบย่องเข้าห้องคุณเชาส์มาหาตน ขนมผิงถือหนังสือเล่มหนึ่งไว้ในมือ พลางทำหน้าลังเล ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเอ่ยพูดเสียงเบาหวิว
“ผิงทำการบ้านไม่ได้...”
“งั้นเหรอ วิชาอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่ช่วยทำก็ได้”
ตั้งโอ๋เช็ดมือกับผ้าให้แห้ง ก่อนจะเดินนำมานั่งก่อนที่บริเวณโต๊ะอาหาร คราวนี้ขนมผิงยิ้มกว้าง รีบเดินตามมานั่งข้าง ๆ กันแล้วยื่นหนังสือให้ทันที ก่อนผู้เป็พี่จะชะงักไป เมื่อเห็นชื่อวิชาที่หน้าปกหนังสือ
“ภาษาอังกฤษเหรอ...”
สองพี่น้องนั่งหัวชนกัน จ้องหนังสือวิชาภาษาอังกฤษเป็ตาเดียว คราวนี้ตั้งโอ๋เริ่มมีสีหน้าหนักใจ นึกสงสัยว่าเด็กอายุแค่นี้ เรียนหนังสือกันยากถึงขนาดนี้เชียวหรือ
ตัวเขาหลังจากเรียนจบสายอาชีพก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะทางบ้านไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมากมายก็แค่ส่วนหนึ่ง ทว่าเหตุผลหลักก็คงเป็เพราะตัวเขาที่อยากทำงานมากกว่ามานั่งเรียนเสียมากกว่า เวลาส่วนใหญ่ในห้องเรียนก็ใช้ไปกับการหาวหวอด ๆ เกรดแต่ละเทอมใน่นั้นก็ถือว่าไม่ได้เลวร้าย...จะมีก็อยู่แค่วิชาเดียว
“ขอโทษนะ พอดีว่าวิชานี้พี่ไม่ถนัดเลย”
เอ่ยพูดด้วยความรู้สึกผิดพลางก้มหน้าลงมองเนื้อหาในหนังสืออีกครั้ง เพราะมัวแต่เพ่งความสนใจให้กับเนื้อหาในหนังสือกันทั้งคู่ จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครมาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง
“ข้อแรกเอาเอไปตอบ...ลบคำตอบข้อสองออกก่อน ข้อนั้นตอบผิด”
เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เป็ผลให้ตั้งโอ๋สะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะหันไปมอง เห็นคุณเชาส์ในชุดเสื้อแขนสั้นสีขาวและกางเกงวอร์ม เนื้อผ้าชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ คล้ายกับเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ ทว่าขนมผิงกลับตาเป็ประกาย เมื่อพบคนที่น่าจะพอช่วยตนได้
“คุณเชาส์ช่วยผิงทำการบ้านได้หรือเปล่าฮะ”
ตั้งโอ๋ตาโตเป็ไข่ห่าน กำลังจะติน้องชายของตนว่าไปขอร้องเ้านายแบบนั้นได้อย่างไร ยิ่งเขากับคุณเชาส์เพิ่งจะได้เผชิญหน้ากันตรง ๆ เป็ครั้งแรกในรอบหลายวัน หลังจากมีปากเสียงกันคราวนั้น บรรยากาศระหว่างกันก็ดูกระอักกระอ่วนมากเสียจนน่าอึดอัด
“ผิง---”
“เอาสิ”
“ฮะ...”
“แต่ไปทำที่ห้องนั่งเล่นนะ”
ตั้งโอ๋อ้าปากพะงาบ ๆ มองตามคนทั้งสองที่เดินตรงดิ่งไปยังห้องนั่งเล่น แม้ตอนแรกจะเป็กังวลอยู่บ้าง ทว่าเมื่อเห็นว่าคุณเชาส์ไม่ได้ใจร้ายกับขนมผิงอย่างที่ใจร้ายกับเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง ยืนมองแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายที่คอยสอนการบ้านน้องของตนอยู่นาน ก่อนจะชะงักไป
“คืนนี้ไอ้คิงจะมาที่นี่...แฟนมันก็มาด้วย”
“...”
“รีบกลับห้องตัวเองไป ไม่จำเป็ก็อย่าออกมาให้เขาเห็น”
ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่น ยามได้ยินชื่อของคนที่ตนกำลังพยายามจะตัดใจ ตั้งโอ๋หันมองโต๊ะทรงกลมข้างกาย ซึ่งมีกรอบรูปหนึ่งตั้งอยู่ เป็ภาพของคุณเชาส์ในชุดรับปริญญา ข้าง ๆ กันคือรุ่นน้องคนสนิทอย่างคุณคิงกำลังทำหน้าตากวนโอ๊ยตามนิสัย ตั้งโอ๋มองภาพนั้นอยู่นานทั้งความรู้สึกวูบโหวงในอก ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับห้องของตัวเองไปเงียบ ๆ เท่านั้น
.
