ตอนที่ 25
ปัณณวีร์ตามกนกมาที่รถตู้ของเธอซึ่งจอดอยู่ข้างๆ กับตึกของคอนโด ทั้งสองขึ้นมานั่งในรถที่มีเพียงแค่สองคน คนขับรถนั้นลงไปรอข้างนอก ปัณณวีร์เกร็งเล็กน้อยคิดในใจว่าจะถูกอุ้มฆ่ารึเปล่าและเสียงของกนกก็ทำให้ปัณณวีร์หลุดออกจากภวังค์
“รักศิลาจริงๆ ใช่ไหม”
ปัณณวีร์หันมองกนกอย่างงงๆ ก่อนจะตอบออกไป “ครับ”
“ที่ห่างกับเขาล่ะ เพราะฉันงั้นหรอ”
“ใช่ครับ ก็คุณอยากให้ผมห่างไม่ใช่หรอ ผมทำให้แล้ว คุณเห็นไหมล่ะครับว่าศิลาไม่สนใจใครเลยไม่ว่าจะชายหรือหญิง” กนกอยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ก็ร้องไห้ไม่ออกกับความคิดตื้นๆ ของตัวเอง มาถึงตอนนี้ถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดอะไรไร้สาระทั้งนั้น
“ศิลาไม่เหมือนเดิม ช่วยกลับไปหาเขาได้ไหม ช่วยกลับไปทำให้เขาเป็คนหน่อยไม่ใช่เหมือนหุ่นยนต์แบบนี้” ได้ยินคำว่าหุ่นยนต์ปัณณวีร์ก็สะอึกไปเล็กน้อยเหมือนกัน
“คุณคิดอยากให้เราแยกกันก็จับแยก พอจะให้เรากลับมาคบกันก็บอกให้กลับไปง่ายๆ แบบนี้เลยหรอครับ” ไม่ใช่จะไม่ทำตาม เพียงแต่ปัณณวีร์้าให้กนกได้รับรู้ความรู้สึกของเขาบ้าง
“คุณรู้บ้างไหมว่าผมรู้สึกยังไง ศิลารู้สึกยังไง ครั้งนี้คุณให้ผมกลับไปแล้ววันดีคืนดีคุณจะบังคับผมกับศิให้เลิกกันอีกหรือเปล่า”
“ไม่ ... ไม่แล้วล่ะ” กนกพูดเสียงเบา ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจ แต่รู้สึกผิดต่างหากที่เลือกจะเอาชนะ
ปัณณวีร์ได้แต่ลอบดีใจในใจ แสดงออกมากเกินไปไม่ได้ ดีใจที่ในท้ายที่สุดกนกก็ยอมถอยให้สักที เขาจะได้ไม่ต้องแกล้งทำเป็ไม่สนใจศิลาอีก
“คุณพูดจริงใช่ไหมครับ” เขาถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง กนกเม้มปากเบาๆ แล้วตอบกลับ
“พูดจริง ฉันทำให้ศิไม่มีความสุข พรากความสุขเดียวของเขาไปไม่ได้แล้ว ขอโทษนะที่เพิ่งจะคิดได้เอาตอนนี้น่ะ”
“ก็ยังดีกว่าคิดไม่ได้เลยไม่ใช่หรอครับ ผมกับศิเราคบกันมาสามปีแล้วหากว่าเราไม่ได้รักกันจริงจะทนอยู่ด้วยกันมาทำไม ผมไม่ใช่คนที่ทนอะไรอยู่แล้วและหากคุณกลัวคุณกังวลว่าที่ผมคบกับศิเพราะว่าเงิน ผมบอกไว้ตรงนี้เลยนะครับ ถึงบ้านผมจะไม่รวยแต่ก็ไม่ได้จนขนาดที่ต้องมาเกาะใครกิน ผมไม่รู้ว่าชีวิตคุณเจอคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์เข้ามาเยอะแค่ไหนคุณเลยกลัวว่าคนที่เข้าหาศิจะเห็นแก่เงินของครอบครัวคุณ แต่ผมไม่ใช่คนนั้นแน่นอนครับ”