.
.
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานกระทั่งสามทุ่ม แม้จะอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามกัน ทว่าเสียงครึกครื้นจากห้องของคุณเชาส์ที่ดังให้ได้ยินเป็ระยะ ก็บ่งบอกได้ว่าคนในห้องกำลังมีความสุขกันมากเพียงใด ตั้งโอ๋ลูบศีรษะน้องชายไปพลาง ๆ ท่าทางดูเหม่อลอยจนขนมผิงเริ่มสงสัย
“พี่โอ๋ เป็อะไรหรือเปล่า...”
ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองน้องชายที่นอนขดอยู่ในผ้าห่ม ส่งรอยยิ้มให้บาง ๆ พลางส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเป็การปฏิเสธ
“เปล่าหรอก รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ไปเรียนนะ”
เด็กชายพยักหน้ารับแล้วหลับตาลงอย่างว่าง่าย ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงหายใจเข้าออกดังสม่ำเสมอ...ขนมผิงหลับไปแล้ว ทว่าตั้งโอ๋ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ภายในดวงตาฉายแววหม่นลง เมื่อตัวเขายังคงจมอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ ยิ่งอยู่คนเดียวก็ยิ่งดำดิ่งจนไม่รู้เลยว่าจะก้าวข้ามผ่านมันไปได้อย่างไร
ทำไมต้องไปรักคนที่เขามีเ้าของแล้ว...ทำไมการตัดใจจากคนคนหนึ่งถึงได้ยากมากมายถึงขนาดนี้?
“เฮ้อ...”
ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้อง ตั้งใจว่าจะพาตัวเองไปเดินรับอากาศสักหน่อย ก่อนจะชะงักไปเมื่อประตูห้องตรงข้ามก็เปิดออกเช่นเดียวกัน เห็นคุณเชาส์แต่งตัวดีกว่าปกติ อาจจะออกไปเที่ยวกลางคืนต่อในสถานที่แพง ๆ อย่างที่ชอบทำกันนั่นแหละ
ดวงตาทั้งสองคู่มองสบกันครู่หนึ่ง ก่อนจะเป็ตั้งโอ๋เองที่เลือกจะเพิกเฉยต่อกันแล้วเดินนำออกไป...เขาจะไปทำอะไรที่ไหน คุณเชาส์ก็คงจะไม่สนใจกันนักหรอก ในเมื่อเ้าตัวไม่ชอบขี้หน้าเขาจะตายไป
...
“พะ พอก่อนดีไหมพ่อหนุ่ม ป้าจะปิดร้านแล้วนะ”
ปึก!
เสียงก้นขวดเบียร์กระทบกับโต๊ะอย่างแรง เป็ผลให้หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็เ้าของร้านสะดุ้งเบา ๆ กลอกตาไปทางซ้ายทีทางขวาทีอย่างทำตัวไม่ถูก หันมองนาฬิกาก็เป็เวลาตีหนึ่งครึ่งเข้าไปแล้ว ลูกค้าคนอื่นกลับกันไปหมดแล้ว เหลือก็เพียงแค่คนเดียวที่เอาแต่นั่งกระดกไม่ยอมลุกไปไหนเสียที
“ขอเบียร์อีกสองขวดครับ...”
คนพูดเสียงอ้อแอ้ ทั้งยังใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงยืนอึกอักก็เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน จนเธอต้องรีบเดินไปหยิบเบียร์จากตู้แช่มาให้อีกครั้ง
ที่นี่เป็เพิงหลังเล็ก ๆ มุงหลังคาด้วยใบจาก เ้าของบ้านเปิดเป็ร้านเหล้าเล็ก ๆ เพื่อให้เพื่อนบ้านได้มาสังสรรค์กัน ราคาเครื่องดื่มจึงถูกกว่าปกติ ตั้งโอ๋จากที่ตอนแรกเพียง้าจะเดินเล่นสูดอากาศในพัทยา ครั้นเมื่อรู้ตัวอีกทีก็มานั่งซดเบียร์อยู่ในร้านดังกล่าวจนเมาปลิ้นเสียแล้ว
“ได้แล้วพ่อหนุ่ม เบียร์สองขวดนะ---”
เสียงที่เอ่ยพูดถูกกลืนหายไป เมื่อขวดเบียร์ทั้งสองขวดถูกใครบางคนที่เพิ่งจะเดินเข้าร้านมาแย่งไปถือไว้ ตั้งโอ๋ที่แม้จะสติพร่าเบลอเต็มที แต่ก็ยังมองตามขวดเบียร์ได้ตาเป็มัน ตั้งท่าจะเปิดศึกกับคนที่มาขัดจังหวะการดื่มของตน ก่อนจะชะงักไปทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่เป็ใคร
“คะ คุณเชาส์...”