กนกนึกขำตัวเองพอได้ยินปัณณวีร์พูดแบบนี้ เพราะตัวเธอเองก็เคยถูกพ่อกับแม่สอนให้ระวังตลอด ว่าคนที่เข้ามาหาจะเข้ามาเพราะเงินของเธอ จนมาเจออาธิปพ่อกับแม่เธอก็ยังกลัวว่าอาธิปจะมาหลอกลูกสาวเพราะครอบครัวของอาธิปไม่ได้รวยอะไรมากนักหากเทียบกับเธอแล้วพ่อแม่อยากให้แต่งงานกับลูกชายท่านผู้ว่ามากกว่า แต่เป็เธอเองที่ยังคงยืนยันและยืนหยัดว่าเขาเป็คนดีและจะแต่งกับคนรักเท่านั้น ทั้งๆ ที่เคยเจอเื่นี้มากับตัวแต่เธอก็ไม่ได้นึกถึงมันแล้วเอามาเปรียบเทียบกับเื่ของศิลาเลย เพียงแค่พวกเขาเป็ผู้ชายทั้งคู่เพราะอคติที่มาบังตาบังความคิด หากว่าเป็ผู้หญิงแม้จะจนกนกก็คงให้โอกาสอย่างที่เธอเคยได้รับโอกาสจากพ่อแม่ให้แต่งงานกับอาธิปได้
“นั่นสินะ มันจะสายเกินไปรึเปล่า...” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ “มีคีย์การ์ดเข้าห้องศิลาใช่ไหม”
“ครับ” ปัณณวีร์งงเล็กน้อยที่อยู่ๆ กนกก็ถามแบบนี้ แต่ก็เข้าใจเมื่อเธอให้เขาพาขึ้นมาและให้ปัณณวีร์ตามไปในห้องด้วย
ปัณณวีร์แตะคีย์การ์ดลง ในใจก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าศิลาจะเปลี่ยนคีย์การ์ดไปแล้วหรือยัง เหมือนที่ตัวเขาเปลี่ยนเพราะกลัวน้องจะมาหา แตะพอเปิดได้ปัณณวีร์ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ศิลาก็ยังคงรอเขาอยู่จริงๆ เป็ตัวเขาที่ใจร้ายทำให้น้องต้องเสียใจแบบนี้ เมื่อเปิดประตูเข้าไปเ้าของห้องก็ไม่ได้หันมามองแต่อย่างใดเพราะคนที่มีคีย์การ์ดเข้าห้องนี้ก็มีแค่ศรุตและปัณณวีร์ ศิลาคิดว่าศรุตจะมาหาตนเองอย่างเช่นทุกเย็นจึงไม่ได้ใส่ใจ นั่งวาดรูปของคนที่คิดถึงอยู่อย่างใช้สมาธิ
กนกมองแผ่นหลังลูกชายก็น้ำตารื้นขึ้นมา เพราะแม้แต่มีคนเข้ามาในห้องยังไม่คิดสนใจ ยิ่งเห็นว่าศิลาวาดภาพเหมือนของปัณณวีร์ก็ยิ่งสงสารลูกและโทษตัวเองในใจว่าเป็แม่ที่ไม่ดีเอาเสียเลย ไม่เคยใส่ใจไม่พอ ยังทำให้ต้องเสียใจอีก
“ศิลา...” กนกเอ่ยเสียงเบา ศิลาชะงักมือเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคนที่เข้ามานั้นเป็ใคร ก่อนจะทำเหมือนไม่ได้ยินแล้วลงมือค่อยๆ วาดรูปต่อ ปัณณวีร์เห็นแล้วใจหนึ่งก็นึกสงสารและเห็นใจกนกแต่อีกใจก็คิดว่าสมควรแล้วกับสิ่งที่เธอทำ ทั้งที่ศิลาอธิบายและบอกไปหมดว่าตัวเขาได้เลือกแล้ว
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วห้อง ได้ยินเพียงเสียงของดินสอที่ระบายกระดาษอยู่ ปัณณวีร์กำลังจะออกปากเรียกให้แต่กนกก็พูดขึ้นมาก่อนว่า
“แม่พาคนของลูกมาคืนให้”
ได้ยินเพียงเท่านั้นปัณณวีร์ก็อึ้งไปเหมือนกันไม่คิดว่ากนกจะพูดแบบนี้ นึกว่าจะให้เขามาเปิดประตูให้เพื่อเคลียร์ใจกับลูกชายเท่านั้น ศิลาได้ยินดังนั้นจึงรีบหันมามอง สายตามองเห็นปัณณวีร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังกนกก็รีบลุกแล้วรุดเข้าไปหาทันที
“พี่วีร์” ปัณณวีร์มองกนกเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาศิลาด้วย เดินผ่านกนกไปก็ถูกศิลาดึงเข้าไปกอดเอาไว้แน่น ครั้งนี้ปัณณวีร์ยกมือขึ้นมากอดตอบอีกฝ่ายได้อย่างไม่ต้องห้ามตัวเอง ศิลาใจชื้นขึ้นมาที่อีกฝ่ายกอดตอบ