เสียงเรียกอ้อแอ้เจือปนไปด้วยความรู้สึกมากมายอยู่ในนั้น ทั้งแปลกใจและสงสัยว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืนอยู่ที่ไหนสักแห่งหรือยังไง แล้วตามมาเจอเขาที่นี่ได้อย่างไร...ทว่าผ่านไปไม่นานก็สะบัดศีรษะ ทิ้งความสงสัยพวกนั้นไป เอื้อมมือไปหมายจะคว้าขวดมาถือ ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายยกขวดหนีเสียอย่างนั้น
“แอบน้องมาดื่มเบียร์ นิสัย”
ประโยคค่อนขอดทำให้คนเมาคิ้วกระตุกทันที หากเป็เวลาปกติที่มีสติเต็มร้อย ตั้งโอ๋คงจะนั่งปิดปากเงียบ ไม่คิดโต้ตอบแต่อย่างใด ทว่าในตอนนี้ที่มีกระแสแอลกอฮอล์ไหลเวียนอยู่ในร่างกายอย่างเต็มเปี่ยม กลับส่งให้ตัวเขามีความกล้ามากกว่าปกติ แน่นอนว่าความกล้าที่ว่าย่อมรวมถึงเื่ของฝีปากด้วย
“ถ้าคุณจะไม่ดื่มด้วยก็เอาขวดมา แล้วไสหัวไปนอนเลยไป”
ประโยคไม่คาดคิด ทำให้ผู้ฟังได้แต่เลิกคิ้วขึ้น ส่งเสียง ‘เอ้า’ เบา ๆ ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็เ้าของร้านได้แต่พาตัวเองไปหลบอยู่ในมุมที่ปลอดภัย แอบสอดส่องสายตาดูว่าพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนั้นจะลากคนเมาแสนดื้อดึงกลับบ้านได้อย่างไร
“กลับห้อง”
ท่อนแขนถูกดึงแล้วกระตุกเบา ๆ ทั้งน้ำเสียงเนือยของผู้พูด ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกเอือมระอาอย่างถึงที่สุด ตั้งโอ๋ซึ่งเมาหนักที่สุดเป็ครั้งแรกในรอบหลายปีส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ สะบัดแขนออกจากพันธนาการโดยไม่นึกเกรงกลัวเลยสักนิด
“เบียร์ไม่หมด ผมก็ไม่กลับหรอก”
“...”
พลันบทสนทนาหลังจากนั้นตกอยู่ในความเงียบทันที ชาวินหลุบสายตามองคนอายุน้อยกว่าที่กำลังมองกันอย่างเอาเื่เอาราวครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจวางขวดเบียร์ทั้งสองขวดลงบนโต๊ะเหมือนเดิม แล้วหย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน หยิบแก้วมาหนึ่งใบแล้วรินเบียร์ดื่มด้วยท่าทีสบายไม่รีบร้อน
เพราะตั้งโอ๋ไม่ได้ดื่มบ่อยนัก อีกทั้งการดื่มแต่ละครั้งก็ทำไปเพื่อประชดประชันตัวเอง ดังนั้น การพยายามที่จะกระเดือกรสชาติขมปร่าลงคอไปแต่ละทีช่างยากลำบาก ผิดกับชาวินที่สังสรรค์อยู่บ่อยครั้ง ผ่านไปไม่นานมาก เครื่องดื่มก็พร่องลงไปถึงเกือบครึ่ง
“อะ...”
ตั้งโอ๋ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ หาเสียงให้ตัวเองไม่เจอ เมื่อเบียร์ขวดสุดท้ายถูกแย่งไปรินใส่แก้วของตัวเองต่อหน้าต่อตาจนหยดสุดท้าย ชาวินยกแก้วสุราขึ้นดื่มอย่างเงียบเชียบ ในขณะที่คนเมาหน้ามุ่ย จ้องเขม็งใส่กันทั้งดวงตาแดงก่ำ คล้ายอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“หมดแล้วก็กลับบ้าน”
แก้วเปล่าถูกวางลงตรงหน้า ไม่เหลือเบียร์สักหยดให้เป็ข้ออ้างในการดื่มต่ออีกต่อไป ชาวินลุกขึ้นถือกระเป๋าเงินไปหาเ้าของร้านเพื่อจ่ายเงินให้เสร็จสรรพ ครั้นเมื่อเดินกลับมาอีกครั้งก็พบกับคนอายุน้อยกว่าที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ทั้งยังเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น ไหล่สั่นเสียจนจับสังเกตได้
“ฮึก...”