กนกมองภาพตรงหน้า ความรู้สึกผิดก็ยิ่งเกาะกินใจ สีหน้า แววตาของศิลาดูเป็ประกายเมื่อเห็นปัณณวีร์และยิ่งดูดีใจที่อีกฝ่ายกอดกลับตนเอง เธอเชื่อแล้วว่าปัณณวีร์เป็เหมือนแสงสว่างของศิลาจริงๆ ปัณณวีร์ดันอีกฝ่ายออกเล็กน้อยเพราะรู้ว่าไม่ได้อยู่กันสองคน ยังมีกนกยืนอยู่ในห้องด้วย
ศิลามองไปยังคนเป็แม่ก่อนจะเอ่ยออกมา “ขอบคุณครับ”
จะบอกว่าั้แ่ที่เกิดเื่ศิลาแทบจะคุยกับเธอนับคำได้หากไม่จำเป็ต้องคุยหรือตอบจริงๆ ก็ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงของเธอ เป็สิ่งที่คนเป็แม่ทรมานไม่น้อยเลย
“แม่ ... ขอโทษนะลูกนะ”
ปัณณวีร์เห็นว่าเื่นี้ควรให้แม่ลูกได้คุยกันสองคนเขาจึงบอกว่าจะลงไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อหน้าซอยทางเข้าคอนโด เปิดโอกาสให้กนกและศิลาได้พูดคุยกันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะคุยกันได้มากน้อยแค่ไหน เพราะคนหนึ่งก็ไม่ค่อยพูด อีกคนก็กลัวไม่กล้าจะพูดกับลูกชาย
“ศิลา” กนกยื่นมือไปจับมือลูกชาย ทั้งสองนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาว เว้นระยะกันพอประมาณ ศิลาก็ไม่ได้ดึงมือออกแต่อย่างใด ให้แม่จับมือไว้อย่างนั้นเพียงแค่มองไม่ได้เอ่ยตอบรับ
“แม่ขอโทษ ที่บีบบังคับลูก ตอนนี้แม่รู้แล้ว รู้แล้วว่าศิรักเขามากแค่ไหนเป็แม่ที่ดื้อรั้นเอง”
ศิลาเงียบอยู่นานขยับปากพูด “คุณแม่ผิดหวังไหมครับ ที่ผมไม่ได้เป็ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงมีหลานให้แม่อุ้มไม่ได้”
“แม่...” กนกยังพูดได้ไม่เต็มปากนัก เขารู้สึกผิดหวังจริงเพราะเขาคาดหวังเอาไว้เยอะ คนเราเมื่อมีความหวังก็มักเจอกับความผิดหวังเป็ธรรมดา เื่นี้แม้เธอจะยอมถอยให้ไม่ได้แปลว่าความคิดของเธอจะเปลี่ยนไปได้เลยทั้งหมด เพียงแต่จะค่อยๆ ปรับตัวไปคิดว่าวันใดวันหนึ่งก็คงจะเปิดรับและยอมรับได้อย่างเต็มร้อย
“ไม่เป็ไรครับ ผมเข้าใจ” เมื่อเห็นคนเป็แม่ดูอ้ำอึ้งศิลาก็พอจะเข้าใจ “ขอโทษนะครับ แต่ผมเป็อย่างที่แม่้าไม่ได้ หากว่าแม่อายที่ผมเป็แบบนี้ก็ทำเป็ไม่สนใจผมก็พอ”
กนกรีบส่ายหน้าทันที ตัวเธอไม่เคยใส่ใจลูกชายจริงๆ จังๆ เลย มาวันนี้จะให้ละเลยเขาไปอีกเพียงแค่สิ่งที่ลูกเลือกไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่เป็ไปอย่างที่ตัวเอง้ายังไงงั้น หากทำแบบนั้นก็ไม่ต่างจากให้ศิลาตัดแม่ลูกกับตัวเองเพื่อไปอยู่กับปัณณวีร์หรอกหรอ ที่เขายอมถอยในวันนี้ก็เพื่ออยากได้ลูก อยากให้ศิลายังอยู่กับตัวเอง
“แม่ไม่อาย ศิลาเป็ตัวของตัวเองได้นะ แม่...” กนกบีบมือลูกชายแน่นให้เชื่อว่าเธอนั้นยอมให้แล้วจริงๆ “แม่ไม่ห้ามแล้ว แต่ศิลาอย่าหมางเมินแม่แบบนี้เลยนะ กลับบ้านไปนอนที่บ้าน ไปทานข้าวด้วยกันเหมือนเดิมได้ไหม แบ่งเวลามาให้แม่บ้าง” ประโยคหลังกนกพูดเสียงเบาลงราวกับไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากศิลามากนัก แต่เพราะอยู่ไม่ห่างกันมากและในห้องก็เงียบจึงทำให้ศิลาได้ยิน
“เมื่อก่อนผมแบ่งเวลาให้ครอบครัวเสมอนะครับ” เมื่อก่อนศิลาก็กลับไปนอนบ้านสลับกับการมานอนที่คอนโดอยู่บ่อยครั้งเพราะอยากใช้เวลา่เย็นกับครอบครัวบ้างเหมือนกัน ั้แ่กนกเริ่มต่อต้านเริ่มบังคับมากเข้าจึงได้มาอยู่ที่คอนโดบ่อยกว่าบ้าน และมาอยู่ที่นี่เลยั้แ่ที่ห่างกับปัณณวีร์และทะเลาะกับกนกรุนแรงครานั้น
“เป็แม่เองที่ไม่เคยจะสนใจ แม่ขอโทษศิลาจริงๆ นะลูก” เธอเอ่ยคำขอโทษออกมาอีกรอบเพราะไม่รู้จะทำยังไงนอกจากพูดคำคำนี้ น้ำตาของคนเป็แม่หยดลงที่แก้มแต่ศิลายังคงอยู่นิ่งไม่ได้เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เพียงแต่พูดเป็การปลอบใจเท่านั้น
“อย่าเสียใจอย่าโทษตัวเองอีกเลยครับ แค่ยอมถอยให้ผมและยอมเข้าใจผมแค่นี้ก็พอแล้ว ขอบคุณครับ”
“แม่เป็แม่ที่ไม่ดีเลย” กนกยกมือขึ้นลูบแก้มของศิลาที่ดูตอบลงมาเหมือนไม่ค่อยได้ทานอะไร เนื่องจากไม่ค่อยได้ทานอะไรจริงใน่ที่ผ่านมา
“ยังไงก็เป็แม่ของผมอยู่ดี” สุดท้ายแล้วคนเราจะตัดขาดความเป็แม่ลูกกันได้จริงๆ อย่างนั้นหรอ แม้จะโกรธแม่แค่ไหนแต่พอเห็นอีกคนสำนึกผิดและเอ่ยขอโทษซ้ำๆ แบบนี้ก็โกรธเกลียดไม่ลง แต่หากถามว่าหายโกรธไปเลยอย่างนั้นหรอก็คงไม่ใช่ ยังคงหลงเหลือความขุ่นมัวในใจอยู่ถึงการกระทำที่อีกฝ่ายได้ทำไว้
่เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงสำหรับปัณณวีร์รู้สึกว่ามันน้อยมากเมื่อให้กับสองแม่ลูกได้คุยกัน แต่กับกนกและศิลาที่คุยกันไม่เคยจะเกินสิบประโยคเลยในชีวิตประจำวันหากว่าไม่ใช่เื่งานหรือว่าทะเลาะกันนั้นเป็เวลาที่นานเกินไป กนกก็รู้สึกเกร็งไม่น้อยในการคุยกับลูกชายคนเล็กครั้งนี้เพราะรู้สึกว่าจากที่ห่างกันอยู่แล้วกลับห่างออกไปอีก
"ทำไมไม่ชวนแม่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนล่ะ" ปัณณวีร์ถามขึ้น เขาสั่งอาหารมาเพื่อให้สองแม่ลูกได้ทานข้าวร่วมกัน แต่กลับกลายเป็ว่ากนกขอตัวกลับก่อนซะอย่างนั้น แถมศิลาก็ไม่ได้ออกปากชวนด้วย
"ผมยังรู้สึกโกรธ มันไม่ได้หายไปในทันทีหรอกนะครับ เพราะผมรู้สึกไปแล้ว" พอได้ยินดังนี้ปัณณวีร์ก็รู้สึกเย็นๆ ที่สันหลังอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขาเองก็มีเื่ปิดบังและทำร้ายความรู้สึกของศิลาเหมือนกัน
"เป็อะไรครับ? ไม่สบายหรอทำไมหน้าซีดไป" ศิลาใช้มืออังหน้าผากดูเพื่อวัดอุณหภูมิแต่ก็ปกติดี คนถูกถามไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นแสดงอาการพิรุธมากเกินไป