เสียงสะอื้นดังขึ้นเป็ระยะ แม้จะพยายามแอบร้องไห้ให้เงียบเชียบมากเพียงใดก็ยังถูกจับได้อยู่ดี คราวนี้ชาวินขมวดคิ้วอีกครั้ง จับอีกฝ่ายเงยหน้าให้เห็นคราบน้ำตาอาบข้างแก้มเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าร้องไห้ด้วยอาการช้ำใจ หรือกำลังเสียใจที่ถูกแย่งเบียร์ไปดื่มจนหมดกันแน่
“...”
ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองซ้ายมองขวาหากระดาษทิชชูทว่าไม่เจอ จึงตัดสินใจหยิบซากผักกาดที่วางไว้ข้างจานลาบ ซึ่งถูกเสิร์ฟไว้เพื่อแกล้มเบียร์มาเช็ดให้แทน เอ่ยพูดเสียงเนือยทั้งใบหน้าเรียบเฉย เอาผักกาดเขี่ยน้ำตาออกให้จนคนเมาหน้าโยกไปหมด
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว เห็นแล้วรำคาญลูกตา”
“ฮึก ใครเขาให้เอาผักกาดมาเช็ดน้ำตากัน!!”
...
ตั้งโอ๋กำลังพยายามใช้สติที่เหลืออยู่น้อยนิด ไล่ลำดับเหตุการณ์ถึงที่มาที่ไป ที่ทำให้ตนมาอยู่ในสภาพนี้
“เกาะดี ๆ ดิ อยากร่วงลงไปหรือไง”
ชาวินเอี้ยวหน้าหันมาพูดด้วย พลางกระชับต้นขาของคนที่ขี่หลังตนอยู่ให้ถนัดมากขึ้น...ตั้งโอ๋เมามากเสียจนแทบไม่มีแรงประคองตัวเองออกจากร้าน ครั้นจะจับแบกพาดบ่าให้หัวห้อยโตงเตงก็คงจะเวียนหัวอ้วกรดกันไปก่อน สุดท้ายจึงต้องอุ้มขึ้นหลังเดินเลียบตามทางกลับคอนโด ท่ามกลางสายตาของนักท่องราตรีที่เดินผ่านไปผ่านมา
ร่างขาวโอบวงแขนคล้องรอบลำคอของผู้เป็นาย แล้ววางคางเกยไหล่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง...กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่อีกฝ่ายใช้เป็ประจำโชยแตะปลายจมูก กลิ่นหอมเย็นสบายเสียจนเผลอซุกใบหน้าลงกับลาดไหล่กว้างเพื่อสูดมันอีกครั้งอย่างเผลอไผล ก่อนจะชะงักไปทันที เช่นเดียวกับเ้าของกลิ่นน้ำหอมที่หยุดเดินไปเช่นกัน
“อะ...”
ตั้งโอ๋อ้าปากพะงาบ ๆ คล้ายจะเริ่มสร่างขึ้นมาแค่นิดหน่อย จู่ ๆ ภาพเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาของคนอายุมากกว่า ก็ถูกซ้อนทับไปด้วยภาพของอีกฝ่ายที่หยิบซากผักกาดมาเช็ดน้ำตาให้ตนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน พลันเรียวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน เอ่ยพูดความในใจเสียงอ้อแอ้ด้วยความกล้าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
“ถ้าไม่ติดว่าเป็เ้านาย ผมจะด่าคุณให้ร้องไห้ไปเลย”
คราวนี้ชาวินเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ อย่างนึกแปลกใจกับประโยคอวดดีที่ไม่ค่อยจะได้ยินบ่อยนัก แค่นหัวเราะเสียงต่ำในลำคอแล้วเอ่ยถามต่อ
“เหรอ อยากด่าว่าอะไรล่ะ”
คนเมากลอกตาไปมา หาคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยคที่คิดว่าน่าจะเจ็บแสบพอตัวด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ ทั้งใบหน้าที่ยังคงเกยอยู่กับไหล่กว้าง
“คุณเชาส์ไอ้ชั่ว”
คราวนี้ผู้ฟังเพียงเบ้ปากโคลงศีรษะ ถามต่อโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
“อืม แล้วอะไรอีก”
“ไอ้คนนิสัยไม่ดี ไอ้จู๋ั์”
ชาวินแค่นหัวเราะหนึ่งคำในลำคอ เอี้ยวหน้าหันมองกันเล็กน้อย พลางเอ่ยยอกย้อนอย่างไม่ยี่หระ สีหน้าแม้จะเรียบนิ่งแต่ก็ดูกวนประสาทมากเสียจนผู้มองคิ้วกระตุก
“ตัวเองจู๋เล็กแล้วบูลลี่คนอื่นเขาไปทั่วเลยนะ”
ตั้งโอ๋ขมวดคิ้วมุ่นจนเป็ปมอยู่ตรงกลาง คล้ายกับถูกคำพูดยอกย้อนของอีกฝ่ายกระแทกหน้าเข้าอย่างจังจนเืร้อนไปหมด ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มากเกินปกติยิ่งผลักดันให้คนที่เอาแต่นิ่งเงียบอยู่เป็นิจนึกอยากจะก่อาขึ้นมาเสียให้ได้
ร่างเพรียวดิ้นสุดแรงเกิดกระทั่งอีกฝ่ายต้องปล่อยลงกะทันหัน จนหน้าแทบจะคะมำกับพื้น หากไม่ถูกหิ้วคอช่วยเอาไว้คงได้จูบกับพื้นไปแล้ว ตั้งโอ๋พยายามยืนประคองตัวอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นเมื่อเริ่มตั้งตัวได้ก็หันขวับมามองกันตาเขียว โถมตัวเข้าใส่กระทั่งคนทั้งสองเสียหลักล้มลงใส่พุ่มไม้ข้างทาง มือน้อย ๆ จับหมับเข้าที่กลางกายของคนใต้ร่างด้วยจุดประสงค์หมายมั่นชัดเจน
“งั้นก็หักจู๋ั์นี่ให้มันด้วน ๆ ไปเลย!!!”
“หักแล้วจะเอาแท่งอะไรให้เธอควบ! ปล่อย!!”
เกิดเหตุการณ์วินาศสันตะโรขึ้นหลังจากนั้น คนเมาที่สติแทบไม่เหลือพยายามปลดซิปกางเกงควักส่วนลับของร่างสูงออกมา ในขณะที่ชาวินรีบจับข้อมือกันเอาไว้เพื่อยื้อแรงไม่ให้ทำเื่อนาจารในที่สาธารณะ ยังโชคดีที่เวลานี้ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา บทสนทนาแปลกประหลาดจึงไม่หลุดออกไปให้ใครได้ยินจนระคายหู
“หักจู๋!!!---อึก...”
แหกปากะโได้ไม่เท่าไรก็ต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที เมื่อบรรดาอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าปากไปพร้อมใจกันมากระจุกอยู่ที่คอหอย ชาวินที่ตั้งสติได้ทันรีบจับใบหน้าของคนเมาให้หันไปอีกทาง เป็จังหวะเดียวกันที่ตั้งโอ๋ปล่อยอาเจียนออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่จนน้ำหูน้ำตาไหล
“แอวะ!!”
“จู๋มันหักไม่ได้”
น้ำเสียงทุ้มแหบเอ่ยพูดราบเรียบ กระนั้นก็ยังติดหอบอยู่น้อย ๆ เพราะเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์วุ่นวายมา เปลี่ยนท่ามานั่งยองแล้วยกมือขึ้นช่วยลูบแผ่นหลังเล็ก เห็นอีกฝ่ายพยายามเอี้ยวหน้ามาเถียงกัน แต่ก็แทบจะสำลักอาเจียนจนหาจังหวะเถียงไม่ได้ ดูจะสร่างเมาขึ้นมาบ้างเมื่อเริ่มปล่อยน้ำแอลกอฮอล์ทิ้งออกไป
“เล็กกว่าก็อย่าพาล แม่ให้จู๋พร้อมไข่มาก็ดีแค่ไหนแล้ว...รีบอ้วกให้เสร็จดิ อย่าพล่ามมาก”
ตั้งโอ๋ขมวดคิ้วน้อย ๆ พยายามพูดทว่าหาเสียงตัวเองไม่เจอ เอี้ยวหน้ามามองสบกับคนที่ยังคงลูบหลังให้ตนอยู่ ก่อนจะยิ่งคิ้วกระตุกเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นคุณเชาส์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองสบกัน พลางเอ่ยถามยอกย้อนเสียงยียวน
“มองอะไรคะหนู อยากโดนจู๋ฟาดหน้านักหรือไง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้