"ปะ ... เปล่าๆ" ปัณณวีร์ยิ้มบางๆ คิดว่าเื่ที่เขาขอห่างนั้นเป็แผนเอาไว้บอกหลังทานข้าวเสร็จจะดีกว่า หากบอกตอนนี้กลัวว่าจะถูกโกรธจนไม่ได้ทานข้าวกันพอดี ถึงยังไงปัณณวีร์ก็ไม่อยากจะปิดบังเื่นี้กับศิลาต่อไป ในเมื่อทุกอย่างเป็ไปตาม้าแล้วก็อยากจะบอกความจริงแม้จะรู้ว่าต้องถูกโกรธก็ตาม
หลังทานอาหารเสร็จศิลาก็ไม่ยอมให้ปัณณวีร์ไปไหนเลย เมื่อก่อนว่าติดคนพี่แล้วเทียบกับตอนนี้คือติดมากกว่าเป็เท่าตัว ทำเอาปัณณวีร์ไม่กล้าบอกเื่ที่ค้างในใจให้รู้ แต่ถ้าไม่บอกตัวปัณณวีร์เองก็รู้สึกผิดอยู่อย่างนี้
"เดี๋ยวนี้ใส่ไว้ตลอดเลยหรอ" ปัณณวีร์จับมือของศิลาขึ้นมาเพื่อดูกำไลที่ข้อมือ กำไลที่ตัวเขาเองเป็คนสั่งทำให้เป็พิเศษเนื่องในวันเกิด ไม่คิดว่าศิลาจะใส่มันออกไปไหนมาไหน
"มันคือสิ่งเดียวที่เหมือนเป็ตัวแทนของพี่" ใบหน้าหล่อหันมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ปัณณวีร์สบสายตาก่อนจะขยับเข้ามากอดเอาไว้พร้อมเอ่ยว่า
"ขอโทษนะ"
ศิลายิ้มวาดวงแขนกอดคนพี่เข้ามาแนบชิดด้วยความคิดถึง นานแล้วที่ไม่ได้กลิ่นกายหอมๆ ไม่ได้นอนกอดยามที่ทำงานมาเหนื่อยๆ เป็การชาร์จพลัง แค่คิดว่าจะไม่ได้กอดร่างบางนี้ศิลาก็แทบไม่อยากจะปล่อยไป
"ไม่เป็ไรครับ" ยิ่งเห็นศิลาดูมีความสุขปัณณวีร์ก็ยิ่งไม่กล้าจะพูดอะไรตอนนี้ ได้แต่คิดกับตัวเองว่าเอาไว้หลังจากนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้กอบโกยความสุขจากกันก่อนดีกว่า
"พี่คิดถึงผมบ้างไหม ผมขอโทษนะที่วันนั้นโมโหใส่พี่แทนที่จะถามก่อนเป็ผมที่ผิด" ปัณณวีร์เท้าแขนกับเตียงดันตัวลุกขึ้นมองหน้าคนถามก่อนจะตอบ
"คิดถึงสิทำไมจะไม่คิดถึง แล้วก็ไม่ต้องโทษตัวเองแล้ว" เพราะเื่นี้หากจะหาคนผิดก็คงจะเป็เขาที่ผิดมากกว่า และถ้าไม่ใช่ศิลาโมโหมีหรอปัณณวีร์จะกล้าหาเื่มาทะเลาะจนใหญ่โตแบบนี้ สุดท้ายก็ได้แต่พูดในใจไม่กล้าบอกออกไป
ระหว่างที่ปัณณวีร์อยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ศิลาก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวก่อน ใช้มือข้างหนึ่งจับศีรษะปัณณวีร์กดลงมารับจูบ พอรู้ตัวก็ไม่ทันซะแล้ว ศิลาประกบจูบทันทีทันใด
"อื้ออ" รสจูบที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ความโหยหา ริมฝีปากหยักขบเม้มปากบนล่างอย่างชำนาญ ลิ้นร้อนแตะลงที่กลีบปากบางแล้วเลียเบาๆ ก่อนจะสอดเข้าไปในโพรงปากเพื่อแลกเปลี่ยนความหวานกัน ปัณณวีร์จากที่ตอนแรกงุนงงอยู่ ตอนนี้ก็เป็ฝ่ายตอบกลับบ้างแล้ว มือเล็กวางลงบนอกแกร่งลูบไล้เบาๆ เกี่ยวตวัดลิ้นหยอกล้อกับศิลาอยู่อย่างนั้น
ศิลาพลิกตัวคนพี่ให้นอนลงแล้วเป็ฝ่ายอยู่้าแทน ถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆ สายตาจ้องมองอย่างสื่อความหมาย ไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจกันดี ปัณณวีร์ยกแขนขึ้นคล้องคออีกฝ่ายไว้
"ทำไหม?"
เป็คำถามที่ศิลาฟังแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการคิดหรือตัดสินใจนานเลย เพราะต่อให้อีกฝ่ายไม่ถามเขาก็ไม่ปล่อยให้ปัณณวีร์ได้นอนหลับอย่างสบายๆ ในคืนนี้อย่างแน่นอน
"พี่เป็คนชวนเอง ถ้าไม่ได้นอนก็อย่าโทษผมแล้วกัน"
"จะรังแกกันขนาดนั้นเลยรึไง" ปัณณวีร์อมยิ้ม เห็นสายตาที่จดจ้องมาแสดงถึงความ้าภายในกายอย่างไม่ปกปิดก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาดื้อๆ ซะอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศิลาใช้สายตาแบบนี้จดจ้องแต่คงเป็เพราะห่างกันนาน
"เพราะพี่น่ารังแก" ศิลาก้มลงไปจูบปากบางเบาๆ แล้วผละออกมาพูดหยอกล้อให้ปัณณวีร์เขินเล่น
"ปากพี่ไม่ได้จูบนานแล้ว" ศิลายิ้มเล็กน้อยแล้วก้มลงไปจูบเบาๆ อีกครั้ง กัดริมฝีปากล่างของปัณณวีร์และดึงขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะปล่อยและประกบจูบอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดูจะเอาจริงไม่ได้เล่นๆ เหมือนก่อนหน้า
ทั้งสองแลกเปลี่ยนความหวานในโพรงปากอยู่เนิ่นนาน เสื้อผ้าก็ค่อยๆ ถูกถอดออกไปอย่างช้าๆ พร้อมกันเพื่อไม่ให้เสียเวลา ปัณณวีร์ครางอื้ออึงในลำคอเมื่ออีกฝ่ายถอยออกให้ริมฝีปากเขาเป็อิสระแต่ลากลงมาที่ลำคอขาวแทน ความรู้สึกยามถูกลิ้นชื้นเลียลงมาจนถึงยอดอกราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆ วิ่งผ่านไปทั่วร่าง อกบางแอ่นขึ้นรับัั
"อืมม" เสียงดูดเลียตุ่มไตเล็กสองข้างสลับกันดังขึ้นเบาๆ ในขณะที่ข้างหนึ่งถูกปากร้ายและดูดดึงอยู่ อีกข้างก็ถูกสองนิ้วเรียวบีบขยี้เบาๆ สร้างความกระสันจนคนถูกปรนเปรอหอบหายใจแรงและส่งเสียงครางหวานออกมาตลอด
"อ่ะส์~ พะ...พอแล้ว" ปัณณวีร์ถึงกับเอ่ยห้ามเพราะรู้ว่าตัวเองถูกแกล้งอยู่
"อยากได้มากกว่านี้แล้วหรอครับ" สายตาเรียวคมดุจเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อช้อนมองปัณณวีร์แต่ปากยังคงอยู่ไม่ห่างจากยอดอกอีกฝ่าย พอถามเสร็จก็ใช้ลิ้นร้อนเลียเบาๆ ทำเอาปัณณวีร์กระตุกเล็กน้อยเมื่อถูกสะกิด
"อ๊ะส์!" มือเล็กดันไหล่กว้างไว้แม้จะรู้ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยอะไรสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหวอยู่แล้ว "ให้พี่ทำให้บ้าง"
ดวงตาศิลาเป็ประกาย จับมือเรียวขึ้นมาจูบหลังมือก่อนจะลุกขึ้น เป็ฝ่ายขยับไปนั่งพิงหัวเตียง ให้ปัณณวีร์เคลื่อนที่มาอยู่ตรงกลางหว่างขา จัดการถอดกางเกงนอนออกแล้วทิ้งมันลงพื้นข้างเตียงอย่างไม่ไยดี มือเรียวค่อยๆ ััความเป็ชายของอีกฝ่ายเบาๆ กอบกุมมันเอาไว้ในมือแล้วขยับมือขึ้นลงช้าๆ ส่วนอ่อนไหวที่ถูกปลุกปั่นจนตื่นตัวถูกด้วยปากเล็กอีกที พร้อมกับมือที่ยังคงชักขึ้นลงให้อยู่
"อ่าห์..." ศิลาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ปัณณวีร์ไม่ได้เร่งรีบแต่เหมือนกำลังแกล้งศิลากลับที่ก่อนหน้าเคยทำกับตนเองเอาไว้
"พี่ขึ้นมา" ศิลาเอ่ยปากบอกเพราะความ้าตอนนี้มันสูงขึ้นจนอยากจะสอดใส่ในร่างบางแล้วแต่ก็กลัวว่าจะทำให้ปัณณวีร์เจ็บเนื่องจากไม่ได้มีอะไรกันนาน
ปัณณวีรขึ้นมานั่งคร่อมตักคนน้องพร้อมกับป้อนจูบหวานให้ ระหว่างนั้นศิลาก็อ้อมมือไปด้านหลัง ใช้นิ้วทำการเตรียมความพร้อมให้กับคนพี่ก่อนด้วยความค่อยเป็ค่อยไปไม่เร่งรีบ ไม่อยากจะทำด้วยอารมณ์กามเพียงอย่างเดียว เขาอยากให้บทรักทุกครั้งระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยความสุขและััที่ทำให้สุขกาย แม้บางครั้งบทรักจะรุนแรงไปบ้างตามอารมณ์
"ควบขี่มันสิ ผมให้พี่ก่อน" ศิลาบอกเสียงเบา จูบตามกรอบหน้าของคนบนตัก มือลูบคลึงอยู่ที่บั้นท้ายงอนงาม ปัณณวีร์ราวกับถูกมอมเมาด้วยความ้าภายใน ร่างบางค่อยๆ จัดการเอาตัวตนของศิลาเข้ามาในตัว ค่อยๆ นั่งลงมาช้าๆ แต่ถูกศิลาแกล้งกดสะโพกลงในทีเดียวจนสุดความยาวเล่นเอาจุกล้วนๆ
"อึก! อ้าาส์~"
"แน่น" ศิลากอดร่างบางเอาไว้ให้ช่องทางด้านหลังได้ปรับตัวกับความใหญ่โตที่รุกรานเข้าไป
"จุก" ปัณณวีร์หยิกหน้าอกอีกฝ่ายไม่แรงนักที่กล้าทำเขาขนาดนี้
"เดี๋ยวจะจุกกว่านี้" ศิลากระซิบข้างใบหูแล้วจูบลงตามลำคอลงมา มือหนาบีบเคล้นก้นกลมเล่นสนุกมือ เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มผ่อนคลายลงแล้วจึงได้จับสะโพกกลมขยับขึ้นลง
ปัณณวีร์ที่ถูกมอมเมาด้วยจูบเหมือนได้สัญญาณ จึงเริ่มขยับขึ้นลงเองช้าๆ มือจับที่ไหล่กว้างเอาไว้ส่งแรงลงไปที่สะโพกเริ่มขย่มเป็จังหวะเร็วขึ้นเมื่อความเสียวเข้ามาแทนที่ความจุกเสียดในครั้งแรก
ศิลามองใบหน้าหวานที่ดวงตารื้นไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากบางแดงอ้าปากครวญครางออกมาเรื่อยๆ ศิลาสวนสะโพกขึ้นหยอกล้ออีกคนด้วยความสนุกเมื่อเห็นปัณณวีร์แสดงสีหน้าลามกออกมา กัดปากตัวเองดูแล้วช่างเหมือนกำลังยั่วยวนคนน้องโดยไม่รู้ตัว
"ซี๊ดด ศิ" ปัณณวีร์ครางเรียกชื่อเ้าของัใหญ่ที่กำลังขย่มอยู่ มือเล็กข้างหนึ่งจับแก่นกายตัวเองขยับขึ้นลงไปด้วย
"แค่นี้พี่จะเสร็จแล้วหรอ" มือใหญ่ลูบทั่วแผ่นหลังลงมาที่ซาลาเปาสองลูกที่เด้งขึ้นลงเบาๆ ยามโดนกระแทก
"อื้ออ อ ... อ่าาห์~" ศิลาช่วยส่งมือมาเล่นกับแก่นกายของฝ่าย ลูบวนที่ส่วนหัวเบาๆ สร้างความเสียวให้ไม่น้อย ปัณณวีร์ซบหน้าลงกับไหล่ของคนน้องแต่สะโพกกลมยังคงบดเบียดเข้ากับส่วนกลางลำตัวอีกฝ่ายอยู่
"ซี๊ดด! รัดแรงๆ สครับเราจะได้เสร็จพร้อมกัน" เสียงกระซิบลามกข้างหูพร้อมความชื้นที่ถูกโลมเลียใบหูทำให้ปัณณวีร์ขนลุก เร่งจังหวะขย่มขึ้นลงเร็วขึ้น มือก็ปรนเปรอตัวเองไวขึ้น
เสียงครางกระเส่าดังอย่างไม่คิดเกรงใจใครเพราะไม่มีใครจะมาได้ยินอยู่แล้ว ปัณณวีร์ปล่อยมือให้ศิลาช่วยตนเองแทน สองมือเรียวสอดเข้ากับกลุ่มผมของศิลา ขยุ้มเอาไว้ระบายความเสียว ไม่นานนักปัณณวีร์ก็ถึง์ก่อนจนเลอะหน้าท้องเกร็ง พอร่างบางหยุดการกระทำเพราะรู้สึกเหนื่อยก็ถูกศิลาจับเอวเอาไว้แล้วเป็ฝ่ายกระแทกสวนขึ้นไปเอง
"อื้มม อีกนิดครับ" ใบห้าหล่อเหลาปรากฏเม็ดเหงื่อขึ้นตามกรอบหน้า เลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองแล้วเร่งจังหวะเพื่อส่งตนเองถึง์ด้วยแรงรัดตัวจากช่องทางคับแน่นด้วยทำให้ในที่สุดศิลาก็ปลดปล่อยออกมา
ทั้งคู่หอบหายใจกันเล็กน้อย เป็ปัณณวีร์ที่รู้สึกใขึ้นมาแล้วรีบถามออกไป "ศิไม่ได้ใส่ถุงหรอ"
"จริงด้วย ผมลืม" ศิลาตอบหน้าตาเฉยๆ ไม่ใช่ว่าแก้ตัวอะไรเพียงแต่เขาลืมจริงๆ แต่ก็ชอบตอนที่แสดงความรักกันแบบนี้ไม่น้อย
"ขอบคุณ! อะ จะทำอะไรน่ะ" ปัณณวีร์พูดประชดออกไปก่อนจะถูกจับพลิกให้อยู่ในท่าคลานเป็ท่วงท่าที่น่าอาย
"รอบนี้เดี๋ยวผมใส่ถุงยางครับ" ศิลาถอดตัวตนออกมาจากช่องทางรักของปัณณวีร์แล้วก้มลงไปจูบแผ่นหลังเนียนของตีตราเอาไว้เพราะใต้ร่มผ้าไม่มีใครเห็น
"ดะ ... เดี๋ยวสิ ขอพักก่อน"
"นอนเฉยๆ ก็พอครับ" ศิลาบอกเสียงแหบพร่า ความไม่ได้ปลดปล่อยมานานทำให้ศิลาเอามาลงกับคนพี่ ณ ตอนนี้
ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษปัณณวีร์แล้วที่ทำให้ตัวเองต้องห่างกับศิลา จะเรียกว่ามันคือบทลงโทษก็ว่าได้เพราะกว่าจะได้นอนก็ถูกศิลาจับพลิกอยู่หลายครั้ง หลับได้แป๊บเดียวก็ถูกปลุกขึ้นมาอีก หากบทลงโทษเป็แบบนี้คงจะเป็บทลงโทษที่สูบพลังปัณณวีร์ไม่น้อยเลย…
TBC.